เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีญาติโยมส่งข้อมูลภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพฟังชื่อแล้วยังรู้สึกประหลาดใจมากว่าเป็นภาษาอะไร ? ก็คือเรื่อง "ธี่หยด" ได้ยินว่าเป็นภาค ๒ แล้ว

    แต่ว่าในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์นั้น ผู้ส่งข่าวไม่ได้สนใจ หากแต่ไปสนใจเครื่องรางของขลังต่าง ๆ ที่ตัวเอกและคณะนำไปต่อสู้กับผีปอบชุดดำ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเอง ผู้ที่หย่าขาดจากภาพยนตร์มาตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ ก็เลยไม่ทราบว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นนางเอก เนื่องเพราะที่พอจะอยู่ในความทรงจำนั้น พระเอกคนสุดท้ายก็คือทูน หิรัญทรัพย์ นางเอกก็คือจารุณี สุขสวัสดิ์ คาดว่าถ้ายังชีวิตอยู่ ก็คงเป็นคุณปู่คุณย่ากันไปหมดแล้ว..!

    จากข้อมูลที่ญาติโยมส่งมานั้นกล่าวถึงเครื่องรางของขลังหลายชนิด อย่างแรกเลยก็คือพิสมร ระบุมาด้วยว่าเป็นของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ถ้าหากว่าเป็นพิสมรของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัยนั้น ท่านสร้างมาจากใบลาน และเป็นใบลานที่ปากคลองบางปืนเท่านั้น โดยที่ถือเคล็ดว่า คำว่า "บางปืน" ถ้าหากว่ากร่อนลงก็จะเป็นคำว่า "บังปืน" ก็คือป้องกันปืนให้ด้วยนั่นเอง

    ถ้าอย่างนั้นตะกรุดใบลานบังปืนหรือว่าพิสมร หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัยนั้น ทางวงการเครื่องรางของขลังจัดเป็น ๑ ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน ซึ่งท่านที่ไม่คุ้นเคยก็อาจจะไม่รู้ว่าพิสมร วัดพวงมาลัยนั้น ไม่ได้มีอยู่ในรูปแบบเดียว

    อันดับแรกเลยก็คืออยู่ในรูปเหมือนกับเหรียญกลม ๆ ที่ค่อนข้างจะหนาสักหน่อย มีการถักหุ้มโดยใช้เชือกแล้วก็ชุบรักอยู่ ๒ - ๓ ลักษณะด้วยกัน บางคนเรียกพิสมรรูปร่างแบบนี้ว่า "จักรนารายณ์"

    อีกส่วนหนึ่งก็ยาวขึ้นมาประมาณ ๑ ข้อนิ้วมือผู้ใหญ่ มีขนาดใหญ่ขึ้นมาประมาณหัวแม่มือผู้ใหญ่เช่นกัน เขาเรียกว่า "พิสมรลูกกลอง" คือ
    ถ้าหากว่าวางอยู่บนพื้นแล้วมองด้านข้าง จะมีลักษณะเหมือนอย่างกับกลองเพล เพียงแต่ว่าเป็นกลองเพลขนาดเล็กเท่านั้นเอง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    อีกลักษณะหนึ่งนั้นสมกับชื่อคำว่า "ตะกรุดใบลาน" จริง ๆ เพราะว่าเป็นใบลานที่ม้วนลักษณะเหมือนกับมวนบุหรี่ ขนาดก็ใกล้เคียงกับมวนบุหรี่ ดูแล้วเป็นตะกรุดจริง ๆ แต่เป็นตะกรุดใบลานที่โดนม้วนเข้าไปจนแน่น มัด ๒ เปลาะบ้าง ๓ เปลาะบ้าง แต่ด้วยความที่ผ่านระยะเวลามาเป็น ๑๐๐ ปีแล้ว ก็ทำให้พิสมรรูปตะกรุดนั้น บางทีเชือกที่มัดเอาไว้ก็ขาด ทำให้ใบลานที่โดนม้วนเอาไว้หลุดกระจัดกระจายก็มี..!

    ดังนั้น..ตามรูปที่ท่านได้ส่งมาให้ดูนั้น ก็คือพิสมรแบบที่เขาเรียกกันว่าจักรนารายณ์ แล้วจักรนารายณ์ก็ยังมีขนาดใหญ่ขนาดเล็ก เท่าที่กระผม/อาตมภาพพบมา ขนาดใหญ่มีความใหญ่ประมาณเหรียญ ๕ บาทสมัยนี้ ขนาดเล็กมีความใหญ่ประมาณเหรียญสลึงสมัยนี้ ซึ่งขนาดนี้นับรวมเชือกที่ถักและลงรักไว้เรียบร้อยแล้ว ก็แปลว่าท่านทั้งหลายต้องดูให้รู้ว่าอายุเชือกถักที่เป็น ๑๐๐ ปีก็ดี ลักษณะของรักที่ชุบเอาไว้เพื่อรักษาใบลานก็ดี หรือว่ารักษาเชือกก็ตาม ตลอดจนกระทั่งถ้าหากว่าเป็นลักษณะตะกรุดมวนบุหรี่นั้น ท่านก็ต้องดูให้ออกว่าใบลานที่เก่าเป็น ๑๐๐ ปี ผ่านการใช้งานมานับไม่ถ้วนนั้น จะมีรูปร่างลักษณะอย่างไร จึงสามารถที่จะเสาะหาของจริงของแท้มาได้ ไม่ใช่ว่าไปหยิบไปจับส่งเดชจากที่ไหนก็เชื่อตามเขาไปเลย

    เครื่องรางของขลังชิ้นต่อไปนั้น ท่านบอกว่าเป็น "ตะกรุดวิรุฬจำบัง" ระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นตะกรุดวิรุฬจำบังของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม โดยที่ระบุว่าเหตุการณ์ในภาพยนตร์นั้นอยู่ประมาณพุทธศักราช ๒๕๑๐ กว่า ๆ โดยที่หลวงพ่อกวยท่านสร้างตะกรุดวิรุฬจำบังขึ้นมาประมาณพุทธศักราช ๒๕๐๕

    ตรงนี้กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่าบางทีอาจจะมีผู้เข้าใจผิด จึงไปฟันธงว่าตะกรุดวิรุฬจำบัง ซึ่งมีอานุภาพในการบังตาคน แต่ตามที่เขาบอกเล่าก็คือในภาพยนตร์นั้นบังตาผีด้วย พูดง่าย ๆ ว่าทำให้หายตัวไปได้ชั่วคราว

    ซึ่งวิรุฬจำบังนั้นเป็นขุนพลยักษ์ผู้หนึ่ง ที่ทศกัณฐ์ส่งไปรบกับพระราม เมื่อสู้ไม่ได้ก็หลบหนีไปซ่อนอยู่ในฟองน้ำที่มหาสมุทร แต่ด้วยความผู้ที่ตามล่าก็คือหนุมานชาญสมร ทหารเอกพระราม ท้ายที่สุดต่อให้วิชาวิรุฬจำบัง หายตัวได้ก็ดี การไปหลบซ่อนอยู่ในฟองน้ำในมหาสมุทรก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือให้วิรุฬจำบังรอดพ้นจากความตายไปได้..!

    แต่วิชานี้ได้มีการสืบทอดมา ส่วนที่ชัดเจนที่สุดก็คือสืบทอดมาถึงพระยาสีหราชเดโช ทหารเอกของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเวลารบกับข้าศึก เมื่อภาวนาคาถาวิรุฬจำบังแล้ว ก็สามารถที่จะหายตัวได้อึดใจหนึ่ง พูดง่าย ๆ ว่ากลั้นหายใจเอาไว้แล้ว ถ้าไม่หายใจใหม่ คนอื่นก็จะไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็สามารถไล่ฆ่าไล่ฟันข้าศึกอยู่ฝ่ายเดียว เพราะว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นตนเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    ในเรื่องนี้พอสืบสายมาแล้ว ก่อนที่จะถึงในส่วนของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตารามนั้น ถ้าเรานับเอาพิสมร ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ในภาพยนตร์เรื่องนั้นเป็นหลัก ตะกรุดวิรุฬจำบังนี้ก็น่าจะเป็นของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมมากกว่า

    หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมนั้น ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งของสายลุ่มน้ำแม่กลอง เอาแค่วัตถุมงคลของท่านก็แล้วกัน เนื่องเพราะว่า "เสื้อยันต์วิรุฬจำบัง" ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม เป็นเสื้อยันต์อันดับ ๑ ของประเทศไทย "ตะกรุดมหาระงับ" ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ติด ๑ ใน ๕ สุดยอดตะกรุดของเมืองไทย "ลูกอมมหากัน" ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ติด ๑ ใน ๕ สุดยอดลูกอมของประเทศไทย แม้กระทั่ง
    "เหรียญ" รูปของท่าน ก็ติด ๑ ใน ๕ สุดยอดเหรียญพระเกจิอาจารย์เมืองไทย..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ภายหลังที่บุคคลนำเอาวัตถุมงคลของท่านไปใช้แล้วเกิดอานุภาพมาก เกิดความคึกคะนองขึ้นมา กลายเป็นโจรผู้ร้ายไปปล้นเขา เมื่อทางการไปขอร้อง หลวงพ่อคงจึงนำเอาวัตถุมงคลของท่านไปถ่วงทะเลจนหมด

    เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้านับยุคสมัยที่ใกล้เคียงกัน หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย กับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อมจะใกล้เคียงกันมากกว่า หลวงพ่อคงอยู่ในระดับครูบาอาจารย์ของครูบาอาจารย์ ดังนั้น..ถ้านับในส่วนที่กระผม/อาตมภาพกล่าวถึงนี้
    ตะกรุดวิรุฬจำบังในภาพยนตร์เรื่องนั้น น่าจะเป็นของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม

    ส่วนคาถานั้นก็คือ "โอมล้อมไว้ก็ไม่เจอ เดินผ่านไปก็ไม่เห็น พุทธังบังจักขุ ธัมมังบังจักขุ สังฆังบังจักขุ มะอะอุ ไม่เห็น อิ ตัวกู" ถ้าหากว่าจบลงแค่นี้ก็ใช้ในลักษณะของการกลั้นหายใจ ภาวนาแล้ว ทั้งเงาและตนก็จะสูญหายไปชั่วอึดใจ จนกว่าเราจะหายใจใหม่ ร่างจึงจะปรากฏต่อสายตาอีก

    แต่ถ้าหากว่าท่านจะใช้ในลักษณะของการป้องกันโจรภัย ไม่ให้คนขึ้นเรือนมาปล้นมาชิงเรา ก็ให้ต่อด้วยคาถา "ฆะเฏสิ ฆะเฏสิ กิงกะระณัง ฆะเฏสิ อะหังปิตตัง ชานามิ ชานามิ โจรา โจรา โจรา ปะลายันติ" ถ้าหากว่าใช้ในลักษณะนี้ตั้งแต่ โอมล้อมไว้ก็ไม่เจอ ไปจนถึง โจรา ปะลายันติ ก็จะกลายเป็นคาถาป้องกันโจรภัยไปได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,817
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,568
    ค่าพลัง:
    +26,408
    อีกส่วนหนึ่งก็คือมีดเหล็กน้ำพี้ ซึ่งในเรื่องเอาไว้สำหรับต่อสู้กับภูตผีปิศาจ เหล็กน้ำพี้นั้นจัดว่าเป็นสุดยอดโลหะอาถรรพ์อย่างหนึ่ง ซึ่งนอกจากน้ำหนักจะเบาแล้ว ยังสามารถทำลายอาถรรพ์อย่างเช่นพวกอยู่ยงคงกระพันได้ด้วย เหล็กน้ำพี้นั้นเป็นโลหะผสมในธรรมชาติ ซึ่งมีผู้นำมาแยกธาตุแล้ว มีกระทั่งสุดยอดโลหะอย่างไทเทเนียมเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย แต่จากรูปที่ท่านส่งมานั้น จะเรียกว่ามีดเหล็กน้ำพี้อย่างเดียวไม่ได้ เพราะดูว่ามีการตีอักขระต่าง ๆ คือพวกเลขยันต์เอาไว้ด้วย ต้องเรียกว่า "มีดหมอเหล็กน้ำพี้"

    แต่ว่าในสมัยโบราณของเรามา การสร้างมีดหมอของครูบาอาจารย์นั้น สร้างตาม "ตำรามหาศาสตราคม" ก็คือ "เอาเหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ ยอดปราสาททวารามาประสม เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร ฯลฯ" เป็นต้น แล้วก็มีเหล็กน้ำพี้เป็นส่วนผสมเท่านั้น ไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นมาจากน้ำพี้ทั้งเล่มเหมือนกับในภาพยนตร์ที่โยมส่งรูปมาให้ดู ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นมีดหมอ

    ดังนั้น..จะต่อสู้กับภูตผีปิศาจอะไร ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพราะว่าเป็นส่วนของวัตถุอาถรรพ์ ซึ่งยังต้องพึ่งพาอาศัยอำนาจเทพอาวุธทั้ง ๕ ก็คือ วชิราวุธของพระอินทร์ ยมเนตรของพระยายมราช ผ้าพันคอหรือผ้าโพกศีรษะของอาฬวกยักษ์ กระบองของท้าวเวสสุวรรณ และกงจักรของพระนารายณ์ พูดง่าย ๆ ว่านอกจากจะอ้างคุณพระรัตนตรัยแล้ว ยังต้องอ้างถึงเทพอาวุธทั้ง ๕ อีกด้วย

    ๑ ใน ๒ สิ่งที่กระผม/อาตมภาพถ้าหากว่าจะเข้าป่าแล้วลืมไม่ได้เลย อันดับแรกคือมีดหมอ เอาไว้สำหรับเรื่องหนัก ๆ ระดับที่เรียกว่า "เอาอยู่ได้ยาก" อีกอย่างหนึ่งก็คือเบี้ยแก้ ซึ่งถ้าเป็นเรื่องในระดับรองลงมา พวกภูตผีปิศาจระดับต่ำหน่อย ก็สามารถที่จะป้องกันได้เลย พูดง่าย ๆ ว่า "
    เบี้ยแก้เอาไว้กัน มีดหมอเอาไว้แก้" ดังนั้น..ถ้าหากว่าในภาพยนตร์การที่เข้าไปต่อสู้กับผี โดยที่ผู้เล่าบอกว่าไปที่ "ดงโขมด จังหวัดอุตรดิตถ์" ถ้าหากว่ามีมีดหมอเหล็กน้ำพี้ไปด้วย ก็ถือว่าอยู่ในวิสัยที่จะเป็นไปได้

    ส่วนเรื่องของอาถรรพ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมนต์ เลขยันต์ ตลอดจนกระทั่งดินโป่งกันผีป่าอะไรก็ตาม จะไม่ขอกล่าวถึงในที่นี้ เพราะว่าแค่นี้ก็โดนคนด่ามามากพอแล้ว เนื่องจากไปยืนยันเรื่องพุทธคุณว่ามีจริงไปเต็ม ๆ เพราะว่ามีหลายท่านบอกว่าวัตถุมงคลไม่มีพุทธคุณ ถ้าตามที่ท่านอธิบายมาก็ใช่ เพราะว่าพุทธคุณนั้นเป็นคุณสมบัติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าเราไม่เรียกว่า "พุทธคุณ" เรียกว่า "พลังของวัตถุมงคล" คาดว่าคงไม่มีใครปฏิเสธได้

    ในที่นี้ว่ากล่าวไปตามที่ญาติโยมสอบถามมาว่า สิ่งที่กล่าวถึงในภาพยนตร์นั้น ควรที่จะเป็นวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์ท่านใด ก็ไม่สามารถที่จะบอกได้อยู่อย่างเดียวก็คือมีดหมอ เนื่องจากว่ารูปลักษณะของมีดและอักขระเลขยันต์นั้น กระผม/อาตมภาพไม่คุ้นเคย ส่วนอื่นก็เป็นไปตามที่ได้ว่ากล่าวไปแล้ว ในส่วนของพระคาถาวิรุฬจำบังนั้น ท่านใดจะทดลองเอาไปภาวนาและใช้ดูก็ได้ ถ้าสามารถทำขึ้นแล้วมาแสดงให้กระผม/อาตมภาพดูเป็นขวัญตาบ้างก็แล้วกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...