ใบลานเปล่า

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 14 พฤศจิกายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    เรื่องพระโปฐิลเถระ
    ( ที่มา https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=30&p=5 )


    ข้อความเบื้องต้น

    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระนามว่าโปฐิละ
    ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยคา เว" เป็นต้น.


    รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด

    ดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดาทรงดำริว่า "ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า เราจักทำการสลัดออกจากทุกข์แก่ตน เราจักยังเธอให้สังเวช."
    จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า "มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็ตรัสว่า "คุณใบลานเปล่าไปแล้ว."
    พระโปฐิละนั้นคิดว่า "เราย่อมทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ถึง ๑๘ คณะใหญ่ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนืองๆ ว่า "คุณใบลานเปล่า" พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มีคุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้."
    ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า "บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเองทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนดท่านว่า "อาจารย์." พระเถระไปสิ้น ๑๒๐ โยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ ๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว กล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม."
    พระสังฆเถระ. "ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก สิ่งอะไรชื่อว่าอันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉน ท่านจึงพูดอย่างนี้?"
    พระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม.


    ( มีต่อ )
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    วิธีขจัดมานะของพระโปฐิละ


    ก็พระเถระเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งนั้น. ลำดับนั้น พระมหาเถระส่งพระโปฐิละนั้นไปสู่สำนักพระอนุเถระ ด้วยคิดว่า "ภิกษุนี้มีมานะ เพราะอาศัยการเรียนแท้." แม้พระอนุเถระนั้นก็กล่าวกะพระโปฐิละนั้น อย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงพระเถระทั้งหมด เมื่อส่งท่านไปโดยทำนองนี้ ก็ส่งไปสู่สำนักของสามเณรผู้มีอายุ ๗ ขวบผู้ใหม่กว่าสามเณรทั้งหมด ซึ่งนั่งทำกรรมคือการเย็บผ้าอยู่ในที่พักกลางวัน. พระเถระทั้งหลายนำมานะของท่านออกได้ด้วยอุบายอย่างนี้.
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    พระโปฐิละหมดมานะ

    พระโปฐิละนั้นมีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว จึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม."
    สามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น ท่านเป็นคนแก่ เป็นพหูสูต เหตุอะไรๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน.
    พระโปฐิละ. ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้.
    สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้ ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน.
    พระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า "จงเข้าไปสู่ไฟ" ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว.
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    พระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร

    ลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะท่านว่า "ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้."
    จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระนั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า "พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น.
    แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำๆ เดียวเท่านั้น.
    ลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า "มาเถิด ท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำๆ เดียวเท่านั้นว่า "ท่านผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น เหี้ยเข้าไปภายในโดยช่องๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕ นอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง, บรรดาทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรม๑- นี้ไว้ในมโนทวาร."
    ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น.
    พระโปฐิละนั้นกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลงในกรชกาย๒- ปรารภสมณธรรม.
    ____________________________
    ๑-๑. คำว่า กรรม ในที่นี้ ได้แก่ บริกรรม หรือกัมมัฏฐาน.
    ๒-๒. แปลว่า ในกายบังเกิดด้วยธุลี มีในสรีระ.
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา

    พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอดพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า "ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง) ดุจแผ่นดินด้วยประการใดแล, การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น
    ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
    ๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย
    เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จ
    ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ.
    ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่ง
    ปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้ทาง ๒ แพร่งแห่งความ
    เจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา
    จะเจริญขึ้นได้.

    แก้อรรถ บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โยคา ความว่า เพราะการกระทำไว้ในใจโดยอุบายอันแยบคายในอารมณ์ ๓๘.
    คำว่า "ภูริ" นั่น เป็นชื่อแห่งปัญญาอันกว้างขวาง เสมอด้วยแผ่นดิน. ความพินาศ ชื่อว่าความสิ้นไป.
    สองบทว่า เอตํ เทฺวธา ปถํ คือ ซึ่งการประกอบและการไม่ประกอบนั่น.
    บาทพระคาถาว่า ภวาย วิภวาย จ คือ แห่งความเจริญและความไม่เจริญ.
    บทว่า ตถตฺตานํ ความว่า บัณฑิตพึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญา กล่าวคือภูรินี้จะเจริญขึ้นได้.
    ในกาลจบพระคาถา พระโปฐิลเถระตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้ว ดังนี้.


    เรื่องพระโปฐิลเถระ จบ.


    **************************************************



    ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@Uttayarndham
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    พระโปฐิลเถระ ท่านอาจเริ่มด้วยการทรงจำพระไตรปิฎก

    แล้วต่อมา ความเป็นผู้ทรงจำพระไตรปิฎกจนมานะครอบแน่น ไม่อาจบรรลุการสิ้นกิเลสอาสวะเป็นพระอรหันต์ได้

    ต่อมา เมื่อท่านผ่านด่านทิฐิมานะของตน ยอมรับความผิดพลาด แล้วดำเนินอริยมรรคมีองค์แปดครบ
    ได้พระอรหันต์เป็นครู

    ประกอบกับ ที่ยังไม่ได้ก่ออนันตริยกรรม
    ยังไม่ใช้ กาย วาจา ใจ ปรามาสล่วงเกินพระ
    ยังไม่พาคนจำนวนมาก ปรามาสพระ ก่อกรรมชั่วต่อพระ

    ท่านจึงสำเร็จอรหันต์ได้


    ********


    แต่ ....ไม่เหมือนกรณีคนที่กำลังดังจากการด่าพระด่าสงฆ์อย่างสนุกปาก เมามันในช่วงนี้

    กำลังได้(ทุกข)ลาภ ยศ สักการะ จากการส่งเสริมให้ได้ด่าพระ ด่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนเอง
    ทั้งพระอริยเจ้า และ ผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย

    อ้างคำสอนบางส่วน จากพระไตรปิฎกที่ใส่เพียงความเห็นของตนเอง มาด่า สร้างกรรมให้เกิดการแตกแยกในพุทธบริษัท


    คนละเรื่องกันเลย


    ขอขมาก็ไม่ทันแล้ว


    ชาตินี้ปิดทางของตนเองแล้ว


    รอวิบากรรมเข้าถึงตัว ประการเดียว
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    #เมื่อมีคนกล่าวว่าพุทธคุณในพระเครื่องไม่มี
    จึงขอยกตัวอย่างเรื่องวัฏฏกชาดก
    [​IMG]ชาติหนึ่งพระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกคุ่ม
    ครั้งนั้นเกิดไฟไหม้ป่า นกคุ่มได้ทำสัจกิริยา
    ไฟได้ถอยกลับดับไป และไฟไม่ไหม้บริเวณนั้นตลอดกัป.
    #อำนาจพระปริตรตั้งอยู่บริเวณที่กล่าวสัจจะตลอดกัป
    ดังนั้นการสวดพระปริตรอานุภาพพุทธคุณจึงตั้งอยู่ที่วัตถุนั้นได้ เช่น พระเครื่องได้ ถ้าสวดบาลีถูกต้อง เป็นพระมีศีล ตั้งอยู่ในฝ่ายวิปัสสนา ไม่หวังลาภ ทำให้ด้วยความอนุเคราะห์
    [​IMG]พระปริตร๑๒ตำนาน
    #ไม่ได้ปกป้องพระเครื่อง แต่ปกป้องพุทธคุณ
    [​IMG]

    เครดิต https://web.facebook.com/kng.chin.p...pFdfSCOhOid_TEVdRNTtdrR9efuE2A&__tn__=-UC,P-R
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    >> มีคนกล่าวว่า ถ้าพระปริตรป้องกันภัยได้เท่ากับขัดกับหลักกรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาล


    >> ขออธิบายดังนี้
    กรรมและสุขทุกข์ไม่มีใครบันดาลนั้นหมายความว่า
    สุขทุกข์ไม่ได้เกิดจากพระผู้สร้าง เช่นพระอิศวรนิรมิต / พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธพระผู้สร้าง เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยๆหรือใครบันดาล
    >> #อธิบายหน้าที่ของกรรม
    กรรมมีหน้าที่ 4 อย่าง คือ
    1. นำเกิด
    2. อุดหนุน
    3. เบียดเบียน
    4. ตัดรอน
    (พระปริตรเป็นกุศลกรรมที่เข้าไปเบียดเบียนฝ่ายตรงข้ามให้อ่อนกำลังลงหรือเบียดให้พ้นไปได้)
    #กรรมมีลำดับการให้ผลของกรรม
    ๑) ทิฎฐธรรมเวทนียกรรม คือ
    กรรมที่ใหผลในปัจจุบันชาติ
    ๒) อุปปัชชเวทนียกรรม คือ
    กรรมที่ให้ผลชาติหน้า
    ๓) อปราปริยเวทนียกรรม คือ
    กรรมที่ให้ผลชาติต่อ ๆ ไป
    ๔) อโหสิกรรม คือ
    กรรมที่เลิกให้ผล หรือไม่ได้โอกาสให้ผล
    >>ดังนั้นพระปริตรจัดเป็นทิฏธรรมเวทนียกรรม ที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน
    #พระปริตรช่วยไม่ได้ด้วยเหตุ ๔ คือ
    ๑. กัมมาวรณ์
    (แรงกรรมเป็นเครื่องกั้น เช่น ผู้ทำอนันตริยกรรม)
    ๒. กิเลสาวรณ์
    (กิเลสเป็นเครื่องกั้น เช่นนกยูงหลงเสียงตัวเมีย)
    ๓. สวดพระปริตรด้วยจิตไม่เชื่อบ่นเพ้อไปแต่ปาก.
    ๔. และคนที่หมดอายุขัยเพราะชรามีความตายเป็นธรรมดา
    เปรียบเหมือนตอไม้ผุที่เอาน้ำรดเท่าไหร่ก็ไม่ฟื้น
    #สรุป พระปริตรเป็นกุศลกรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน ไม่ได้ขัดต่อหลักแห่งกรรมแต่อย่างใด
    : ม่อน
    AmSo11LzWnyBXB3yTB2Z52A8Pz6Vz&_nc_ohc=J5pEniv5rJsQ7kNvgEBmJhU&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-8.jpg

    เครดิต https://web.facebook.com/kng.chin.p...pFdfSCOhOid_TEVdRNTtdrR9efuE2A&__tn__=-UC,P-R
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    #ปาฏิหาริย์ตั้งอยู่ชั่วกัป
    #เรื่องที่1
    พระชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกคุ่ม ครั้งนั้นไฟไหม้ป่า นกคุ่มตั้งสัจจกิริยา ไฟได้ถอยกลับดับไป และไฟไม่ไหม้สถานที่นั้นตลอดกัป
    (พระพุทธเจ้าตรัสว่า นี้เป็นกำลังแห่งสัจจะ)
    #เรื่องที่2
    ในสมัยของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
    พระพุทธเจ้าและฆฏิกาลช่างหม้อมีความคุ้นเคยกันอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งกุฏิรั่ว พระพุทธเจ้าทรงสั่งภิกษุให้ไปรื้อหญ้ามุงหลังคาบ้านฆฏิการะช่างหม้อมามุงกุฏิ
    ครั้งนั้น ฆฏิการะช่างหม้อไม่อยู่ กลับมาทราบว่าพระพุทธเจ้ากัสสปะรื้อหลังคาไปมุงกุฏิ เกิดปีติและสุข คิดว่า “พระพุทธเจ้าทรงให้ความคุ้นเคยกับเราอย่างยิ่ง” ฆฏิการะช่างหม้อเกิดปีติและสุขตลอดกึ่งเดือน บ้านฆฏิการะช่างหม้อมีอากาศเป็นหลังคาฝนตกก็ไม่รั่ว (สถานที่เป็นที่อยู่ของฆฏีการช่างหม้อ ฝนไม่รั่วรดจักตั้งอยู่ตลอดกัป) >>ม่อนสันนิษฐานว่า ฝนไม่รั่วรดด้วยอำนาจอธิฐานของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
    #เรื่องที่3
    พระองคุลิมาลเถระ เช้าวันหนึ่งท่านพระองคุลิมาลเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงครรภ์แก่คนหนึ่งเกิดความกรุณา ท่านนั่งลงบนตั่งกล่าวสัจจกิริยาว่า “ดูก่อนน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาติ จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด” ทารกก็ออกมาดุจน้ำ
    ไหลจากธรมกรก พร้อมกับกล่าวคำสัตย์นั้น. ทั้งมารดาทั้งบุตรมีความสวัสดีแล้ว.
    ชาวบ้านทั้งหลาย ได้กระทำตั่งไว้ตรงที่ที่พระเถระนั่งกระทำสัจจกิริยา. ย่อมนำแม้ดิรัจฉานตัวเมียที่มีครรภ์หลงมาให้
    นอนที่ตั่งนั้น.ในทันใดนั้นเองก็ตลอดออกได้โดยง่าย. ตัวใดป่วยนำมาไม่ได้ก็เอาน้ำล้างตั่งนั้นไปรดศีรษะ ก็คลอคออกได้ในขณะนั้นทีเดียว. แม้โรคอย่างอื่นก็สงบไป. ได้ยินว่า พระมหาปริตรนี้มีปาฏิหาริย์ตั้งอยู่ตลอดกัป.
    #เรื่องที่ 4
    ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายถือเอาท่อนไม้อ้อมาเพื่อต้องการทำกล่องเข็ม แต่ท่อนไม้อ้อเหล่านั้นเป็นรูทะลุตลอดตั้งแต่โคนจนถึงปลาย จึงทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่านี้เป็นการอธิษฐานเดิมของเรา ชาติที่เราเกิดเป็นพญากระบี่ วันหนึ่งแสวงหาน้ำดื่มเห็นสระโบกขรณีสระหนึ่ง เห็นแต่รอยเท้าลงไม่เห็นรอยเท้าขึ้น พระโพธิสัตว์ก็รู้ทันทีว่า สระโบกขรณีนี้อมนุษย์หวงแหน โพธิสัตว์เมื่อจะเจรจากับผีเสื้อน้ำนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเราจักดื่มน้ำและจะไม่ลงไปด้วย พวกเราจักดื่มน้ำในสระโบกขรณีของท่านเหมือนดื่มน้ำด้วยก้านบัว เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านจักไม่อาจกินพวกเรา” พระโพธิสัตว์จึงให้นำท่อนไม้อ้อมาท่อนหนึ่งรำพึงถึงบารมีทั้งหลายแล้วกระทำสัจกิริยาเอาปากเป่าไม้อ้อได้เป็นโพรงตลอดไป ไม่เหลือปล้องอะไร ๆ ไว้ภายใน ตั้งแต่นั้นมาไม้อ้อที่เกิดรอบสระโบกขรณีแม้ทุกต้นเกิดเป็นรูเดียว (ไม่มีข้อ) ปาฏิหาริย์นี้ตั้งอยู่ตลอดกัป.
    ย่อความให้เข้าใจง่ายโดย: โดเรม่อน
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,719
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,138
    ค่าพลัง:
    +70,534
    #ปาฏิหาริย์ตั้งอยู่ชั่วกัป
    #เรื่องที่1
    พระชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนกคุ่ม ครั้งนั้นไฟไหม้ป่า นกคุ่มตั้งสัจจกิริยา ไฟได้ถอยกลับดับไป และไฟไม่ไหม้สถานที่นั้นตลอดกัป
    (พระพุทธเจ้าตรัสว่า นี้เป็นกำลังแห่งสัจจะ)
    #เรื่องที่2
    ในสมัยของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
    พระพุทธเจ้าและฆฏิกาลช่างหม้อมีความคุ้นเคยกันอย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งกุฏิรั่ว พระพุทธเจ้าทรงสั่งภิกษุให้ไปรื้อหญ้ามุงหลังคาบ้านฆฏิการะช่างหม้อมามุงกุฏิ
    ครั้งนั้น ฆฏิการะช่างหม้อไม่อยู่ กลับมาทราบว่าพระพุทธเจ้ากัสสปะรื้อหลังคาไปมุงกุฏิ เกิดปีติและสุข คิดว่า “พระพุทธเจ้าทรงให้ความคุ้นเคยกับเราอย่างยิ่ง” ฆฏิการะช่างหม้อเกิดปีติและสุขตลอดกึ่งเดือน บ้านฆฏิการะช่างหม้อมีอากาศเป็นหลังคาฝนตกก็ไม่รั่ว (สถานที่เป็นที่อยู่ของฆฏีการช่างหม้อ ฝนไม่รั่วรดจักตั้งอยู่ตลอดกัป) >>ม่อนสันนิษฐานว่า ฝนไม่รั่วรดด้วยอำนาจอธิฐานของพระพุทธเจ้ากัสสปะ
    #เรื่องที่3
    พระองคุลิมาลเถระ เช้าวันหนึ่งท่านพระองคุลิมาลเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงครรภ์แก่คนหนึ่งเกิดความกรุณา ท่านนั่งลงบนตั่งกล่าวสัจจกิริยาว่า “ดูก่อนน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาติ จะได้รู้สึกว่าแกล้งปลงสัตว์เสียจากชีวิตหามิได้ ด้วยสัจจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ขอความสวัสดีจงมีแก่ครรภ์ของท่านเถิด” ทารกก็ออกมาดุจน้ำ
    ไหลจากธรมกรก พร้อมกับกล่าวคำสัตย์นั้น. ทั้งมารดาทั้งบุตรมีความสวัสดีแล้ว.
    ชาวบ้านทั้งหลาย ได้กระทำตั่งไว้ตรงที่ที่พระเถระนั่งกระทำสัจจกิริยา. ย่อมนำแม้ดิรัจฉานตัวเมียที่มีครรภ์หลงมาให้
    นอนที่ตั่งนั้น.ในทันใดนั้นเองก็ตลอดออกได้โดยง่าย. ตัวใดป่วยนำมาไม่ได้ก็เอาน้ำล้างตั่งนั้นไปรดศีรษะ ก็คลอคออกได้ในขณะนั้นทีเดียว. แม้โรคอย่างอื่นก็สงบไป. ได้ยินว่า พระมหาปริตรนี้มีปาฏิหาริย์ตั้งอยู่ตลอดกัป.
    #เรื่องที่ 4
    ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายถือเอาท่อนไม้อ้อมาเพื่อต้องการทำกล่องเข็ม แต่ท่อนไม้อ้อเหล่านั้นเป็นรูทะลุตลอดตั้งแต่โคนจนถึงปลาย จึงทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่านี้เป็นการอธิษฐานเดิมของเรา ชาติที่เราเกิดเป็นพญากระบี่ วันหนึ่งแสวงหาน้ำดื่มเห็นสระโบกขรณีสระหนึ่ง เห็นแต่รอยเท้าลงไม่เห็นรอยเท้าขึ้น พระโพธิสัตว์ก็รู้ทันทีว่า สระโบกขรณีนี้อมนุษย์หวงแหน โพธิสัตว์เมื่อจะเจรจากับผีเสื้อน้ำนั้นจึงกล่าวว่า “พวกเราจักดื่มน้ำและจะไม่ลงไปด้วย พวกเราจักดื่มน้ำในสระโบกขรณีของท่านเหมือนดื่มน้ำด้วยก้านบัว เมื่อเป็นอย่างนี้ ท่านจักไม่อาจกินพวกเรา” พระโพธิสัตว์จึงให้นำท่อนไม้อ้อมาท่อนหนึ่งรำพึงถึงบารมีทั้งหลายแล้วกระทำสัจกิริยาเอาปากเป่าไม้อ้อได้เป็นโพรงตลอดไป ไม่เหลือปล้องอะไร ๆ ไว้ภายใน ตั้งแต่นั้นมาไม้อ้อที่เกิดรอบสระโบกขรณีแม้ทุกต้นเกิดเป็นรูเดียว (ไม่มีข้อ) ปาฏิหาริย์นี้ตั้งอยู่ตลอดกัป.
    ย่อความให้เข้าใจง่ายโดย: โดเรม่อน
    =AZXE_ZEm5PgTJTsovDRgpCQjfVCA92eAXJpgpaXTrTfg0Rf8cZvQunWeoUv1o6rx9o9s2xKbg5yR6cNJo0fy_K2JELc1Jo8KWsBxELr_fFzDUBi5TMELmEpOVfu_yHSzMopJMmOSd3J8GgyBXo5Ka2dEXkMtJEW5GPFvLBC-C1934Q&__tn__=EH-R'] qgH_RFyMkI4GtwWYeTCSnD02nI94b&_nc_ohc=-4k0iSHSAQoQ7kNvgECFJ05&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...