เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ บรรดาวัดสาขาเขานัดกันไว้หรือเปล่า ? เพราะว่าทอดกฐินพร้อม ๆ กัน ก็คือถ้ามีโอกาสก็ให้คุยกันก่อนว่าใครจะทอดก่อนทอดหลัง ไปทอดพร้อมกัน ถ้าศรัทธาญาติโยมคณะเดียวกันไม่สามารถจะแบ่งภาคได้ ก็ไปช่วยได้แค่ที่เดียวเท่านั้นเอง

    สำหรับวันนี้ บางเรื่องที่อยากจะพูดถึงเกี่ยวกับกฐินและส่วนอื่น ๆ ก็มีอยู่ อย่างเช่นที่มีผู้รู้มากเกินไป ท่านบอกว่าการทอดกฐินในปัจจุบันทำให้ตกนรก เนื่องเพราะว่ากฐินมีแค่ผ้าไตรจีวรเท่านั้น แต่นี่เรากลับเอาเงินทองไปยัดเยียดให้พระภิกษุสงฆ์เสียมากมาย เป็นการสนับสนุนให้ท่านละเมิดศีลข้อห้ามจับต้องเงินทอง ฟังดูก็เหมือนกับใช่ เพียงแต่ว่าเราอย่าเสียเวลาไปเถียงกับเขา

    ในสมัยก่อนนั้น เรื่องของเงินทองเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ในสมัยปัจจุบันนี้กลายเป็นสิ่งจำเป็น ดังนั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูในโกสิยวรรค นิสสัคคีย์ปาจิตตีย์กัณฑ์ก็ดี ท่านก็จะเห็นว่าภิกษุรับเงินหรือทอง หรือสิ่งของที่ใช้แทนเงินทองต้องอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ข้อต่อไปก็ยังระบุไว้ชัดว่าภิกษุรับเองหรือใช้ผู้อื่นรับแทนก็ต้องอาบัตินิสสัคคีย์ปาจิตตีย์ ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วเราจะทำอย่างไรกัน ?

    กระผม/อาตมภาพมีเพื่อนที่เป็นพระธรรมยุต ไม่จับต้องเงินทอง ไปไหนถ้าญาติโยมไม่มารับจะลำบากมาก เนื่องเพราะว่าต้องหาโยมหรือสามเณรติดตามไปเพื่อช่วยจ่ายค่ารถค่าอาหารให้ เนื่องจากว่าสามเณรไม่มีศีลห้ามรับเงินทองเหมือนกับพระ

    แล้วก็ไปเจอดีที่ว่าสามเณรชวนพระไปเยี่ยมบ้าน นั่งรถจากวัดใหญ่ในกรุงเทพฯ ไปภาคอีสาน ด้วยความเคยชินว่าเป็นบ้านตนเอง พอไปถึงสามเณรก็ลงเลย แต่ไม่ได้บอกหลวงพี่ของตัวเองให้ลงด้วย ท่านก็เลยติดรถเตลิดเปิดเปิงไปถึงขนส่งจังหวัดนั้น นอกจากย่ามติดตัวที่ใส่ของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ แล้ว เงินสักบาทก็ไม่มี

    ท่านเล่าให้กระผม/อาตมภาพฟังว่า "หลวงพี่เอ๊ย กว่าจะบิณฑบาตตั๋วรถกลับได้นี่อายจนหัวหูแดงไปหมด เพราะมีแต่คนมองว่าท่านไปหลอกเอาเงินเขา" ก็แปลว่าพระธรรมยุตรูปหนึ่งจะเดินทางก็ต้องมีฆราวาสหรือสามเณรติดตามไป ๑ ต่อ ๑ เป็นอย่างน้อย เพราะว่าท่านไม่สามารถจะจับต้องเงินทองได้ แล้วใครจะว่างตามไปทุกครั้ง ?
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    แล้วศีลพระก็ระบุไว้ชัดว่ารับเองก็ดี ใช้ผู้อื่นรับแทนก็ดี โดนอาบัติเหมือนกัน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกรงว่าพระเณรของเราจะสะสมเงินเพื่อรวย สมัยยุคแรก ๆ เขาใช้การสะสมผ้าไตรจีวร เพราะว่าบางทีเศรษฐีที่ท่านรวย ๆ ก็ถวายผ้าทีหนึ่ง ๔ คู่บ้าง ๘ คู่บ้าง คำว่าคู่ในที่นี้ก็คือตามแบบของคนอินเดียโบราณ ว่าจะต้องเป็นผ้านุ่งผืนหนึ่ง ผ้าห่มผืนหนึ่ง

    ในเมื่อพระพุทธเจ้าท่านให้ใช้แค่ผ้าไตรจีวร ส่วนเกินมาก็ดูแลลำบาก เพราะว่าต้องทำวิกัปเป็นสองเจ้าของเป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็ต้องสละไปเลย ก็เลยมีพระภิกษุที่เอาผ้าไปขายให้ฆราวาส เพราะว่าบางทีผ้าที่เศรษฐีเขาถวายมาราคาแพงมาก ตนเองก็เอาไปขายสักครึ่งราคา เป็นต้น เราจะเห็นว่าไม่ว่าตั้งแต่ยุคพุทธกาลหรือว่าปัจจุบัน บุคคลประเภทนี้จะมีตลอด เนื่องเพราะว่าขาดความละอายชั่วกลัวบาป ไม่รักศีลของตนเอง

    จากที่กระผม/อาตมภาพไปอยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) เพื่อช่วยดูแลท่านตอนท่านเจ็บไข้ได้ป่วย ที่วัดเทพศิรินทราวาส ไปช่วยดูแลท่านถึง ๔ ปี เห็นสิ่งที่พระท่านทำแล้วก็ยังรู้สึกปลื้มใจ ก็คือเมื่อมีโยมถวายปัจจัย จะให้ถวายเป็นใบปวารณา ส่วนปัจจัยก็จะให้ไวยาวัจกรเก็บไปแล้วลงบัญชีไว้ให้เรียบร้อย ทุกเย็นจะนำส่งธนาคาร ก็กราบเรียนถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องส่งธนาคารทุกเย็น ท่านบอกว่าถ้าไม่ส่ง เดี๋ยวพวกที่มีความโลภขึ้นมา เห็นหลวงตาแก่อยู่กุฏิคนเดียว มาบีบคอตายแหงเพื่อที่จะเอาเงินไป

    แล้วท่านก็เห็นว่าเมื่อไม่นานนี้ มีข่าวท่านเจ้าคุณรองเจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่งโดนขโมยงัดกุฏิ เฉพาะเงินสดได้ไป ๓ แสนบาท เพียงแต่ว่าเป็นเงินที่ท่านจะเอาไว้จ่ายให้กับที่ช่างก่อสร้าง ถ้าอย่างนี้คดีน่าจะทำง่าย เพราะว่าก็คงจะมีแต่ท่านเจ้าคุณและเจ้าหน้าที่ธนาคารกับช่างเท่านั้นที่จะรู้ว่าจะจ่ายเงินกันเมื่อไร
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    ในเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าป้องกันไม่ให้พวกเราโลภ ตอนที่อยู่วัดเทพศิรินทราวาส พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต (นิรันตรมหาเถระ) ท่านใช้วิธีตั้งตู้เอาไว้ ถ้าหากว่าใครได้รับเงินทองมาก็หย่อนลงตู้ส่วนกลางไป ถึงเวลามีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้ก็ไปแจ้งกับท่าน ท่านก็จะให้เจ้าหน้าที่วัดเบิกจ่ายไปให้ พูดง่าย ๆ ว่าอาจจะหยอดไป ๒๐ บาท แต่เบิกไป ๑,๐๐๐ บาท ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถือว่าเป็นเงินกองกลาง มีเอาไว้สำหรับพระภิกษุสามเณรในวัดอยู่แล้ว ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ไม่ใช่ของตัวเอง และก็ไม่ใช่ให้คนอื่นรับแทน ท่านสามารถที่จะป้องกันอาบัติตรงนี้ได้

    คราวนี้ถ้าหากว่าเป็นพวกเราก็อยู่ในลักษณะที่ว่าทนหน้าด้านใช้เงินไป แม้ว่ามีร้านอาหารบางแห่ง เฉพาะกาญจนบุรีนี่ก็เจอหลายที่ ก็คือเมื่อพระสงฆ์เข้าไปฉันอาหาร ท่านจะถวาย กระผม/อาตมภาพตอนแรกก็ไม่รู้ พาพระไปรวม ๕ รูป ตั้งใจจะจ่ายเงินเองก็จ่ายเสียเต็มที่เลย ปรากฏว่าพอให้เก็บเงิน โยมบอกว่าถวาย แล้วยังบอกว่าถ้างวดหน้าผ่านมาอีกให้แวะ เขาจะถวายอีก ตั้งแต่บัดนั้นไม่ต้องเจอกัน

    สมัยที่เรียนอยู่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็แบบนั้น ร้านค้าหน้าวัดไร่ขิงประมาณ ๒๐๐ กว่า ๆ ทุกร้านพระเณรฉันฟรี ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เขาบอกว่าเขามีอยู่มีกินทุกวันนี้ได้เพราะหลวงพ่อวัดไร่ขิง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นพระเณรเขายินดีถวายให้อยู่แล้ว

    จนกระผม/อาตมภาพต้องตกลงกับทางร้านค้าว่า "ถ้าโยมถวาย อาตมภาพไม่เข้าร้าน" เนื่องเพราะว่าพอมีเงินจ่าย ไม่อยากจะไปเบียดเบียนญาติโยม ท้ายสุดก็ตกลงกันที่ว่า เข้าไปฉันแล้วจ่าย ๑๐ บาท ก็คือโยมจะได้ไม่ต้องขาดทุนมาก แล้วเราเองก็ได้จ่ายบ้าง

    เรื่องของศีลพระของเรา ไม่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตั้งไว้เข้มงวดแค่ไหนก็ตาม รักษาได้เฉพาะผู้ที่ละอายชั่วกลัวบาปเท่านั้น ก็พอ ๆ กับรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ บ้านเรา คุณจะเขียนไว้ป้องกันคนโกงขนาดไหน ถ้าหากว่าคนที่ไม่ละอายใจก็โกงจนได้ จึงเป็นเรื่องของอุปัชฌาย์อาจารย์หรือว่าเจ้าอาวาส ต้องขัดเกลาพระสงฆ์ภายในวัดของตนเอง
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    อย่างปัจจุบันนี้เขามีการซื้อหวยกันเป็นปกติ กระผม/อาตมภาพก็ได้รับการชวนให้ซื้อหวย ล่าสุดก็ในงานที่ไปตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ จังหวัดสมุทรสาคร พอจอดรถ แม่ค้าหวยก็เดินเร่เข้ามา จนกระทั่งต้องบอกว่า "ซื้อไม่ได้ เพราะว่าเจ้าอาวาสที่วัดดุ ถ้าซื้อหวยให้รู้ ท่านไล่ออกจากวัดเลย"

    ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพระซื้อหวยแล้วต้องโดนไล่ออกจากวัดด้วย ก็คือบอกให้รู้เห็นอย่างชัดเจนว่าจิตใจของเราเต็มไปด้วยความโลภ ถ้ายังอยากหวังรวยแบบนั้นก็อย่าบวชเข้ามาเลย เพราะสร้างความมัวหมองให้กับพระพุทธศาสนาเสียเปล่า ๆ

    แต่พระอุปัชฌาย์อาจารย์ปัจจุบันนี้ก็ไม่ค่อยจะทำหน้าที่ของตน โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์กว่าจะสอบผ่าน เจอไป ๔ - ๕ ด่านเป็นอย่างน้อย ตอนสอบตอบตามตำราเป๊ะทุกอย่าง แต่พอรับตราตั้งพระอุปัชฌาย์ไปแล้ว ทำคนละอย่าง ก็คือบางท่านถึงขนาดเดินสายรับบวช พูดง่าย ๆ ว่าปั๊มเงินอย่างเดียว ไม่ได้คิดที่จะดูแลลูกศิษย์ที่ตัวเองบวชให้ดีเลย

    พวกเราจึงต้องรักษาตัวกันเอง มีอำนาจหน้าที่ในขอบเขตบริเวณไหนก็ทำหน้าที่ของเราตรงนั้นให้ดีที่สุด ส่วนอื่นก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงกว่าที่ท่านมีหน้าที่จะควบคุม ถ้าทุกวัดแค่ดูแลวัดของตนเองให้ดี เรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นน้อยมาก หรือไม่เกิดอีกเลย ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสแต่ละรูปว่าจะเห็นแก่ตนเองหรือเห็นแก่ส่วนรวม ถ้าเห็นแก่ส่วนรวมก็ยังพอมีความหวัง แต่ถ้าเห็นแก่ตนเอง พระพุทธศาสนาของเราก็คงจะไปไม่รอด

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุ สามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้


    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...