๑๐๐ วัน มรณกรรม...พระสุพจน์ สุวโจ

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย paang, 4 ตุลาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328


    [​IMG]

    หลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ได้รับคดี พระสุพจน์ ด้วงประเสริฐ อายุ ๓๗ ปี เจ้าสำนักสงฆ์สวน เมตตาธรรม บ้านห้วยงู ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พระนักอนุรักษ์ สิ่งแวดล้อม และ พระนักกิจกรรมในกลุ่มเสขิยธรรม กลุ่มพุทธทาสศึกษา และ มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ ที่ถูกฆาตกรรม เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ที่ผ่านมา เพราะไม่ไว้ใจตำรวจ ข้าราชการในพื้นที่ ที่พัวพันกับกลุ่ม อิทธิพลสวนส้ม-รีสอร์ท ซึ่งจ้องฮุบที่ดินของสำนักปฏิบัติธรรม

    วันเสาร์ที่ ๒๓ กันยายน กลุ่มเสขิยธรรม มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ มูลนิธิโกมลคีมทอง เครือข่ายพุทธิกา คณะอนุกรรมการสิทธิในการจัด การที่ดินและป่าไม้ ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะทำ งานปกป้องนักต่อสู้ เพื่อสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการประสานงานองค์กร พัฒนาเอกชน (กป.อพช.) มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ศูนย์ ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติธรรม (สสธ.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่ง ประเทศไทย (สนนท.) และคณะญาติ ร่วมจัดงาน "วันมรณกรรม พระสุพจน์ สุวโจ ครบ ๑๐๐ วัน"

    พระอาจารย์กิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม กล่าวว่า ล่าสุดดีเอสไอได้แจ้งมาแล้วว่า คดีนี้มีกลุ่มอิทธิพล เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งคนที่เป็นนักการเมือง และกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด อาจใหญ่ถึงขบวนการที่เกี่ยวเนื่องกับต่างชาติด้วย เวลานี้ ดีเอสไอได้นำสำนวนสอบสวน มาจากตำรวจท้องที่ แล้วมาสอบเพิ่มเติม คนที่เกี่ยวข้องกับอาตมา และบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้ง บุคคลที่ได้พบศพพระสุพจน์

    ดีเอสไอ บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จึงได้เตือนพระสงฆ์ระวังตัวเอาไว้ให้ดี อาจเกิดร้ายขึ้นได้กับพระสงฆ์ที่อยู่ในสำนักสงฆ์ สวนเมตตาธรรม แม้จะมีตำรวจกองปราบปราม เฝ้าระวังเหตุร้ายให้ ก็ไม่ควรไว้วางใจ ทางที่ดีอยากให้พระทุกรูป ออกจากพื้นที่ไปก่อน ตรงนี้เราเห็นว่า หากเราออกนอกพื้นที่ก็เท่ากับว่า ที่ดินพื้นป่าที่พระสุพจน์ ปกป้องเอาไว้นั้นก็คงจะไม่มีใคร ทำต่อ ดังนั้น พระสงฆ์ทุกรูปจึงจำเป็น ต้องอยู่สานงานต่อจากพระสุพจน์ทั้งหมด แม้จะมีความเสี่ยงภัยก็ตาม

    วันนี้สิ่งที่เป็นห่วงอยู่มากก็คือ ตำรวจกองปราบปราม ที่เข้ามาอารักขา ผู้การกองปราบปรามได้บอกว่า หลังจากออกพรรษาแล้ว จะต้องถอนกำลังตำรวจ ออกจากพื้นที่เพื่อให้กลับไปทำหน้าที่อื่น ซึ่งตรงนี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะฝากภาครัฐ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ทั้งในส่วนของการ ติดตามคดีเร่งรัด ให้เจ้าหน้าที่ทำงานไปตามครรลอง ของขบวนการยุติธรรม และอนุเคราะห์ ในดูแลรักษา ความปลอดภัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

    ตามสภาพความเป็นจริง พระสงฆ์เรายังเชื่อมั่นว่า รัฐมีศักยภาพที่จะ ทำคดีนี้ให้กระจ่างได้ เช่น กรณีสังหารโหด ๒ นาวิกโยธิน ที่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถ้ารัฐเอาจริงขึ้นมา เขาก็สามารถดำเนินการเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ โดยไม่ยุ่งยาก หรือแม้คดีอื่นๆ ถ้ารัฐตั้งใจทำก็ต้องทำได้

    [​IMG]

    "มาถึงตอนนี้ ในระดับผู้นำรัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เขาให้ ความสำคัญ กับเรื่องนี้แค่ไหน ที่ผ่านมาถ้ามองในแง่มุมของนักต่อสู้ ของมนุษยชน หรือแง่มุม ของผู้นำชุมชน รัฐมักจะไม่ให้ความสำคัญ จะเห็นได้จากคดีเจริญ วัดอักษร นักอนุรักษ์บ้านบ่อนอก หรือคดี ทนายสมชาย นีละไพจิตร มีความคืบหน้าของคดีไม่มาก ซึ่งตรงนี้ อาตมายังเชื่อมั่นว่า ถ้ารัฐตั้งใจจะทำแล้วก็ทำได้ สำคัญแต่ว่า นายกรัฐมนตรี จะส่งสัญญาณที่เป็นประโยชน์ ต่อคดีพวกนี้แค่ไหน" พระอาจารย์ กิตติศักดิ์ กล่าว

    ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ พระอาจารย์ดุษฎี เมธังกุโร วัดทุ่งไผ่ จ.ชุมพร ที่ว่า พระสงฆ์ทุกรูป ที่ยังอยู่สำนักสงฆ์สวนเมตตาธรรม ที่ต้องการให้กำลังใจกับคน ที่รักษาป่า หากเราถอนหรือหนี ก็จะทำคนอื่นเสียขวัญหมดกำลังใจ ส่วนภาครัฐจะ มีการจับคนร้าย ได้หรือไม่นั้น เราก็ไม่ได้หวัง เพราะคดีนี้มีเบื้องหลังหลายอย่าง แต่อย่างน้อยก็เพื่อให้สังคม มองเห็นคนที่ทำงานรักษาป่า และเป็น อนุสติให้เราคิดถึง

    คดีนี้มีการเมือง และกลุ่มผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ทำให้การจับกุม ค่อนข้างยากอยู่ไม่น้อย วันนี้เราได้เห็นว่า ฝนตกมีน้ำท่วม เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นวิบากกรรมใน การทำลายป่าไม้ ส่วนหนึ่งมีการทำลายป่า เพื่อต้องการขยายสวนส้ม เพื่อเงิน วันนี้มีพระ หลายวัดที่ต้องถูกฆ่า โดยมีชนวนเหตุมาจากความขัดแย้ง ในเรื่องของผลประโยชน์ แสดงให้เห็นถึงสังคมไทยที่อยู่ในยุคเสื่อม

    [​IMG]

    "วันนี้ชาวพุทธเรา ควรที่เราตระหนักว่า แม้แต่พระที่ไม่มีอาวุธอะไรเลย ก็ยังถูกฆ่าถูกทำลาย เมื่อไปขัดผลประโยชน์ จากกลุ่มนายทุน แสดงให้เห็นว่า เป็นความโลภ มีความหลงผิดกันมากขึ้น อาตมาก็อยากให้รัฐบาลทำเรื่องนี้ ให้เห็นว่า เป็นรัฐบาลแห่งชาวพุทธจริง โดยไม่ปล่อยให้อบายมุข ท่วมเมือง ไม่ปล่อยให้บริโภคนิยม มาทำลายธรรมะ" พระอาจารย์ดุษฎี กล่าว

    ด้าน นางเตือนใจ ดีเทศน์ สมาชิกวุฒิสภา จ.เชียงราย กล่าวเสริมว่า การฆาตกรรมพระสุพจน์ สุวโจ เป็นเรื่องที่ผู้บริหารประเทศ จะต้องให้ความสำคัญทุกคดี ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะคดี ที่เป็นคนที่เคลื่อนไหวทางสังคม ยิ่งเป็นพระสุปฏิปันโณด้วยแล้ว ภาครัฐก็ยิ่งต้องให้ความสำคัญ เป็นพิเศษ ให้ได้รับการแก้ไข กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหา ๓ จังหวัดชาย แดนภาคใต้ หรือ เหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ที่เกิดขึ้น จนทำให้ภาครัฐ มองผ่านเรื่องอื่นไป หรือถูกลดความสำคัญลงไป ตรงนี้ถือว่าไม่ควรทำอย่างยิ่ง เนื่องจากแต่ละพื้นที่ของประเทศ ต่างก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป ทุกปัญหาก็ย่อมต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแล และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

    วันนี้เราจะเห็นได้ว่า เวลานี้ผู้บริหารประเทศ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นต่างก็ละเลย ที่จะเข้ามาแก้ปัญหา ดังกล่าว ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เมื่อได้ไปดูงบประมาณประจำปี ๒๕๔๙ หรือปีที่ผ่านมา จะให้เงินในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หรือการเผยแผ่ธรรม รวมทั้ง การพัฒนาจารีตประเพณีวัฒนธรรม ของไทยในจำนวนที่น้อยมาก

    [​IMG]

    งบประมาณไม่กี่ล้านบาทต่อปี ในการบำรุงพระพุทธศาสนา คงเข้า ไปต้านกระแสกิเลสของ สังคมไม่ได้ เพราะทุกวันนี้รัฐบาล เน้นการกระตุ้นกิเลส คือ การบริโภค ทั้งอาหาร แฟชั่น คิดแต่ว่า จะต้องหาพลังงาน หาทรัพยากร เทคโนโลยี เพื่อกระตุ้นความต้องการของสังคม แทนที่จะคิดว่า เราจะต้องพัฒนาคนไทย เป็นคนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2005

แชร์หน้านี้

Loading...