เรื่องเด่น “วันมาฆบูชา” พุทธศาสนิกชนหันหน้าเข้าวัดฟังธรรมรับศีล

มาฆบูชาจาตุรงคสันนิบาตวันแห่งความปาฏิหารย์ที่พระอรหันต์สาวกมาประชุมร่วมกันโดยมิได้นัดหมาย นัยยะแห่งอภินิหารย์เช่นนี้ เราชาวพุทธโดยทั่วไปต่างรับทราบและถือปฏิบัติกันมาเป็นความเชื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนกระทำในความดี ละเว้นความชั่ว ดังนั้นไม่ว่าเชื้อชาติศาสนาใดก็ต่างมีหลักคำสอนในทางเดียวกัน..ไม่เฉพาะเพียงศาสนาพุทธเท่านั้น



วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ถือได้ว่าเป็นวันสำคัญทางศาสนาของชาวพุทธอีกวันหนึ่งก็คือเป็น วันมาฆบูชา พุทธศานิกชนทั่วไปที่นับถือศาสนาพุทธจะมีวันสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่ออยู่หลายวันด้วยกัน เช่น วันมาฆบูชา วันอาสาฬบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เป็นต้น

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นวันมาฆบูชาพุทธศาสนิกชนทั่วไปพร้อมใจกันออกมาทำบุญตักบาตรและรับศีลขอพรจากพระสงฆ์ หัววัดต่าง ๆ ก็ได้มีการจัดกิจกรรมมากมายเช่น มีการทำบุญตักบาตรและการแสดงพระธรรมเทศนา ในส่วนของโรงเรียนก็ได้จัดให้มีกิจกรรมทางพุทธศาสนาด้วยเหมือนกัน เช่นจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนามีการตอบปัญหาธรรม มีการจัดงานส่งเสริมเชิงจริยธรรม เป็นต้น



ชาวพุทธโดยทั่วไปทราบกันดีว่า วันมาฆบูชา มีความสำคัญทางพุทธศาสนาอยู่ 4 ประการ คือ 1.เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาสปาฏิโมกข์แก่พระอรหันต์สาวกจำนวน 1,250 องค์ที่วัดเวฬุวันมหาวิหาร เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ ประเทศอินเดีย 2. ยังเป็นวันจาตุรงค
สันนิบาตอันมีเหตุการณ์สำคัญอีก 4 ประการเกิดขึ้นในวันเดียวคือ พระสาวก 1,250 องค์ที่มาประชุมกันล้วนเป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น ,พระอรหันต์ที่มาประชุมกันล้วนบวชโดยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทาคือพระพุทธเจ้าทรงบวชให้เองทั้งสิ้น , วันที่พระอรหันต์มาประชุมนั้นเป็นวันเพ็ญเดือน 3

และที่สำคัญพระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย ความสำคัญทางพุทธศาสนาประการที่ 3 คือเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศแต่งตั้งพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวาพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายและประการสุดท้ายคือ เป็นวันที่พระ
พุทธองค์ทรงปลงพระชนมายุสังขารว่าอีก 3 เดือนข้างหน้าพระองค์จะเสด็จดับขันปรินิพพาน

ด้วยเหตุที่วันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาสปาฏิโมกข์แก่พระอรหันต์ที่มาประชุมกันที่วัดเวฬุวันมหาวิหารจำนวน 1,250 องค์ ตลอดทั้งพุทธศาสนิกชนที่ได้มาร่วมสดับตรับฟังอยู่ด้วย โดยมีหัวข้อหลักใหญ่ ๆ 3 ประการคือ สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง การ
ไม่ทำความชั่วทุกอย่าง หมายถึงความชั่วใหญ่น้อยทั้งหยาบและละเอียด ทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง คือจะมีคนเห็นก็ตามไม่มีคนเห็นก็ตามไม่ควรทำอย่างยิ่ง กุสะลัสสูปะสัมปะทา มุ่งมั่นในการทำความดีให้เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่นเป็นการฝึกฝนให้คนเรามีความเสียสละไม่เห็นแก่ตัวมุ่งมั่นคิดสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตใจของตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากธุลีกิเลสทั้งหลาย



จากความสำคัญและความเชื่อของพุทธศาสนิกชนที่ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมานาน จนทำให้วันสำคัญทางพุทธศาสนาคือวันออกพรรษาได้กลายเป็นวันสำคัญสากลและได้บรรจุลงในปฏิทินสากลประกาศให้เป็นวันหยุดทั่วโลกมาแล้ว นี่อาจเป็นหนึ่งตัวอย่างของการ
ยึดถือปฏิบัติของชาวพุทธที่สร้างความภาคภูมิใจให้แก่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาแล้ว พื้นแผ่นดินในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่นับถือศาสนาพุทธทั้งสิ้น นับตั้งแต่ อินเดีย ศรีลังกา เนปาล พม่า ไทย ลาว เรื่อยขึ้นไปจนถึงจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี ล้วนแล้วแต่นับถือพุทธศาสนาทั้งนั้น ดังนั้นจึงน่าจะมีวันสำคัญทางพุทธศาสนาซักวันหนึ่งที่เป็นวันสากลให้ประชากรชาวโลกหันมาสนใจพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

วันมาฆบูชา วันสำคัญเช่นนี้หากพุทธศาสนิกชนท่านใดที่มีเวลา อยากจะเชิญชวนให้เข้าวัดทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์รับศีลกันอย่างถ้วนหน้า ที่สำคัญหากไม่มีเวลาก็ของให้มุ่งมั่นทำความดี สร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม รู้จักการเสียสละและให้อภัย สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ที่เป็นต้นเหตุของความไม่ดีทั้งปวง เช่น เหล้า บุหรี่ การพนัน ยาเสพติด การเที่ยวแตร่ในเวลากลางคืน ก็ให้พยายามลดละเลิกเสียให้หมดเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันสำคัญมาฆบูชา หันหน้าเข้าวัดรับศีลฟังธรรมเพื่อสร้างสมบารมีให้แก่กล้ามากยิ่งขึ้น ที่สำคัญจะทำให้บ้านเมืองของเราที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองพุทธเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศด้วย

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ขอขอบคุณที่มา
https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/920306