คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
สมาธิมี 2 แบบ
สมาธิมี 2 แบบ
เอ้อ..สมาธินี่มันมี 2 แบบ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนไว้ 2 แบบ คือ แบบทรงอารมณ์ กับ แบบคิด
บางครั้งถ้าจิตมันต้องการทรงอารมณ์ต้องการสงัดก็ต้องภาวนา ท่านจะสบาย
บางครั้งมันซ่าน ต้องการคิด เราก็คิดอยู่ในขอบเขต
ไอ้คิดในขอบเขตมันคิดว่า ร่างกายนี่มันก็เป็นทุกข์ทุกอย่าง เกิด แก่ เจ็บตาย พลัดพรากจากของรักของชอบใจ การทำมาหากินก็เป็นทุกข์ทั้งหมด ความเป็นมนุษย์นี่มันเป็นทุกข์ ถ้าเป็นเทวดาหรือพรหมมันก็สุขชั่วคราว ไม่ช้าก็จุติอีก สู้เราไปนิพพานไม่ได้
ก็คิดกันแบบนี้ง่ายๆ แบบนี้ที่ว่าการปฏิบัติจริงๆ เขาไม่ใช้ยาว เขาสั้นๆแบบแม่ครัวที่ทำกับข้าว ถ้าไปดูตำราชั่งโน่นชั่งนี่ยังไม่ได้กินกันเลย ใช่ไหม สู้เอามือหยิบๆใส่ไม่ได้ อร่อยกว่าใช่ไหม ก็แบบเดียวกัน
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 290 เดือนพฤษภาคม 2548 หน้า 18-19) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
การที่เราจะหลุดพ้นจากกองทุกข์นั้นต้องมีปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ยอมรับความเป็นจริงของร่างกาย
เรื่องของทิพจักขุญาณนั้นเป็นแค่ของแถมในการปฏิบัติเท่านั้น และแถมมาแล้วก็มักจะจัดการไม่ถูก สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
ที่กระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ของแถมในการปฏิบัติ" ก็เพราะว่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ตาม ถ้าวิสัยเดิมมาทางด้านวิชชาสาม อภิญญาหก หรือปฏิสัมภิทาญาณสี่ ถ้าจิตสงบลงได้ระดับเมื่อไร ทิพจักขุญาณจะเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องไปดิ้นไปรน ดังที่เคยเปรียบเทียบไว้ว่า ซื้อรถเมื่อไรก็ได้ล้อมาด้วย ไม่มีใครที่ซื้อรถแล้วต้องตะเกียกตะกายไปหาล้อเพิ่มขึ้น แต่ด้วยความที่ท่านทั้งหลายนั้น ต้องบอกว่าสติปัญญาน้อย จึงจัดการกับทิพจักขุญาณไม่ค่อยจะถูก
แม้กระทั่งลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เท่าที่กระผม/อาตมภาพสัมผัสมาด้วยตัวเอง ก็นำเอาทิพจักขุญาณไปใช้ผิดเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมั่นใจว่าลูกศิษย์ของท่านฉลาดพอ ท่านถึงได้สอนมโนมยิทธิให้ แต่ปรากฏว่าที่ฉลาดพอนั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ก็ออกทะเล กู่ไม่กลับ เพราะเมื่อเกิดทิพจักขุญาณขึ้นแล้ว ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ต่าง ๆ จะตามมาด้วย
ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ก็เคยพลาดอยู่ถึง ๓ ปี กลายเป็น "ขี้ข้าชาวบ้าน" แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นฆราวาส... -
"การภาวนาพุทโธ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ)
"การภาวนาพุทโธ"
" .. การภาวนา "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" นี้ "ไม่ใช่หมายความเพียงภาวนาด้วยถ้อยคำ" การภาวนาเพียงถ้อยคำก็จะเป็นเหมือนอย่างนกแก้วนกขุนทองหัดพูดภาษาคน ซึ่งไม่รู้ความหมายของคำที่พูด หัดแค่เสียงเท่านั้น "แต่แม้เช่นนั้นก็ยังอาจได้ประโยชน์ในการรวมจิฅเข้ามา"
ภาวนาใน "พุทโธ ธัมโม สังโฆ" ต้องปฏิบัติใน "ศีล สมาธิ ปัญญา" ความระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ โดยพระคุณ โดยบุคคลาธิษฐานก็ดื โดย ธรรมาธิษฐานก็ดี ย่อมเป็นอุปกรณ์ก่อให้เกิดศรัทธา ปสาทะ ให้เกิดสมาธิส่งเสริมให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ คือปฏิบัติอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา อันเป็นข้อปฏิบัติที่รวมอยู่ในองค์ "พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ" โดยฅรง
เพราะฉะนั้น "ภาวนาพุทโธ ธัมโม สังโฆ" จึงไม่หมายถึงการภาวนาด้วยถอยคำ แด่หมายถึงการปฏิบัฅิทำศีล สมาธิ ปัญญา ให้บังเกิดขึ้น เพื่อให้ลุนิพพานโดยลำดับ .. "
"แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๒๒"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรฯ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
วิธีการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เกิดผลทันที
เกร็ดเคล็ดลับสอนคนที่ภาวนาพระคาถาเงินล้านเเล้วไม่เกิดผล ลองฟังตามนี้เเล้วทำดูภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เกิดผลทันที
ภาวนาพระคาถาเงินล้านเเล้วได้มรรคผล ทำน้อยเเต่ได้มาก สมบัติพ่อให้ พระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
พระอาจารย์เอกลักษณ์ ปัญญาคโม
#วัดพุทธพรหมยาน
#พระคาถาเงินล้าน
#คณะศิษย์ลูกนอกวัง
วิธีการภาวนาพระคาถาเงินล้านให้เกิดผลทันที
ฟังที่ลิ้งค์นี้
https://www.facebook.com/share/r/27ky4YYSC1wcbwxv/?mibextid=xCPwDs -
"ทำให้เกิดผลานิสงส์มาก" (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)
"ทำให้เกิดผลานิสงส์มาก"
" .. "การให้ทานและการรักษาศีลภาวนานั้น" ถ้าจะให้เกิดผลานิสงส์มาก "จะต้องละจากความเห็นที่ผิดให้เป็นถูกเสียก่อน" เช่น "การนับถือภูตผีปีศาจ ตลอดจนเทวดาและนางไม้เป็นสรณะ เป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้เหตุผล" .. "
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
รักษาใจให้อยู่กับพระนิพพาน คือ การฝึกตัดกิเลสโดยอัตโนมัติ
อย่าลืมว่ามโนมยิทธิสำหรับพวกเราก็คือโลกียอภิญญา ถ้าเรารวบรวมความมั่นใจได้เมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น ก็จะได้ตอนนั้น ก็จะได้เดี๋ยวนั้น แต่ในขณะเดียวกันถ้าศีลบกพร่องเมื่อไรก็จะเสื่อม ก็จะคลายตัวไป เรามั่นใจใหม่เมื่อไรก็ได้อีกเมื่อนั้น
เรื่องของอภิญญาโลกีย์ก็เป็นอย่างนี้ ถามว่าในเมื่อเป็นอภิญญาโลกีย์ ทำไมถึงไปนิพพานได้ เพราะว่าตอนช่วงนั้นครูฝึกจะสอนให้เราตัดกิเลสให้วางกำลังใจเราเทียบเคียงพระโสดาบัน พระโสดาบันแปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน เราก็เลยไปนิพพานได้ แต่ของเราไปได้แค่ชั่วคราวถึงเวลาเขาไล่กลับ เขาไม่ให้อยู่หรอก
เพราะฉะนั้น..ทำเอาไว้เถอะ เพราะถ้าหากว่าเราทำมโนมยิทธิได้แล้วให้เกาะพระนิพพานโดยตรง ให้เกาะพระพุทธเจ้าบนนิพพานโดยตรง อันนั้นเป็นวิธีตัดกิเลสโดยอัตโนมัติที่สุด รู้สึกว่าจะโกรธใครวิ่งเข้าไปกราบพระบนนิพพาน รู้สึกว่าราคะเกิดก็วิ่งไปกราบพระบนนิพพาน ถ้าหากว่าราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ขึ้นอยู่กับตัวของเรานี้ไม่มีจิตไปปรุงแต่ง กิเลสเจริญงอกงามไม่ได้ ก็จะเฉาตายไปในเวลาอันรวดเร็วไม่เกินนาที สองนาที ถ้าเราทำอย่างนี้บ่อย ๆ จะเป็นการตัดกิเลสอัตโนมัติ ถ้าเคยชินจะเป็นพระอรหันต์ไปเลย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
"ไฟกิเลสตัณหา ไหม้ข้ามภพข้ามชาติ" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
"ไฟกิเลสตัณหา ไหม้ข้ามภพข้ามชาติ"
" .. หลวงปู่เทศน์สอนเรื่องการดับไฟในใจว่า "กิเลส คือไฟราคะ โทสะ โมหะนี้แหละ มันเป็นของร้อน" ร้อนยิ่งกว่าไฟธรรมดา "ไฟธรรมดาอย่างไหม้ที่สุด ก็ให้ชีวิตผู้นั้นแตกดับไป" ก็หยุดแค่นั้น
แต่ว่า "ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ ไฟอวิชชา ตัณหา มานะทิฏฐิ" ไฟอันนี้ไม่หยุดแค่นี้ "จะต้องไหม้จากภพนี้ ชาตินี้เดี๋ยวนี้ เป็นต้นไป จนต่อเนื่องไปภพใหม่ ชาติใหม่ก็ตามไปไหม้" .. "
"ธรรมประวัติ"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
การทรงให้เป็นฌานได้ง่ายๆ เขาทำกันแบบนี้ / พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
นี่การที่ทรงให้เป็นฌานได้ง่ายๆ
เขาทำกันแบบนี้ นี่เขาทำกันแบบนี้ นี่ตามแนวที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้พยายามกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ต้องฝืนใจกันนิดๆ
จับลมให้ครบสามฐาน เวลาหายใจเข้าลมกระทบจมูก กระทบหน้าอก กระทบศูนย์เหนือสะดือนิดหน่อย ที่ท้องน่ะ
กระทบข้างในไม่ใช่ข้างนอก เวลาหายใจออกลมกระทบท้อง กระทบหน้าอก กระทบจมูกหรือว่าริมฝีปาก ถ้าคนริมฝีปากงุ้มก็กระทบจมูกไม่ชนริมฝีปากเพราะริมฝีปากหลบลม ถ้าริมฝีปากเชิดขึ้นมา ลมกระทบริมฝีปาก เวลาหายใจ ปล่อยหายใจตามแบบสบายๆอย่าไปบังคับให้สั้นหรือยาว ให้แรงให้เบา ไม่เอาอย่างนั้น"....
คือทั้งนี้ก็ต้องการเป็นการควบคุมสติสัมปชัญญะเท่านั้น
ไม่ใช่ไปเร่งรัดอะไรกับลม ความจริงเราเร่งรัดใจให้เป็นตัวรู้ คือรับรู้เข้าไว้
ขณะใดที่ยังรู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจออก ขณะนั้นชื่อว่ามีสมาธิ
ทีนี้วิธีพูดแบบนี้มันไม่ยากอีตอนยากมันมีอยู่ตอนหนึ่ง
แล้วอารมณ์ใจของเรามันมีสภาพกวัดแกว่งเป็นปกติเพราะมันคบกับนิวรณ์ คืออุธัจจกุกกุจจะมานาน ได้แก่ตัวฟุ้งซ่านรำคาญ
นี่เราทำอย่างไรจะปราบนิวรณ์
ตัวนี้ได้ไอ้ตัวฟุ้งซ่านนี่ก็ได้แก่ไอ้ตัววิตกจริต หรือโมหจริตนั่นเอง
วิตกแปลว่านึก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
ปุจฉา / ลักษณะอาการแบบใด ที่เรียกว่า " กิเลสปรุงจิต " และ แบบใดที่เรียกว่า "จิตปรุงกิเลส "
ลักษณะอาการแบบใด ที่เรียกว่า " กิเลสปรุงจิต " และ แบบใดที่เรียกว่า "จิตปรุงกิเลส " -
"กายกับใจนี้ เป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธศาสนา" (พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร)
"กายกับใจนี้ เป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธศาสนา"
" .. อนาคตก็ดีต้องดูเดี๋ยวนี้ "ถ้าปัจจุบันนี้ดีแล้ว อนาคตมันก็ดีไม่ต้องสงสัย ให้พากันหายสงสัย" ถ้าในปัจจุบันนี้ไม่ดี อนาคตมันก็ไม่ดี นี่ใครต้องการสิ่งไม่ดีล่ะ ไม่มีใครสักคน เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่างคนต่างทำสงบ มีความเยือกความเย็น ความสุข ความสบาย เบิกบาน จึงได้นามว่า "พุทโธ" พระพุทธเจ้า นั่นแหละ จึงดี
นี่แหละ "ใจเราเป็นหลักฐาน ใจเป็นประธาน มันสำเร็จกับดวงใจ" สิ่งไร ๆ ทั้งหมด นี่แหละ "นำมาเตือนใจโดยย่นย่อนี้พอเป็นข้อปฏิบัติ ประดับสติปัญญาบารมีของท่านทั้งหลาย" เมื่อท่านทั้งหลายได้สดับแล้ว ในโอวาทธรรมะคำสั่งสอนโดยย่นย่อนี้พอเป็นข้อปฏิบัติแล้ว นำไปพินิจพิจารณา
ให้ทะลุหัวข้อใจความในพระพุทธศาสนา "คือกายกับใจนี้ เป็นที่ตั้งแห่งพระพุทธศาสนา เป็นที่ตั้งแห่งคุณพระพุทธเจ้า เป็นที่ตั้งแห่งพระธรรม เป็นที่ตั้งแห่งพระสงฆ์ เป็นที่ตั้งแห่งมรรคและผล" เมื่อได้ยินได้ฟังดังนี้ "โยนิโสมนสิการ พากันกำหนดจดจำไว้แล้ว นำไปประพฤติปฏิบัติ" ฝึกหัดตนของตนเป็นไปในธรรมคำสั่งสอน .. "
"จิตตภาวนา พุทโธ" (พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร)
ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
ย้ายพระประธาน
ย้ายพระประธาน
"ถ้าหากว่าจะย้ายพระประธานไปบูชาเป็นพระประธานวัดอื่นจะได้ไหมคะ ?"
เรื่องของบูชา สำหรับที่วัดนี้ถือว่าเขาถวายมาเพื่อบูชา ตั้งอยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าพระย้ายไปที่อื่นนอกเขต ถือว่าย้ายเจดีย์ ทางวินัยท่านปรับอาบัติ
และถ้าของนั้นเขาถวายสงฆ์ เขามีเจตนาเฉพาะจุดนั้น ถ้าเราเอาไปถือว่าขโมยของสงฆ์
อันดับแรกเขาลงบัญชีอเวจีไว้ก่อน ของสงฆ์นี่แม้แต่เศษกระเบื้องถ้านำไปก็ลงบัญชีอเวจีเลย
(จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 472 เดือนกรกฏาคม 2563 หน้า 77) -
การอุทิศส่วนกุศลจำเป็นต้องเจาะจงชื่อไหม
การอุทิศส่วนกุศลจำเป็นต้องเจาะจงชื่อไหม
ผู้ถาม : การอุทิศส่วนกุศลแก่บุคคลต่างๆที่ตายไปแล้วจำเป็นไหมว่าจะต้องออกชื่อ รู้สึกว่ามีมากเหลือเกิน ?
หลวงพ่อ : ดีไม่ดีว่า 3 ปีไม่จบ ถ้านึกได้ก็ออกชื่อเขาก็ได้ ถ้าออกชื่อน่ะดีอยู่อย่าง ถ้ากรรมหนาอยู่นิดถ้าออกชื่อเจาะจงเขาได้เลยนะ ถ้านึกไม่ออกก็ว่ารวม ๆ ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดี เอาอย่างนี้ดีกว่า ถ้าขืนไปไล่ชื่อน่ากลัวจะไม่จบ
ผู้ถาม : เดี๋ยวคนที่ไม่ออกชื่อเกิดโมโหขึ้นมาน่ะสิ
หลวงพ่อ : นั่นน่ะสิ แหม...กูยืนอยู่ตั้งนานคนนั้นให้ได้ทีกูไม่ให้ เลยล่อเสียขาหัก เดินลงบันไดผลักตูมลงไปนะสิ
มันมีอยู่คราวหนึ่งนานแล้วไปเทศน์กัน 3 องค์ บังเอิญ 3 องค์ที่ไปก็มีอารมณ์จิตคล้ายคลึงกัน เวลาเพลเขาก็ถวายอาหาร ก็มีพระอื่นด้วยรวมแล้ว 5 องค์
ทีนี้ตาทายกเขานำอุทิศส่วนกุศลในวันนั้น แกก็ออกชื่อคนตายแล้วก็บรรดาญาติทั้งหลายที่ตายไปแล้ว บอกเท่านั้นแหละ พวกผีก็เข้ามาเป็นหมื่นล้อมรอบศาลาอยู่ ไอ้คนที่เป็นญาติรับโมทนาแล้วผิวพรรณก็ดีขึ้น ไอ้พวกที่ไม่ใช่ญาติก็เดินร้องไห้กลับ เราก็นึกในใจว่า ไอ้เรามันเลือนไปหรือเปล่าหว่า ?"
พอกลับออกมาจากฉันแล้วก็กลับมาที่พักก่อนบ่ายโมง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
ยึดคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งให้มั่นคงเอาไว้
ขอให้ทุกคนยึดคุณพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งให้มั่นคงเอาไว้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อมอบให้แก่เรามา โดยเฉพาะพระคาถาเงินล้าน ขอให้ทุกคนท่องบ่นภาวนาไว้เป็นประจำ ๆ จะสร้างความคล่องตัวให้แก่เราอย่างคิดไม่ถึง ใครจะว่างมงาย ใครจะว่าเหลวไหล อาตมายืนยันว่าไม่งมงาย ไม่เหลวไหลเพราะอาตมาใช้มาเอง มีใครบ้างที่สามารถสร้างวัด ๆ หนึ่งเสร็จได้ภายในปีเดียว โดยที่ ๒ มือเปล่า ๆ มีแต่คาถาบทเดียว จะไม่ให้ยืนยันอย่างนี้ก็ไม่ได้
แล้วขณะเดียวกัน ไปช่วยเขาที่อื่น ไปช่วยเขาที่ไหนก็ตาม ขึ้นชื่อว่าการสะดุดหยุดยั้งผิดจังหวะไม่มีมีแต่ความสะดวกคล่องตัวอยู่เสมอ
ดังนั้น ขอย้ำว่าถ้าเราใช้คาถาเป็น ส่วนใหญ่ทำไมใช้ไม่เป็นใช้ไม่ถูกกัน การใช้คาถาเป็นก็คือต้องวางกำลังใจให้เป็น การวางกำลังใจให้เป็นก็คือ ให้ตั้งใจว่า คาถานี้คือสมบัติวิเศษที่พ่อให้มา หน้าที่เราคือรักษาไว้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะพึงดีได้ด้วยการเป็นคนที่ขยันท่องบ่นเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา อย่างสม่ำเสมอและจริงจังทุกวัน เรื่องของความสม่ำเสมอจริงจังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนใหญ่มันทำ ๆ ทิ้ง ๆ กัน ในเมื่อเราตั้งใจทำถวายบูชาต่อท่านอย่างสม่ำเสมอและจริงจัง ผลพิเศษต่าง... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ -
พระสารีบุตรประกาศความเลื่อมใสของตนในพระพุทธเจ้า | สัมปสาทนียสูตร
พระสารีบุตรประกาศความเลื่อมใสของตนในพระพุทธเจ้า | สัมปสาทนียสูตร
******************************
ที่มา https://www.youtube.com/@Uttayarndham
หน้า 16 ของ 415