เรื่องเด่น หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ใน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 26 พฤศจิกายน 2017.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    tnews_1511670569_8495.jpg

    หลวงพ่อมาได้ยังไง!! ชายหนุ่มขับรถติดหล่ม จู่ๆมีพระมาช่วยแล้วเดินหายไปขับมาถึงวัดเจอหลวงพ่อนั่งอยู่ในศาลาตั้งนานแล้ว!!

    อัศจรรย์อิทธิฤทธิ์หลวงพ่อชา


    เหตุการณ์ต่อไปนี้ได้เกิดขึ้นในระหว่าง พ.ศ. ๒๕๐๐ กว่า ๆ หลังจากวัดหนองป่าพงตั้งขึ้นเป็นการมั่นคงแล้วหลายปี
    มีครูคนหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ถูกกล่าวหาว่าขโมยพิมพ์ดีดของโรงเรียนที่ได้ทำการสอนอยู่นั้น เขาเสียใจและเจ็บใจมาก ข้อกล่าวหานี้ทำให้ชื่อเสียงเสียหาย ทั้งยังจะทำให้ต้องถูกโทษถึงขั้นออกจากงาน ผู้กล่าวหาเขานั้นก็รู้ตัวอยู่ว่าเป็นใคร คนขโมยจริง ๆ ก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ความผิดมาตกใส่เขาด้วยการป้ายความผิดให้อย่างน่าขยะแขยงที่สุด
    เขาไม่มีทางจะแก้ไขแก้ตัวให้พ้นผิดที่ไม่ผิดนี้ไปได้ จึงเกิดความแค้นใจอย่างเหลือระงับและผูกพยาบาทอาฆาตผู้กล่าวหาเขาไว้ ถึงกับตั้งใจแน่นอนว่าจะต้องตายกันไปข้าง
    เขาเตรียมปืนไว้กระบอกหนึ่ง
    ภรรยาของเขาทราบความรุ่มร้อนใจของสามีได้ดี ตนเองก็กลัดกลุ้มไปด้วย ไม่รู้จะช่วยคลายทุกข์ให้สามีได้อย่างไร ยิ่งได้เห็นสามีเอาปืนออกมาใส่ลูกกระสุน ก็ยิ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก
    ด้วยเหตุที่ภรรยาของครูคนนี้เป็นผู้ฝักใฝ่ในทางธรรมอยู่มาก เคยไปกราบนมัสการฟังเทศน์หลวงพ่อชาบ่อย ๆ จนมีความเลื่อมใส แต่สามีของเธอไม่เคยรู้จักหลวงพ่อชา ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยสนใจอะไรทั้งสิ้น ถ้าเขาเป็นผู้มีธรรมอยู่บ้าง เรื่องกลุ้มใจนี้คงไม่ถึงกับจะทำให้ต้องตัดสินใจจะไปฆ่าคนที่แสนโกรธ ธรรมะคงพอบรรเทาได้ด้วยลำพังตัวเขาเอง
    ผู้เป็นภรรยามองไม่เห็นหนทางจะเปลี่ยนใจสามีได้ แต่มองเห็นวิธีขัดขวางเขาไว้ได้ชั่วขณะ จึงขอร้องให้สามีไปกราบหลวงพ่อชาเสียก่อน เมื่อกราบแล้วจะไปฆ่าใครก็ตามใจ จะไม่ห้ามเลย ขอให้ทำตามที่ภรรยาขอร้องเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ ขอให้เห็นแก่เธอเถิด
    ผู้เป็นสามีจึงกล่าวว่า เพื่อเห็นแก่ภรรยา จะยอมไปกราบหลวงพ่อชาตามที่ขอร้อง และหลังจากนั้นอย่ามาห้ามเสียให้ยากอีกเป็นอันขาด



    261104-2(1).jpg

    คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญพอดี รถของสามีภรรยาครูคู่นี้เดินทางมุ่งหน้าสู่วัดหนองป่าพง พร้อมด้วยเพื่อนร่วมทางรวมเป็น ๙ คน นอกจากภรรยาของครูผู้กำลังมีไฟพยาบาทเผาใจแล้ว คนอื่น ๆ ทั้ง ๘ คนเป็นผู้ที่ไม่เคยมาวัดหนองป่าพงทั้งสิ้น ทุกคนไม่เคยรู้จักหลวงพ่อชามาก่อน
    รถแล่นมาถึงกลางทุ่งระหว่างทางก็เกิดติดหล่ม
    ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า วัดหนองป่าพงสมัยเกือบห้าสิบปีก่อน การเดินทางไปมายากลำบากที่สุด ถ้าเป็นหน้าฝนบางทีต้องใช้เวลาร่วม ๓ ชั่วโมงสำหรับระยะทางเพียงแค่ ๘ กิโลเมตรเท่านั้น เดี๋ยวนี้ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน ๑๐ นาทีก็ถึง
    คนแข็งแรงทุกคนในรถช่วยกันนำรถขึ้นจากหล่มสุดกำลังแล้ว ก็ไม่สำเร็จ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ข้างนอกก็มีแต่ความมืด ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่ใกล้ ๆ พอได้อาศัยขอกำลังมาช่วยเหลือ ความท้อแท้ใจเกิดขึ้นกับทุกคน เพราะหมดทางที่เอารถขึ้นจากหล่มได้
    ใครคนหนึ่งบ่นขึ้นลอย ๆ ว่า
    “ถ้าหลวงพ่อเก่งจริงอย่างที่เขาเล่าลือ ทำไมไม่มาช่วยให้รถขึ้นจากหล่ม”
    พอบ่นไปได้สักครู่ ทุกคนมองเห็นพระรูปหนึ่งเดินส่องไฟฉายตรงมาทางด้านหน้ารถภรรยาครูจำได้ อุทานว่า
    “หลวงพ่อมา ไปช่วยรับย่ามที”
    ครูคนนั้นรีบลงจากรถวิ่งไปหาพระที่ส่องไฟฉายซึ่งอยู่ห่างจากรถประมาณ ๑๐ เมตร แล้วร้องว่า
    “หลวงพ่อส่งย่ามให้ผมจะถือให้”
    คุณอำพร (ร้านอำพรพานิช อ.วารินฯ) ได้เตือนคนขับรถว่า
    “ลองติดเครื่องรถอีกทีซิ เผื่อจะขึ้นจากหล่ม จะได้รับหลวงพ่อไปวัดด้วยกัน”
    คนขับรถก็ติดเครื่อง และนำรถขึ้นจากหล่มได้ทันที
    ส่วนครูคนนั้นพอวิ่งไปหาพระที่มาปรากฏตัวพร้อมด้วยไฟฉาย กลับเห็นว่าท่านเดินหนีห่างออกไป เขาก็วิ่งไล่มาจนถึงต้นตะแบก พระรูปนั้นก็หายลับไป พอดีกับรถที่ติดหล่มตามมาทัน จึงรับครูขึ้นรถเดินทางต่อจนถึงวัด


    261104-3(1).jpg

    เมื่อถึงวัดแล้วทุกคนเดินตรงไปยังศาลาโรงอุโบสถซึ่งพระสงฆ์กำลังทำสังฆกรรมอยู่ในนั้น ข้างนอกศาลามีญาติโยมนั่งฟังพระสงฆ์สวดปาฏิโมกข์อยู่หลายคน
    พวกที่เพิ่งมาถึงกระซิบถามโยมคนหนึ่งที่นั่งฟังปาฏิโมกข์อยู่ข้างนอก
    “หลวงพ่อมาถึงหรือยัง”
    โยมที่ถูกถามทำท่างง ๆ
    “เปล่านี่ หลวงพ่อไม่ได้ไปไหน ท่านอยู่ในศาลานั่นไง”
    “ไม่มั้ง ” คนหนึ่งเถียง
    “หลวงพ่อออกไปรับพวกผม ท่านยังส่องไฟฉายดูรถพวกผมเลย ”
    “หลวงพ่อจะไปไหนได้ยังไง ถ้าท่านออกไปก็ต้องรู้ว่าท่านออกไป นี่ท่านนั่งอยู่กับพระในศาลาสวดปาฏิโมกข์ตั้งนานมาแล้ว ”
    “ดูซิ ท่านมาหรือยัง” พวกมาใหม่ยังยืนกรานและบอกกันเอง
    ผู้กองสมบุญ บุญญรังสรรค์ นั่งอยู่ตรงนั้นพอดีและได้ยินข้อสนทนาทั้งหมดก็หันมากล่าวกับคนขับรถว่า
    “เดี๋ยวก่อน คุณเคยมาที่นี่ไหม”
    “ไม่เคยครับ" คนขับรถตอบ
    “เคยรู้จักหลวงพ่อไหม”
    "ไม่ ครับ"
    “ที่ว่าหลวงพ่อไปรับพวกคุณนั้นจำได้ไหมว่าหลวงพ่อเป็นพระองค์ไหน”
    “จำได้” คนขับรถรับรอง
    “มีพระอยู่ในศาลาหลายรูป คุณเข้าไปกับผมแล้วชี้ให้ดูทีว่าองค์ไหนที่คุณเห็นว่าไปรับพวกคุณ ”
    คนขับรถชี้ตัวหลวงพ่อได้ถูกต้องจริง ๆ และยังย้ำว่าหลวงพ่อได้ส่องไฟมาที่รถ สามารถเห็นท่านได้ชัดเจนที่สุด
    เกิดเป็นเรื่องแปลกใจแก่ทุกคน
    หลังจากนั้นหลวงพ่อได้เทศน์โปรดคณะผู้มาใหม่ ข้อใหญ่ใจความในเทศน์ ได้ปลอบประโลมและบรรเทาความโกรธแค้นและพยาบาทของครูคนนั้นจนผ่อนคลายไปได้
    เมื่อกลับจากวัดในคืนนั้นแล้ว ครูผู้พยาบาทก็กลับใจไม่คิดจะฆ่าใคร
    ในที่สุดก็กลายมาเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อตั้งแต่นั้นมา
    นี่คือ “ฤทธิ์” ที่ใช้เพื่อโน้มน้าวคนเข้าสู่พระศาสนา
    ภายหลังมีผู้สังเกตเห็นหลวงพ่อในเวลาทำสังฆกรรมในศาลา เล่าว่า
    ตอนหนึ่งหลวงพ่อนั่งหลับตาลงแล้วยกมือขึ้นป้องหน้า มองไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นทิศด้านหน้าวัด สักครู่ใหญ่ก็เอามือลง พระก็สวดปาฏิโมกข์ไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากนี้
    # ที่มา http://www.dharma-gateway.com


    เรียบเรียงโดย

    กิตติ จิตรพรหม
    http://www.tnews.co.th/contents/382855
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 พฤศจิกายน 2017
  2. duke2513

    duke2513 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    370
    ค่าพลัง:
    +127
    สาธุ
     
  3. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,634

แชร์หน้านี้

Loading...