ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    # ภัยแล้งในประเทศจีน

    ภัยแล้งที่รุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อมณฑลยูนนานของประเทศจีนด้วยผู้คนมากกว่าสองล้านคนกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ


    ภัยแล้งได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งล้านเฮกตาร์ตามข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงทรัพยากรน้ำ


     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    # ภัยแล้งในอินเดีย

    พื้นที่ส่วนใหญ่ของอินเดียกำลังประสบกับภัยแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี ทำให้เกษตรกรจำนวนมากต้องออกจากหมู่บ้านและย้ายไปยังเมืองต่างๆ

    Al Jazeera วันที่ 25 มิถุนายน 2562


     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    # ภัยแล้งในปากีสถาน
    ภัยแล้งทางตอนใต้ของปากีสถานกำลังคุกคามสัตว์ป่าและวิถีชีวิตของผู้คน


     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    #วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2019
    หากคุณกำลังวางแผนที่จะดูสุริยุปราคา 2 กรกฎาคม - มองเห็นในส่วนของอเมริกาใต้ - ด้วยตัวเองตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเตรียมพร้อมที่จะรับชมอย่างปลอดภัย!

    คุณจะต้องการแว่นตาดูแสงอาทิตย์ (ไม่ใช่แว่นกันแดด) หรือวิธีทางอ้อมเพื่อดูทั้งคราสโดยปลอดภัย

    4 p.m. ET / 1 p.m. PT ในวันที่ 2. กรกฎาคม

    #DontMissIt July 2, 2019

    If you're planning to watch July 2's solar eclipse — visible in parts of South America — in person, make sure you're prepared to watch safely!

    You'll need solar viewing glasses (not sunglasses) or an indirect method to watch the entire eclipse safely.

    4 p.m. ET / 1 p.m. PT on July 2.

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    #วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2019
    หากคุณกำลังวางแผนที่จะดูสุริยุปราคา 2 กรกฎาคม - มองเห็นในส่วนของอเมริกาใต้ - ด้วยตัวเองตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเตรียมพร้อมที่จะรับชมอย่างปลอดภัย!

    คุณจะต้องการแว่นตาดูแสงอาทิตย์ (ไม่ใช่แว่นกันแดด) หรือวิธีทางอ้อมเพื่อดูทั้งคราสโดยปลอดภัย

    4 p.m. ET / 1 p.m. PT ในวันที่ 2. กรกฎาคม

    #DontMissIt July 2, 2019
    If you're planning to watch July 2's solar eclipse — visible in parts of South America — in person, make sure you're prepared to watch safely!

    You'll need solar viewing glasses (not sunglasses) or an indirect method to watch the entire eclipse safely.

    4 p.m. ET / 1 p.m. PT on July 2.

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Setiawan

    แสงสีรุ้งอันตระการตาตระการตาเหนือ Porto Alegre, RS, Brazil ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2019


     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_3368.JPG
    (Jul 1) สหรัฐพักรบเก็บภาษีจีนดับฝันปิดฉากสงครามการค้า: แม้การประชุมผู้นำจี20 ปิดฉากไปแล้วแต่มีประเด็นที่ต้องติดตามคือ การเจรจา การค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ต้อง เริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง และในช่วงนี้สหรัฐประกาศว่าจะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่ม ซึ่งบรรดานักเศรษฐศาสตร์ จากหลายสำนัก มีความเห็นตรงกันว่า นี่คือการพักรบที่ทำให้ความหวังที่จะ ได้เห็นสงครามการค้าปิดฉากอย่างแท้จริง ภายในปีนี้มลายหายไป ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ติดตามได้จากรายงาน

    ไฮไลต์การประชุมผู้นำจี20 ที่นครโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 28-29 มิ.ย.ที่ผ่านมา คือการหารือร่วมกันนอกรอบการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ท่ามกลางการจับตามองและลุ้นให้ผู้นำ ทั้ง 2 ประเทศลงนามข้อตกลงร่วมกันเพื่อ ยุติกรณีพิพาททางการค้าแต่การหารือ นอกรอบครั้งนี้ไม่ได้จบลงด้วยการ ลงนามข้อตกลงการค้าใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ ผู้นำทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องให้เริ่มเจรจา การค้าร่วมกันใหม่ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ ประกาศว่าจะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก

    ปีเตอร์ บุ๊ควาร์ หัวหน้าฝ่ายการลงทุน จากบลีกลีย์ แอดไวซอรี กรุ๊ป ให้ความเห็น กับเว็บไซต์ซีเอ็นบีซีว่า "นี่คือการพักรบชั่วคราว ทั้งทรัมป์และสี เห็นพ้องให้มีการเจรจาการค้ากันต่อไปแต่ไม่ได้ให้ รายละเอียดหรือเสนอแนวทางใดๆ ที่ชัดเจนที่จะยุติสงครามการค้าระหว่างกัน และ ถึงแม้ว่าทั้ง 2 ฝ่ายตกลงให้มีการเจรจา ร่วมกันรอบใหม่แต่ประเด็นทรัพย์สิน ทางปัญญายังคงเป็นประเด็นหลักที่ทั้ง สองประเทศยังหาบทสรุปร่วมกันไม่ได้"

    บุ๊ควาร์ ไม่ใช่คนเดียวที่มองแบบนี้ เดอะ ยูเรเซีย กรุ๊ป ก็มีความเห็นต่อเรื่องนี้ ในลักษณะคล้ายๆ กัน โดยระบุว่า มีโอกาส แค่ 45% เท่านั้นที่ทั่วโลกจะได้เห็นการ ทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในปีนี้ เมื่อพิจารณาจากท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว ความเห็นของยูเรเซียอาจจะ ถูกต้อง เพราะทรัมป์แสดงท่าทีว่าไม่เร่งรีบ ที่จะลงนามข้อตกลงการค้ากับจีน ทั้งยังกล่าวชัดเจนบ่อยครั้งหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำจี20 ที่โอซาก้าว่า จะไม่ลดภาษีที่จัดเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนในเร็วๆ นี้แน่นอน

    ขณะที่อลิซ เอคแมน หัวหน้าฝ่ายจีนศึกษาของสถาบันส่งเสริมสัมพันธ์นานาชาติของประเทศฝรั่งเศส ให้ความเห็นว่า จะมีการทำข้อตกลงร่วมกันหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น เพราะความเสียหายจากการทำสงคราม การค้าในระยะยาวได้เกิดขึ้น และทำให้สหรัฐและจีนบาดหมางกัน

    ส่วนเดนิส ฮิว ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนนโยบายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า การทำสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐและจีนเป็นผลร้ายต่อทุกฝ่าย และไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะอย่างแท้จริง

    อย่างไรก็ตาม การไม่เร่งรีบบรรลุข้อตกลง การค้ากับจีนของทรัมป์ สร้างความไม่พอใจ แก่ภาคธุรกิจตลอดจนตลาดหุ้น และตลาดทุน อย่างมาก และที่ผ่านมา บริษัทอเมริกันกว่า 600 แห่ง รวมถึงบริษัททาร์เก็ต และวอลมาร์ท เรียกร้องให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ยกเลิกการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่ม พร้อมทั้งเตือนว่า หากผู้นำสหรัฐเดินหน้าเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอาจจะทำให้ ชาวอเมริกันตกงานมากถึง 2 ล้านคน

    หลังจากหารือนอกรอบกับผู้นำจีนเสร็จแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน สามารถซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์สหรัฐได้ แต่ต้องเป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับ ความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากเมื่อเดือน ที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำ หัวเว่ย โดยห้ามไม่ให้หัวเว่ยซื้อสินค้าจาก ซัพพลายเออร์สหรัฐ

    นี่คือเหตุผลที่ทั่วโลกจับตามองการประชุมนอกรอบระหว่าง"ทรัมป์"และ"สี" รวมทั้งการประชุมผู้นำจี20 เพราะมองว่าผลลัพธ์ของการประชุมจะเป็นทางออก สำหรับความท้าทายต่างๆ นานาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญอยู่ โดยเฉพาะผลพวงจากการใช้นโยบายกีดกันการค้า

    ศาสตราจารย์สวาแรน ซิงห์ จาก โรงเรียนศึกษานานาชาติของมหาวิทยาลัยชวาหะร์ลาล เนห์รู ในกรุงเดลี ประเทศอินเดีย ให้ความเห็นว่า ในศตวรรษที่ 21 จุดสนใจของโลกเปลี่ยนจากความมั่นคงไปสู่การพัฒนา และกลุ่มจี20 เป็นตัวแทนของประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

    "ผู้นำกลุ่มจี20 มาประชุมร่วมกันและตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทางที่ควรจะเป็นของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งแนวทางการแก้ไข ปัญหาต่างๆ" ศาสตราจารย์ซิงห์ และ กล่าวว่า ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 20 ชาติ เหล่านี้ เป็นตัวแทนของภูมิภาคต่างๆ และความเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มจี20 กับภูมิภาคเหล่านั้น บ่งชี้ถึงเดิมพันในระดับสูง

    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกอาจ หดตัวลงราว 0.5% หรือราว 5 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องมาจากความตึงเครียดด้านการค้าและภาษีระหว่างสหรัฐ-จีนนโยบายปกป้องการค้าและความคิดที่ว่าอเมริกาต้องมาก่อนของทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจและเศรษฐกิจทั่วโลก

    อย่างไรก็ตาม ในวันปิดประชุม ผู้นำจี20ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่เตือนเรื่องความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก แต่ ไม่ประณามการปกป้องทางการค้า แต่เรียกร้องให้มีบรรยากาศการค้าที่เสรีและเป็นธรรมแทน

    ผู้นำจี20 มองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ และ มีแนวโน้มลดลงเพราะมีความเสี่ยง หลายอย่าง ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้า และภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มมากขึ้น จี20 ต้องการทำให้บรรยากาศการค้าและการลงทุนมีความเสรี เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ โปร่งใส คาดการณ์ได้ และมีเสถียรภาพ ควบคู่ไปกับการเปิดตลาดต่อไป

    อย่างไรก็ตาม ถือเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการประชุมที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินาเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้วที่แถลงการณ์ปิดประชุมผู้นำจี20 ไม่เรียกร้องให้ร่วมกันต่อต้านการกีดกันทางการค้า

    ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นพยายามทำให้สหรัฐและหลายประเทศ ยอมประนีประนอมในเนื้อหาของแถลงการณ์ โดยสหรัฐคัดค้านสุดตัวไม่ให้ประณาม การปกป้องทางการค้า ขณะที่หลายประเทศต้องการให้เตือนเรื่องความตึงเครียด ทางการค้าด้วยน้ำเสียงที่มีน้ำหนัก


    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    760F6DFA-2514-43E0-B4A1-DB893EBF9A10.jpeg
    (Jun 30) สื่อจีนชี้การระรานทางการค้าของสหรัฐส่งผลกระทบไปทั่ว : เว็บไซต์สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่า สงครามการค้ากับจีนที่สหรัฐเป็นฝ่ายเริ่มได้ส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว อย่างที่เรียกกันว่าทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก หรือเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว


    ซินหัวอ้างถึงเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองในจังหวัดทางตอนกลางของอาร์เจนตินาว่า ผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์สร้างความดีใจให้ได้ไม่นาน เพราะข้อพิพาทการค้าจีน-สหรัฐส่งผลให้ราคาถั่วเหลืองของอาร์เจนตินาลดลงไปถึงร้อยละ 15 ต้นเหตุมาจากสหรัฐเริ่มเก็บภาษีร้อยละ 10 กับสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.13 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่ปีก่อน และเพิ่มเป็นร้อยละ 25 ในปีนี้ อีกทั้งขู่จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เหลืออีกทั้งหมด 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.2 ล้านล้านบาท) ทำให้จีนเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐ เมื่อสหรัฐส่งออกถั่วเหลืองไปจีนได้น้อยลงราคาก็ตกต่ำ ส่งผลให้ราคาในอาร์เจนตินาลดลงไปด้วย ถั่วเหลือง แป้งถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองครองส่วนแบ่งสินค้าส่งออกทั้งหมดของอาร์เจนตินาถึงหนึ่งในสาม


    ซินหัวระบุว่า แม้แต่ผู้ผลิตรถจักรยานในสหรัฐก็ได้รับความเดือดร้อนจากความตึงเครียดทางการค้าของสองประเทศ ผู้ผลิตจักรยานแห่งหนึ่งในเมืองดีทรอยท์ไม่ได้นำเข้าจักรยานจากจีนที่ถูกสหรัฐเก็บภาษีสูงถึงร้อยละ 36 แต่เดือดร้อนเพราะอะไหล่จักรยานที่นำเข้ามาจากจีนมีราคาแพงขึ้น ผู้บริโภคชาวอเมริกันกลายเป็นคนที่ต้องจ่ายภาษีที่รัฐบาลเก็บจากจีน นอกจากนี้นโยบายภาษียังไม่ช่วยให้เกิดการสร้างงานในประเทศด้วย เพราะร้านค้าหันไปนำเข้าจักรยานจากประเทศอื่นที่มีราคาถูกกว่าจักรยานผลิตในประเทศ เช่น กัมพูชา ซินหัวอ้างคำกล่าวของนายจาง หมิง เอกอัครราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป หรืออียู ว่า การใช้หลักการอเมริกันมาก่อน ทำให้ทุกประเทศและทุกธุรกิจตกเป็นเป้าหมายอย่างง่ายดายได้ทุกเวลา


    Source: สำนักข่าวไทย


    - Xinhua Headlines: "Butterfly effect" of U.S. trade bullying far-reaching

    http://www.xinhuanet.com/english/2019-06/28/c_138181681.htm
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Bank of Thailand Scholarship Students

    IMG_3371.JPG
    (Jul 1) ยอมรับความเสี่ยงสูงขึ้น - อสังหาฯหวั่นซ้ำรอย'ต้มยำกุ้ง'ปี 40 ธปท.ลั่นศก.ไทยไกล'วิกฤติ' : "แบงก์ชาติ"ยอมรับความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยสูงขึ้น แต่ยังห่างไกลวิกฤติ ขณะโอกาสเกิดภาวะถดถอย มีน้อย ย้ำชัดความเสี่ยงส่วนใหญ่มาจาก ภาคต่างประเทศ ชี้หากเศรษฐกิจโลกถดถอย ไทยส่อหนีไม่พ้น ส่วนปัจจัยในประเทศ ต้องติดตาม"ภาคอสังหาฯ-หนี้ครัวเรือน" แต่มั่นใจไม่เป็นต้นเหตุวิกฤติ ผู้ประกอบการ อสังหาฯชะลอเปิดโครงการ หวั่นซ้ำรอยปี 40

    ภาวะเศรษฐกิจไทยในเวลานี้ เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นถึง "ความเสี่ยง" ที่จะเผชิญกับ "วิกฤติเศรษฐกิจ" รอบใหม่ หลังจากที่สำนักวิจัยหลายแห่ง ได้ปรับลดประมาณการ เศรษฐกิจไทยลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ การส่งออกที่มีสัญญาณว่าจะกลับมา "หดตัว" ครั้งแรกในรอบ 3 ปี ประกอบกับในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค.) ถือเป็นวันครบรอบ 22 ปี "วิกฤติต้มยำกุ้ง" ซึ่งถือเป็นวิกฤติเศรษฐกิจครั้งรุนแรงสุดของไทย

    อย่างไรก็ตามในส่วนของ ธนาคารแห่ง ประเทศไทย(ธปท.) ประเมินว่า ความเสี่ยง ทางเศรษฐกิจของไทย แม้จะมีสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่โอกาสที่จะเผชิญกับ "วิกฤติ" หรือแม้แต่ความเสี่ยงที่จะเผชิญกับ "ภาวะถดถอย" ยังถือว่ามีค่อนข้างน้อย

    นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า นิยามของภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ เศรษฐกิจชะลอตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส เมื่อเทียบแบบไตรมาสต่อไตรมาส ซึ่งประมาณการเศรษฐกิจไทยล่าสุดที่ ธปท. ประเมินไว้ แม้จะปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงมาเหลือ 3.3% จากเดิม 3.8% แต่ถ้าดูเทียบแบบไตรมาสต่อไตรมาสแล้ว ยังเป็นระดับที่เติบโตอยู่ ไม่ได้หดตัว

    อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า ยังมีประเด็นที่ต้องติดตามในระยะข้างหน้า คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หากปัญหาสงครามการค้ารุนแรงจนถึงขั้นเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ก็มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเกิดภาวะถดถอย ซึ่งอาจลากเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงรุนแรงได้เช่นกัน "ล่าสุดเราประเมินเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังชะลอลงต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยมองว่าจะเป็นลักษณะ "แอลเชฟ" คือ ชะลอลงในปีที่แล้ว และเริ่มทรงตัวในปีนี้ แต่เท่าที่ประเมินในขณะนี้ คิดว่าปีนี้ยังมีโอกาสลงต่อ"

    ชี้ความเสี่ยงจากปัจจัยภายในมีน้อย

    ส่วนความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากปัจจัยในประเทศ ถือว่ายังมีน้อย แม้ปัจจุบันอาจมีบางคนที่เริ่มกังวลว่าปัญหา ในภาคอสังหาริมทรัพย์ และหนี้ ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง จะเป็นชนวนนำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยรอบใหม่

    สำหรับภาคอสังหาฯ แม้ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องโอเวอร์ซัพพลายในตลาดอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) แต่ก็คงไม่เลวร้ายจนถึงขั้นวิกฤติ เพราะที่ติดตามดูฐานะการเงินของบริษัทใหญ่ๆ ยังแข็งแกร่งมาก ถ้าจะห่วงก็มีเพียงผู้ประกอบการขนาดเล็กๆ เท่านั้น และเชื่อว่าจำนวนคอนโดมิเนียมที่ออกมาค่อนข้างมากในเวลานี้ ทำให้ผู้ประกอบการเองคงต้องลดราคาขายลงมาบ้าง

    "ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้น เรายังไม่มองว่าเป็นการก่อตัวของฟองสบู่ เพราะขึ้นมาจากปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าสาย สีต่างๆ และการเพิ่มของราคาที่ดิน ไม่ได้ถูกส่งผ่านไปยังราคาขาย มากนัก สะท้อนจากราคาคอนโดเปิดขายใหม่ ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก อาจเพราะยังมีอุปทานคงค้างอยู่พอสมควร จึงทำให้ผู้ประกอบการปรับราคาขึ้นยาก"หนี้ครัวเรือนสัญญาณเปราะบาง

    ส่วนเรื่องหนี้ครัวเรือน นายดอน ยอมรับว่า เป็นจุด เปราะบางหนึ่งที่ ธปท. เห็น แต่โอกาสที่จะเป็นต้นตอนำไปสู่ วิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่ ถือว่า มีน้อย เพียงแต่อาจจะเป็นตัว ซ้ำเติมหากเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว

    "ถ้าเราเจอช็อกจากข้างนอก แล้วทำให้คนตกงาน กรณีนี้ถือเป็นการซ้ำเติมทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากขึ้น หนี้ตอนนี้ที่เรากังวล คือ ส่วนใหญ่ไปอยู่ในพอร์ตรถยนต์และสินเชื่อส่วนบุคคล หากเจอช็อก อาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ ในวงกว้างได้"

    นายดอน กล่าวว่า โดยสรุปแล้ว คือ โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะเผชิญวิกฤติหรือแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และหากจะเกิดก็คงมาจากปัจจัยภายนอกประเทศ เพราะถ้าเศรษฐกิจโลกถดถอยจริง เศรษฐกิจไทยก็คงหลีกเลี่ยงลำบาก ส่วนโอกาสที่จะเกิดจากปัจจัยในประเทศมีค่อนข้างน้อย อาจจะเป็นเพียงปัจจัยที่มาซ้ำเติมในกรณีที่เศรษฐกิจโลกทรุดเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม ดูสถานการณ์กันต่อไป

    วิจัยกรุงศรีชี้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

    นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทย จะเผชิญกับภาวะถดถอยเริ่มมี มากขึ้น แต่ยังไม่ถึงขั้นเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจ โดย วิจัยกรุงศรี ได้สร้างแบบจำลองถึงความเป็น ไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจ ถดถอย ซึ่งเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์

    เขากล่าวว่า แบบจำลองที่ วิจัยกรุงศรี สร้างขึ้นมานี้ หากคำนวณค่า ออกมาได้ในระดับที่สูงกว่า 40% ขึ้นไป ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ในอีก 2-3 ไตรมาส เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย โดย วิจัยกรุงศรี ได้ใส่ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2561 ผลการคำนวณออกมาอยู่ที่ระดับ 6% ซึ่งห่างไกลภาวะถดถอยอยู่มาก

    อย่างไรก็ตาม เมื่อใส่ตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2562 เข้าไป พบว่า ผลคำนวณเพิ่มเป็น 9% บ่งชี้ว่ายังห่างไกลภาวะถดถอย แต่ความเสี่ยงเริ่มสูงขึ้น และ เมื่อลองนำตัวเลขประมาณการไตรมาส 2 ปี 2562 ใส่เข้าไป ผลคำนวณเพิ่มเป็น 20%

    "แบบจำลองที่ทำไว้ สะท้อน ชัดว่า แม้เศรษฐกิจไทยยังไกลกับคำว่าเศรษฐกิจถดถอยอยู่ แต่คะแนนชี้วัดเริ่มบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นเรื่องที่เราประมาทไม่ได้ แต่เราเชื่อว่า หากจะเกิดภาวะถดถอยจริง ก็คงเป็นแบบซอฟต์แลนดิ้ง ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นวิกฤติ เป็นเพียงการถดถอยตามวัฏจักรเศรษฐกิจ"

    ภาคอสังหาฯยังไร้วิกฤติ

    นายสมประวิณ กล่าวว่า ถ้าดูปัจจัยที่สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยเวลานี้ คือ ภาคต่างประเทศ ซึ่งทำให้การส่งออกชะลอตัวลงจนถึงขั้นหดตัว และการส่งออกที่แย่ลง จะส่งผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน และการบริโภคในท้ายที่สุด ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์นั้น แม้ปัจจุบันจะเผชิญกับภาวะโอเวอร์ซัพพลาย แต่คงไม่ถึงขั้น กลายเป็นวิกฤติ โดยปัจจุบัน เริ่มเห็นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวรับกับภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ทำให้ความน่าเป็นห่วงที่จะนำไปสู่วิกฤติลดน้อยลงตามไปด้วย

    อสังหาฯเร่งปรับตัวหวั่นซ้ำปี40

    นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN กล่าวว่า ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ส่วนใหญ่ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤติฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ เมื่อปี 2540 ที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงจากแรงเก็งกำไร จนเกิดภาวะฟองสบู่แตก ในที่สุด

    ดังนั้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ ซ้ำรอยเดิมผู้ประกอบการแต่ ละราย จึงเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกิจมากขึ้น และเฝ้าติดตามสถานการณ์ในภาพรวมอย่าง ใกล้ชิด ซึ่งส่วนตัวมองว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่น่าเป็นห่วง ส่วนปัญหาโอเวอร์ซัพพลายในบางพื้นที่ มีแนวโน้มลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะผู้ประกอบการ หลายรายมีแผนชะลอการเปิดโครงการใหม่ ตามกำลังซื้อที่หดตัว และผลกระทบจากมาตรการ แอลทีวี ประกอบกับหลายบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องตึงตัว เนื่องจากยอดขายลดลงทำให้ไม่มีกระแสเงินสดเข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจ ช่วงนี้จึงต้องเร่งระบายสินค้าที่อยู่ในสต๊อกออกมาก่อน "ตอนนี้ผู้ประกอบการก็เฝ้าระวังกันอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไร น่ากังวล สัญญาณโอเวอร์ซัพพลายที่เพิ่มขึ้น อยากให้รอดูครึ่งปีหลัง หลายเจ้าน่าจะชะลอเปิดโครงการกันเยอะ เพราะสภาพคล่องตึงตัวมาก ในเมื่อโครงการที่มีอยู่ขาย ไม่ได้ การเปิดโครงการใหม่จะเริ่มชะลอกันไปเอง"

    Source: กรุงเทพธุรกิจ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ททท. หืดจับ นักท่องเที่ยวหดฉุดรายได้หาย 2 หมื่นล้าน โอดศึกใน-ศึกนอกกระหน่ำ

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ 30.40-30.80 – ครึ่งแรกปี’62 แข็งค่ามากถึง 6% เป็นอันดับหนึ่งในเอเชีย

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผวาติดเชื้อรุนแรง สั่งงดเยี่ยม วินัย ไกรบุตร ศุกร์นี้แถลงเปิดใจถึงโรคสุดทรมาน

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อิสราเอลโจมตี “อิหร่าน-ฮิซบุลเลาะห์” ในซีเรีย ดับ 16 บาดเจ็บ 21

    https://www.publicpostonline.net/27407


     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ลูกเห็บตกลงมาหนากว่าหิมะในเมืองที่ร้อนพอๆ กับไทย
    ...
    ...
    เอ็นริเก้ อัลฟาโร ผู้ว่าการรัฐฮาลิสโก ซึ่งมีเมืองหลวงคือกวาดาลาฮารา เผยว่า "ผมไม่เคยเห็นภาพแบบนี้เกิดขึ้นในกวาดาลาฮารามาก่อน ทำให้เราต้องถามตัวเองว่าปัญหาโลกร้อนเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเหลือเชื่อจริงๆ"

    แม้ว่ากวาดาลาฮาราจะมีพายุลูกเห็บเกิดขึ้นเป็นปกติ แต่ไม่เคยตกหนักขนาดนี้ โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือละแวกเมืองรอบนอก 6 ชุมชนที่มีลูกเห็บหนาถึง 2 เมตร บ้านเรือนและอาคารทางธุรกิจเกือบ 200 แห่งได้รับความเสียหาย มียานพาหนะอย่างน้อย 50 คันถูกคลื่นน้ำแข็งซัดจนตกภูเขา รถบางคันถูกกองลูกเห็บฝังไว้จนเกือบครึ่งคัน

    อ่านต่อ https://www.posttoday.com/world/593660

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ธปท. ลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นอีกครั้ง ชะลอเงินทุนไหลเข้าแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งทุบสถิติ
    https://www.posttoday.com/finance/news/593681

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ระวัง! “กลั้นไอ-เบ่ง” รุนแรงเสี่ยง..เสียชีวิต
    .
    จากเหตุการณ์พระสงฆ์ผู้ใหญ่รูปหนึ่งมรณภาพจากการกลั้นไอจนทำหัวใจวาย สำหรับเรื่องนี้ รศ.พลเอก นพ.ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ ให้ความรู้เรื่องโรคหัวใจ ว่า การกลั้นไอหากเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจ ถ้ากลั้นไอหรือมีการเบ่งอย่างรุนแรง อาจมีผลข้างเคียงทำให้ "เสียชีวิตได้"
    “การกลั้นไอ จะทำให้ความดันในปอดสูงขึ้น จนส่งผลให้เลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจจะลดลง จนทำให้หัวใจขาดเลือด และเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันเสียชีวิต"
    แนวทางป้อมกัน ผู้ป่วยโรคหัวใจไม่ควรเบ่งหรือกลั้นหายใจ แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง อาทิ โรคเบาหวาน ความดัน ไขมันสูง สูบบุหรี่ หรือแม้แต่คนปกติ ควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจหรือไม่ และเข้าสู่กระบวนการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือดำเนินการผ่าตัด
    #NewsClear #กลั้นไอ #กลั้นไอเสี่ยงเสียชีวิต
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    พายุลูกเห็บฤดูร้อนสุดประหลาดทิ้งน้ำแข็งสูงถึง 6 ฟุตบน guadalajara, เม็กซิโก

    อุณหภูมิอยู่ที่ 80s ในเม็กซิกันซิตี้ก่อนที่พายุลูกเห็บจะตก

    70s (25°C)
    80s (30°C)

    Freak summer hailstorm dumps up to 6 feet of ice on Guadalajara, Mexico.

    The temperatures were in the 80s in the Mexican city before the hailstorm hit.


    https://www.cbsnews.com/news/mexico...o-city-in-summertime-freak-hail-storm-sunday/


     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วิกฤต ธารน้ำแข็งทเวทส์ ฟางเส้นสุดท้าย หากละลาย น้ำจะทะลักเข้าท่วมเมืองชายฝั่งทั่วโลก
    Publish 2019-07-01 11:46:28

    เรื่องราวที่ถือได้ว่าสำคัญต่อชาวโลกในตอนนี้มากๆ และมันกำลังนับถอยหลังสู้วันที่มันจะเกิดขึ้น เมื่อล่าสุดเพจเฟซบุ๊ก"บาบูนสู่รู้" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้

    1-11(8).png


    หากคุณมีที่พักอาศัยที่ดูๆ ไว้อยู่ริมชายฝั่ง ก็ขอเตรียมใจได้ว่า น้ำทะเลจะหนุนสูงจนท่วมแน่ๆ แต่คำถามคือตอนไหนหรือเมื่อไหร่ที่จะกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายเท่านั้นเอง ซึ่งหนึ่งในฟางเส้นสุดท้ายของโลกคือ ‘ธารน้ำแข็งทเวทส์’ (Thwaites Glacier) ที่หากละลายก็เท่ากับเปลี่ยนเมืองท่าทั่วโลกให้กลายเป็นเมืองบาดาลในบัดดล

    .
    บาบูนนัท

    --------------------

    ธารน้ำแข็งกำลังละลาย น้ำทะเลกำลังเพิ่มสูงขึ้น พวกเราทราบกันดีว่ามหาสมุทรกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์กังวลว่า โลกของเรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่ธารน้ำแข็งในธรรมชาติจะละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อนหน้านี้ คำเตือนต่างๆ ที่บอกกันมามักไม่เห็นผลอันเป็นประจักษ์นัก จนกระทั่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า ธารน้ำแข็งทเวทส์ ธารน้ำแข็งขนาดมหึมาที่อยู่บริเวณแอนตาร์กติกาฝั่งตะวันตก กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต เพราะมันกำลังละลายอย่างรวดเร็วจนเกิดปรากฏการณ์ลูกโซ่ที่มีผลกระทบต่อทุกชีวิต
    .
    ปัจจุบันน้ำทะเลของโลกหนุนสูงขึ้น 1 ฟุตในทุกๆ ศตวรรษ ซึ่งน้ำทะเลจำนวนหนึ่งกลายเป็นน้ำแข็งที่สามารถกักเก็บน้ำทะเลไว้จนมีความสูงถึง 200 ฟุต แต่น้ำแข็งทั่วโลกเองกำลังละลายในอัตราที่รวดเร็ว โดยเฉพาะธารน้ำแข็งทเวทส์ที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับรัฐฟลอริดา ซึ่งหากละลายนั้นจะทำให้น้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น 2 ฟุต และการละลายนี้จะส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งอื่นๆ ด้วย และเป็นไปได้ว่าน้ำทะเลจะหนุนสูงขึ้น 11 ฟุตเป็นอย่างต่ำ
    .
    ในความสูงขนาดนี้ หากเมืองบริเวณใกล้ชายฝั่งไม่มีโครงสร้างใดๆ ปกป้อง หรือเรายังไม่มีวิทยาการใหม่ๆ รับมือ เมืองเหล่านี้ก็จะจมอยู่ใต้บาดาลอย่างแน่นอน ประชากรหลายร้อยล้านคนจะไม่มีที่อยู่โดยทันที มนุษย์อาจสูญเสียแหล่งอาหารสำคัญ และเกิดการอพยพขึ้นที่สูงครั้งประวัติศาสตร์

    ----------------------

    นักวิทยาศาสตร์จับตาดูธารน้ำแข็งทเวทส์มานานกว่า 10 ปี มันเป็นธารน้ำแข็งที่ขึ้นชื่อว่า ‘ไม่มีความเสถียรเป็นอย่างยิ่ง’ พื้นผิวด้านล่างของธารน้ำแข็งแทรกตัวไปในแผ่นทวีป ซึ่งหากแผ่นธารน้ำแข็งเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ก็จะไปแล้วไปลับ ไม่มีทางหยุดยั้งได้ ธารน้ำแข็งทเวทส์กำลังอยู่ในช่วงสลายตัวอย่างรวดเร็ว นักวิจัย Ian Joughin จากมหาวิทยาลัย University of Washington ตีพิมพ์การคำนวณในวารสาร Nature ปีค.ศ. 2016 ว่า หากนำสภาพธารน้ำแข็งทเวทส์ในปัจจุบันมาคำนวณด้วยโมเดลคอมพิวเตอร์ ธารน้ำแข็งนี้อาจมีเวลาเหลือแค่ 200 – 500 ปี ก่อนจะละลายจนหมด แต่นักวิจัยอีกหลายฝ่ายมองว่า เป็นไปได้ที่ธารน้ำแข็งจะละลายเร็วกว่านี้ เมื่อภาวะโลกร้อนเหนือการควบคุมจากผลกระทบที่มนุษย์สร้างขึ้น
    .
    เวลาของธารน้ำแข็งทเวทส์ จึงเปรียบเสมือนเส้นตายไปโดยปริยายที่เรายังไม่รู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ เราอาจจะหาเวลาที่ชัดเจน แต่สามารถวางแผนเตรียมพร้อมรับมือ เตือนให้ประชาคมโลกวางแผนป้องกัน หรืออย่างน้อยก็อาจทุ่มทรัพยากรรับมือบริเวณเมืองใกล้ชายฝั่งทั่วโลกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ให้ได้เสียก่อน
    .
    จากผลสำรวจนี้ทำให้ช่วงเวลาสุดท้ายของธารน้ำแข็งทเวทส์ถูกหยิบมาเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องมีการวิจัยอย่างลึกซึ้ง ซึ่งมีจุดหมายว่าภายใน 5 ปีนี้ต้องมีคำตอบที่น่าเชื่อถือให้ได้ มีการทุ่มงบประมาณราว 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่มาจากทางด้านสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร รวมทีมวิจัยได้ 8 ทีม หลากหลายเชื้อชาติที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกัน พวกเขาจะศึกษาว่าลักษณะของน้ำทะเลที่อุ่นขึ้นนั้นมีผลต่อการละลายพื้นผิวใต้น้ำแข็งอย่างไร การทรุดตัวของชั้นน้ำแข็งแต่ละชั้น และการสมดุลการทรงตัวของธารน้ำแข็ง รวมไปถึงสร้างโมเดลเพื่อคาดการณ์ว่า ธารน้ำแข็งจะถล่มลงมาในลักษณะใด

    --------------------------อุปสรรคหนึ่งในการศึกษาธานน้ำแข็งนี้ หนึ่งในนั้นคือการเดินทางไปสู่ธารน้ำแข็งทเวทส์ที่ค่อนข้างสาหัสทีเดียว ทีมวิจัยต้องโดยสารด้วยเรือตัดน้ำแข็ง (icebreaker) ขนาด 300 ฟุต ที่ค่อยๆล่องตัดธารน้ำแข็งไปอย่างช้าๆ อย่างน้อยใช้เวลา 1 เดือนกว่าจะถึงจุดหมาย การเดินทางจึงเต็มไปด้วยการผจญภัย หนาวเหน็บ และอ้างว้าง ราวกลับไปสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง โชคดีที่ยุคนี้มีระบบดิจิตอลในการสื่อสารและนวัตกรรมที่ทำให้ทีมวิจัยยังติดต่อกับโลกภายนอกได้
    .
    เบื้องต้นงานวิจัยได้คำนวณว่า พื้นที่ของโลกที่จะได้ผลกระทบจากธารน้ำแข็งทเวทส์ละลายโดยตรงที่สุดคือ รัฐไมอามีของสหรัฐอเมริกา และเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย
    .
    การจะมีข้อมูลด้านสภาพแวดล้อมที่แน่นปึ๊ก น่าเชื่อถือได้ ก็ต้องเก็บกันละเอียดไม่ต่ำกว่า 30 ปี แต่เมื่อภารกิจสำรวจธารน้ำแข็งทเวทส์ถูกจำกัดไว้แค่ 5 ปีเท่านั้น ทีมวิจัยจึงต้องเก็บข้อมูลทุกรูปแบบเท่าที่นึกออก (และทำได้ในเชิงปฏิบัติ) หนึ่งในทีมวิจัย Lars Boehme นักสมุทรศาสตร์จากมหาวิทยาลัย University of St. Andrews ถึงกับติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้กับแมวน้ำหลายตัวที่หากินบริเวณธารน้ำแข็งทเวทส์ น่าอัศจรรย์ที่แมวน้ำผู้ร่วมวิจัย (ที่ทำวิจัยฟรีๆ) สามารถให้ข้อมูลความเค็มของมหาสมุทร อุณหภูมิเฉลี่ยได้ในขณะที่พวกมันแหวกว่าย

    1-22.png


    นอกจากนั้นยังมีการใช้เรือดำน้ำไร้คนขับขนาดเล็ก เพื่อสำรวจในมิติที่ละเอียดขึ้นของน้ำอุ่นที่ดันหนุนขึ้นมาจากใต้มหาสมุทร

    ------------------

    ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจก็มีภาครัฐนำไปปรับใช้บ้างแล้วเพื่อการรับมือ อาทิ ‘เมืองนิวออร์ลีนส์’ เป็นเมืองท่าสำคัญของสหรัฐอเมริกา ได้นำข้อมูลเตรียมทำแบริออร์ขนาดใหญ่ วางแผนสร้างบ้านที่ยกใต้ถุนสูง ปรับปรุงการไหลของน้ำในชุมชนไม่ให้มีสิ่งกีดขวาง มีการทำแผนที่น้ำท่วม (flood map) และที่สำคัญคือการให้การศึกษาของคนในพื้นที่ ให้เตรียมการรับมือกับน้ำท่วมก่อนเนิ่นๆ เพื่อที่ทุกคนจะไม่ตื่นตระหนกภายหลัง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากงานวิจัยในภารกิจทเวทส์
    .
    เรื่องที่น่ากังวลอาจมาใกล้กว่าที่คาดคิด จากการสำรวจ ธารน้ำแข็งทเวทส์อาจอยู่ได้อีกเพียง 1 ศตวรรษก่อนที่จะละลายและเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทรโลก และใช้เวลาอีก 20-30 ปี ที่จะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ไปกระทบธารน้ำแข็งลูกอื่นๆ แม้ทีมวิจัยเชื่อว่าการคำนวณผ่านกระบวนการที่ล้ำหน้าและเป็นโมเดลที่น่าเชื่อถือ แต่ก็ยังต้องเผื่อใจกับกรณีที่อาจแย่กว่านั้น ซึ่งอาจกลายเป็นการเร่งเวลาที่ทำให้วิกฤตครั้งนี้เกิดเร็วมากขึ้น
    .
    อนาคตของธารน้ำแข็งยักษ์ยังมีหลายปัจจัยกำหนด โครงสร้างของมันจะยืนหยัดอยู่ได้อีก 1 ศตวรรษหรือไม่ เมื่อแผ่นน้ำแข็งแตกและฉีกออกแล้ว จะลอยไปกระทบธารน้ำแข็งอื่นๆ ไหม อุณหภูมิน้ำทะเลจะเปลี่ยนอย่างไร กระแสลมผันผวนหรือไม่ ยังมีหลายคำถามที่ต้องหาคำตอบ

    ------------------

    แต่ที่แน่ๆ ธารน้ำแข็งทเวทส์จะเป็นตัวตัดสินสำคัญว่าพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลกจะ ‘ท่วมหรือไม่ท่วม’ และต่อจากนี้ไป เมื่อมนุษย์มองเห็นธารน้ำแข็งใดๆในธรรมชาติ พวกเราจะไม่มองเห็นเพียงแต่ความสวยงาม แต่มองมันดั่งนาฬิกาทรายที่นับถอยหลังบอกเล่าถึงหายนะทางธรรมชาติกำลังมาเยือน

    1-33(1).png


    ขอบคุณเนื้อหาจาก #บาบูนสู่รู้

    https://www.tnews.co.th/contents/513384
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2019
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    IMG_3377.JPG
    1 กรกฎาคม 2019 Magnetopause ประสบกับความไม่สงบในช่วง 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

    July 1, 2019. Magnetopause experiencing some disturbance the past 4 hours.

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,823
    ค่าพลัง:
    +97,150
    John Traczyk

    30 มิถุนายน วิกฤติการทำฟาร์มของสหรัฐแย่ลง: พายุลูกเห็บ (Hailstorm) ทำลายข้าวโพดและถั่วเหลืองหลายพันเอเคอร์ในมินนิโซตา - ในหลาย ๆ กรณีมันสายเกินไปแล้วในฤดูกาลสำหรับเกษตรกรที่จะปลูกพืช

    June 30. US farming crisis worsens: Hailstorm destroys thousands of acres of corn and soybeans in Minnesota — in many cases it'a too late in the season for farmers to replant their crops.


    http://strangesounds.org/2019/06/us-farming-crisis-hailstorm-destroys-crops-minnesota.html


     

แชร์หน้านี้

Loading...