ตามรอยพระพุทธบาท ท่าเท้าพระพุทธองค์

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 สิงหาคม 2012.

  1. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    อ่านที่คุณธรรม-ชาติบอกให้ พกกระเป๋าตังค์และบัตรประชาชนติดตัว ทำให้นึกถึงสมัยทำงานที่กรุงเทพ มีน้องผู้ชายอีกแผนกหนึ่งชอบพกบัตรประชาชนคนงานประมาณ 20-30 บัตรไว้ในกระเป๋าตังค์ตัวเอง ก็เลยแซวไปว่า พกบัตรประชาชนเยอะขนาดนี้ นี่ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรทำให้หน้าเละจนจำไม่ได้ ตำรวจจะรู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นคนไหน


    ขั้นตอน วิธีฝึก ตรงนี้ยังมึนตื๊บค่ะ คิดไม่ออก โดยปกติแล้วจะมีนิสัยชอบคิดทบทวนก่อนฝึกจริงน่ะค่ะ แต่เคยจำอาการเป็นลมได้น่ะค่ะ มีครั้งหนึ่งช่วงขณะกำลังจะเป็นลม ดูเหมือนมันมีอาการวูบแล้วดำมืดไปหมด แต่ขณะที่ความรู้สึกตัวกำลังจะดับหายหมด เพียงเสี้ยววินาทีนั้นยังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง เลยคว้าจับเสาไม้ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม หลังจากคว้าจับเสาไม้ไว้ได้แล้วสูดหายใจลึกๆความรู้สึกตัวก็ค่อยๆกลับคืนมา เป็นอะไรที่เกิดไวมากๆ ตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้เข้าใจอาการของคนเป็นลมว่าเป็นยังไง

    หลังจากนั้นให้หลังประมาณ 3 ปีได้ มีโอกาสนอนหลับแบบสลบเหมือด สิ้นสติสลบไสลแน่นิ่งแบบไม่รู้สึกตัวเลยประมาณ 2 อาทิตย์ พอฟื้นขึ้นมาแล้วพี่เลี้ยงบอกว่าดิฉันนอนที่ รพ.2 อาทิตย์เพิ่งกลับจาก รพ.มา แต่ตัวเองจำอะไรไม่ได้เลยว่าไป รพ.ตอนไหน กลับมาบ้านเมื่อไหร่ จะนึกเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ออกเลย จนทุกวันนี้ก็ยังนึกไม่ออก ตั้งแต่นั้นก็รู้สึกแปลกใจกับอาการนี้ และก็ได้นำมันมาคิดพิจารณาเรื่อยๆว่า ถ้าถึงเวลาตายจริงๆแล้วมันดับหมดอย่างที่เคยเป็นคงจะดี คงไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่พอได้อ่านโพสท์ของคุณธรรม-ชาติ ที่พูดถึง อสัญญีพรหมหรือพรหมลูกฟัก ก็ได้ศึกษาค้นคว้าความหมายดู จึงได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมานานเป็นสิบปีกว่าๆ เพราะตอนนั้นเข้าใจว่าอาการนี้จะเป็นอาการที่ดับหมด ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

    พูดถึงเรื่องถอดจิต มีครั้งหนึ่งนอนๆอยู่แล้วตัวเองลุกออกจากร่าง ตอนนั้นยืนหันหลังให้ร่าง แล้วคิดอยากหันกลับไปมองดูร่างสังขารของตัวเองที่นอนอยู่ ปรากฏว่าหันไปดูไม่ได้ค่ะ พยายามหันสองครั้งไม่สำเร็จ ลักษณะคอแข็งจนรู้สึกปวดคอเลยน่ะค่ะ มองไปที่อื่นได้หมด ยกเว้นหันไปมองร่างตัวเองไม่ได้ พอรู้สึกตัวตื่น รู้สึกปวดคอมาก ปวดตรงจุดเดียวกันด้วย จะว่านอนตกหมอนก็ไม่ใช่ เพราะตอนรู้สึกตัวตื่นก็ยังนอนเหยียดตรงในท่าเดิม ก็รู้สึกแปลกใจว่ามีแบบนี้ด้วย
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    อ่านที่คุณธรรม-ชาติบอกให้ พกกระเป๋าตังค์และบัตรประชาชนติดตัว ทำให้นึกถึงสมัยทำงานที่กรุงเทพ มีน้องผู้ชายอีกแผนกหนึ่งชอบพกบัตรประชาชนคนงานประมาณ 20-30 บัตรไว้ในกระเป๋าตังค์ตัวเอง ก็เลยแซวไปว่า พกบัตรประชาชนเยอะขนาดนี้ นี่ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเป็นอะไรทำให้หน้าเละจนจำไม่ได้ ตำรวจจะรู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นคนไหน

    +++ เรื่องพกกระเป๋าตังค์และบัตรประชาชนติดตัวนั้น พอแก้ไขเหตุการณ์คือถ้ามันแฉลบไปแต่ยังอยู่ในประเทศไทยและยังเป็นภูมิของมนุษย์เท่านั้น และยังต้องการตรวจสอบสถานที่ในขณะนั้นอยู่ แต่ถ้าหากมีมโนภาพอื่นขึ้นมาแทรกในระดับความไวของ เจโต หรือ กิริยาจิต ต้องแก้ด้วยการทวนขั้นตอนและต้องใช้มโนภาพเพื่อกลับเข้าที่เดิมให้เร็วที่สุด ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาทในทุกกรณีถือว่าดีที่สุด นะครับ

    ขั้นตอน วิธีฝึก ตรงนี้ยังมึนตื๊บค่ะ คิดไม่ออก โดยปกติแล้วจะมีนิสัยชอบคิดทบทวนก่อนฝึกจริงน่ะค่ะ แต่เคยจำอาการเป็นลมได้น่ะค่ะ มีครั้งหนึ่งช่วงขณะกำลังจะเป็นลม ดูเหมือนมันมีอาการวูบแล้วดำมืดไปหมด แต่ขณะที่ความรู้สึกตัวกำลังจะดับหายหมด เพียงเสี้ยววินาทีนั้นยังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง เลยคว้าจับเสาไม้ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้ม หลังจากคว้าจับเสาไม้ไว้ได้แล้วสูดหายใจลึกๆความรู้สึกตัวก็ค่อยๆกลับคืนมา เป็นอะไรที่เกิดไวมากๆ ตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้เข้าใจอาการของคนเป็นลมว่าเป็นยังไง

    +++ ตรงนี้ต้องผ่านการฝึกในหลักสูตร "ใช้จิตเคลื่อนร่าง" กับการทำ teleportation ในฐานของ จิตตานุปัสสนา กับ ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ก่อน จากนั้นจึงฝึกการ ควบ ฐานกายา กับ ฐานกายเวทนาเข้าด้วยกัน จึงจะเข้าใจในเรื่องของ การใช้ขันธ์ ในหมวดนี้ได้ ห้ามคิดโดยเด็ดขาดนะครับ เรื่องของ การใช้ขันธ์ จะเอาความคิดเข้ามาเจือปนไม่ได้เพราะมันเป็นเรื่องของการ "อยู่ + ควบฐาน + เจโต" ซึ่งเป็นเรื่องของ "จิตอ่อนควรแก่การงาน" และพ้นนิวรณ์ในปัจจุบันขณะ ในสภาวะปกติทุกประการ นะครับ

    หลังจากนั้นให้หลังประมาณ 3 ปีได้ มีโอกาสนอนหลับแบบสลบเหมือด สิ้นสติสลบไสลแน่นิ่งแบบไม่รู้สึกตัวเลยประมาณ 2 อาทิตย์ พอฟื้นขึ้นมาแล้วพี่เลี้ยงบอกว่าดิฉันนอนที่ รพ.2 อาทิตย์เพิ่งกลับจาก รพ.มา แต่ตัวเองจำอะไรไม่ได้เลยว่าไป รพ.ตอนไหน กลับมาบ้านเมื่อไหร่ จะนึกเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ออกเลย จนทุกวันนี้ก็ยังนึกไม่ออก ตั้งแต่นั้นก็รู้สึกแปลกใจกับอาการนี้ และก็ได้นำมันมาคิดพิจารณาเรื่อยๆว่า ถ้าถึงเวลาตายจริงๆแล้วมันดับหมดอย่างที่เคยเป็นคงจะดี คงไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก แต่พอได้อ่านโพสท์ของคุณธรรม-ชาติ ที่พูดถึง อสัญญีพรหมหรือพรหมลูกฟัก ก็ได้ศึกษาค้นคว้าความหมายดู จึงได้รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดมานานเป็นสิบปีกว่าๆ เพราะตอนนั้นเข้าใจว่าอาการนี้จะเป็นอาการที่ดับหมด ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก

    +++ อาการดับหมด นั้นเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่ อาการดับ "ถูกรู้" แล้ว "สภาวะรู้วางอาการดับนั้นลงในสภาวะจิตปกติที่ไม่ทรงฌาน (ธรรมารมณ์) แต่อย่างใดทั้งสิ้น" โดยไม่ให้ความหมายอะไรอีกเลย "อยู่กับรู้" จบกิจจบกรรมกันเพียงแค่นั้น นะครับ

    พูดถึงเรื่องถอดจิต มีครั้งหนึ่งนอนๆอยู่แล้วตัวเองลุกออกจากร่าง ตอนนั้นยืนหันหลังให้ร่าง แล้วคิดอยากหันกลับไปมองดูร่างสังขารของตัวเองที่นอนอยู่ ปรากฏว่าหันไปดูไม่ได้ค่ะ พยายามหันสองครั้งไม่สำเร็จ ลักษณะคอแข็งจนรู้สึกปวดคอเลยน่ะค่ะ มองไปที่อื่นได้หมด ยกเว้นหันไปมองร่างตัวเองไม่ได้ พอรู้สึกตัวตื่น รู้สึกปวดคอมาก ปวดตรงจุดเดียวกันด้วย จะว่านอนตกหมอนก็ไม่ใช่ เพราะตอนรู้สึกตัวตื่นก็ยังนอนเหยียดตรงในท่าเดิม ก็รู้สึกแปลกใจว่ามีแบบนี้ด้วย

    +++ การดูร่างในขณะนั้นทำได้ 2 กรณีคือ ไม่ต้องหันร่าง แต่ "ดู" ร่างตรง ๆ แบบ 1 ขณะจิต แล้วจะกลายเป็น ยืนหันหน้าให้ร่างเองโดยไม่มีการหันหรือกลับตัวแต่อย่างใดทั้งสิ้น กับอีกแบบคือ บังคับกายที่ถอดให้หันทั้งกายแล้วจึงเห็นร่าง ก็ได้ เพื่อความละเอียดในการเรียนรู้การทำงานทางจิต หากมีโอกาส ควรฝึกทั้ง 2 แบบ นะครับ
     
  3. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    มีเรื่องเล่าด้วย อิ..อิ เห็นว่าเหตุการณ์น่าจะคล้ายๆกันครับ

    หลายเดือนแล้วขณะเดินผ่านใต้ต้นไม้ ได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นลงมา (ลำดับเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นภาพในความคิด ,เห็น)
    1.พอได้ยินเสียง ก็เกิดภาพขึ้นมา
    2.แล้วเหมือนเราไปมองภาพที่เราสร้างมา
    3.มาเห็นร่างเราอีกร่างกำลังยกมือขึ้น ป้องศรีษะ
    4.มีการชะงัก 1 จังหวะ หลังจากนั้นร่างนั้นก็สามารถยกมือขึ้นป้องศรีษะได้ครับ

    มีแบบแยกร่างที่ล้มลุกคลุกคลานอีกครั้งหนึ่งด้วย
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนขณะกำลังเดินอยู่แล้วเกิดพลาดกำลังจะล้ม บังเอิญได้เห็นร่างเราอีกร่างหนึ่งล้มไปก่อนหน้าแล้ว มันกำลังจะดึงร่างเราล้มด้วย ความที่ไม่อยากล้ม เลยปล่อยความรู้สึกที่ถูกอีกร่างดึงทิ้งไป ก็สามารถทรงตัวได้ ส่วนร่างที่แยกนั้นล้มลงไปกองกับพื้นแล้วครับ

    เกิดถ้าเราบังเอิญไปอยู่กับร่างที่แยกไป กลายเป็นว่าต้องล้มลุกคลุกคลานทั้งสองร่าง คิดแล้วไม่รู้สงสารร่างไหนดีครับ
     
  4. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    มีเรื่องเล่าด้วย อิ..อิ เห็นว่าเหตุการณ์น่าจะคล้ายๆกันครับ

    หลายเดือนแล้วขณะเดินผ่านใต้ต้นไม้ ได้ยินเสียงเหมือนอะไรหล่นลงมา (ลำดับเหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นภาพในความคิด ,เห็น)

    +++ ลักษณะนี้จัดว่าเป็น "อุบัติเหตุ" ซึ่งเป็น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "นอกเหนือความคาดคิด" ดังนั้นมันจึง "ไม่ใช่เรื่องของความคิด" แต่ถ้าหากมั่นใจว่า "เป็นเรื่องของความคิด" ก็ต้องทดลองใช้ "ความคิดนั้น ๆ จำลองเหตุการณ์ ให้ซ้ำรอยเดิมให้ได้ ในทุกประการ" รวมถึงการทำงานทางจิตที่ออกไปนอกร่างด้วย "หากทำได้" จึงนับได้ว่าเป็น "ความคิด" แต่ถ้าหากทำไม่ได้ ก็ต้องเป็นเรื่องของการทำงานทางจิต ที่จะอธิบายดังต่อไปนี้

    1.พอได้ยินเสียง ก็เกิดภาพขึ้นมา

    +++ ในจุดนี้เป็นเรื่องของ ตัวดู หรือจะเรียกว่า "อัตตาจิต" ก็ได้ และ ตัวดู นี้มักจะคร่อม 2 ฐานเสมอ คือ ธรรมานุปัสสนา + จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน แต่ในขณะจิตนั้น ๆ ตัวดูได้ทำการ teleportation ออกไปนอกร่าง และด้วยความเป็น "อัตตาจิต" จึงเป็น "ตน หรือ ตัวเอง" ออกไป "ดู" ข้างนอกร่าง ใน 1 ขณะจิต ด้วยความเร็วในระดับ "เจโต"

    2.แล้วเหมือนเราไปมองภาพที่เราสร้างมา

    +++ หากเป็น "ความคิด" ก็ย่อมเห็น "ภาพที่สร้างมา" เป็นธรรมดา ตรงนี้ต้องลอง "คิดให้ตัวเองออกไปนอกร่าง แล้วมองย้อนกลับมาดู ตนเองที่เป็นตัวจริงดู" "หากทำได้" จึงนับได้ว่าเป็น "ความคิด" แต่ถ้าหากทำไม่ได้ จึงนับว่าเป็นการทำงานทางจิต

    +++ ในจุดนี้ เป็นเรื่องของ "อัตตาจิต" ออกไปข้างนอก ร่างมนุษย์ แล้ว "ดูเหตุการณ์" ในขณะจิตนั้น ๆ รวมทั้ง "ดูร่างมนุษย์ หลังจากที่ teleport" ออกไปแล้ว

    3.มาเห็นร่างเราอีกร่างกำลังยกมือขึ้น ป้องศรีษะ

    +++ ตรงนี้เป็นเรื่อง "แยกร่างเป็น 2" ในขณะที่ "อัตตาจิต" เป็นร่างหนึ่ง และ กายมนุษย์เป็นอีกร่างหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ร่างนี้ อยู่ในระดับความเร็วของ "กิริยาจิต" ทำงานในระดับความเร็วของ "สัญชาติญาณ" ซึ่งจะเร็วกว่าชั้นของ "เจโต" ซึ่งเป็นระดับ "ญาณสังหรณ์" ในข้อที่ 1 (ภาษาที่ใช้ในกรณีนี้ อาจจะไม่ตรงกับในพจนานุกรม แต่คงเพียงพอต่อความเข้าใจได้)

    +++ เรื่องของการแยกร่างนี้ เคยกล่าวไว้ในกระทู้ ป่าหืมพานต์ แต่ตรงนั้นเป็นการแยกของ กายจิต กับ อัตตาจิต

    4.มีการชะงัก 1 จังหวะ หลังจากนั้นร่างนั้นก็สามารถยกมือขึ้นป้องศรีษะได้ครับ

    +++ สำหรับผู้ที่ผ่านการฝึก "ใช้จิตเคลื่อนร่าง" มาแล้วจะเข้าใจได้ว่า การชะงัก 1 จังหวะนั้น เกิดมาจากวาระจิตต่อต้าน หรือ ที่เรียกว่า "วาระจิตลังเล" ที่เป็นวาระจิตละเอียดภายในกระแสความต่อเนื่องของ เจโต แรกนั่นเอง เมื่อวางตัวนี้ได้ กระแสเจโตแรก ย่อมทำงานต่อไปได้ตามปกติ

    มีแบบแยกร่างที่ล้มลุกคลุกคลานอีกครั้งหนึ่งด้วย
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนขณะกำลังเดินอยู่แล้วเกิดพลาดกำลังจะล้ม บังเอิญได้เห็นร่างเราอีกร่างหนึ่งล้มไปก่อนหน้าแล้ว

    +++ นั่นคือ การแยกร่างของ กายเวทนา ซึ่งบางคนในกระทู้นี้ เคยผ่านประสพการณ์กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ในเวลาทำงานที่เหมือน กายภายในมองดูอยู่เฉย ๆ หรือกายที่ถอดออกจากร่าง รวมทั้งกายที่โยกในขณะเกิดเหตุการณ์โคลงเคลง นั่นแหละ มันเป็นกายเวทนานี้ที่ล้มลงไปก่อน

    มันกำลังจะดึงร่างเราล้มด้วย ความที่ไม่อยากล้ม เลยปล่อยความรู้สึกที่ถูกอีกร่างดึงทิ้งไป ก็สามารถทรงตัวได้ ส่วนร่างที่แยกนั้นล้มลงไปกองกับพื้นแล้วครับ

    +++ ผู้ที่เคยแยก กายเวทนา ในระดับจิตปกติย่อมรู้ได้ชัดเจนว่า ในขณะที่มันแยกนั้น มันก็จะพยายามกลับเข้ามาประกบกับร่างเดิมหรือร่างมนุษย์เสมอ ตรงนั้นจะเกิด แรงดึงชนิดหนึ่ง และมันเป็นแรงเดียวกันกับการฝึก "ใช้จิตเคลื่อนร่าง" นั่นเอง

    +++ ด้วยความเร็วในระดับ "กิริยาจิต" ที่ทำงานในระดับความเร็วของ "สัญชาติญาณ" มหาสติปัฏฐานที่ทำการ "ควบ 2 ฐาน" ในขณะนั้น จึงวาง ฐานกายเวทนา แล้วย้ายฐานทั้งหมดกลับเข้ามาสู่ ฐานกายา แต่พลังสติที่ยังครองอยู่ จึงทำให้ "รู้ประดุจเห็น" ว่า กายเวทนานั้น ล้มลงไปกองกับพื้น แต่ภายในขณะจิตต่อมา กายเวทนานั้น ก็หายไป เพราะมัน teleport กลับเข้ามาประกบกับ ฐานกายา อีกเช่นเดิม

    +++ ผู้ที่มีประสพการณ์ตรงนี้ คงพอจะเข้าใจในเรื่องของ การตายและเกิด ได้ไม่ยาก เพราะตรงนั้นจะเป็นเรื่องของ อัตตาจิต กับ กายจิต หรือ กายเวทนา ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับ ภพภูมิ ที่ไปจุติ นะครับ

    เกิดถ้าเราบังเอิญไปอยู่กับร่างที่แยกไป กลายเป็นว่าต้องล้มลุกคลุกคลานทั้งสองร่าง คิดแล้วไม่รู้สงสารร่างไหนดีครับ

    +++ หาก สติ ย้ายฐานกลับไม่ทัน ก็จะกลายเป็นเจ็บทั้ง กายมนุษย์+กายเวทนา นั่นเอง แต่กรณีนี้เป็นไปได้ยาก แม้ว่าจะเป็นกรณีของ กายมนุษย์ล้ม แต่กายเวทนาไม่ล้ม ตัวดู ก็จะทำการดึงกายมนุษย์ให้กลับมาประกบกับกายเวทนาได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นกับว่า ตัวดูในขณะนั้น อยู่ในกายไหน ใน 4 ประเภทของกายแห่ง กาย เวทนา จิต ธรรม
     
  5. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    ในเหตุการณ์ที่เล่าไปนั้น มันเกิดขึ้นในคาบเวลาช่วง 1 ก้าว(เดินปกติ) และอยู่นอกเหนือการควบคุมครับ ทำได้แต่ ปล่อยสภาวะที่ชงัก1จังหวะ กับคลายสภาวะที่มีแรงดึงดูดของอีกกายทิ้งไป

    ใช้เวลาในการนั่งอ่านคำตอบของคุณ ธรรม-ชาติ เกือบ4ชั่วโมง ประกอบกับทบทวนสภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ถึงพอจะเข้าใจภาษาที่อธิบายมาบ้าง ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
     
  6. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ในการฝึกจิตเคลื่อนร่าง มันยากและค่อนข้างใช้เวลานานมากจริงๆ
     
  7. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    วันนี้ลองใช้วิธีเข้าเต็มฐาน แล้วทำอย่างที่คุณธรรมชาติบอกไว้ จะรู้สึกได้เลยว่าเจ้ากายเวทนานั้น มันหลุดออกมาอย่างชัดเจนแม้จะไม่เต็มตัว แต่พอรู้เลยครับว่าหลุดออกมาโดยเจตนาจะเป็นอย่างไร
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ หลักสูตร การใช้จิตเคลื่อนร่าง จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อใช้ กายจิต จากฐานจิต (ละเอียดกว่า กายเวทนา) เคลื่อนร่าง จนกว่าจะได้ท่ากราบพระที่สมบูรณ์ และละเอียดเนียนประดุจภพภูมิในขณะที่ทำการกราบพระ ซึ่งจะทำให้เห็นการทำงานของ กิริยาจิต ที่ละเอียดกว่า วาระจิต รวมทั้งกระแสการทำงานของมัน ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกันโดยตรงกับ "กฏเกณฑ์การทำงานของจิต" ที่เรียกกันอย่างสั้น ๆ ว่า "กฏแห่งกรรม" นั่นเอง จนกว่าจะจบภาค จิตตานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน และต่อเข้าสู่ ธรรมานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน ในภายหลัง จนกว่าจะออกจาก ภพภูมิ ทั้งมวลนั่นเอง

    ทั้งหมดขึ้นกับ เหตุปัจจัยของ เวลาและสถานที่ทั้งหมดด้วย เพราะตรงนี้จะละเอียดกว่า หลักสูตรรวบรัดแบบคราวที่แล้วมาก
     
  9. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    อ่านทบทวนที่คุณธรรม-ชาติ อธิบายในโพสท์ #108 แล้ว ตอนนี้เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วค่ะ

    ขอรบกวนสอบถามเพื่อเป็นความรู้นะคะ สมมุติว่า ขณะที่หลับตาพักเพื่อผ่อนคลาย พอหลับตาปุ๊บ ก็จะเห็นหยดน้ำกระทบกันชัดเจนมาก เหมือนหยดน้ำที่เรามองเห็นด้วยตาเนื้อเลยค่ะ พอเรามองดูสักพักแล้ว จะเห็นว่าหยดน้ำนั้นเริ่มก่อตัวเป็นเส้นยาวๆใสเหมือนแก้ว เคลื่อนม้วนไปมาอย่างนุ่มนวล ( อธิบาย .. การม้วนเกลียวของสายน้ำที่เป็นเส้นนี้ จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับลักษณะการม้วนเกลียวของริบบิ้นเวลาเล่นยิมนาสติกลีลาน่ะค่ะ ) แบบว่าถ้าอยู่เงียบๆ อยู่ในอารมณ์ปล่อยวาง เวลาหลับตาพักผ่อนทุกครั้งก็จะเห็นภาพนี้เกือบทุกครั้งเลยน่ะค่ะ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ปรากฏการณ์ของภาพ จัดว่าเป็นส่วนของ รูป ในที่นี้จัดว่าเป็นส่วนของ นิมิตในธาตุน้ำ สามารถนำมาใช้ในการศึกษา การทำงานของจิต และผลกระทบได้ ดังนี้

    +++ ยามใดที่ รูปนิมิตปรากฏ ให้ใช้ กายานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน คือ รู้ตัว (ตรงนี้เป็นสติที่อยู่กับรูป) ไม่ใช่ รู้สึกตัว (เวทนา เป็นสติที่อยู่กับนาม) ให้ค่อย ๆ ปรับ อาการรู้ตัวมาทีละนิด แบบประมาณที่ละเปอร์เซนต์ หรือ ครึ่งเปอร์เซนต์ เท่านั้น และคอยสังเกตุ อาการแปรเปลี่ยน ในสภาพของนิมิตนั้น ว่าเป็นอย่างไร ใช้การ เพิ่ม หรือ ลด ความรู้ตัว ทีละนิดเดียวเท่านั้น

    +++ ในส่วนของ นาม เมื่อรูปนิมิตปรากฏ ย่อมได้อารมณ์ไปตามนิมิตนั้น ให้ใช้ เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน คือ รู้สึกตัว (ตรงนี้เป็นฝ่ายนาม) ใช้ค่อย ๆ ปรับที่ "ความรู้สึกตัว" ที่ละนิดเช่นกัน และคอยสังเกตุ อาการของอารมณ์ที่ผันแปรไป

    +++ หากสามารถ "ควบ" ได้ทั้ง 2 ฐาน คือทั้ง รู้ตัว+รู้สึกตัว ก็ให้ค่อย ๆ ปรับการ เพิ่ม-ลด ในระหว่างฐานทั้งสอง แบบทีละฐาน หรือ พร้อม ๆ กันทั้ง 2 ฐานก็ได้ (หากทำได้) และสังเกตุการแปรเปลี่ยนทั้ง นิมิต (รูปละเอียด) และ ธรรมารมณ์ (นามละเอียด) ในความเป็นไปของมัน ตรงนี้อาจจะยากสักหน่อย แต่ถ้าหากทำได้ ก็ถือได้ว่า เป็นการฝึก ควบ 4 ฐานไว้ในการฝึกเดียว ซึ่งตรงนี้คือ จุดมุ่งหมายของการฝึก มหาสติปัฏฐาน 4 ในมรรคชั้นสุดท้าย ก่อนที่จะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็น พ้นออกจากรูปและนามทั้งมวล นะครับ
     
  11. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    กราบขอบพระคุณมากค่ะ ยังไงจะปริ้นไปนั่งอ่านทบทวนเงียบๆดูหลายๆรอบค่ะ ลองอ่านที่นี่แล้วสังเกตุดูไม่ค่อยมีสมาธิเท่าที่ควรจะมี ถ้ามีอะไรติดขัด ขออนุญาต pm สอบถามนะคะ
     
  12. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันที่ 27ตอนเช้าครับ ขณะกำลังเสียบปลั๊กทีวีอยู่พลาดไปโดนขวดน้ำยาล้างแผลไฮโดรเยนหล่นลง มีสภาวะต่อไปนี้เกิดขึ้นครับ

    -เห็นภาพ(ตาเนื้อ)ขวดน้ำยาหล่นเป็นภาพหลัก(เต็มลานสายตา เห็นเริ่มตั้งแต่เริ่มหล่นจนตกลงสู่พื้นและกระเด็นไป)
    -(ตาสติ)เห็นภาพมือ(เวทนา)ยื่นไปจับขวดยา(เสมือนเป็นมือเราและมันสามารถรับรู้ความรู้สึกได้(น่าจะเป็นคำอธิบายที่ไกล้เคียงที่สุดครับ))ขณะที่ขวดยาหล่นลงมาประมาณคืบกว่าแล้วชักมือกลับมาประกบกับมือเรา

    ***ภาพตาเนื้อ และตาสติ และเสมือนเป็นมือเรา(เวทนา) เห็นและรู้สึกทั้งหมดพร้อมกัน ในระดับความชัดของภาพตาเนื้อ 70%ตาสติ30%ซ้อนทับกัน ตัวเลข%ระหว่างตาสติและตาเนื้อมีการเพิ่มและลดสัมพันธ์กันตามเหตุการณ์(ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี) ความรู้สึกเป็นมือนั้นมีความต่อเนื่องกัน(ไม่รู้จะถอดสภาวะนี้มาอธิบายยังไงดี) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเดียวจบไม่มีการขัดจังหวะ ครับ
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันที่ 27ตอนเช้าครับ ขณะกำลังเสียบปลั๊กทีวีอยู่พลาดไปโดนขวดน้ำยาล้างแผลไฮโดรเยนหล่นลง มีสภาวะต่อไปนี้เกิดขึ้นครับ

    -เห็นภาพ(ตาเนื้อ)ขวดน้ำยาหล่นเป็นภาพหลัก(เต็มลานสายตา เห็นเริ่มตั้งแต่เริ่มหล่นจนตกลงสู่พื้นและกระเด็นไป)

    +++ ตรงนี้เหมือนกับการ zoom ภาพให้ใกล้เข้ามา ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ตรงนี้เป็น "ตาจิต" เข้ามาทำงาน "ซ้อนกับตาเนื้อ" และลักษณะของปรากฏการณ์ "น่าจะมีอาการของ slow motion เข้ามาเกี่ยวพันด้วย" (ความเร็วตามปกติ แต่ดูเหมือนช้า)

    +++ หากใช่ตามที่กล่าวมาทั้งหมด ในวาระจิตนั้น ๆ "มหาสติ" สามารถคร่อม 2 ฐานของ รูป ได้ทั้งหมด คือ ฐานกายกับฐานจิต คือได้ทั้ง รูปหยาบและรูปละเอียด นั่นเอง

    -(ตาสติ)เห็นภาพมือ(เวทนา)ยื่นไปจับขวดยา(เสมือนเป็นมือเราและมันสามารถรับรู้ความรู้สึกได้(น่าจะเป็นคำอธิบายที่ไกล้เคียงที่สุดครับ))ขณะที่ขวดยาหล่นลงมาประมาณคืบกว่าแล้วชักมือกลับมาประกบกับมือเรา

    +++ ในตรงนี้ เป็นปรากฏการณ์ของการ คร่อมทีเดียว 3 ฐานคือ กาย เวทนา จิต (ยังขาดแต่เฉพาะ ธรรมารมณ์ เท่านั้น)

    +++ แท้จริงแล้ว การที่คนเรา รู้สึก หรือ สัมผัส กับอะไรก็ตาม กายมนุษย์ก็เหมือนกับเป็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งที่เราอาศัยอยู่เท่านั้น มันเป็นกายเวทนาต่างหาก ที่เป็นตัวรับผัสสะที่แท้จริง ผู้ใดที่เคย แยก โยก รวมทั้ง ถอด กายเวทนามาก่อน ก็จะทราบได้เป็นอย่างดี เช่น มือของกายเวทนา ยก แต่มือของร่าง ไม่ยก ต่าง ๆ เป็นต้น

    +++ เรื่องของการที่ มือของกายเวทนา ยื่นออกไปจับขวดยานั้น เป็นอาการดังที่กล่าวมาแล้วนั่นเอง แต่การชักมือกลับมานั้น เป็นปรากฏการณ์ของ วาระจิตลังเล (ผู้ที่เคยฝึก จิตเคลื่อนร่าง มาก่อนย่อมรู้จักตรงนี้ดี) ที่เข้ามาแทรกซ้อนในชั้น วาระจิตละเอียด

    +++ ภายภาคหน้า หากมีโอกาสที่เกิดปรากฏการณ์คล้ายคลึงกับแบบนี้อีก "ให้ใช้มือของ กายเวทนา หยิบวัตถุนั้นเลย ตรง ๆ" เพื่อเป็นการพิสูจน์ในเรื่องของ telekinesis (แปลว่า เคลื่อนวัตถุด้วยจิต แต่จริง ๆ เป็นเรื่อง กายเวทนา หยิบวัตถุ) ว่าจริงเท็จประการใด และประสพการณ์ตรงนี้ ไม่สามารถหาได้ง่าย ๆ

    ***ภาพตาเนื้อ และตาสติ และเสมือนเป็นมือเรา(เวทนา) เห็นและรู้สึกทั้งหมดพร้อมกัน ในระดับความชัดของภาพตาเนื้อ 70%ตาสติ30%ซ้อนทับกัน ตัวเลข%ระหว่างตาสติและตาเนื้อมีการเพิ่มและลดสัมพันธ์กันตามเหตุการณ์(ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดี) ความรู้สึกเป็นมือนั้นมีความต่อเนื่องกัน(ไม่รู้จะถอดสภาวะนี้มาอธิบายยังไงดี) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเดียวจบไม่มีการขัดจังหวะ ครับ

    +++ จริง ๆ แล้ว มันเป็น กายจิต + กายเวทนา ทำงานมากกว่ากายเนื้อในขณะนั้น หากฐานของกายเวทนาหนักแน่นกว่านี้ อาการลังเลชักมือกลับ อาจไม่เกิดขึ้น อย่างต่ำควรได้ 50/50 % แต่ถ้าจะให้ดี กายเวทนาควรอยู่ที่ 80% ดังนั้นควรเร่งการฝึกที่ "ฐานกายเวทนา" ให้เข้มข้นมากกว่าเดิม ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่พึงควรได้รับการพิสูจน์ จะได้แจ้งชัดและสิ้นสงสัยในธรรม นั่นเอง
     
  14. ยุ่งจริงๆ

    ยุ่งจริงๆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +50
    ขออนุญาติเล่าเบื้องหลังการถ่ายทำ อิ ิ

    พูดถึงความยากในการฝึก สำหรับผมการทำความรู้สึกตัวทั่ว(ทั่ง)ร่าง(เวทนานุปัสสนา) ยากมาก ถึงยากที่สุด หลังจากได้รับความเมตตาจากคุณ ธรรม-ชาติ ได้ทั้งสอน กดดัน ปลอบ(pm)เป็นเวลาเดือนกว่าแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังไงก็ทำไม่ได้ มันจับความรู้สึกนั้นไม่ได้ ไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใด ขนาดลองลาพุทธภูมิแล้วก็ดีขึ้นมานิดหน่อย ก็ยังไม่ได้อยู่ดี พักหลังเริ่มท้อแล้ว อุปมาเหมือนนักมวยขึ้นเวที 5 ยก ชกไม่ได้สักหมัด นี้ถ้าได้สักหมัดก็ยังมีกำลังใจขึ้นเวทีบ้าง หลังจากคิดว่าไม่เอาแล้ว ได้สัก 2-3 วัน ขณะนั้นตอนเย็นกำลังเดินอยู่นอกบ้าน ก็รู้สึกถึงแรงลมมาปะทะตัว เหมือนอยู่ชายทะเล ทั้งที่จริงไม่มีลมพัดมาเลยในตอนนั้น ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณธรรม-ชาติฟัง ได้ข้อสรุปว่าให้ฝึกอยู่กับความรู้สึกลมปะทะร่างไปก่อน(กายานุปัสสนา) ในส่วนเวทนานั้นยากเกินไปสำหรับผม

    การรู้ลมปะทะร่างนี้(พอเริ่มทำได้ไม่กี่วันเอง แต่) เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากสำหรับผม เพราะเราไม่ต้องคอยพะวงหรือต้องคอยสังเกตุว่า กำลังยก กำลังย่าง กำลังเบือนหน้า กำลังเดิน กำลังกิน แค่รู้ลมปะทะร่างเฉยๆ มันครอบคลุมอิริยาบทได้หมด ไม่เลือกสถานที่ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก (ก็เข้าใจว่ามีเรื่องละเอียดกว่านี้ เจ๋งกว่านี้ มีอยู่แต่เรื่องนี้สำหรับผมตอนนี้มันokเลย..)

    ก่อนที่ได้จะความรู้สึกนี้ ก็ได้ฝึกท่าเท้าพระพุทธองค์ อยู่ก่อนแล้ว เป็นการฝึกในอริยาบทเดินปกติทั่วไป(ไม่ได้เน้นเฉพาะเดินจงกรม) ได้บ้างไม่ได้บ้างก็ว่ากันไป รวมถึงการวิธีอื่นที่คุณธรรมชาติโพสไว้ ก็เริ่มจะพอเข้าใจในสิ่งที่คุณธรรม-ชาติได้แนะนำไว้ว่าให้ ทำฐานให้ได้ก่อนแล้วทุกอย่างจะดำเดินไปได้เอง

    แม้จะสงสัยอยู่ว่าธรรมมารมณ์ที่ว่าคืออะไร แต่ก็ไม่คงไม่ถามแล้ว หน้าที่ตอนนี้คือฝึกฐานไว้ก่อน ผลลัพธ์มันจะตอบตัวมันเอง(เข้าใจว่าอย่างนั้น)

    สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณคุณ ธรรม-ชาติ เป็นอย่างสูงครับ(ถ้ามีโอกาศ วาสนาได้เจอกันเมื่อไหร่ จะไปกราบให้ชื่นใจครับ แต่ช่วงนี้คงไม่ละครับ ฐานยังไม่ได้ขืนไปมีสิทธิโดนมะเหงก อิ ิ)
     
  15. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    ในขั้นธรรมมารมณ์นี้ จะเป็นขั้นรู้ตัวดู จะเห็นการเกิดดับ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา น่าจะประมาณนั้นนะครับ
     
  16. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    สุดท้ายนี้ ขอขอบพระคุณคุณ ธรรม-ชาติ เป็นอย่างสูงครับ(ถ้ามีโอกาศ วาสนาได้เจอกันเมื่อไหร่ จะไปกราบให้ชื่นใจครับ ... คิดเหมือนกันเลยค่ะ

    แต่ช่วงนี้คงไม่ละครับ ฐานยังไม่ได้ขืนไปมีสิทธิโดนมะเหงก ... เอาไงดี ซักไม่แน่ใจตัวเองแล้วล่ะสิ กลัวโดนเหมือนกัน สงสัยคงต้องฝึกให้คล่องๆก่อนแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวไปเจอครูบาอาจารย์แล้วประหม่า เอวังเลยงานนี้ อิอิ
     
  17. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,015
    คิดอยู่ในใจคนเดียวมาตลอดเหมือนกัน...เพิ่งรู้ว่าเพื่อนๆก็เป็นเหมือนเรา...เท่าที่อ่านของทุกคนยังมีความก้าวหน้าและเข้าใจในสิ่งที่ท่านธรรมชาติอธิบายมากกว่าข้าพเจ้า แล้วอย่างนี้จะกล้าไปพบท่านได้อย่างไร. สงสัยว่าข้าพเจ้าจะโดนมะเหงกก่อนคนอื่น....ตอนนี้ก็ขอแค่ฝึกมโนมยิทธิทุกวันและได้กราบพระพทธเจ้า ฯลฯ ยังโชคดีที่ช่วงหลังๆสามารถกำหนดองค์พระได้ชัดเจนมากขึ้น.. บางวันก็มีพิจารณาอริยสัจ4. โดยมองที่ทุกข์ของตนเอง 2-3 เรื่อง ลองทำ mindmap ในใจ เพื่อจะหาต้นเหตุแห่งทุกข์ก็พบว่าความทุกข์ข้าพเจ้าส่วนใหญ่มีต้นเหตุมาจากความรักในทุกคน. แต่ยังหาวิธีและหนทางดับทุกข์ไม่ได้ ทำได้แค่ปล่อยวางและก็ทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง...
     
  18. watjojoj

    watjojoj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +9,793
    คือว่าคนอื่นๆเขาได้เรียนโดยตรงกับพี่เขาน่ะครับ เลยไปเร็ว จะมีที่ไม่ได้เจอแล้วไปเร็วๆก็คุณจิตวิญญาณน่ะครับ

    ส่วนคนที่ไปช้าๆแบบมั่นคงคือคุณอินทรบุตรครับ อิๆๆๆๆ
     
  19. เขากระโดง

    เขากระโดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,015
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้แล้วกันค่ะ...ลืมเล่าว่าช่วงนี้ก็มีเป็นบ่อยเหมือนกันทั้งตอนนั่งสมาธิและตอนหลับ. คือความรู้สึกมันวิ่งเหมือนสปาร์ค. แล้วก็เหมือนความรู้สึกไปทั่วร่างค่ะ บางครั้งกำลังหลับๆก็ต้องสะดุ้งตื่นค่ะ...หลังจากนั้นก็เหมือนตัวเราหนักๆก็มีค่ะ....
     
  20. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ครับ มั่นคงมาก... นิ่งเหมือนคอนกรีตเลย... :'(
     

แชร์หน้านี้

Loading...