เกิดมาเพื่อพัฒนาจิตใจ โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ในห้อง 'ทวีป เอเซีย' ตั้งกระทู้โดย Wat Pa Gothenburg, 9 ธันวาคม 2008.

  1. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    ตามธรรมดาความปรารถนาของมนุษย์ทุกคน อยากเกิดมาสบาย สุขภาพสมบูรณ์ สติปัญญาดี ฐานะดี ครอบครัวอบอุ่น แต่ตามความเป็นจริงแล้วก็เป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ไ ด้เลยที่จะมีใครสมบูรณ์พร้อมทุกด้าน บางครั้งเมื่อเราประสบปัญหา มีประสบการณ์ทุกข์ เรามักน้อยใจ ท้อใจ บางคนที่สรุปเอาว่าชีวิตนี้เกิดมาเชื่อชดใช้กรรม อาจารย์รู้สึกว่า ข้อสรุปแบบนี้เป็นการเข้าใจกฎแห่งกรรมในแง่ลบ ถ้าเราพิจารณาด้วยปัญญาแล้วก็ไม่ใช่ การเกิดมานั้นเป็นกรรมเก่าก็จริงอยู่ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือกรรมเก่า แต่พระองค์ก็ทรงสอนด้วยว่า เราเกิดมาเพื่อศึกษา "ไตรสิกขา" ศึกษาเพื่อที่จะพัฒนาชีวิตจิตใจและสติปัญญาอันจะนำไป สู่ความรู้แจ้งเพื่อความดับแห่งทุกข์ อันเป็นเป้าหมายสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนสามารถบรรลุได้

    [​IMG]

    "หากเราพิจารณากฎแห่งกรรม
    ด้วยปัญญาชอบแล้ว เราจะเข้าใจว่า
    กรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด"


    อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล
    ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล



    เราต้องยอมรับความจริงว่า อดีตผ่านไปแล้ว เราไม่อาจแก้ไขอะไรได้ อนาคตก็ยังไม่มาถึง แต่ปัจจุบันเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไ ร

    เมื่อหลายปีก่อน อาจารย์ได้อ่านเรื่องราวของชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ผ่านงานเขียนของเขาซึ่งติดอันดับขายดีในญี่ปุ่น หนังสือของเขาได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ หลายภาษาทั่วโลก ในภาษาอังกฤษใช้ชื่อว่า No One's Perfect เมื่อแปลเป็นภาษาไทยเขาก็ใช้ชื่อตามต้นฉบับภาษาญี่ปุ ่นว่า "ไม่ครบห้า"

    "ไม่ครบห้า" เป็นชีวิตของจริงของฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ ชายชาวญี่ปุ่นเกิดที่โตเกียว เขาไม่มีแขนขามาตั้งแต่เกิด แต่น่าแปลกตรงที่เขากลับมองความพิการของตัวเองว่านั่ นคือ ลักษณะพิเศษทางกาย ไม่ต่างไปจาก คนอ้วน คนผอมคนสูง คนเตี้ย คนตัวดำ หรือ ตัวขาว ความพิการของเขานั้นเป็นแต่เพียง ความไม่สะดวก แต่ไม่ใช่ความไม่สบาย

    โอโตเกะเล่าว่า วันแรกที่หมออนุญาตให้แม่ของเขาได้พบกับเขาเป็นครั้ง แรกหลังจากที่คลอดเขาออกมาได้ 3 สัปดาห์นั้น ทางโรงพยาบาลเตรียมการไว้พร้อม เตรียมเตียงว่างไว้หนึ่งเตียง เผื่อกรณีที่แม่เห็นเขาแล้วเกิดเป็นลมไปด้วยความตกใจ ทุกฝ่ายเคร่งเครียดกันไปหมดทั้งทางโรงพยาบาลพ่อและแม ่ของเขา แต่ปรากฏว่าประโยคแรกที่คุณแม่เขาอุทานเมื่อได้เห็นห น้าลูกเป็นครั้งแรกคือ เธอช่างเป็นเด็กที่น่ารักเหลือเกิน อารมณ์ครั้งแรกที่คุณแม่มีต่อโอโตตาเกะไม่ได้เป็นอาร มณ์ของการตกใจหรือเศร้าโศก แต่เป็นอารมณ์ของความปีติยินดีที่มีต่อตัวลูก ความรักที่ถ่ายทอดจากแม่มาสู่เขาเป็นพลังผลักดันให้เ ขาสมารถพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้แตกต่างจากคนอื่น



    [​IMG]


    พ่อแม่ เลี้ยงดูโอโตตาเกะให้เป็นเด็กที่เข้มแข็งมาตั้งแต่เล ็ก ๆ ไม่ให้หนีจากสิ่งต่าง ๆ โดยเอาความพิการเป็นข้ออ้าง ไม่ให้คิดว่าความพิการเป็นปมด้อย ด้วยเหตุนี้ โอโตตาเกะ จึงเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมแพ้แต่อะไรง่าย ๆ พยายามที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ด้วยตัวเอง เขียนหนังสือได้ ใช้คอมพิวเตอร์เป็น เล่นกีฬาได้หลายอย่าง เขานั่งรถเข็นที่ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ไปไหนได้โดย ไม่ต้องพึ่งพาใคร เขาสามารถใช้ชีวิตทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นโดยไม่ได้รู ้สึกว่าแตกต่างไปจากคนอื่น เรียนหนังสือจนจบปริญาตรีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำโดยไม่ ใช้อภิสิทธิ์ใด ๆ เลย


    โอโตตากะ ไม่ได้มองว่าการไม่มีแขนขาเป็นปมด้อย แต่เขากลับมองในแง่บวกว่าสิ่งนี้ต่างหากที่เป็นจุดแข ็งของเขาที่ไม่มีใครเหมือน เขาไม่เคยโทษโชคชะตาฟ้าลิขิตที่สร้างเขามาให้มีรูปร่ างไม่สมประกอบ ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ภูมิใจในสิ่งที่ตนเป็น เขามีความคิดว่าโลกนี้ไม่ควรมีพรมแดนและสิ่งกีดขวางร ะหว่างมนุษย์ด้วยก้น เพียงเพราะคนใดคนหนึ่งเกิดมาพิการเท่านั้น เขาได้เรียกร้องให้สังคมเปิดใจให้กว้าง ให้ทุกหัวใจในสังคมหัวใจที่ไร้สิ่งกีดขวาง

    เขาใช้ชีวิตได้สง่างามอย่างน่าชมเชย


    ทุกวันนี้ โอโตตาเกะ กำลังใช้ร่างกายเล็ก ๆ ของเขาขับเคลื่อนสังคมอยู่ เขาช่วยเหลือให้กำลังใจแกคนพิการ เขาต้องการสร้างโลกแบบหัวใจไร้สิ่งกีขวางให้ได้ ด้วยการเขียนหนังสือและเดินทางไปเผยแพร่แนวความคิดดั งกล่าวทั่วญี่ปุ่น

    เรื่องของ ฮิโรทาดะ โอโตตาเกะ น่าจะเป็นตัวอย่างให้คนอีกหลาย ๆ คนที่คิดท้อแท้หันกลับมามองตัวเองแล้วมีกำลังใจที่จะ ต่อสู้ชีวิตต่อไปด้วยใจที่เข้มแข็ง


    **********
     

แชร์หน้านี้

Loading...