รู้สึกสะเทือนใจ พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงตุงได้หายไป เนื่องจากฝีมือคนไทย

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คำเอก, 5 ตุลาคม 2019.

  1. คำเอก

    คำเอก สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    รู้สึกเศร้าใจ พระพุทธรูปคู่เมืองเชียงตุงได้ถูกทหารไทย ชื่อว่า "พันเอกหลวงวีรวัฒน์โยธิน" ได้ขอยืมไปตั้งแต่สมัยสงครามโลก และยังไม่ได้ถูกส่งกลับคืน อยากให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ สื่อ ช่วยกันสืบหาและนำฐานกลับไปสู่ที่ๆ ท่านได้จากมา
    pywaz353om0gxrcDzhrP-o.jpg
    จากสารคดี "โยเดียที่คิด(ไม่)ถึง" ตอน รัฐชาติ กับเชื้อชาติที่ถูกลืม ที่ฉายทางช่อง ThaiPBS วันที่ 1 กันยายน 2561 ได้กล่าวถึงฐานพระที่ถูกถอดองค์พระไปของวัดเชียงยืน คราวที่ทหารไทยมาประจำการยังเมืองเชียงตุง ในฐานะจังหวัดสหรัฐไทยเดิม ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
    ในคลิปช่วงนาทีที่ 26
    https://youtu.be/at3_42VZfkw?t=25m48s

    จึงนำจดหมายของสมเด็จอาชญาธรรมพระเจ้า ตอนเป็นพระสิทธิเถระ ได้แต้มไว้ มาเสนอไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง
    ภาพจดหมาย นำมาจาก เว็บเชียงรายโฟกัส (http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php… ) แปลโดย ผู้ใช้ชื่อว่า LingJakJak
    มีข้อความดังนี้

    "ขอเมตตาถึงท่านชิกปั่ว(นายพล)ผู้รักษาเมืองเชียงตุงได้แจ้ง
    ด้วยเมื่อกองทหารไทยยาตราทัพเข้ามาในเมืองเชียงตุงเมื่อคริสตศักราช 1942 ตัว เขาได้เข้ามานอนในวัดหลวงเชียงยืนจนยัดเยียดหลายนัก ประมาณสี่ร้อยคนกว่า ส่วนผู้บังคับกองพันของเขาได้มานอนที่เรือนอชัวย(เรือนรัฐบาล) เดี๋ยวนี้ ชื่อพันเอกหลวงวีรวัฒน์โยธิน ได้มาลักมาข่มเหงเอาพระพุทธรูปในวัดหลวงเชียงยืนไปองค์หนึ่ง
    (1) พระพุทธรูปองค์นั้นเป็นของเก่าสมัยเชียงแสน รุ่นสองเป็นทองเบญจมโลหะ หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว สูง 2 ฟุต 4 นิ้ว หน้าตาสารูปงามมาก แลเป็นของหายากด้วย
    (2) ก่อนเมื่อเขาจะเอานั้น เจ้าอาวาสพึ่งกลับมาจากบ้านนอก ผู้บังคับกองพันรู้แล้ว ก็ใช้ทหารคนหนึ่งมาไหว้สาว่า ท่านใหญ่อยากได้พระน้อยๆซักองค์จะเอาไปบูชา ว่าดังนี้เจ้าอาวาสตอบว่าพระมีไหน? คนทหารว่าพระมีในโบสถ์ ขอนิมนต์ไปดูเจ้าอาวาสก็ลุกไปชม เมื่อไปถึงในโบสถ์ ทหารคนนั้นก็เอามือชี้พระพุทธรูปนั้นว่าท่านใหญ่อยากได้องค์นั้น เจ้าอาวาสก็บอกไม่ได้ เป็นของเก่ากับวัด เป็นพระประธานในวัด ทหารคนนั้นก็ว่าท่านหื้อมาขอเอาไปบูชา เจ้าอาวาสก็ว่าเอาไปบ่ได้ อย่าเอาอย่าเอาไปเด้อ เจ้าอาวาสก็ออกจากโบสถ์ไปเส ด้วยที่บ่อยากใคร่ยินคำมันขอนั้น อันเขาได้มาเอาพระพุทธรูปไปนั้นเป็นวันไหน เป็นเวลาใดก็บ่รู้ อยู่ต่อมาจึงรู้ว่าเขาลักเอาพระพุทธรูปไปแล้ว
    (3) เมื่อเจ้าอาวาสได้สบใส่ตัวผู้บังคับกองพัน เจ้าอาวาสขอพระพุทธรูปคืน เขาก็บอกว่าได้เอาใส่หีบตีตะปูแล้ว เจ้าอาวาสถามเมื่อใดก็กล่าวว่าอย่างนั้น อยู่บ่นานเท่าใดก็เอาพระพุทธรูปนั้นใส่รถลงไปเมืองไทยเส
    ต่อมาเมื่อ 1945 คนเมืองต่างผู้ต่างคน ต่างพ่ายหนีไปอยู่บ้านนอก ส่วนวัดก็บ่มีผู้อยู่รักษาไว้หื้อ ทหารไทยได้มาลักถอดเอา ปะตา(บานพับ) และแส่สอด(กลอนประตู) ในวิหารศาลาโบสถ์ ไปก็หลายนัก รวมกันมีประมาณ 2 หีบ อันนี้ก็หื้อใช้คืน เมื่อท่านและกองทหารอังกฤษได้ยาตราทัพมาปกครองในเมืองเชียงตุงที่นี่แล้ว เราทั้งหลายก็มาเล็งหันว่า มีท่านคนเดียว แลอันยังจะเป็นที่พึ่งแก่เจ้าอาวาสแลอุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายได้ อันจะช่วยเป็นภาระร้องขอไปยังรัฐบาลประเทศไทยได้ แล้วบังคับหื้อหลวงวีรวัดโยธิน เดี๋ยวนี้เป็นนายพลตรี หื้อได้นำเอาพระพุทธรูปองค์นั้น กลับคืนมาส่งที่วัดหลวงเชียงยืนเสดังเก่า อันจักหื้อเขาใช้เป็นตาเงินนั้นประมาณเท่าใดก็บ่เอา แม่นพระพุทธรูปองค์ใหญ่น้อยใหญ่เท่าใดก็บ่เอา อยากได้องค์นั้นคืนมาอยู่ใจแล
    เพราะฉะนั้นหมายมีเจ้าอาวาสแลพวกอุบาสกอุบาสิกา ทั้งหลายจึงพร้อมกันหื้อลีก(มีหนังสือ)มาขอร้องต่อท่าน ขอสนุกสุขย้อนบุญท่านใหญ่ๆหนำๆ ฉันใด ยังจักได้พระพุทธรูปองค์นั้นมาใว้ในบ้านเมืองเรา ขอพึ่งบุญพึ่งคุณท่าน ทำให้ด้วย
    ลงนาม พระสิทธิเถระ
    เจ้าอาวาส วัดหลวงเชียงยืน
    นครเชียงตุง สหรัฐไทยเดิม"

    ที่มา :
     

แชร์หน้านี้

Loading...