อย่าให้กาย วาจา และใจของเรา เป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 3 ธันวาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,823
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,569
    ค่าพลัง:
    +26,411
    IMG_6546.jpeg

    อย่าให้กาย วาจา และใจของเรา เป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น

    พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับญาติโยมที่ไปช่วยพระตอนบิณฑบาต ส่วนใหญ่แล้วยังไปเดินเกะกะรถยนต์เขาอยู่ดี ถ้าเป็นคนเคยขับรถไม่น่าจะทำอย่างนั้น แต่บางทีคนขับรถพอถึงเวลาออกจากหลังพวงมาลัยมาก็ลืมอีก

    การที่เราเดินล้ำเข้าไปในถนนแม้แค่คืบเดียว ก็ทำให้รถที่วิ่งมาไม่แน่ใจว่าจะพ้นหรือเปล่า เพราะว่าบ้านเราขับรถพวงมาลัยขวา ถึงเวลาเขามองซ้าย มุมด้านซ้ายจะโดนบังหมด มองไม่เห็น นอกจากอยู่ระยะก่อนรถยนต์วิ่งถึงหรือว่าวิ่งเลยไปแล้ว คราวนี้ในช่วงระยะที่รถยนต์กำลังจะวิ่งผ่าน เขากะระยะไม่ถูกว่าจะเฉี่ยวชนเราหรือไม่ แล้วพวกเราก็มักจะเดินกันเต็มถนนเพราะเราเห็นว่าไม่โดนรถ แต่รถนะไม่เห็น รถจะคิดว่าโดนเราอยู่เสมอ เขาจึงไปไม่ได้แล้วก็พาให้รถติด ไม่ต้องเมตตาไปยืนโบกให้เขา แค่เราถอยมาเขาก็ไปได้แล้ว ส่วนใหญ่ยืนล้ำไปค่อนถนนแล้วดันไปโบกให้เขาอีก...

    จำเอาไว้ว่า อย่าให้ กาย วาจา และใจของเรา เป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่น เพราะจะก่อกรรมโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว การสร้างกรรมแม้เพียงเล็กน้อยก็มีผลสืบเนื่องไปในชาติต่อ ๆ ไป อาจจะทำให้เกิดอุปสรรค ขาดความคล่องตัวในการดำเนินชีวิตบางอย่าง แต่กว่าที่เราจะรู้ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากก้มหน้ารับกรรมไป

    พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า อย่าเห็นว่ากรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปทำ ขณะเดียวกันก็อย่าเห็นว่ากรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ เพราะว่ากรรมนั้นจะดีหรือชั่ว จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าถึงวาระย่อมส่งผลให้ทั้งนั้น กรรมดีก็ย่อมส่งผลให้เรามีความสุขความเจริญ กรรมชั่วก็ส่งผลให้เราต้องลำบากเดือดร้อน"
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...