69.สายลมหนาวที่เกาหลี

ในพระราชวังแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมอันงดงามที่น่าเข้าชมคือ “พระที่นั่งคึนจองวอน” “ศาลาเคียงฮวยรู”ซึ่งตั้งอยู่กลางสระน้ำ

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

พระที่นั่งหลายๆ องค์เปิดให้คนขึ้นไปดูได้เฉพาะรอบๆ ทางเดินเฉลียงบนพระที่นั่ง จะเปิดพระทวาร(บานประตู) แล้วขึงเชือกกั้นให้ชะโงกดู จะก็ต้องเดินขึ้นบันไดหินสูงๆ ขึ้นไปแล้วก็ยืนมุงดูตรงเฉลียง...

สร้อยฟ้าฯ ก็เดินขึ้นไปดูเหมือนกัน แต่ตรงเฉลียงทางเดินเข้าประตูมีคนเกาหลียืนมุงดูกันเต็ม ก็ยืนต่อท้ายเขาบนขั้นบันไดสุดท้าย เกิดเหตุการณ์เหมือนเดิมแทบตกบันไดคอหักตาย คนเกาหลีคนนึงดูเสร็จหันหลังควับไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้นว่ามีใครยืนอยู่บ้าง เดินชนชนิดที่ว่าอย่างมาขวางทาง แถมใช้ท่อนแขนและไหล่กระแทก(มือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ)ให้พ้นๆ ทางที่เขาจะเดินอีกนะ ทำไมทรามอย่างนี้ ดีที่ไม่หงายหลังตกลงมา แล้วคนเกาหลีคนนี้ก็เดินลงมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...หงุดหงิดมาก...

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

เดินต่อกันเพลินๆ จนได้เวลาอาหารกลางวันก็รวมพลขึ้นรถไปร้านอาหาร

พระราชวังคย็องบก (Gyeongbokgung Palace)







​

 

มื้อนี้เป็นเมนู Ginseng Chicken Soup ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี(삼계탕)

เป็นอาหารสุขภาพเสิร์ฟด้วยหม้อดินมีน้ำซุปเดือดๆ ระวังร้อนปากพอง เขาจะคัดเลือกไก่ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปอายุประมาณ ๔๕ วัน เอาเครื่องในออกแล้วใช้เครื่องยาจีน อย่างเช่น เกาลัด เก๋ากี้ พุทราจีน รากโสม ข้าวเหนียวใส่เข้าไปแทน แล้วก็ตุ๋นจนเนื้อไก่ล่อน เพิ่มรสชาติด้วยเกลือ พริกไทยป่น และเสิร์ฟพร้อม โซจู ถ้วยเล็กๆ.... ขอผ่านโซจู ทานแต่ไก่ตุ๋นอย่างเดียว....

​

 

โซจู






​

 

ไก่ตุ๋นโสมเกาหลี






​

 

​

 

ทานอาหารกลางวันเสร็จขึ้นรถไปต่อ ไกด์พาแวะ Ginseng Center เป็นศูนย์สมุนไพร โดยเฉพาะโสม ที่นี่ห้ามถ่ายรูปจึงไม่มีภาพให้ดู เขาบอกว่าโสมที่ดีที่สุดอายุต้องอยู่ที่ ๕ ปี ถึงจะเก็บมาใช้ได้ ถ้าอายุมากกว่านั้น พวกสารอาหารแร่ธาตุต่างๆ ที่อยู่ในโสมจะถูกคลายออก ส่วนที่บอกว่าโสมพันปีนี่ไม่มีนะ...

จากศูนย์สมุนไพร ไกด์ก็พาแวะช้อปอีกเป็นศูนย์รวมเครื่องสำอางเกาหลี Midam Cosmatic ซื้อได้คนละเล็กละน้อยเพราะค่ำคืนนี้ก็จะเดินที่ตลาดเมียงดงกันต่อ....

​

 

แล้วคณะของเราก็ไปต่อกันที่ Seoul Tower

จุดชมวิวกรุงโซล รถโค้ชของเราและรถทุกคันขึ้นไม่ถึงโซลทาวเวอร์ รถต้องจอดอยู่บนเนินด้านล่างแล้วให้เราเดินขึ้นไปด้านบน ทางเดินลาดชัน บางคนเดินขึ้นไม่ไหวต้องดันหลังกันขึ้นไปก็มี

​

 

Seoul Tower



​

 

มองกลับไปด้านหลังที่เพิ่งเดินขึ้นมา

Seoul Tower



​

 

หอคอยนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโซล หอคอยมีความสูงเกือบ ๒๔๐ เมตร ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า “นัมซันทาวเวอร์” Numsan Tower เพราะหอคอยตั้งอยู่บนภูเขานัมซานซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเป็นจุดชมวิวของกรุงโซล โดยเฉพาะในช่วงเวลาค่ำคืนนั้น จะเห็นสภาพบ้านเมืองของกรุงโซล ด้านล่างเต็มไปด้วยแสงสีต่างๆ (ไม่ได้มากลางคืน อดเห็น)...


ที่หอคอยแห่งนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังซีรีย์หลายๆ ทางขึ้น Seoul tower มี ๒ ทาง จะเดินขึ้น หรือขึ้นกระเช้าไปก็ได้ ถ้าขึ้นกระเช้าก็เสียเงินนิดหน่อย ได้ดูวิวจากมุมสูงไปตลอดทาง...

Seoul Tower



​

 

ที่นี่มีจุดไฮไลท์เด่นอีกอย่างคือ Love Key Ceremony กุญแจคู่รัก การที่มีคู่รักเดินขึ้นไปแล้วเอากุญแจที่มีชื่อตัวเองกับคนรักเขียนแล้วนำไปล็อคไว้ จากนั้นก็จะโยนลูกกุญแจทิ้ง เป็นเคล็ดว่ารักเราทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีใครมาพลัดพรากจากกัน...

Love Key Ceremony
Seoul Tower



​

 

Love Key Ceremony
Seoul Tower



​

 

ด้านล่างของ Seoul Tower จะมี Teddy Bear Museum อยู่ด้วย รูปแบบก็จะเป็นประวัติและรูปแบบการใช้ชีวิตของชาวเกาหลีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...(ไม่ได้ลงไปดู)

​

 

บนลานโซลทาวเวอร์มีการแสดงการใช้อาวุธโบราณของเกาหลี...

Seoul Tower



​

 

ยืนดูการแสดงอยู่ครู่นึงก็เดินลงข้างล่างไปคอยรถ เดินมากเริ่มปวดขา ช่วงไหนว่างๆ ก็เอารูปที่ถ่ายในกล้องมาโชว์กัน เพื่อนๆ ในกลุ่มก็เห็นว่ารูปที่สร้อยฟ้าฯ ถ่าย ทำยังไงหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังชัด ก็เลยสาธิตให้ดู ต่างคนก็ต่างลองไปส่องดูบ้าง ผลออกมาทำได้ดีใจกันใหญ่...

Seoul Tower



​