(๒๐) มุนีนาถทีปนี: ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 4 สิงหาคม 2009.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    ภัทรกัป

    ลำดับนี้ ก็ถึงระยะเวลาที่เรียกว่า ภัทรกัป ซึ่งเป็นมหากัปสำคัญกันเสียที ก่อนอื่น ก็ใคร่ที่จะกล่าวว่า บรรดาเราท่านทั้งหลายที่ได้ติดตามการสร้างพระบารมีเพื่อพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ แห่งองค์สมเด็จพระศรีศากยมุนีโคดมบรมศาสดาจารย์ของเรา มาจนถึงเพียงนี้แล้ว เป็นอย่างไร เห็นแล้วหรือยังว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระบรมศาสดาของเรานั้น กว่าจะได้มีโอกาสมาอุบัติตรัสในโลกและทรงประทานพระโอวาทนนุสาสนี ให้เราท่านทั้งหลายได้ประพฤติปฏิบัิติกันอยู่ทุกวันนี้ พระองค์ต้องทรงสร้างพระบารมีมาเป็นเวลาช้านาน และยากลำบากนักหนาใช่หรือไม่เล่า

    การที่กล่าวแทรกไว้ คล้ายกับจะแกล้งให้เรื่องหยุดชะงักเสียชั่วครู่ ในตอนนี้ความจริงไม่มีอะไร เพียงแต่มาคิดเอาเองว่า หากจะพรรณนาเรื่อยๆ ไปก็ย่อมทำได้ แต่ให้เป็นห่วงอยู่ว่าเรื่องการสร้างพระบารมีที่พรรรณนานี้ เท่าที่ผ่านมาแล้ว ก็เป็นเวลามากมายหลายมหากัปนักหนา ว่าเป็นมหากัปนั้นบ้าง มหากัปนี้บ้าง ซึ่งค่อนข้างจะจำได้ยากสักหน่อย ถ้าไม่ค่อยพิจารณาให้ดีก็เห็นทีจะสับสน คืออาจทำให้งงๆ ไปบ้างก็ได้ "ฮั้ย! นี่มันผ่านกัปอะไรต่อมิอะไรมาบ้างแล้วล่ะ และเมื่อไรจะสิ้นสุดถึงกัปที่ได้ทรงตรัสรู้กันเสียที" ด้วยเหตุนี้ จึงหยุดเล่าเสียชั่วครู่แล้ว ตั้งใจจะบอกให้รู้ว่า บัดนี้ถึงมหากัปที่สำคัญแล้ว ขอให้คอยสังเกตจดจำให้ดี เอาละ เมื่อได้หยุดพักออกนอกเรื่องมาพอสมควรแล้ว ทีนี้ ก็จะได้กล่าวถึงเรื่องการสร้างพระบารมีขององค์สมเด็จพระผุ้มีพระภาคเจ้าสืบต่อไป

    ดำเนินความว่า เมื่อศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระมิ่งมงกุฎ พระเวสสภู สัมมาสัมพุทธเจ้า เสื่อมสูญล่วงไปนานแล้ว จึงจะสิ้นอายุแห่งมัณฑกัป ที่กล่าวมาแล้วนั้นล่วงไปแล้ว ก็เริ่มต้นขึ้นกัปใหม่ต่อมา แต่ก็ล้วนสูญเปล่าเป็นสุญกัป เสียทั้งสิ้น ไม่มีองค์พระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกเรานี้แต่สักพระองค์เดียวเลย เป็นเวลาล่วงเลยนานถึง ๓๑ มหากัป นับว่าโลกต้องเว้นว่างห่างไกลสูญเปล่าจากพระบวรพุทธศาสนาอยู่นานนัก เมื่อสุญมหากัปทั้ง ๓๑ นั้น ล่วงไปโดยลำดับ คราที่นั้น จึงมาถึงมหากัปที่สำคัญ มหากัปที่สำคัญที่ว่านั้น ก็คือ มหากัปที่กำลังปรากฎอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้นั่นเอง

    มหากัปที่กำลังปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้ มีชื่อเรียกว่า ภัททกัป หรือภัทรกัป ทำไมจึงเรียกว่า ภัทรกัป? ข้อนี้เห็นจะไม่ต้องพูดมาก เพราะได้เคยกล่าวไว้แล้ว หากจะให้กล่าวซ้ำอีกทีก็ต้องกล่าวว่า คำว่า ภัทรกัป หมายถึงกัปที่เจริญที่สุด เจริญยิ่งกว่าบรรดากัปอื่นๆ ทั้งหมด ไม่ว่ากับอะไรก็เจริญสู้ภัทรกัปนี้ไม่ได้ ต่อกาลนานนักหนาจึงจะปรากฎกัปเช่นนี้ขึ้นในโลกสักครั้งหนึ่ง ลองนึกทบทวนเถิด ตั้งแต่พรรณนามานี่เป็นเวลานานมิใช่น้อย แต่ยังไม่เคยมีภัทรกัปเลย เพิ่งจะมามีปรากฎเอาในตอนนี้เอง เหตุไรจึงถูกเรียกว่าเป็นกัปที่เจริญที่สุด ก็เพราะว่า เมื่อภัทรกัปนี้ปรากฎแล้ว ย่อมมีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในระหว่างกัปนี้มากถึง ๕ พระองค์ทีเดียว เช่นในภัทรกัปที่กำลังถึงอยู่นี้ ก็มีสมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกตามลำดับ ๕ พระองค์ คือ
    ๑. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎกกุสันธะพุทธเจ้า
    ๒. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎโกนาคมนะพุทธเจ้า
    ๓. สมเด็จพระมิ่งมงกุฏกัสสปะพุทธเจ้า
    ๔. สมเด็จพระมิ่งมงกุฎศรีศากยมุนีโคดมพุทธเจ้า คือองค์พระบรมศาสดาของเราท่านทุกวันนี้ และ
    ๕. สมเด็จพระมิ่งมงกุฏศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า ซึ่งจะมาตรัสในอนาคตกาลภายภาคหน้า


    บัดนี้จะได้พรรรณนาถึงการสร้างพระบารมีขององค์สมเด็จพระศรีศากยมุนีโคดมบรมครูเจ้า ในตอนต้นแห่งภัทรกัปนี้ต่อไป ขอท่านผู้มีปัญญาทั้งหลาย จงตั้งใจศึกษาพิจารณาด้วยดี ดังต่อไปนี้

    ๒๒. สมเด็จพระกกุสันธะอุบัติ

    กาลเมื่อสมเด็จพระมิ่งมงกุฎพระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกในตอนต้นภัทรกัปนั้น พระองค์ทรงเป็นพระบรมไตรโลกนาถ ด้วยทรงมีพระมหากรุณาในพระทัย ทรงบำเพ็ญพระพุทธจริยา ทรงประกาศพระบวรพุทธศาสนา อันเสื่อมสูญไปจากโลกนานนักหนาแล้ว ให้ปรากฎมีขึ้นเพื่อประชาสัตว์ทั้งหลายจักได้ดื่มอมตรสถึงสันติบทคือพระนิพพาน พระองค์ทรงเป็นพระบรมโลกุตตมาจารย์ประทานโลกุตตรสมบัติอันสูงสุดให้แก่ปวงสัตว์เป็นอันมากแล้ว

    ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เจ้าของเราได้สืบปฏิสนธิถือกำเนิดเป็นมนุษย์ในขัตติยราชวงศ์ เมื่อองค์สมเด็จพระบรมชนกาธิราชเสด็จสวรรคตแล้ว ก็ได้เสวยราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าเขมะนราธิราช พระองค์ทรงมีมหิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่ ทรงปกครองไพร่ฟ้าประชาชนด้วยพระมหากรุณาดุจบิดากับบุตร เป็นที่สุดเคารพของปวงประชากร เพราะพรองค์ทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรรม วันหนึ่งทรงมีโอกาสพบสมเด็จพระโลกเชษฐกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงสดับพระธรรมเทศนาแล้ว มีพระทัยโสมนัสเลืื่อมใสนักหนา ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ทรงพระอุตสาหะเสด็จไปสดับพระธรรมเทศนาในสำนักแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเป็นประจำทุกวันอุโบสถพร้อมกับได้ถวายทานในพระศาสนาเป็นอันมาก ต่อมาก็ทรงมีพระราชศรัทธายิ่งขึ้นเป็นลำดับ ในที่สุด ทรงสละราชสมบัติออกบรรพชาในสำนักแห่งพระบรมศาสดา ทรงพระอุตสาหะศึกษาพระปริยัติธรรมจนแตกฉานในพระไตรปิฎก ปรากฎพระคุณนามเป็นพิเศษว่า พระธรรมปิฎกธราธิราชภิกขุ เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนทั้งหลาย ในสมัยนั้นเป็นอันมาก

    กาลวันหนึ่ง สมเด็จพระสรรเพชญ์กกุสันธะบรมไตรโลกาจารย์จึงโปรดประทานพระพุทธฎีกาพยากรณ์ว่า
    พระเขมราชภิกขุนี้ เป็นนิยตโพธิสัตว์เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ในอนาคตกำหนดนับเป็นลำดับที่ ๔ ในภัทรกัปนี้
    ครั้นทรงกระทำพระพุทธพยากรณ์แก่พระบรมโพธิสัตว์เ้จ้าซึ่งเป็นพระเขมราชภิกขุฉะนี้แล้ว สมเด็จองค์พระประทีปแก้วกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงบำเพ็ญพระพุทธกิจอยู่จนตลอดอวสานกาลเมื่อประมาณพระชนมายุยืนถึงสี่หมื่นปี ก็เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงไป ฝ่ายหน่อพระชินสีห์เขมราชภิกขุผู้มีพระพทธบารมีญาณใกล้้จะสำเร็จ เมื่อได้รับลัทธยาเทศคำพยากรณ์จากสมเด็จพระพุทธเจ้าผู้ทรงพระทศพลญาณก็มีกมลโสมนัสปรีดา อธิษฐานพุทธาภินิหารบารมีให้มั่นมากในขันธสันดาน สมาทานถือเที่ยงทศบารมีธรรมไม่เสื่อมคลาย ครั้นแตกกายทำลายขันธ์แล้ว ก็อุบัติเกิดเป็นเทพบุตรสุดประเสริฐ ณ สวรรค์เทวโลก

    ๒๓. สมเด็จพระโกนาคมนะอุบัติ

    เมื่อศาสนาของสมเด็จพระมิ่งมงกุฎพระกกุสันธะสัมมาสัมพุทธเจ้าเสื่อมสูญหมดสิ้นไปแล้ว โลกก็ว่างเปล่าจากพระบวรพุทธศาสนาอยู่ชั่วระยะเวลานานสิ้นกาลได้ พุทธันดร หนึ่งแล้วจึงมีสมเด็จพระชินสีห์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกในภัทรกัปนี้อีกพระองค์หนึ่ง สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์ใหม่นี้ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุฎโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อทรงอุบัติขึ้นแล้วก็ทรงมีพระมหากรุณาบำเพ็ญพระพุทธจริยา ทรงประกาศพระบวรพุทธศาสนา ยังประชาสัตว์ทั้งหลาย ทั้งเทพยดาและมนุษบ์ให้ได้ดื่มอมตรสถึงซึ่งสันติบทคือนฤพานให้พ้นจากทุกอันใหญ่หลวง ในวัฎสงสารเป็นอันมากแล้ว

    กาลครั้งนั้น พระบรมโพธิสัตว์เจ้าของเราได้สืบปฏิสนธิถือกำเนิดเป็นมนุษย์ในขัตติยราชวงศ์ ณ กรุงมถิลาราชธานี เมื่อสมเด็จพระชนกาธิบดีเสด็จสวรรคตแล้ว ก็ได้เสวยราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าบรรพตบรมขันติยาธิบดี ทรงมีมหิทธิอำนาจอันยิ่งใหญ่ ทรงปกครองไพร่ฟ้าประชานิกรให้ได้รับความผาสุกสวัสดีเสมอเป็นนิตย์ เพราะทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม วันหนึ่งได้ทรงมีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วสดับมธุรธรรมิกถา ทรงมีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงได้ถวายไตรจีวรอันตระการด้วยกัปปาสิกพัสตร์และโกไสยพัสตร์ กับรองเท้าทำแล้วด้วยกนกรัตนน์ แล้วถวายภัตตาหารอันประณีตแก่พระอริยสงฆ์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานอยู่สิ้นกาลเจ็ดวัน ครานั้นถึงจุดเข้าพรรษา จึงทรงอาราธนาสมเด็จพระบรมศาสดา กับทั้งพระอริยสงฆ์สาวกให้เข้าจำพรรษา ณ อารามใกล้กรุงซึ่งทรงสร้างขึ้นแล้วทรงอุปัฏฐากบำรุงอยู่เป็นนิตย์ตลอดไตรมาสสามเดือน ครั้งกาลเวลาเคลื่อคล้อยออกพรรษาแล้ว ก็ทรงมีพระราชศรัทธาบำเพ็ญพระราชกุศลถวายสมณบริขารแด่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีองค์สมเด็จพระทศพลเป็นประธานอีกเป็นอันมาก

    คราที่นั้น องค์สมเด็จพระโกนาคมนะบรมศาสด เมื่อทรงมีพระมหากรุณแก่บรมกษัตริย์ จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนาภัตตานุโมทนาเป็นพิเศษ ครั้นทรงสดับธรรรมิกถาของสมเด็จพระโลกเชษฐแล้ว พระเจ้าบรรพตบรมกษัตริย์ก็มีพระทัยเลื่อมใสยิ่งนัก ทรงสละราชสมบัติออก ทรงผนวชบวชเป็นพระภิกษุในสำนักแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ก็ทรงพระอุตสาหะศึกษาเล่าเรียนจนทรงมีความรู้แตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวประชาในสมัยนั้นเป็นอันมาก

    ครั้งนั้น จึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้บรมไตรโลกาจารย์ ได้โปรดประทานพระพุทธฎีกาพยากรณ์ว่า
    พระบรรพตราชภิกขุนี้ เป็นนิยตโพธิสัตว์เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสเป็นพระสัพพัญญู สัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ณ กาลใกล้ในอนาคต กำหนดเป็นลำดับที่ ๔ ในภัทรกัปนี้
    สมเด็จพระชินสีห์โกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นทรงกระทำพระพุทธพยากรณ์ฉะนี้แล้ว ก็ทรงบำเพ็ญพระพุทธกิจโปรดพุทธเวไนยอยู่จนพระชนมายุได้สามหมื่นปี ก็เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานล่วงไป ฝ่ายพระบรมโพธิสัตว์บรรพตราชภิกขุผู้มีพระบารมีใกล้จะสำเร็จ เมื่อได้รับลัทธยาเทศคำพยากรณ์จากสมเด็จพระพุทธองค์ดังนั้น ก็มีพระกมลเกษมโสมนัสปรีดาทงพระอุตสาหะสร้างพระพุทธาภินิหาร ให้มากมั่นในสันดานสมาทานถือเที่ยงทศบารมีธรรมไม่เสื่อมคลาย ครั้นแตกกายวายชีวิตแล้วก็มีสุึคติเป็นที่ไปในเบื้องหน้า คือ สังสารณาการท่องเที่ยวในมนุษย์แลสวรรค์เป็นอันมาก ด้วยวิบากกุศลกรรมความดีีที่พระองค์ทรงสร้างไว้แต่อดีตชาติ แลบัดนี้ ก็ใกล้จักได้สำเร็จแก่่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ฉะนั้น พระองค์จึงไม่คลาดแคล้วจากสุคติภูมิ

    ๒๔.สมเด็จพระกัสสปะอุบัติ

    เมื่อศาสนาของสมเด็จพระมิ่งมงกุฎโกนาคมนะสัมมาสัมพุทธเจ้าเสื่อมสูญหมดสิ้นไปแล้ว โลกก็ว่างเปล่าจากพระบวรพุทธศาสนาชั่วระยะเวลานานได้พุทธันดรหนึ่งแล้ว คราที่นั้น จึงปรากฎมีองค์สมเด็จพระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสในโลกเรานี้อีกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า สมเด็จพระมิ่งมงกุำกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบรมไตรโลกนาถ เมื่อทรงอุบัติขึ้นแล้ว ก็ทรงมีพระมหากรุณาบำเพ็ญพระพุทธจริยา ทรงประกาศพระบวรพุทธศาสนายังประชาสัตว์ทั้งทวยเทพแลมนุษย์ให้ได้รับสมบัติ อันประเสริฐสุด คือมรรค ผล นิพพานเป็นอันมากแล้ว

    กาลครั้งนั้น พระบรมโพธิสัตว์เจ้าอขงเราได้สืบปฏิสนธิถือกำเนิดเป็นมนุษย์มาณพหนุ่มนามว่า โชติปาลมาณพ ได้ศึกษาแจ้งจบในไครเพทางศาสตร์ ปรากฎว่าเป็นผู้ฉลาดรอบรู้ในการพิจารณาดูภูมิสถานและอากาศวิถีทางแห่งนักษัตรฤกษ์นิมิตมีสหายร่วมชีวิตนามว่า ฆฏิการมาณพ เป็นนายช่างหม้อ วันหนึ่งได้สดับข่าวกิตติคุณบันลือว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลกแล้ว จึงชวนกันเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นได้สดับมธุรธรรมนิกายแล้ว ก็มีจิตผ่องแผ้วเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทะา จึงสละเพศฆราวาสบวชเป็นภิกษุภาวะในพระบวรพุทธศาสนา มีความอุตสาหะในคันถธุระ พยายามศึกษาเล่าเรียนจนได้รับยกย่องนับถือจากมหาชนเป็นอันมาก

    ดังนั้น จึงองค์สมเด็จพระสรรเพชญ์กัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้ทรงเป็นพระบรมโลกนายก ทรงไว้ซึ่งพระสัพพัญญุตาญาณ ได้ทรงมีพระพุทธบรรหารพยากรณ์ว่า
    พระโชติปาลภิกขุนี้ เป็นนิยตโพธิสัตว์เที่ยงแท้จะที่จะตรัสเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดม ในอนาคตกาลภายภาคหน้า เมื่อศาสนาแห่งเราตถาคตเสื่อมสูญสิ้นหมดไปแล้ว พระโชติปาลภิกขุจักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าต่อจากเราตถาคต กำหนดนับเป็นลำดับที่ ๔ ในภัทรกัปนี้

    สมเด็จพระชินสีห์กัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นทรงกระทำพระพุทธพยากรณ์แก่บรมโพธิสัตว์เจ้าของเราฉะนี้แล้ว ต่อแต่นั้น ได้ทรงบำเพ็ญพุทธกิจโปรดพุทธเวไนยอยู่จนพระชนมายุได้สองหมื่นปี ก็เสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงไป ฝ่ายพระบรมโพธิสัตว์โชติปาลภิกขุผู้มีพระบารมีใกล้จะสำเร็จ เมื่อได้รับลัทธยาเทศคำพยากรณ์จากสมเด็จพระพุทธองค์ดังนั้น ก็มีกมลเกษมโสมนัสปรีดา มีอุตสาหะสร้างพระพุทธาภินิหารบารมีให้มากมั่นในสันดาน สมาทานถือเที่ยงทศบารมีธรรมไม่เสื่อมคลาย เมื่อแตกกายวายชีวิตแล้ว ก็มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่อุบัติ



    ;aa41


    พระเทพมุนี (วิลาส ญาณวโร)
    มุนานาถทีปนี : ศาสตร์ว่าด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า
    หน้า ๑๙๓-๒๐๑
     

แชร์หน้านี้

Loading...