เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

เติม อาราย ฮับ ตั้ง 500

500 นี่ โทร ทั้งวัน ทั้งเดือน
มี ธุระกิจ ต้องโทร ตลอด

บักโงบะ ตกงาน ทำแต่เกษตร
ค่าแพคเกจ ต่ำสุด 150 โทร
ได้ 200 นาที ทั้งปี โงบะ ก้ใช้
ไม่หมด

เพิ่มอีก 140 จะได้ ความเร็วเน็ท
2 mb(bit)/s 5GB(bytes) นาน
1เดือน


งบ 970 ( 500 + 350 + 120 )
นี่ เอา 300(150+140) หาร
ได้ 3 เดือน

 

เราเคยสมัครแพคเกตไหนเราก็สมัครอันเดินนั้นแหละ...ปรกติจะเติมเดือน350(แต่ก่อน320)

 

แล้ว ทำไม ต้องเติม....

300 กว่าบาท ความเร็ว mb หมด
ยังเล่นเนทได้ 300 kb/s ใช้เว็บ
บอด สบายๆ

เว้น จะดู คลิป อ้อย จะ เสียรม
แตกก่อน โหลดโฆษนาจบ

 

55555+...เราไม่รบกวนท่านหรอก เราอยากเติมเดี๋ยวเราหาเอง จนก็จนอย่างมีความสุข ท่านเติมให้ท่านลามปามศิษย์คลอง10ดีกว่า ดูท่านสองคนแท็คทีมกันมานานแล้ว...เรามาเดี่ยวไปเดี่ยว ครั้งแรกเมื่อปลายปีที่แล้วเรามาเพราะครูบาอาจารย์คุมให้เข้ามาหรอกถ้าไม่ถูกครูบาอาจารย์คุมเราคงไม่เข้ามาตั้งแต่แรก555555

 

ใครอยากเป็นผู้วิเศษก็ปล่อยเขาเป็นไปสิ มาดูจิตดูใจตนนี้ดีกว่ามันถูกกระทบแล้วเป็นอย่างไร...คุยกับพวกท่านเราก็คุยเล่นเท่านั้นละ...แต่ในบทสนทนาก็มีประโยชน์อยู่

ส่วนเราโทสะยังมี กามราคะยังมีแค่หินทับหญ้า...เรายังไม่ทำให้สิ้น5555555

 

แถวบ้านท่านท่านเห็นไอ้มด
แดงอเมซอนมั๊ย55555

 

ป๋ม เติมเงินปาย 120
ดัน ไม่มีกลุ่มให้ ฝอย

หาอะไรตัดแปะ ไปจิฮับ

ยิ่งเพ้อ ยิ่ง .........

 

อ่านทุกข้อความ แต่อาจจะเข้ามาอ่านช้าไปบ้างค่ะ

คงไม่ง่ายดายนักที่จะมีมนุษย์สักคนหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการ "ระลึกชาติ" ที่เป็นภพภูมิอดีตของตนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ให้ปรากฎกายขึ้นบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

คงไม่ง่ายดายนักที่มนุษย์สักคนหนึ่ง ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการ "หยั่งรู้" เรื่องราวต่าง ๆ อย่างละเอียดที่เป็นประสบการณ์ของจิตวิญญาณตนเอง ในภพภูมิอดีตได้อย่างถูกต้องถ่องแท้ ให้ปรากฎกายขึ้นมาบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้

สำหรับเรื่องราว "ภูมิหลัง" ในมิติแห่งจิตวิญญาณอันเป็นเบื้องหลังของมนุษย์แต่ละคน การระลึกชาติได้ ด้วยจักษุทิพย์ หรือ การ"หยั่งรู้" ด้วยดวงจิตเป็นทิพย์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าถึงความจริงที่แท้จริงดังกล่าวนี้ได้

 

ตัดแปะหรอ...รอสักครู่55555

 

รอ จิกยิ้ม โพสก่อง...


แล้ว ค่อย ฟลัด


..ทิ้ง ตัว...

 

จิตตภาวนา...ทางนี้สามารถทำให้ญาณเกิดได้..

 

ขันธ์ ก็เช่น เวทนาขันธ์
คนจะตายต้องมีทุกข์มาก ทุกข์มากก็มากอยู่ในขันธ์ ไม่ได้ลำบากอยู่ในจิตท่านผู้บริสุทธิ์ เพราะพระอรหันต์ท่านไม่มีเวทนา เอาเวทนาที่ไหนมาเป็นทุกข์ เรื่องเวทนาอยู่ในขันธ์ ซึ่งเป็นสมมุติต่างหากส่วนวิสุทธิจิต นอกสมมุติไปแล้ว เวทนาซึ่งเป็นสมมุติจะเข้าไปถึงได้อย่างไร นี่แหละหลักยืนยัน ยืนยันอยู่ที่จิต ไม่ได้ยืนยันอยู่ที่อื่นใด ขอให้จิตเป็นวิมุตติ ก็รู้เองทุกรายไป เพียงปุถุชน จะเอาความมืดบอดด้นเดา ไปให้คะแนนพระอรหันต์ท่าน ก็ทำนองคนตาบอดจูงคนตาดี ใครจะยอมเชื่อ และยอมให้จูงล่ะ เพียงมองดูคนตาบอด ก็ปลงอนิจจังไม่ลงอยู่แล้ว จะให้พระอรหันต์มาเชื่อปุถุชนคนตาบอด มันใช่วิสัยหรือ เอ้า แต่ก่อนจิตเป็นอย่างไร เวลาเวทนาเกิดขึ้นภายในร่างกาย จิตใจกระวนกระวายระส่ำระสายไหม ไม่ต้องบอก นอกจากกายเวทนาแล้ว ยังกลายเป็นจิตเวทนาขึ้นมาอีก เป็นทุกขเวทนาภายในจิตอีกทีหนึ่ง จากสาเหตุร่างกายเป็นทุกข์ เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายเป็นทุกข์ ใจก็เป็นทุกข์กระวนกระวายไปด้วย เวลาแยกกันเต็มสัดเต็มส่วน ไม่คละเคล้ากันแล้ว ทั้งๆ ที่รู้ด้วยกัน ย่อมทราบได้ชัดว่า นั่นคือทุกขเวทนาภายในร่างกายเกิดขึ้นอย่างนั้นๆ แต่ทุกขเวทนาในจิตไม่มี มีได้อย่างไร เพราะไม่ใช่ฐานะที่จะรับเวทนาไว้ในจิตที่บริสุทธิ์นั้นได้
นี่เป็นหลักธรรมชาติเอาให้รู้ซิ นักปฏิบัติเรา ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม พูดคุยแบบหาเหาเกาหมัดอยู่ทำไม ไม่กลัวสุนัขขี้เรื้อนหัวเราะละหรือ ที่เราเกาหมัดแข่งมันน่ะ

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

 

จัดไปตามคำเรียกร้อง555555

 

7 วัน โงบะ ทำได้แค่ flush


จิ ยิ้ม อั้นตู้ นับไป ฮับ 7 วัน

 

หน้าตาท่านจัดว่าน่ารักเลยนะ...รวมทั้งเพื่อนในกลุ่มของท่านด้วย...เวลาพวกท่านอยู่ด้วยกันก็ดูสนุกร่าเริงดีนะ...

ขอให้ท่านและเพื่อนๆกลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆ

จ๊วด จ๊วดดดด...

 

มนุษย์จะสามารถสืบสานเบื้องหลังความเป็นมาของตนได้ ด้วยการมองผ่านมายาทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับตนในมิติโลกนั่นเอง

"มายา" ในที่นี้หมายถึง สิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "ชะตากรรม" อันประกอบด้วย 2 สิ่ง คือ โชคเคราะห์ และบาปเคราะห์
ที่มนุษย์เรียกกันง่าย ๆ ว่าโชคดี กับโชคร้ายนั่นเอง

การมีภพชาติใหม่และภพภูมิใหม่ใด ๆ ของดวงจิตวิญญาณทั้งหลายนั้น ล้วนขับเคลื่อนไปด้วย "พลังอำนาจกรรม" ของแต่ละคนทั้งสิ้น

"พลังอำนาจกรรม" หมายถึง อำนาจอันเกิดจากการแสดงออกและการกระทำใด ๆ ของมนุษย์คนหนึ่งในภพชาติที่ผ่านมา มาาการเกิดในภพชาติใหม่ "เพื่อรับเอาผลกรรม" ที่ตนได้ก่อหรือได้กระทำเอาไว้ในภพชาติที่ผ่านมาเสมอ

การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกและการแสดงออก การกระทำ การรูสึกนึกคิด การตัดสินใจใด ๆ ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น และต่อดาวเคราะห์โลก ในภพชาติปัจจุบัน ล้วนเรียกว่า "กรรม" ที่จะก่อให้เกิด "ผลกรรม" ทั้งในมิติโลกและในมิติพลังงานด้านแก่นแท้ขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น

หนึ่งในผลกรรมที่เกิดขึ้นที่ว่านี้ก็คือ

บทละครชีวิตที่ตนเองต้องแสดงหรือชะตาชีวิตที่ตนต้องเผชิญ มนุษย์จะต้องถือเอาติดตัวไปสู่การเกิดใหม่ในภพชาติใหม่ โดยอาจเป็นภพภูมิเดียวกันหรือภพภูมิใหม่ต่อไป เพื่อแสดงความรับผิดชอบ "ผลกรรม" ที่เป็นบทละครทั้งหลายซึ้งได้ก่อขึ้นหรือกระทำขึ้นในภพชาตินี้นี่เอง

สิ่งใด เรื่องใดที่มนุษย์ได้ก่อกระทำขึ้นใภพชาตินี้ มันคือการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึก การนึก การคิด การตัดสินใจ

การกระทำใด ๆ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายในชีวิตประจำวันของตนนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือ เรื่องใหญ่ ๆ มันคืการเขียนบทละครชีวิตให้ตนเป็นชะตากรรมที่ตนค้องเผชิญหรือต้องแสดงในภพชาติหน้าทั้งสิ้น

ถ้าใครนะคะ ตั้งแต่เกิดมาทำความเข้าใจในเหตุการณ์ชีวิตของตนเองทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องเผชิญในสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วสงสัยว่าทำไม เราต้องเจอเหตุการณ์ และสถานการณ์ที่เป็นเรื่องราวแบบเดิม ๆ หรือ เรื่องที่ซ้ำรอยเดิม แม้จะเปลี่ยนแปลงสถานที่ หรือ ตัวบุคคล หรือ แตกต่างกันที่เวลา ใครที่สามารถกำหนดเข้าไปรู้และย้อนหลังอดีต สาวหามาปัจจุบันได้ ขอให้รู้ไว้เถิดว่า....

ที่ผ่านมาคือ การสอบตกซ้ำชั้น....

ผลการสอบตกซ้ำชั้นก็คือ การต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่เพื่อเผชิญชะตากรรมเก่า ๆ ในบทบาทการเป็นมนุษย์นั้นอีกครั้ง

แต่ของจิตยิ้ม คือ การต้องเจอบททดสอบชะตากรรมในภพภูมิเดิมเดียวกัน (คือ ในชาตินี้นั่นเองค่ะ) ไม่ต้องรอเกิดภพชาติใหม่ เป็นความโชคดีที่ได้เห็น....

แต่บางคนไม่ทราบที่มาที่ไปในเรื่องนี้ เกิดภพชาติใหม่หลงลืม......

ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าหากจะถามถึงอดีตชาติของมนุษย์ของแต่ละคนว่าเป็นเช่นไรแล้ว สามารถมองผ่านชะตากรรมหรือชะตาชีวิตที่แต่ละคนเผชิญอยู่ได้เป็นอย่างดีว่า แต่ละคนมีเบื้องหลังความเป็นมาในอดีตภพชาติเช่นไร จริงอยู่แม้ว่ามันจะให้ภาพจริงเป็นแค่ "เงา" ราง ๆ แต่มันก็คือความจริงที่จริงแท้ของแต่ละคนอยู่นั่นเองค่ะ

 

สิ่งที่ประสบอยู่เกิดจากผลกรรมในอดีตและปัจจุบัน...สิ่งที่กระทำอยู่ในปัจจุบันมีผลในอนาคต

ทำความดีในปัจจุบันเพื่อผลในอนาคต

ดูปัจจุบันเห็นอดีต...ดูปัจจุบันเห็นอนาคต

คำสอนตถาคตพระองค์ได้ฝากไว้...

"โอวาทปาติโมกข์"

 

เดี๋ยวมาต่อกันนะคะ

แล้วทำอย่างไร...จึงจะตัดสินใจแก้ไขตนเองใหม่ให้ถูกต้อง จะได้ไม่สอบตกซ้ำชั้น เพื่อไม่ให้เกิดมาหรือประสบกับตาชีวิตหรือชะตากรรมที่เราไม่ต้องการ เพื่อให้คิดใหม่ ตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้องในครั้งต่อไป เพื่อที่วิบากกรรมจะได้แตกสลายไป ไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ หรือชะตากรรมเดิม ๆ

จิตยิ้มได้คำตอบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาค่ะ ..คือ

1.ไม่ขับเคลื่อนความคิดใด ๆ ด้วยกิเลสตัณหา
2.ไม่คิดถามหาแต่ตัวตน
3.ไม่ตีกรอบการคิด หรือ การกระทำของตนเองไว้

นั่นคือเมื่อเราคิดใหม่ และตัดสินในใหมที่ถูกต้องได้....

ทุกการตัดสินใจจะไม่ใช้อารมณ์ บนความอยาก ไม่อยาก ชอบ ไม่ชอบ แต่จะเป็นไปตามเหตุผลค่ะ

ใช่ค่ะ ใคร ๆ ก็มีเหตุผลกันทั้งนั้น แต่ละคนก็มีเหตุผลของตนเอง แต่การตัดสินใจที่ประกอบด้วยพลังอำนาจแห่งความรัก...ก็คือ พฤติกรรมด้านบวก เพื่อสร้างเงื่อนไขด้านบวกให้แก่ผู้อื่น....เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดค่ะ เพราะอะไรหรือคะ เพราะว่า....เราสามารถผ่านความชอบใจ ไม่ชอบใจ ที่สร้างความยึดถือให้แก่ใจเราต้องทุกข์ใจไปด้วย เมื่อเราตัดสินใจใหม่ สิ่งที่เรายึดติดในไว้ในใจ ก็ได้รับการปล่อยวางลงไปด้วย เรารู้สึกว่าใจเรามีอิสระ ไม่ทุกข์บีบคั้นเหมือนเดิม เพราะเราตัดสินใจด้วยปัญญา และเรายังมีคำตอบใหม่ให้เราได้มีแนวทางไว้ใช้ปฏิบัติได้อีกด้วยค่ะ นี้เป็นสิ่งที่จิตยิ้มได้นะคะ เหมือนกับสิ่งที่เราได้แบกไว้มันหายไป มันได้ปลดปล่อยเป็นอิสระจากความรู้สึกนี้ไปเลยค่ะ

นี้เป็นความจริงในชีวิตที่เราต้องเผชิญกับชะตากรรมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ผ่านบทเรียนมามากมายเท่าใด ก็สอบไม่ผ่านเสียที ยังคงคิดและตัดสินใจแบบเดิม ก็ต้องหนีไม่พ้นเรื่องเดิม ๆ ค่ะ

เมื่อเราไม่อยากต้องประสบพบกับชะตากรรมที่เราไม่ต้องการ เราต้องใช้กำลังใจที่จะต้องแก้ไขปัญหาในชีวิตให้มันผ่านพ้นไปให้ได้ค่ะ ไม่อย่างนั้น เราต้องกลับมาอยู่ในบทเรียนที่เราไม่ต้องการที่จะมีชะตาชีวิตอย่างนั้นตลอดไป จนกว่าเราจะสอบผ่านมันไปให้ได้ ไม่ว่าจะชาติใดก็ตาม

นอกจากการที่เราจะเจอชะตาชีวิตและบทเรียนเดิมซ้ำ ๆ เหมือนการสอบตกซ้ำชั้นเรียนแล้วนะคะ แต่ละบทยังให้เราได้เรียนรู้ชะตากรรมอีกว่า

"ไม่อยากให้คนอื่นทำเช่นใดกับเรา เราก็อย่าทำเช่นนั้นกับเขา" ประโยคนี้ใช้ได้อย่างดีเลยค่ะ

สิ่งศักด์สิทธิ์ได้กล่าวไว้ว่า....

การยอมรับความจริงในชะตาชีวิตของตนเอง กรณีที่ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ตนไม่พึงประสงค์โดยเฉพาะ

การยอมรับก็คือ การไม่คิดปฏิเสธ เลี่ยงหนี เบื่อหน่าย ท้อแท้ น้อยเนื้อต่ำใจ หรือการโกรธแค้นขุ่นคืองใด ๆ อันเกิดจากการเปรียบเทียบความจริงที่ย่ำแย่ของตน กับความจริงที่ดีกว่าในชะตาชีวิตของมนุษย์คนอื่น ๆ เพราะได้สำนึกรู้อย่างถ่องแท้ว่าตนนั่นเองเป็นผู้ขีดเขียนชะตาชีวิตอันไม่พึงประสงค์นั้น ๆ ไว้ในอดีตชาติ เพื่อนำมาแสดงในภพชาตินี้มิใช่พระพรหม หรือใครอื่นเลย

 

เรื่องนี้ก็สำคัญเหมือนกันค่ะ

เวลาเราเจอเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ใด ๆ ที่เราไม่ต้องต้องการ บางคนรู้แล้วก็ปล่อยวาง บางคนเจอแล้วกลับมาย้ำคิดย้ำทำ กลับมาสร้างเหตุผลให้กับอารมณ์ใจของตนเอง ตอกย้ำบ่อย ๆ ครุนคิดในสิ่งที่ไม่ต้องการ ปล่อยวางมันไม่ได้ ยิ่งให้เหตุผลต่อความไม่ชอบใจในอารมณ์มากเท่าใด ยิ่งจำฝังใจ และยากแก่การแก้ไข เมื่อตราลงไปเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ยิ่งมีอานุภาพที่มีผลต่อชีวิตเรามากเท่านั้นค่ะ

ยิ่งเราปล่อยวางต่อทุกสถานการณ์ได้อย่างเข้าใจมากเท่าใด ใจที่ไม่ยึดมั่นก็ไม่บีบคั้นให้ทุกข์ในปัจจุบัน ที่จะทำให้ส่งผลมีในอนาคตค่ะ