ลักษณะ ความรู้ขั้นโลกุตระ..ที่ควรสังเกตุ

การตอบคำถามว่า
พระอรหันต์ที่ยังไม่ตาย
มีหู มีตา มีจมูก มีลิ้น
มันยากขนาดนั้นเลยหรือคับ
ตอบตามความจริงมันก็ยุติแล้วคับ

 

กั๊กๆๆๆๆ

 

อย่างนี้ท่านหลังการเห็นธรรม จิตมันมองโลกได้สองมุม มุมที่ให้ค่ากับสิ่งต่างๆที่กระทบตามปกติ กับมุมที่มองเห็น รับรู้ว่าสิ่งต่างๆเป็นแค่ธรรมชาติหนึ่ง... ผมเลยใช้การปฎิบัติด้วยวิธีนี้ มันง่ายสำหรับจิต ณ ตอนนี้ไม่ต้องพยายามมาก แค่เหมือนการสวิต์โหมด เหตุคงเป็นเพราะการได้เห็นความจริงในขณะเห็นธรรมฝังอยู่ในจิต... เพราะหากเป็นก่อนหน้านี้คิดว่าถ้าจะกระจายผัสสะคงต้องใช้คิดนำช่วยก่อน... ปกติผมทำงานต้องเจอกับคนเยอะ ผัสสะกระทบเยอะ...การปฏิบัติแบบนี้ผมเลือกใช้เพราะมันหลบจากความทุกข์ที่ต้องเจอในการกระทบผัสสะระหว่างวันได้เยอะ เพราะไม่เกิด เวทนาขึ้นหลังผัสสะกระทบ ภพในจิตก็ไม่เกิด... ผมว่าเป็นการตัดอุปทาน โดยไม่ไปแอบไปก่ออุปทานละเอียดในชั้นอื่น แบบไม่ก่อตัวตนในการเข้าไปรู้ แบบนั้นต้องตามไปแก้ตัวรู้ ว่าไม่มีตัวตน อีกชั้นหนึ่ง แบบที่คนส่วนมากตอนนี้ทำกัน... แต่การกระจายผัสสะที่ผมทำอยู่นี้ ตัดตัวตน ตัดเชื้อเกิดลงทุกขณะจิตด้วยท่าน

 

ถ้ายกมาแบบนี้งั้นท่านเล่าปังก็เข้าใจผิดแล้วท่าน

พุทธองค์ทรงตรัสไว้อยู่แล้ว บุคคลใด รู้ , เห็นเหตุ , เห็นความดับ , รู้ปฎิปทาในการดับของอายตนะ ผู้นั้นคือ ผู้มีสัมมาทิฐิ

ไม่คิดว่าท่านเล่าปัง จะพลาดตรงนี้
ที่พุทธองค์ตรัสไม่ใช่ "ผู้ที่ดับอายตนะสนิท" คือ ผู้มีสัมมาทิฐิ .... แต่เป็นผู้ที่เห็นกระบวนการเห็นเหตุ เห็นการเกิดและดับในอายตนะ ต่างหาก คือผู้มีสัมมาทิฐิท่าน

 

อาวร้าว.........ไม่น่าเอามา แปะ เล้ย!!!



Soda จางลาย ลายออกทันทีเลยหละ

น้องๆ หนูๆ หากต้องการทราบแนวรับ แนวต้าน


" ฟาง8กำ ฮับ นั่งทับไว้อย่าเคลื่อน ง่ายๆ ไม่ต้อง เยอะ "

 

เราเลือกได้มัยวันนี้อยากเป็นพระอริยะกะเป็น
วันนร้เบื่อเลิกเป็นละแบบนี้ได้มัย
(ขอเปิดสวิตซ์อริยะแปบ55)

 

ท่านเล่าปัง บัญญัติว่า "อายตนะดับ" เป็นการไม่ต้องฟังหนทางจากใคร แบบนั้นยังอนุโลมได้มากกว่าท่าน

 

สับสวิตซ์แปบนะท่านดีเจ

 

ถาม จี เป่า

หรือ ถามเพื่อหลอกให้ กะระรู ไปเช็ดคลี่

ถ้า ถามจริง พระศาสดาตรัสว่า อย่าไปมัวเสียเวลาสงสัย

ให้ทำตาม ฉันทะ ที่ พาประชุมมาเป็น กลุ่มความคิด(สักกายทิฏฐิ)

แล้วกำหนดรู้ ฉันทะ แทน จนกว่า สัญญาจะระลึกได้ว่า อย่างนี้ๆ
คือ สภาวะชื่อฉันทะ มีกิจอย่างนี้ มีเหตุอย่างนี้ แล้วก็ ดับสนิท

สมมตินะ สมมติ

สมมติ การ้องเกิดที่กาฬสินธ์ นึกอยากเอา ผ้าเช็ด
ตัวมาห่มแทนหนังมหา ก็ ห่มไปเลย

นาหญ้าขึ้นรกมากกว่า คนนอกศาสนา 1,000 100,000เท่าด้วยยยยย

แต่อย่าไปเสียเวลา พินานั่น นี่

ดู ฉันทะ เป็น สภาวะธรรม เผลอเพลิน ส่งออก ไปซื่อๆ

 

อะหรืออะหรือว่าเพราะแบบนี้ถึงพ฿ดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา

 

ความจริงผมว่าท่านเล่าปังรู้ธรรมดี แต่ที่ชี้ถูกเป็นผิด เพียงแค่อยากจะบอกว่าผมเป็น โสดาปลอม โสดาจางลาย เลยยอมขย่มธรรม กลับถูกเป็นผิด กลับผิดเป็นถูกแบบนี้ไหมท่าน

 

ผมยังไม่รู้เลยทุกวันนร้ผมสงสัยอะไร

 

ม่ายฉ่าย จิฮับ

สุญญตา เป็น ผัสสะ
อนิมิต เป็น ผัสสะ
ไม่ต่องแต่ง เป็น ผัสสะ

พวก จับศัพท์ไปกระเดียด ผัสสะดับ ก็เอาเชียว

เฮีย !!! ส่งมาเกิด อ้างไปเรื่อย ไม่ได้ฟังจากใคร

 

ทุกวันนี้มีคนอยากสอนผมเยอะมาก
ผมต้องสอบก่อนมีคุณธรรมขั้นไหน
เคยมีอุปการคุณป่าว
ไว้คุณหน้าตาดีคุณจะเข้าใจเองละ

 

ทำใจ ฮับ

ใช่ว่า เกิดมาเป็น มานุ พบพุ ศาสนา แล้วจะ บรรลุ

หากเป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ ก็ตีความไปทาง อย่างนี้ก็ดีและ ร่ำไป

หาก กล้าหาญพอ .....

" ธรรมย่อมทนต่อการพิสูจน์ " ( เป็น สำนวนโบราณ อะน่ะ )

แต่ อหิสกะกุมาร ได้ยิน ปั๊ป ............ <------

 

สฬายตนะ เรียกว่า บ่อเกิด บ่อเกิด ของผัสสะ

มันก็ หมายถึง อายตนะภายในทั้งหก

ในวงจรปฏิจสมุปบาท เป็นธรรม
ที่บอกถึง วงเวียนของสังสารวัฏ

หากเอาภาษามาใช้แบบสีทะนนชัย
มันจะเป็น นักปริยัติแบบงูพิษ

 

อันตรายมากเลือกคลองไม่ดีพาไปลงทะเลหมด
แทนที่จะใช้ประโยชน์ในไร่นา

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้

พระราชรีกล่าวบ่อย

มะนุด เป็น สัตวตลก ...." พูดอย่าง ทำอย่าง "

ไม่มีใครมารู้นิสัยกะระรูได้ การ้องพูดทุกวัน

แต่ ทุกโพส หากการ้องไปเปิดอ่านดู

แทบทุกโพส การ้อง บอกคนนั้นคนนี้ว่า
ตนเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ตลอดดดดด

 

ที่ผมให้นี้ผมเช๊คมาแล้วคิดว่าปมแปะคลิปมั่วไรึว้ายอกอิฉาน

 

แต่ด้วยความเนียนเลยเมียนมัั่วๆเอา55