(๔) ผจญมาร

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 3 สิงหาคม 2009.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    เรื่องขอความอารักขาเพื่อความเป็นธรรม

    เจริญพร ฯพณฯนายกรัฐมนตรีและอธิบดีกรมตำรวจ

    ด้วยสมเด็จพระสังฆราชและคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์มีสังฆนายกเป็นประธาน อาศัยหลักฐานจากพยานคฤหัสถ์ ๓ ปาก แล้วมีมติและมีพระบัญชาวินิจฉัยชี้ขาดว่า ท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรมวัดมหาธาตุฯ ต้องศีลวิบัติ และสั่งบังคับท่านให้ออกจากสมณเพศ และให้หลบหายตัวไปเสียภายใน ๑๕ วัน ความแจ้งอยู่แล้วนั้น

    อาตมภาพคณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯ ผู้มีนามข้างท้ายนี้ มีความเสียใจอย่างสุดซึ้ง เหลือที่จะอดกลั้นยับยั้งนิ่งเฉยเป็นอุเบกขาอยู่ได้ ด้วยวิธีการที่ปฏิบัติเช่นนั้น ไม่เพียงแต่เพื่อทำลายเจ้าอาวาสให้ยืนตายทั้งเป็นเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายสถาบันวัดมหาธาตุฯ อันเป็นชีวิตจิตใจของพวกอาตมภาพด้วย

    ท่านผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจ จะใช้อำนาจโดยทางหนึ่งทางใด เพื่อลงโทษเจ้าอาวาสและทำลายวัดมหาธาตุนั้น ก็สุดแต่ท่านจะพึงมีพินิจพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ส่วนที่เกี่ยวกับพระธรรมวินัยหรือศีลนั้น อาตมภาพทั้งหลายยังยึดมั่นอยู่ว่า เจ้าอาวาสของอาตมภาพทั้งหลาย ยังเป็นพระสงฆ์ผู้ทรงศีล ควรแก่การกราบไหว้เคารพบูชาด้วยความสนิทใจ ไม่เป็นที่รังเกียจด้วยสังหกรรมตามพระวินัยแต่อย่างใด

    คณะสงฆ์ผู้มีมติชี้ขาดให้เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุลาสิกขานั้น มิได้กระทำการสอบสวนด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กระทำโดยตลอด แล้วฝ่ายพระสั่งการภายหลัง การสอบสวนก็เป็นการกระทำลับหลังฝ่ายเดียว โดยเจ้าทุกข์มิได้รู้เรื่อง อาจทำให้เข้าใจว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น ด้วยเจตนาจะกลั่นแกล้งทำลายท่านเจ้าอาวาสเป็นส่วนตัว และทำลายวัดมหาธาตุฯ เป็นส่วนรวมด้วย ก็ได้ประกอบกับคณะสงฆ์ผู้ใช้ทัณฑ์สั่งให้สึก ก็ไม่มีอำนาจหน้าที่จะกระทำได้ เพราะการใช้ทัณฑ์สั่งให้พระภิกษุใดๆ สึกนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะวินัยธรฝ่ายสงฆ์โดยเฉพาะ ภิกษุผู้มิได้เป็นพระวินัยธร ไม่มีอำนาจใช้ทัณฑ์สั่งให้สึกได้ การที่คณะสงฆ์ผู้ลงมติและสั่งให้เจ้าอาวาส วัดมหาธาตุลาสิกขา และให้หลบหายตัวไปเสียภายใน ๑๕ วันนั้น นับเป็นการกระทำในสิ่งที่ตนไม่มีอำนาจหน้าที่ ตามสังฆาณัติประมวลระเบียบวิธีพิจารณาวินิจฉัยอธิกรณ์ พ.ศ.๒๔๘๖ แม้จะอ้างว่ากระทำได้ตามอำนาจปกครอง ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะกรณีสั่งให้สึกนั้น ถูกห้ามแล้วโดยสังฆาณัติดังกล่าว มิให้ใช้อำนาจปกครองดังนั้น คำสั่งให้เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯลาสิกขา โดยฟังความข้างเดียวและยังมิได้ฟ้องร้องตามทางการพระวินัย และระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ จึงเป็นคำสั่งที่สร้างความครั่นคร้ามขยาดแก่วงการคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง คณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯ หวังได้รับอารักขาจาก ฯพณฯ ในกรณีคำสั่งอันใช้อำนาจนี้ ทั้งในเวลานี้และเวลาภายหน้าด้วย

    การที่คณะสงฆ์ผู้ดำเนินการเรื่องนี้ใช้อำนาจอย่างกว้างขวาง อย่างไม่เคยมีมาแต่ในกาลก่อน ก็เพราะอาศัยอำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกำลัง อาตมภาพคณะสงฆ์วัดมหาธาตุ ไม่อาจถือเอาคณะสงฆ์ผู้ดำเนินการในเรื่องนี้เป็นที่พึ่งได้ ในสถานการณ์อันประกอบด้วยมหันตภัยนี้ เห็นมีแต่ ฯพณฯ ผู้เดียวในแผ่นดินจะเป็นที่พึ่งบันเทามหันตภัย อันกำลังคุกคามอยู่นี้ได้ จึงพร้อมกันเจริญพระขออารักขาต่อ ฯพณฯ เพื่อโปรดสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาสนับสนุนแก่สังฆนายกและสังฆมนตรีบางท่าน เฉพาะในทางที่ชอบที่ควร คืออย่าให้สนับสนุนในทางที่ผิดต่อระเบียบประเพณีปฏิบัติ อันเป็นลักษณะของคณะสงฆ์ซึ่งมีเป็นสถาบันอยู่แล้ว มิฉะนั้นจะเป็นการสร้างความเดือดร้อน วุ่นวายหวาดกลัวแก่คณะสงฆ์และประชาชนทั่วไป และเพื่อ ฯพณฯ ได้หาทางป้องกันและปราบปรามมหันตภัยจากคณะสงฆ์และประชาชนทั่วไป และเพื่อ ฯพณฯ ได้หาทางป้องกันและปราบปรามมหันตภัยจากคณะสงฆ์อันจะมาสู่ประเทศชาติศาสนา อาตมภาพทั้งหลายขอถือโอกาสนี้เจริญพรให้ ฯพณฯ ตั้งข้อสังเกตวิธีบริหารของสังฆนายก และของสังฆมนตรีบางท่านในกรณี ดังต่อไปนี้

    ๑. การปฏิบัติงาน ได้กระทำถูกระเบียบ ครบองค์ประชุม สังฆมนตรีรู้กันทั่วถึง หรือกระทำเป็นหย่อมๆ คือ รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง
    ๒. การปฏิบัติงานชอบด้วยพระธรรมวินัยและกฎหมายหรือไม่เพียงไร
    ๓. ขณะนี้พระสงฆ์และประชาชนในกรุงเทพฯ และหัวเมืองทุกจังหวัดมึความรู้สึกเลื่อมใส หรือครั่นคร้ามต่อการบริหารงานของคณะสงฆ์ของสังฆนายกและสังฆมนตรีบางท่านเป็นประการสถานใด
    ๔. กิจกรรมที่สังฆนายกและสังฆมนตรีบางท่าน ได้ปฏิบัติในกรณีสั่งสึกสั่งถอดและสั่งสอบสวนพระสงฆ์ และพระเถระผู้ใหญ่ในขณะนี้ จะเป็นเหตุนำความเสียหายและความวุ่นวายมาสู่พระศาสนาและบ้านเมืองหรือไม่ เพียงไร

    เจริญพร
    อาตมภาพคณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯ


    ต่อมาวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๐๓ ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้พระเถระผู้ใหญ่พูดข้างเดียว อาจเป็นเหตุให้รัฐบาลหลงเชื่อและเข้าใจผิดไปตามได้ ข้าพเจ้าจึกได้ทำลิขิตส่วนตัวเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีข้อความดังนี้

    พระพิมลธรรม ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี

    เจริญพร ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ที่นับถืออย่างยิ่ง
    อาตมภาพยังมีสมณสัญญาว่า ตนเป็นพระสงฆ์ผู้ทรงศีลโดยปกติ อาตมภาพก็ดี การงานที่อยู่ภายใต้การกระทำของอาตมภาพก็ดี ขอรับรองโดยสมณสัญญาว่าไม่เป็นภัยแก่ชาติ แก่ศาสนาแต่อย่างใด ดังที่มีผู้เห็นไม่ตรงกันสำคัญผิดอยู่ในขณะนี้

    ฉะนั้น จึงขอเจริญพรเพื่อโปรดทราบและถวายความอุปถัมภ์ให้อาตมภาพได้มีโอกาสปฏิบัิติกรณียกิจนั้นๆ ให้สำเร็จประโยชน์แก่ชาติและพระศาสนาโดยสะดวกตามควรแก่เหตุและขออารักขา อย่าให้ผู้เห็นไม่ตรงกันและผู้มุ่งร้าย ใช้กำลังเข้าเกียดกันและตัดหนทางเสียเลย จักเป็นมหากุศลอันประเสริฐของ ฯพณฯ และเป็นคุณประโยชน์แก่ชาติศาสนาอันอยู่ภายใต้ความอุปถัมภ์โดยตรงของ ฯพณฯ

    ขออำนวยพระมาด้วยเมตตาธรรม
    (ลงชื่อ) พระพิมลธรรม


    ต่อมาในคืนวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๐๓ สำนักสังฆนายกได้ออกคำแถลงข่าวลือเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับวัดมหาธาตุฯ ซึ่งไม่สู้จะตรงตามความจริงทุกประการนัก มีข้อความดังต่อไปนี้

    แถลงการณ์สำนักสังฆนายก

    ด้วยได้มีข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับวัดมหาธาตุฯ พระนคร อาจเป็นเหตุให้เกิดความกระวนกระวาย หรือขวนขวายในทางที่ผิด เพราะความเข้าใจผิด หลงเชื่อข่าวลือต่างๆ ซึ่งปรากฎแพร่หลายอยู่ในขณะนี้

    ทางคณะสงฆ์จึงขอแถลงความจริง ในเรื่องอันเกี่ยวกับสถาบันวัดมหาธาตุฯ ให้พระสงฆ์ สามเณรและพุทธศาสนิกชนทราบโดยทั่วกัน ดังต่อไปนี้

    สมเด็จพระสังฆราชองค์สังฆบิดรก็ดี คณะสังฆมนตรีก็ดี คณะรัฐมนตรีก็ดี หาได้มีอกุศลจิตคิดทำลายสถาบันวัดมหาธาตุฯ หรือมหาวิทยาลัยสงฆ์วัดมหาธาตุ หรือสถาบันวิปัสสนากัมมัฏฐานวัดมหาธาตุฯ โดยประการใดๆ ไม่ แต่ได้มุ่งมั่นที่จะรักษาและส่งเสริมสถาบันทั้ง ๓ ซึ่งตั้งอยู่ด้วยกัน ให้เจริญรุ่งเรืองไปพร้อมกัน มิให้มีทางเสื่อมสลาย ข้อนี้จะพึงเห็นได้ด้วยการที่รัฐบาลได้ให้งบประมาณแผ่นดิน เป็นค่าก่อสร้างอาคารสถานศึกษา และค่าบำรุงการศึกษาเป็นประจำ นอกจากนี้คณะสังฆมนตรีได้อนุมัติงบประมาณศาสนสมบัติ เป็นค่าบำรุงมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ วัดมหาธาตุฯ โดยมิได้ตัดทอน มีแต่เพิ่มให้โดยตลอดมา ทั้งนี้ก็ด้วยเห็นว่า วัดมหาธาตุฯ เป็นวัดสำคัญของคณะสงฆ์ไทย เป็นที่สถิตของสมเด็จพระสังฆราช และสมเด็จพระราชาคณะหลายองค์ ตั้งแต่ตั้งกรุงเทพมหานครมาทีเดียว ทั้งเป็นพระอารามหลวงมหาวิหารชั้นเอก และเป็นวิทยาลัยพระปริยัติธรรมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งมีนักเรียนมากที่สุด ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย เป็นที่ตั้งสำนักศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วย ทั้งเป็นวัดกลางพระนครหลวง เป็นที่ประชุมฟังธรรมของประชาชนทุกชั้นด้วย จึงเป็นสถาบันที่ควรส่งเสริมอย่างยิ่ง เพราะเป็นสถาบันที่ดีมีคุณมาก ควรแก่การเทอดทูน และเพราะเหตุเป็นสถาบันควรเทอดทูนดังกล่าวแล้ว ดังนั้นหากปรากฎว่ามีผู้ใดผู้หนึ่งเป็นบรรพชิตหรือคฤหััสถ์ก็ตามที่ปราศจากหิริโอตตัปปะ เข้าไปแอบแฝงประกอบกรรมอันเป็นผิดทางพระวินัยและกฎหมายบ้านเมือง อันเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่พระศาสนาหรือชาติบ้านเมือง ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ได้รู้เห็น จะเป็นคณะสงฆ์ก็ตาม รัฐบาลก็ตาม ตลอดถึงประชาชนพุทธบริษัท ผู้มีหน้าที่ร่วมบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา จักต้องรีบช่วยกันป้องกันหรือบำบัดตามควรแก่กรณี จะนิ่งเฉยดูดายเสียหายเป็นการสมควรไม่ เพราะจะกลายเป็นประหนึ่งช่วยกันส่งเสริมความเสื่อมสลายให้แก่พระศาสนาและชาติบ้านเมือง

    ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้ ตามระเบียบการบริหารคณะสงฆ์ จึงมีบทบัญญัติระบุวิธีดำเนินการต่างๆ ขึ้นไว้ เพื่อความเรียบร้อยดีงามและความบริสุทธิ์ผุดผ่องของสังฆมณฑล เป็นต้นว่า หากจะมีผู้กล่าวโทษพระคณะธิการรูปใดรูปหนึ่ง เมื่อคำกล่าวโทษนั้นมีหลักฐาน ที่ฟังได้ตามหลักพระวินัย ท่านก็ให้ดำเนินการตามวิถีทางที่กำหนดไว้เป็นหลักปฏิบัติได้

    เนื่องด้วยทางคณะสงฆ์มีระเบียบเป็นหลักปฏิบัติดังกล่าวเช่นนี้ ดังนั้น เมื่อคำกล่าวโทษพระคณาธิการบังเกิดขึ้นในวงการคณะสงฆ์ จึงตกเป็นหน้าที่อันคณะสงฆ์จะพึงดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ควรแก่กรณีที่บังเกิดขึ้น กล่าวโดยเฉพาะในกรณีที่บังเกิดขึ้นในครั้งนี้ มีพัวพันถึงพระคณาธิการบางรูปอยู่ และเห็นเป็นเรื่องมีมูลตามหลักพระวินัย แต่จะดำเนินการเป็นเรื่องภายในก่อน ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องที่บังเกิดขึ้น จึงได้นำเรื่องขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงทราบก่อนที่จะได้ดำเนินการตามวิถีทางแ่ห่งการบริหารคณะสงฆ์์ สมเด็จพระสังฆราชทรางทราบแล้ว ทรงกังวลพระหฤทัยเป็นอย่างมาก ทรงใคร่จะได้มากซึ่งสันติเป็นการภายในจำกัดความขยายตัวของเรื่องราวที่บังเกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัด อันนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นเรื่องที่ทรงเห็นกาลไกล ซึ่งจะบังเกิดขึ้นเป็นคุณแก่สังฆมณฑลเป็นส่วนรวม สมเด็จพระสังฆราชจึงทรงมีลายพระหัตถ์ส่วนพระองค์แนะนำผู้ใหญ่ผู้ถูกกล่าวโทษให้พิจารณาตนด้วยตน ทั้งนี้ ก็เพื่อรักษาสถาบันวัดมหาธาตุฯไว้ให้คู่ควรแก่การเทอดทูน ใครหรือผู้ใดผู้หนึ่งหาได้มีเจตนาทำลายหรือมีเจตนาเป็นอกุศลแต่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่

    ขอให้พระภิกษุสามเณรทั้งหลายและประชาชนได้ทราบเหตุผลและความจริงต่างๆ ดังแถลงมานี้ อย่าได้เชื่อคำปลุกปั่นและข่าวอกุศลต่างๆ ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบโดยทั่วกัน

    สำนักสังฆนายก
    วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๐๓

    ต่อมาถึงวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๐๓ คณะกรรมการสังฆ์วัดมหาธาตุซึ่งมีเจ้าคุณพระธรรมถาวร และเจ้าคุณพระอมรเมธาจารย์เป็นประธาน พิจารณาเห็นว่า แถลงการณ์ของสำนักสังฆนายกเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๐๓ เป็นแถลงการณ์ที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงทั้งหมด อาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปด้วยบางประการ จึงได้ทำหนังสือกราบเรียนไปยังสมเด็จสังฆนายก ซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้


    คณะสงฆ์วัดมหาธาตุร้องเรียนสังฆนายก

    กราบเรียนพระเดชพระคุษสมเด็จสังฆนายก ที่เคารพอย่างยิ่ง

    ด้วยตามที่สำนักสังฆนายกได้ออกแถลงการณ์เรื่องข่าวลือต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับวัดมหาธาตุฯทางวิทยุกระจายเสียง เมื่อคืนวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๐๓ ต่อมาได้มีหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้แพร่ข่าวนั้น ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ดังเป็นที่ทราบกันอยู่อย่างกว้างขวางโดยทั่วไปนั้น

    ในคำแถลงการณ์นั้น มีข้อความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงอยู่หลายตอน อาจเป็นเหตุให้คนส่วนมากเข้าใจคลาดเคลื่อนไปตาม แล้วเกิดความเสียหายแก่พระคณาธิการในวัดมหาธาตุตลอดถึงวัดมหาธาตุ และกิจการพระพุทธศาสนาที่สถาบันวัดมหาธาตุรับผิดชอบอยู่โดยประการทั้งปวง ดังนั้น พวกเกล้าฯ คณะกรรมการสงฆ์วัดมหาธาตุในนามคณะสงฆ์วัดมหาธาตุ จึงขอกราบเรียนถวายข้อเท็จจริงเพื่อพระเดชพระคุณและผู้ทรงอำนาจ ได้โปรดทราบด้วยวิจารณญาณแล้วดำเนินการให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง อันจักเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพวกเล้าฯ ชาววัดมหาธาตุ และจักเป็นกุศลอันประเสริฐสำหรับพระเดชพระคุณและท่านผู้ทรงอำนาจต่อไป ขอได้โปรดพิจารณาใคร่ครวญด้วยความเมตตา วิจารณญาณด้วยเถิด พวกเกล้าฯ จักปีติยินดีและขอบพระเดชพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

    ข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงนั้น ขอประทานกราบเรียนเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

    ๑. ในกรณีที่กระทำแก่เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯครั้งนี้ ปรากฎว่ามิได้กระทำขึ้นด้วยมติคณะสังฆมนตรีผู้บริหารคณะสงฆ์ หรือคณะรัฐมนตรีผู้เป็นองค์อุปถัมภ์พระศาสนา แต่เป็นการกระทำขึ้นด้วยอำนาจคณะบุคคลเท่านั้น ส่วนในคำแถลงการณ์ของสำนักสังฆนายกได้อ้างเอาคณะสังหมนตรีและคณะรัฐมนตรีมาพัวพัน เป็นการสร้างเรื่องเล็กให้เขื่อง เพื่อปกปิดข้อเท็จจริงของคณะบุคคลผู้กระทำนั้น และเป็นการขู่ผู้ถูกกล่าวหา และผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ถูกกล่าวหาให้เสียขวัญ หรือให้สำคัญผิดแล้วเกิดความอ่อนแอและเสื่อมคลายความเคารพนับถือ ต่อท่านเจ้าอาวาสผู้ถูกกล่าวหา

    อนึ่ง การแถลงการณ์โดยอ้างเอาอำนาจสังฆมนตรีและรัฐมนตรีมาใช้ปกปิดข้อเท็จจริงนั้น อาจเป็นเหตุให้เสื่อมศักดิ์ศรีของสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ของชาติและศาสนาอีกสถานหนึ่งด้วย เพราะโดยแท้จริงแล้ว ฯพณฯนายกรัฐมนตรีผู้มีวิจารณญาณมองเห็นเหตุผลโดยถ่องแท้และการณ์ไกล ก็ได้ประกาศให้สัมภาษณ์อยู่ชัดเจนแจ่มแจ้งว่า "เรื่องคณะสงฆ์เป็นเรื่องของสงฆ์โดยเฉพาะ คณะรัฐบาลไม่ยุ่งเกี่ยว ฯลฯ " ซึ่งวิญญูชนได้อนุโมทนาสาธุกันอยู่เป็นอย่างยิ่งแล้ว ความจริงก็ควรเป็นเช่นนั้น เรื่องพระก็คงเป็นภาระหน้าที่ของพระ ถ้าพระผู้ใหญ่ผู้อยู่ในฐานะประมุขสงฆ์ไม่รับภาระหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พระซึ่งเป็นดุจลูกๆ กลับไปใช้มือคนภายนอกมายุ่งเกี่ยวแล้ว นับว่าเป็นการผิดวิสัย ย่อมดำเนินไปไม่ถูกต้องเป็นธรรมดา ยิ่งกว่านั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ใหญ่ตระหนี่ไม่ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ในตน ปราศจากความเสียสละและเมตตากรุณาปล่อยปละละเว้นให้คนภายนอกซึ่งมิใช่วิัสัยมาดำเนินการแทน การกระทำโดยทำนองนี้ผู้ถูกกล่าวหาและสถาบันที่ถูกทำให้เสียหายย่อมไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร และอาจเป็นเหตุให้เสื่อมความนิยมเชื่อถือแก่สถาบันของชาติและศาสนาด้วย

    ๒. คณะสงฆ์วัดมหาธาตุ หรืออุบาสกอุบาสิกาวัดมหาธาตุ ไม่เคยพูดเลยว่า คณะสังฆมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมีอกุศลจิตคิดทำลายสถาบันวัดมหาธาตุฯหรือสถาบันวิปัสสนากัมมัฏฐานวัดมหาธาตุ ตรงกันข้ามมีแต่อนุโมทนาและขอบพระเดชพระคุณอย่างเหลือล้น ที่คณะสังฆมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้มีเมตตากรุณาให้ความอุปถัมภ์เป็นอย่างดีตลอดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถาบันมหาวิทยาลัยสงฆ์วัดมหาธาตุ ถ้ามิได้รับอุปถัมภ์จากคณะสังฆมนตรีและคณะรัฐมนตรีแล้ว ก็จะไม่ได้ดำเนินกิจการมาได้ถึงเพียงที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ดังนั้น คณะสงฆ์วัดมหาธาตุฯจึงได้บำเพ็ญตนเป็นกตัญญูกตเวทีต่อคณะสังฆมนตรีและคณะรัฐมนตรีเป็นอย่างดี เสมอต้นเสมอปลายตลอดมา แม้ปัจจุบันคณะสงฆ์วัดมหาธาตุก็ยังมีความเคารพคารวะและจงรักภักดีต่อคณะสังฆมนตรีผู้มีอำนาจในการบริหารอย่างสูงสุดอยู่ แต่มีความขัดแย้งที่แล้วมานั้น ก็เป็นการขัดแย้งต่อคณะบุคคลผู้มีอำนาจ ที่ใช้อำนาจแก่ท่านเจ้าอาวาสผู้เป็นรากฐานสถาบันวัดมหาธาตุ โดยมิชอบด้วยทางพระธรรมวินัยและระเบียบการของคณะสงฆ์ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้อ ๑ เพื่อร้องเรียนความเป็นธรรมเท่านั้น ขอพระเดชพระคุณได้โปรดทราบและเห็นใจพวกเกล้าฯ ตามที่กราบเรียนมา

    ๓. ตามคำแถลงการณ์ของสำนักสังฆนายกตอนหนึ่งว่า ในกรณีที่เกิดขึ้นครั้งนี้มีพัวพันถึงพระคณาธิการบางรูปอยู่ และเห็นเป็นเรื่องที่มีมูลตามหลักพระวินัย แต่ใคร่จะดำเนินการเป็นเรื่องภายในก่อน ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้นำเรื่องขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราชเพื่อทรงทราบ ก่อนจะดำเนินการตามวิถีทางแห่งการบริหารคณะสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชทรงทราบแล้ว ทรงกังวลพระหฤทัยเป็นอย่างมาก ทรงใคร่จะได้มาซึ่งสันติเป็นการภายใน กำจัดความขยายตัวของเรื่องราวที่บังเกิดขึ้นให้อยู่ในวงจำกัด อันนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณ และเป็นเรื่องที่ทรงเห็นกาลไกล ซึ่งจะบังเกิดขึ้นเป็นคุณแก่่สังฆมณฑลเป็นส่วนรวม สมเด้จพระสังฆราชจึงได้ทรงมีลายพระหัตถ์ส่วนพระองค์ แนะนำผู้ใหญ่ผู้ถูกกล่าวโทษให้พิจารณาตนด้วยตน ทั้งนี้เพื่อรักษาสถาบันวัดมหาธาตุไว้ให้คู่ควรแก่การเทอดทูน ใครหรือผู้ใดผู้หนึ่งหาได้มีเจตนาทำลายหรือมีเจตนาเป็นอกุศลแต่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ ดังนั้น
    ก. ถ้าจะแนะนำกันด้วยกุศลเจตนาในทางการปกครอง ก็ไม่สมควรที่จะมอบถวายบาปกรรมนี้ให้เป็นมลทินแก่สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นพระสังฆบิดรของคณะสงฆ์ ทั้งเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายคณะสงฆ์อีกสถานหนึ่งด้วย ที่ถูกควรจะมอบให้เจ้าคณะสงฆ์อีกสถานหนึ่งด้วยที่ถูกควรจะมอบให้เจ้าคณะบริหารเป็นผู้ดำเนินการแนะนำ

    ข. วิธีการแนะนำในทางปกครองนั้นเล่า แต่ก่อนจะดำเนินการ ก็สมควรจะได้สอบสวนทวนถามผู้ถูกกล่าวหาให้รู้ตัว และให้ทราบข้อกล่าวหา ถ้าหากกรณีแวดล้อมบ่งชี้ว่า เป็นความผิดหรือมีมลทิน ก็สมควรที่จะได้เจรจาหยั่งเสียงดู พอเป็นลู่ทางที่จะยินยอมกันได้ด้วยสันติวิธี ด้วยความสุขุมเยือกเย็น อันมีเมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรมเป็นเบื้องหน้าเสีียก่อน และข้อแนะนำนั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่ถูกแนะนำจะพึงยินยอมปฏิบัติตามได้ โดยไม่เสียหายแก่ส่วนร่วมและเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย

    ค. ตามข้อแนะนำ ที่ว่าให้เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุออกเสียจากสมณเพศและหลบหายตัวไปเสียนั้น เหมาะสมที่จะทำแก่สามเณรหรือพระเด็กๆ ที่โลกไม่รู้จัก เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุเป็นพระมหาเถร มีคนรู้จักทั่วประเทศ แม้ตลอดถึงนานาประเทศด้วย ดังที่พระเดชพระคุณทราบอยู่แก่ใจแล้ว จักหลบหายตัวไปได้อย่างไร และมีผลดีแก่วัดและแก่พะศาสนาส่วนรวมได้อย่างไร

    ฆ. ถ้าเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ ได้หลบหายตัวไปเสียตามข้อแนะนำนั้น ก็จักหายไปแต่บุคคลและเป็นการไปอย่างเศร้าหมอง หากท่านจะมีความปลอดภัยและมีความสุขเป็นส่วนตัว แต่ความเสียหาย ความอับอายที่มิได้ปรากฎข้อเท็จจริง ก็ย่อมเป็นมรดกตกอยู่ที่สถาบันวัดมหาธาตุและแก่คณะสงฆ์ไทย โดยไม่มีทางพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริง
    ๔. ถ้าว่าคำสั่งนั้น เป็นเพียงคำแนะนำเป็นส่วนตัวเป็นภายใน ก็เป็นคำที่ผ่านมาจากดวงจิตที่ยากจะเชื่อได้ว่ามีเมตตากรุณาโดยแท้จริง เหลือวิสัยที่วิญญูชนจะพึงอนุโมทนา ตรงข้ามเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ปราศจากเหตุผล ประกอบด้วยความทารุณมุ่งร้ายหมายจะขับไล่กันให้พ้นหูพ้นตาไปเหมือนตาสีตาสาผลักสวะให้พ้นแพของตนฉะนั้น

    ๕. ในคำแถลงการณ์ของสำนักสังฆนายกตอนที่ว่า วัดมหาธาตุเป็นวัดสำคัญของคณะสงฆ์ไทย ฯลฯ เป็นวิทยาลัยพระปริัยัติธรรมใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งมีนักเรียนมากที่สุด ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย เป็นที่ตั้งสำนักศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานด้วย ทั้งเป็นวัดกลางพระนคร เป็นที่ประชุมฟังธรรมของประชาชนทุกท่านด้วย จึงเป็นสถาบันที่สมควรส่งเสริมอย่างยิ่ง และเป็นสถานที่ดีมีคุณมาก ควรแก่การเทอดทูน ดังนี้นั้น

    ข้อนี้วิญญูชนพิจารณาแล้ว ย่อมเห็นเป็นความจริงอย่างนั้น แต่โปรดทราบว่า สถาบันวัดมหาธาตุนั้นมีความปรากฎดังว่านั้น ไม่ใช่เกิดขึ้นได้เองโดยง่าย แต่อาศัยเหตุที่ท่านเจ้าอาวาสองค์อดีตและทั้งปัจจุบันเป็นประมุข และเป็นหัวแรงเสียสละฟันฝ่าอุปสรรคทุกสิ่งทุกอย่างปลูกฝังตั้งขึ้น ผลที่ว่านั้นหลายอย่างยังไม่เคยมีมาแต่กาลก่อน พึ่งจะเกิดขึ้นในสมัยท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันแทบทั้งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ในเมื่อท่านผู้ใหญ๋ผู้ทรงอำนาจใช้อุบายขับไล่เจ้าอาวาสโดยปราศจากเมตตากรุณา ปราศจากเหตุผล ดังที่ปรากฎอยู่ และยังไม่ปรากฎเป็นความผิดโดยชอบ ด้วยวิธีการอันแยบคายเช่นนี้ จะว่าไม่เป็นการกระทำ เพื่อทำลายสถาบันวัดมหาธาตุได้อย่างไรอยู่ ฟังไม่สนิท พวกเกล้าฯ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานอยู่อย่างใกล้ชิดย่อมเห็นเหตุผลได้ถูกต้องตามความจริงยิ่งกว่าคนภายนอก เป็นที่แน่นอนเหลือเกินว่า ถ้าท่านผู้มีอำนาจใช้อุบายกำจัดท่าเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันให้สาปสูญไปดังที่ปราฏำนั้นแล้ว ผลงานต่างๆ ในสถาบันวัดมหาธาตุ ทั้งที่กำลังดำเนินเป็นไปอยู่และทั้งที่จะขยายให้ก้าวหน้าต่อไป ตามความมุ่งหมายของสถาบันวัดมหาธาตุ ก็จะซบเซาเสื่อมคลาย หรือขาดสบั้นลงโดยไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุนี้ พวกเกล้าฯ จึงได้มีมติกราบเรียนมาแล้วว่าเป็นการทำลายสถาบันวัดมหาธาตุ เพราะเมื่อทำลายกำจัดรากแล้วดอกผลจะทรงอยู่ได้อย่างไร

    ๖. ถ้าท่านผู้มีอำนาจมีกุศลเจตนาปรารถนาหมายเพียงจะกำจัด ผู้กระทำชั่วผิดพระธรมวินัย ตามที่พยานให้การผ่านทางตำรวจนั้นเท่านั้น เหตุไรจึงไม่ดำเนินการโดยสันติวิธี คือสอบสวนทวนถามให้เป็นประจักษ์ตามทางพระวินัยและระเบียบการที่ตราไว้ด้วยความเที่ยงธรรม เมื่อไม่ได้ความสมจริงเรื่องก็จะเงียบไป ไม่ทึกทักครึกโครม หรือถ้าได้ความสมจริง หรือแม้แต่มีมลทิน จึงหล่อหลอมกล่อมใจกันด้วยเมตตากรุณา เพื่อให้ผู้กระทำผิดรู้สึกตนยอมปฏิบัติตามด้วยเหตุผลและความสมัครใจ และในขณะเดียวกันนั้น ก็จะต้องคำนึงถึงผู้ที่จะมีความสามารถในการที่รักษาสถาบันที่เจริญอยู่แล้วนั้นให้คงเจริญดำรงอยู่ และให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป โดยปรึกษาหรือท่านเจ้าอาวาสอย่างฉันมิตร และพระเถระผู้ใหญ่ในวัดมหาธาตุก่อน ถ้าได้ดำเนินการเช่นนี้่ จึงจักส่อถึงกูศลเจตนาที่ว่าไม่คิดทำลายสถาบันวัดมหาธาตุ ตามข้อแถลงนั้น ส่วนที่ท่านผู้มีอำนาจให้ปฏิบัติไปแล้วแก่ท่านเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุในครั้งนี้ มิได้ส่อถึงกูศลเจตนาเช่นนั้นเลย เป็นการแอบกระทำลับหลังท่านเจ้าอาวาส ลับหลังคณะสงฆ์วัดมหาธาตุ อยู่ๆ ก็ใช้คำสั่งแนะนำอย่างเด็ดขาด โดยมิได้ฟังเสียเจ้าทุกข์เลย พอมีการกล่าวหาจะเป็นจากบุคคลที่ควรเชื่อได้หรือไม่ก็ตาม ก็ถือว่าเป็นจริงดังกล่าวหาทีเดียว ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่เคยมีมาแต่กาลก่อน ไม่ว่าทางพุทธจักรหรืออาณาจักร ด้วยเหตุนี้ พวกเกล้าฯ ตลอดถึงวิญญูชนคนภายนอก จึงเห็นเป็นการกระทำที่มุ่งทำลายสถาบันวัดมหาธาตุด้วย ถ้าหากท่านผู้มีอำนาจได้จงใจที่จะทำลายสถาบันวัดมหาธาตุ ก็ไม้พ้นไปจากการกระทำที่สำเร็จมาด้วยอกุศลโมหเจตนา ขึ้นชื่อว่า โมหเจตนาแล้ว จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ผลของมันก็ย่อมเป็นการทำลายความเจริญส่วนรวมโดยแท้

    ๗. พวกเกล้าฯ คิดเห็นด้วยกำลังสติปัญญาของตนที่เป็นผู้น้อยแล้ว เห็นด้วยเกล้าฯ ว่าท่านเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุนั้น นอกจากเป็นพระมหาเถรชั้นผู้ใหญ่ที่ชาวไทยรู้จักเคารพรักอยู่โดยทั่วไปเป็นส่วนมากแล้ว ท่านยังได้บำเพ็ญศาสนกิจในต่างประเทศในนามคณะสงฆ์ไทย ในพระนามสมเด็จพระสังฆราช หรือในนามคณะสังฆมนตรี จนคนต่างชาติต่างศาสนารู้จักและเคารพรักในท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่มีพระเถระรูปใดยิ่งไปกว่าในสมัยปัจจุบัน และด้วยผลงานในด้านต่างประเทศของท่านนี้ ทำให้เป็นคุณประโยชน์แก่วงการคณะสงฆ์ไทยและพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม จะพึงเห็นได้ในผลที่ประจักษ์อยู่ในปัจจุบัน ขณะนี้ชาวต่างประเทศทั้งชาวยุโรปและอเมริกัน ได้เข้ามาศึกษาปฏิบัิติการพระพุทธศาสนานี้ พวกเกล้าฯ จึงเห้นว่า การกำจัดเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุนั้น ถ้าท่านมีความผิดพระธรรมวินัยจริงๆ ก็จะต้องพึงระมัดระวังกระทำกันโดยอุบายวิธีที่สุขุมละเอียดและรอบคอบ ประกอบด้วยอุบายอันแยบคายยิ่ง ถ้าหากท่านไม่มีความผิดธรรมวินัยด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นความเสื่อมเสียอันยิ่งใหญ่ และความเสื่อมเสียนั้น ก็จักไม่จำกัดอยู่ในวงสถาบันวัดมหาธาตุเท่านั้น จักนำความเสื่อมเสียและความอัปยศมาสู่วงการพระศาสนาในประเทศไทย อีกสถานหนึ่งด้วย พวกเกล้าฯ มองไม่เห็นเลยว่า การที่ให้เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯหลบหายตัวไปเสียนั้น จักเป็นผลดีแก่วัดมหาธาตุและแก่วงการคณะสงฆ์อันเป็นส่วนรวมได้อย่างไร

    ๘. พวกเกล้าฯ เห็นว่า ไม่ใช่แต่คณะสงฆ์วัดมหาธาตุเท่านั้น หากโดยทั่วๆ ไปเป็นส่วนมาก ใคร่อยากจะเห็นพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ๋ ซึ่งเป็นดุจร่มโพธิ์ทองของพระภิกษูสามเณรทั่วประเทศ มีความสามัคคีปรองดองกันฉันกัลยาณมิตร ร่วมกำลังกันเสริมสร้างกิจการพระพุทธศาสนา ให้รุ่งเรืองงอกงามทั้งด้านการศึกษาและด้านการปฏิบัติ จะได้เป็นที่ร่มรื่นชื่นตาชื่นใจเป็นศักดิ์ศรีและเป็นแบบอย่างอันดีของผู้น้อยทั้งหลาย ดังนั้น พวกเกล้าฯ จึงขอวิงวอนพระเดชพระคุณ ผู้ซึ่งถือบังเหียนการบริหารของคณะสงฆ์ไทยอยู่ในขณะนี้ ได้อาศัยกรุณาเสริมสร้างสามัคคีธรรมในวงการพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ให้สนิทสนมกลมกลืนรวมกำลังกันจรรโลงพระพุทธศาสนาให้บรรลุถึงซึ่งจุดหมายโดยราบรื่น จะได้เป็นที่อบอุ่นสุขกายเย็นใจของพวกเกล้าฯ และพระภิกษุสามเณรทั้งหลายในสังฆมณฑล ถ้าพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ผู้ทรงอำนาจปฏิบัติการอย่างครึกโครม ก่อให้เกิดความโกลาหลอลหม่านและเป็นที่น่าสดุ้งหวาดเสียวดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้ว พวกเกล้ากระผมเห็นว่าไม่เป็นกุศลไม่เป็นสิริมงคลแก่วงการคณะสงฆ์เลย

    ตามที่พวกเกล้ากระผมประทานกราบเรียนมานี้ เกิดขึ้นจากดวงใจอันเร่งร้อน แต่ด้วยความปรารถนาดีในพระเดชพระคุณและพระเถระผู้ใหญ่เป็นเบื้องหน้า ถ้าหากจะมีข้อเหลื่อมล้ำก้ำเกินหรือขาดตกบกพร่องด้วยประการใด ขอได้โปรดประทานให้อภัยแก่พวกเกล้ากระผม ซึ่งมีสติปัญญาน้อยด้วยเทอญ

    กราบเรียนมาด้วยความเคารพยิ่ง
    คณะกรรมการสงฆ์วัดมหาธาตุคือ
    พระธรรมถาวร
    พระอมรเมธาจารย์

    ครั้นอยู่ต่อมาสมเด็จพระสังฆราชและสมเด็จพระสังฆนายกมีบัญชาให้สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองคือ พระธรรมรัตนากร วัดสังเวชวิศยาราม ให้มีลิขิตถึงพระพิมลธรรม ให้แถลงแก้คำกล่าวโทษโดยด่วน ซึ่งมีข้อความดังนี้

    อ่านต่อ สมเด็จพระสังฆราชทรงให้พระพิมลธรรมแถลงแก้คำกล่าวโทษ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...