ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สเปน
    น้ำท่วมที่เลวร้ายที่เมือง Tafalla ซึ่งกำลังทุกข์ทรมานกับกระแสน้ำไหลจากฝนที่ตกหนักทุกที่ พัดพารถยนต์ไป
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อินเดีย
    เนื่องจากฝนตกหนักและน้ำท่วมทำให้กำแพงเกิดการพังทลายลงในมุมไบ ในวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    อินเดีย
    มุมไบยังคงถูกโจมตีอีกครั้ง จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและน้ำท่วมในวันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคมนี้
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา
    ยังมีการรายงานน้ำท่วมใน Frederick, Maryland เนื่องจากฝนตกหนักในเช้าวันนี้ 8 กรกฎาคม
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24
    สหรัฐอเมริกา
    มีความเสียหายจากน้ำท่วมครั้งรุนแรงซึ่งทำให้เกิดพังทลายของถนน อันเป็นผลมาจากฝนตกหนักในอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ในวันที่ 8 กรกฎาคม
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา
    เช้านี้มีฝนตกชุกทำให้เกิดน้ำท่วมในอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ในวันที่ 8 กรกฎาคม

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Clima Extremo 24

    สหรัฐอเมริกา
    เนื่องจากฝนตกหนักเมื่อเช้านี้ มีน้ำหยดในลิฟต์ (ลิฟต์) ในรถไฟใต้ดิน Washington DC Pentagon ในวันที่ 8 กรกฎาคม
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    The Big Wobble

    อาฟเตอร์ช๊อค มากกว่า 6,000 ครั้งใน 7 วันที่ผ่านมา

    ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีแผ่นดินไหวอีก 1,400 ครั้งที่สั่นสะเทือนทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียทำให้จำนวนทั้งหมดมากกว่า 6,000 ครั้งในช่วง 7 วันที่ผ่านมาและทำให้ผู้อยู่อาศัยสงสัยว่าเมื่อใดแผ่นดินไหวที่เรียกว่า big one จะเกิดขึ้น: อาฟเตอร์ช๊อคเกิดขึ้นทุก 2 นาที
    Screenshot 2019-07-09 at 08.55.45.png nasa.jpg
    แผ่นดินไหวขนาด 7.1 ที่เกิดใกล้ Ridgefield รัฐแคลิฟอร์เนียสร้างรอยแตกขนาดใหญ่บนโลก (บนขวา) ที่มองเห็นได้ในภาพถ่ายดาวเทียม (Planet Labs / CNN)

    ตามที่ CNN รอยแตกขนาดใหญ่ทอดตัวห่างจากบริเวณที่เห็นว่ามีน้ำขังมาก่อน
    รูปแบบการกัดเซาะบนทะเลทรายบ่งบอกว่าน้ำบางส่วนถูกดูดออกไป

    https://www.thebigwobble.org/2019/07/more-than-6000-aftershocks-in-last-7.html?spref=fb&m=1

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra
    พายุเฮอริเคนแบร์รี่ไปยังตัวเมืองลอสแองเจลิสในวันเสาร์ เนื่องจากพายุ Cat1 ความเร็วที่ 90 ไมล์ต่อชั่วโมง # 9 ก.ค.
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    9 มิถุนายน 2019 13:25 น. EST (10 มิถุนายน 2019 01:25 น. ตามเวลาประเทศไทย) โลกยังคงได้รับผลกระทบจากคลื่นหลังจากคลื่นพลังงาน พลังงานทั้งหมดที่ได้มาในที่สุดก็กลับ ขึ้นและออกไป
    FB_IMG_1562713164611.jpg FB_IMG_1562713167449.jpg FB_IMG_1562713170116.jpg FB_IMG_1562713172551.jpg FB_IMG_1562713175118.jpg
    Juny 9, 2019. 1:25 pm EST. Earth is still getting hit with wave after wave of energy. All that energy has got to eventually came back up and out.

    http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov/IswaSystemWebApp/index.jsp?i_1=578&l_1=118&t_1=37&w_1=542&h_1=506&s_1=2019-07-09 17:26:17.0_1_300_20&i_2=579&l_2=697&t_2=13&w_2=500&h_2=333&s_2=2019-07-09 17:14:17.0_1_300_20&i_3=581&l_3=788&t_3=245&w_3=500&h_3=333&s_3=2019-07-09 17:28:45.0_1_300_20

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2019
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dawn Yazzie

    แมกนีโตสเฟียร์ยังคงโดนโจมตีโดยวัตถุที่ไม่ทราบจำนวนมาก - ไม่ได้มาจากดวงอาทิตย์ของเรา - ไม่มีอะไรแสดงบนดาวเทียม Dscvr ที่จุด L1 Lagrange 930k ไมล์ห่างออกไประหว่างโลกและดวงอาทิตย์ #SpaceWeather #NASA #ISWA
    Magnetosphere still taking mulitple hits by an unknown object. - Didn't Come from our Sun - NOTHING Showing on the Dscvr Satellite out at the L1 Lagrange Point 930k Miles out between the Earth & Sun. #SpaceWeather #NASA #ISWA

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Dawn Yazzie

    ลมสุริยะไปยังดวงอาทิตย์จากโลก
    ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน กำลังมองหาการกลับตาระบัด
    FB_IMG_1562716441221.jpg
    Solar wind is going toward the sun from the earth.
    Never seen this before. Looking for a reversal.
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Tbrat Brat
    9 ก.ค. เวลา 05:59

    อืมใช่แล้วโอเค WTH เพิ่งเกิดขึ้น ... ความกดดันด้านหลังพัดนรกออกมาจากด้านหน้าเหมือนกับว่ามันเป็นถุงข้าวโพด
    Ummm yeah ok . WTH just happened... Backside pressure blew the hell out of the front side like it was a bag of popcorn.

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    FB_IMG_1562717645445.jpg

    ถ้าเป็นไปตาม Gill Broussard บอกจากภาพ planet 7 x ปล่อยวงก้นหอยของพลังงาน และจะเห็นว่าเส้นพลังงานของ planet 7 x แตะวงโคจรโลก วงรีสีเขียว (10 กรกฏาคม 2562)" และการที่เส้นพลังงานของplanet 7 x เพิ่งเข้าใกล้วงโคจรของโลกยังไปเพิ่มความกดดันด้านหลังของโลกซึ่งเป็น ด้านมืดที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ จนถึงกับทำให้มีพลังงานพุ่งออกจากด้านหน้าของโลกตรงไปยังดวงอาทิตย์ และต่อไป เมื่อplanet 7 x เข้ามาใกล้เรื่อยๆ ความกดดันด้านหลังโลกจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนให้ลองคิด โดยมอง planet 7 x เป็นแกนหรือตาพายุ วงก้นหอยของพลังงาน เป็นลมพัดรอบแกน ยิ่งแกนพายุเข้าใกล้ ความรุนแรงของพายุก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยังจำดาวหางไอซอนกันได้ไหมครับ ที่เคยมีข่าวว่าเมื่อดาวหางโคจรรอบดวงอาทิตย์ และช่วงกลับ หางอาจจะกระทบกับโลกแต่ก็โดนพายุสุริยะทำให้ตายสนิท เลยสร้างหายนะให้กับโลกไม่สำเร็จ แต่พอผมเห็นผลงานของ planet 7x ขนาดแค่คลื่นพลังงานยังสร้างแรงดันได้มหาศาลขนาดนี้ ตอนเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในปี 2564 ซึ่งน่าจะเริ่มต้นวัฏจักรสุริยะครั้งใหม่ และมีการปลดปล่อยลมสุริยะอีกครั้ง planet 7x น่าจะมีพลังงานมากพอที่จะสู้หรือทำลายพายุสุริยะที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมาได้แน่ๆ

    ยืนยัน “ดาวหางไอซอน” ตายสนิทหลังเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์

    เผยแพร่: 13 ธ.ค. 2556 00:39 โดย: MGR Online
    556000016021701.jpg

    ภาพกล้อง SOHO ของ ESA และ NASA เผยดาวหางไอซอนที่โคจรมาทางด้านล่างของดวงอสทิตย์แล้วเฉียดใกล้ก่อนจะออกจากดวงอาทิตย์ทางด้านบน และค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ (ไลฟ์ไซน์/อีซา/นาซา)

    นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน “ดาวหางไอซอน” ที่คาดว่าจะเป็นดาวหางแห่งศตวรรษ ตายสนิทหลังเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ แล้วโผล่ออกมาเป็นเมฆฝุ่นที่ค่อยๆ ฟุ้งกระจายไปในอวกาศจนไม่เหลือ

    “ถึงตอนนี้ ไม่น่าจะมีอะไรเหลือแล้ว ดาวหางไอซอนดับสนิท แต่การระลึกถึงจะคงอยู่” คำกล่าวของ คาร์ล แบตแทมส์ (Karl Battams) ผู้เชี่ยวชาญจากห้องปฏิบัติการวิจัยกองทัพสหรัฐฯ (U.S. Naval Research Laboratory) ในวอชิงตัน ดี.ซี.กล่าวภายในการประชุมประจำปีของสหพันธ์ทางธรณีฟิสิกส์อเมริกัน (American Geophysical Union)

    ทั้งนี้ ดาวหางไอซอน (ISON) ถูกค้นพบโดยนักดาราศาสตร์รัสเซียเมื่อเดือน ก.ย.2012 และเดินทางจากเมฆออร์ต (Oort Cloud) ที่ปลายระบบสุริยะอันห่างไกลและหนาวเหน็บเข้ามาด้านในระบบสุริยะเป็นครั้งแรก แล้วเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที่ระยะ 1.1 ล้านกิโลเมตร เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2013 ที่ผ่านมา

    ตามรายงานของไลฟ์ไซน์ยังระบุด้วยว่า การเดินทางเสี่ยงอันตรายของดาวหางไอซอนนั้น ถูกติดตามอย่างใกล้ชิดโดยนักสังเกตฟ้า (skywatcher) ด้วยหวังว่าก้อนน้ำแข็งพเนจรจะเผยความตระการตาบนฟากฟ้า และนักวิทยาศาสตร์ซึ่งต้องการศึกษาก๊าซของไอซอนเมื่อถูกเดือดเป็นไอ เพื่อศึกษาองค์ประกอบและโครงสร้างของดาวหาง โดยทั้งสองกลุ่มต่างคาดหวังว่าการเฝ้าจับตาดูดาวหางดวงนี้จะคงอยู่ต่อไปหลังเข้าใกล้ดวงอาทิตย์แล้ว แต่ไอซอนก็ไม่รอดจากความร้อนจัดและแรงโน้มถ่วงสูงของดวงอาทิตย์ไปได้

    ด้าน เจเรนท์ โจนส์ (Geraint Jones) จากมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน (University College London) อังกฤษ กล่าวว่า ดูเหมือนดาวจะผลิตฝุ่นออกมาไม่หยุดเมื่อเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด และดาวหางก็จางลงเรื่อยๆ เมื่อออกจากระยะใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดเมื่อเคลื่อนตัวออก แต่ก่อนจะจางลงไอซอนก็แสดงแนวโน้มว่าจะสว่างขึ้นหลังผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดอยู่ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งอาจจะเป็นผลจากพลศาสตร์การโคจร (orbital dynamics) ที่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไร

    ตามคำอธิบายของโจนส์ที่บอกแก่ทางไลฟ์ไซน์ ดูเหมือนชิ้นส่วนที่แตกสลายของไอซอนจะขยายออกเมื่อก้อนน้ำแข็งเข้าสู่ตำแหน่งใก้ดวงอาทิตย์ที่สุด เนื่องจากชิ้นส่วนด้านหน้ามีความเร็วมากกว่าชิ้นส่วนที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้ไอซอนหรี่ความสว่างลงแล้วกลับมาสว่างขึ้นอีกครั้งเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเศษน้ำแข็งกลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่อีกด้านของดวงอาทิตย์

    ทั้งนี้ พฤติกรรมของดาวหางเป็นสิ่งที่ยากต่อการทำนาย ซึ่งยากที่จะรู้ว่าทำไมดาวหางไอซอนไม่เป็นอย่างที่หลายกลุ่มคาดหวัง แต่การแตกสลายของดาวหางนี้อาจสัมพันธ์กับขนาดดาวหางที่ค่อนข้างเล็ก และการสังเกตล่าสุดโดยยานมาร์สรีคอนเนสซองส์ออร์บิเตอร์ (Mars Reconnaissance Orbiter) หรือ MRO ชี้ว่านิวเคลียสของไอซอนนั้นกว้างประมาณ 100-1,000 เมตร

    อัลเฟร็ด แมคอีวาน (Alfred McEwen) จากมหาวิทยาลัยอาริโซนา (University of Arizona) สหรัฐฯ ผู้ตรวจการณ์หลักประจำกล้องประสิทธิภาพสูงไฮไรส์ (HiRISE) ของยาน MRO กล่าวว่า นิวเคลียสของไอซอนอาจจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 600 เมตร และที่ผ่านมาดาวหางเฉียดใหล้ดวงอาทิตย์ (sungrazing comet) ที่เล็กกว่าครึ่งกิโลเมตรนั้นมักไม่หเลือรอดเมื่อเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์

    แม้แบทแทมส์และผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ จะกล่าวอำลาแก่ดาวหางไอซอนแล้วก็ตาม แต่ไลฟ์ไซน์ระบุว่า กล้องโทรทรรศนือวกาศขององค์การกบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ (นาซา) อีกหลายๆ ลำ ยังคงตรวจตราท้องฟ้าต่อไป เผื่อกรณีที่ดาวหางดวงนี้จะปรากฏขึ้นอย่างปาฏิหารย์อีกครั้ง

    “นาซายังคงพยายามมองหาดาวหางนี้ต่อไปด้วยกล้องฮับเบิล (Hubble) และผมได้ยินมาด้วยว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer) และจันทรา (Chandra) พยายามที่จะสังเกตดาวหางดวงนี้ต่อไปเช่นกัน นี่เป็นเรื่องของปฏิบัติติดตามการฟื้นคืนของดาวหาง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า” แบตแทมส์กล่าว

    556000016021702.jpg

    ภาพดาวหางไอซอนที่บันทึกโดย วาลเดมาร์ สกอรูปา (Waldemar Skorupa) นักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวเยอรมัน (ไลฟ์ไซน์/Waldemar Skorupa)
    556000016021703.jpg

    ภาพจากหอดูดาวอวกาศโซลาร์ไดนามิคส์ (Solar Dynamics Observatory) ของนาซา เผยภาพดวงอาทิตย์และตำแหน่งที่ดาวหางไอซอนน่าจะโผล่ (กากบาทสีขาวด้านซ้าย) หลังเฉียดใหล้ดวงอาทิตย์เมื่อ 28 พ.ย.2013 (นาซา/ไลฟ์ไซน์)

    https://mgronline.com/science/detail/9560000153175
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2019
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Michael DiFato

    อีกครั้งที่เกิดความไม่สงบ (ผิดปกติ)สำหรับสนามแม่เหล็กของโลก

    ไม่นานมานี้

    Another restless evening for the magnetosphere of Earth.

    This was a short while ago

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    บางสิ่งที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในขณะที่ความเร็วลมคอสมิคพุ่งไปถึง 1,148 กิโลเมตรต่อวินาที 20:14:17 UTC, 9 กรกฎาคม 2019 (03:14:17 น. ตามเวลาประเทศไทย , 10 กรกฎาคม 2019)
    FB_IMG_1562720556984.jpg FB_IMG_1562720559994.jpg FB_IMG_1562720562885.jpg FB_IMG_1562720566165.jpg
    Something we haven't seen in awhile, cosmic wind speeds spike to 1488 kilometers per second. 20:14:17 UTC, July 9, 2019.

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เตือนภัยสีแดง เตือนภัยสีแดง

    อะแลสกาครึ่งหนึ่งอยู่บนไฟหรือแผ่นแปซิฟิกกำลังบีบอัดก๊าซ CO ออกมาจากพื้นดิน 09 กรกฎาคม 2019


    ครึ่งหนึ่งของอะแลสกาอยู่บนกองไฟหรือแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกกำลังดันขึ้นไปทางเหนืออย่างดุเดือดมันกำลังบีบอัดไฮโดรคาร์บอนในพื้นดินจนกว่าพวกมันจะระเหยออกมาเป็นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ตามรายงานของกระทรวงมหาดไทยของสหรัฐอเมริกาพบว่าไม่มีไฟป่าที่รุนแรงในอะแลสกา ทำให้โลกถูกกดดันจากการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลก Pacific Tectonic

    การระเบิดของก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์อย่างมหาศาลนั้นได้แพร่กระจายออกไปในอลาสก้าจนทำให้ดาวเทียมในอวกาศที่คอยตรวจจับบรรยากาศของเรากำลังรับการปล่อยก๊าซขนาดมหึมาและส่งข้อมูลไปยังแบบจำลองคอมพิวเตอร์ การปล่อยก๊าซแสดงในภาพด้านบนเป็นสีม่วงถึงดำบนแผนที่ของอลาสก้า

    สำหรับผู้ที่ไม่รู้ตัวพื้นผิวของดาวเคราะห์ของเราประกอบด้วย "แผ่น" ขนาดมหึมาหลายแห่ง พวกเขามีลักษณะเช่นนี้:

    เมื่อคุณมองไปที่ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาคุณจะเห็นแผ่นอเมริกาเหนือตรงกับแผ่นแปซิฟิกและแผ่นทั้งสองเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง . . แต่ในทิศทาง OPPOSITE Pacific Plate กำลังพยายามเคลื่อนไปทางเหนือสู่ Alaska ในขณะที่ North American Plate กำลังพยายามเคลื่อนไปทางใต้สู่เม็กซิโก

    สถานที่ที่มองเห็นได้มากที่สุดซึ่งพบแผ่นเปลือกโลกทั้งสองนี้ถูกมองว่าเป็นความผิดของซานแอนเดรียสในแคลิฟอร์เนีย

    รอยร้าววิ่งมานานกว่าหนึ่งพันไมล์จากแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ตอนกลางไปทางเหนือ ถึงซานฟรานซิสโกจากนั้นก็ลงสู่มหาสมุทร

    ไม่มีใครสามารถคำนวณน้ำหนักโดยประมาณของเพลทที่เกี่ยวข้อง - นับแสนล้านตันหรือความกดดันมหาศาลที่เกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่น แต่พอจะพูดได้ว่าเมื่อวัตถุสองชิ้นที่ประกอบขึ้นประมาณหนึ่งในสามของพื้นผิวโลกเริ่มเคลื่อนที่เข้าหากัน แรงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นน่าเหลือเชื่อ

    แผ่นเปลือกโลกสองแผ่นถูกบดขยี้กันโดยทั่วไปในขณะที่ดาวเคราะห์ของเราหมุนรอบตัวทุกวันและโคจรรอบดวงอาทิตย์ การเปลี่ยนแปลงแรงโน้มถ่วงจากดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ส่งผลต่อการเคลื่อนที่ แต่ทุกสิ่งเกิดขึ้น V E R Y S L O W L (ช้ามากๆๆๆๆๆๆ) และจนกระทั่งเกิดแรงกดดันมากขึ้นในพื้นที่มันก็พังทลายลงอย่างฉับพลัน - เกิดแผ่นดินไหว

    ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแผ่นดินไหวสองครั้งที่ทรงพลังมากเกิดขึ้นที่เมือง Ridgedale รัฐแคลิฟอร์เนีย: Magnitude 6.4 ตามด้วย Magnitude 7.1 ที่แข็งแกร่งกว่า สิ่งนี้บ่งชี้ว่าแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก (Tectonic Plate) ได้ใช้แรงกดทางเหนือ / ตะวันออกเฉียงเหนือมากจนบางสิ่ง (ใหญ่) ทำทางใต้ดินในแคลิฟอร์เนีย

    ตอนนี้ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ (CO) ที่พ่นออกมาจากอะแลสกาดูเหมือนว่าชัดเจนต่อผู้สังเกตการณ์ทั่วไปว่า Pacific Tectonic Plate กำลังพยายามผลักดันขึ้นทางเหนือมากขึ้น ดูเหมือนว่าจะใช้แรงกดดันอย่างมากกับดินแดนแห่งอลาสกาว่ามันกำลังบดขยี้ไฮโดรคาร์บอนลึกลงไปในดินด้วยแรงดันมากพวกมันระเหยและพ่นออกมาจากพื้นดิน!

    มีบางอย่างต้อง "ให้" และเมื่อไหร่ . . boy-oh-boy จะมีแผ่นดินไหวที่น่ากลัว คำถามเช่นเคยเป็นที่ไหนและเมื่อไหร่?

    ในช่วงหลายปีที่ฉันติดตามแผ่นดินไหวและบรรยากาศฉันเรียนรู้สิ่งหนึ่งหรือสองอย่าง แต่ฉันก็ไม่มีความชำนาญ ฉันไม่สามารถคาดการณ์การเกิดแผ่นดินไหวและไม่ได้ทำเช่นนั้นกับเรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซที่เกิดขึ้นในอลาสกา

    แต่ผู้อ่านเว็บไซต์นี้เป็นสายพันธุ์ที่หายากพวกเขาเป็นคนที่คิดเอง พวกเขาดูข้อเท็จจริงวาดหลักฐานที่มีอยู่และทำข้อสรุปของตนเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเสนอเรื่องนี้ - มีบางสิ่งที่ใหญ่เกิดขึ้นกับ Pacific Tectonic Plate และนรกทั้งหมดดูเหมือนว่าจะหลวมไปตามชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือ

    การเคลื่อนไหวทางทิศเหนือจะฉีกเปิด San Andreas หรือไม่ มันจะฉีกเปิดเขตการเหลื่อม Cascadia ในมหาสมุทรแปซิฟิกนอกชายฝั่งโอเรกอนและวอชิงตันหรือไม่? มันจะทำให้เกิดการฉีกขาดครั้งใหญ่ในอลาสกาหรือไม่? เกิดอะไรขึ้นถ้าทั้งสามอย่างเกิดทั้งหมด?

    พระเจ้าช่วยให้ผู้คนออกไปข้างนอกเมื่อสิ่งนี้ให้ทาง

    RED ALERT RED ALERT

    Either Half of Alaska is on Fire, or the Pacific Plate is Squeezing CO Gas out of its ground

    NEWS DESK
    09 JULY 2019


    Either half of Alaska is on fire, or the Pacific Tectonic Plate is pushing north so ferociously, it is literally squeezing the hyrdo-carbons in the ground until they vaporize and come out as Carbon Monoxide Gas. According the the US Department of the Interior, there are NO major forest fires in Alaska. That leaves the earth being pressured by movement of the recently-quite-active Pacific Tectonic plate.

    An utterly massive burst of Carbon Monoxide Gas is now spewing forth in Alaska, so much that satellites in space which monitor our atmosphere, are picking up the gigantic emissions and feeding the data into computer models which are rendering amazing graphics to view. The gas emissions show on the picture above as purple-to-black colors on the map of Alaska.

    For those unaware, the surface of our planet consists of several gigantic "plates" of land. They look like this:

    As you look at the west coast of the US and CANADA, you see the North American Plate meets the Pacific Plate and the two plates are in constant motion . . . but in OPPOSITE directions. The Pacific Plate is trying to move north toward Alaska while the North American Plate is trying to move south toward Mexico.

    The most visible place where these two enormous plates meet is seen as the San Andreas Fault in California.

    The crack runs for over a thousand miles from south-central California, north to San Francisco, then out into the ocean and north toward Alaska.

    No one has ever been able to compute the approximate weight of the plates involved - hundreds of TRILLIONS of TONS -- or the enormity of the pressure taking place plate-wide. But suffice it to say that when two objects which make up about a third of Earths surface start moving against each other, the forces involved are mind-boggling.

    The two plates are basically crushed into each other, grinding as our planet rotates daily and orbits the sun. Shifts in gravity from the sun and the planets affects their motion. But it all happens V E R Y S L O W L Y until so much pressure builds up in an area, there is a sudden collapse - causing earthquakes.

    Over the past week, two very powerful earthquakes struck in the area of Ridgedale, CA: A Magnitude 6.4, followed by a stronger Magnitude 7.1. This indicates that the Pacific Tectonic Plate has been applying so much Northward/Northeastward pressure, that something (big) gave-way underground in California.

    Now, with the emissions of Carbon Monoxide (CO) gas spewing forth from Alaska, it seems clear to any casual observer that the Pacific Tectonic Plate is now exerting more of a northward push. It seems to be applying so much pressure to the landmass of Alaska, that it is crushing the hydrocarbons deep in the soil with so much pressure, they are vaporizing and spewing from the ground!

    Something's got to "give" and when it does . . . boy-oh-boy is there going to be some horrific earthquake. The questions, as always, are Where and When?

    In the years that I have been following earthquakes and atmospherics, I learned a thing or two, but by no means am I any kind of expert. I cannot forecast earthquakes and am not doing so with this story; this is a story about gaseous emissions coming up in Alaska.

    But readers of this web site are a rare breed, they're people who actually THINK for themselves. They look at facts, draw upon available evidence, and make their own conclusions. That's why I offer this story -- something big is taking place with the Pacific Tectonic Plate and all hell seems to be breaking loose along the west coast of North America.

    Will the northward motion rip-open the San Andreas? Will it rip-open the Cascadia Subduction Zone in the Pacific Ocean just off the coasts of Oregon and Washington? Will it cause some enormous tear in Alaska? What if it does ALL THREE?

    God help the people out there when this thing gives-way.

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150

แชร์หน้านี้

Loading...