มูลเหตุพื้นฐานของการตกโลกันตนรก โดยคนเมืองบัว

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย copy123, 9 สิงหาคม 2006.

  1. copy123

    copy123 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +13
    .....แดนโลกันตนรก
    .....๑) อยู่ทางเหนือของท้องพระโรงที่ตัดสิน ของท่านท้าวพระยายมราช
    ......๒) มีเทือกภูเขาใหญ่ ใต้เขามีถ้ำใหญ่ มืดสนิท
    ......๓) ในถ้ำ มีลำธารน้ำใส่สะดาอ แต่เป็นน้ำกรดพิเศษ สามารถที่จะย่อย เนื้อและหนังของเหล่าอทิสมานกาย ได้
    ...... ๔) ในถ้ำมีความเยือกเย็นสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    .......๕) ริมลำธารมีแต่ ต้นหวายมีหนามแหลม เป็นเหลี่ยมคมดังมีดโกน สั้นยาวได้ตามกฎแห่งกรรมของสัตว์นรกที่ผ่านมา หนามมีหลายแบบในต้นเดียวกันคอยบาดเฉือนสัตว์นรกที่ผ่านเข้ามา ให้บาดเจ็บ ตลอด เส้นทางมีความลาดชัน ริมตลิ่ง
    ........๖) ริมลำธารมีความลื่น ด้วยเมือก ที่เย็น มีความลาดชัน ตั้งแต่ ๓๐ ถึง ๙๐ องศา

    ......" การอุบัติของสัตวนรก ในโลกันตนรก ด้วยกฎของกรรม"
    .......๑) ถ้าอุบัติของสัตวนรก ในน้ำกรดเย็นก่อนครั้งแรก ก็จะถูกน้ำกรดเย็นกัดกร่อน อทิสมานกายที่เป็นเสมือน เนื้อ และหนัง ก่อนจนเหลือแต่กระดูก
    .........จากนั้น อทิสมานกายจะรวมขึ้นมาใหม่ แล้วหนีขึ้นชายฝั่ง ป่ายปีนขึ้นไปถึงข้างบนฝั่ง
    ..........ในระหว่างทางที่ขึ้นมา ต้องชนกับหนามแหลมของต้นหวาย ทางที่ลื่นและลาดชัน สัตว์นรกอื่นที่กลิ้งลงมาจากข้างบน ต้องเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง
    ..........เมื่อมาถึงที่ราบริมตลิ่งแล้ว ก็จะหิวขึ้นมาทันที แต่ด้วยภายในถ้ำนั้นมีความมืดสนิท ก็ได้แต่มือไขว่คว้าไปข้างหน้า พบสัตว์นรกด้วยกันก็นึกว่าเป็นอาหารที่ตนกินได้ เพราะมีกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปหมด......ต่างตนต่างคิดว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นอาหารของกันและกัน เพื่อฉีกเนื้อกินซึ่งกันและกัน จนกลิ้งลงจากตลิ่งลงลำธาร ระหว่างนั้นก็ถูกหนามต้นหวาย บาดตามเนื้อตัว เป็นริ้วรอย
    ......ในที่สุดก็ ก็จะถูกน้ำกรดเย็นกัดกร่อน อทิสมานกายที่เป็นเสมือน เนื้อ และหนัง ก่อนจนเหลือแต่กระดูก

    .......๒) ถ้าอุบัติของสัตวนรก ในดงป่าหวาย.....ก็มีวงจรคล้ายๆกัน ไม่ปีนขึ้นก็ปีนลง

    .......๓) ถ้าอุบัติของสัตวนรก ที่ราบริมตลิ่ง....ต้องพบกับสัตว์นรกก่อน แล้วนึกว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นอาหารของตน

    .......เวียนกันไปมาไม่รู้จบ
    """"""""""""""""""""""""""""""
    ........อายุของการถูกลงโทษ....ไม่มีอายุ จนกว่าจะหมดสิ้นกรรม นัยว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าสิกขีทศพลที่ ๑ จนถึงพระพุทธเจ้าสิกขีทศพลที่ ๒ ก็เพิ่งจะพ้นโทษจากโลกันตนรก จากนั้นจึงมาเสวยกรรมในอเวจีมหานรกและไล่เบี้ยจนครบแปดขุมใหญ่และแยกประเภทของกรรมอีก ๑๐ ขุม ตามโทษของศีลห้า และกรรมบถ ๑๐ จากนั้นจึงเป็นเปรต ๑๒ จำพวก อสุรกาย ๘ จำพวกที่ไม่มีอายุ จึงได้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานตามจำนวนที่เคยฆ่า จึงได้มาเกิดเป็นคนอีกครั้ง

    จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 26/10/2548 8:48:31


    มูลเหตุพื้นฐานของการตกโลกันตนรก
    ๑. กรรมยักยอกทรัพย์สินของหลวง ของราชการหรือนักการเมือง ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ เหมือนกันหมดเป็นอาจิณกรรม หรือ ยักยอกครั้งเดียว ใช้จ่ายตลอดชีวิต หากเป็นบ้านเรือนก็ถือว่าปลดเกษียณออกจากราชการก็ถือว่ายังยักยอกอยู่เพราะได้บ้านและที่ดินเป็นอาจิณกรรม และหากลงทุนเงินที่งอกเงยขึ้นมาถือว่าเป็นผลกำไรที่ได้จากหยาดเหงื่อแรงงานภาษีอากรที่รัฐเก็บมาได้ หากทำบุญก็ไม่เกิดอานิสงค์ จะได้ก็เพียงโมทนาบุญ หากไม่รู้กฎระเบียบนี้บุญไม่เกิด ขณะจิตก่อนตายย่อมมีเจ้ากรรมนายเวรมาปรากฏภาพให้เห็นให้เกิดทุกข์ใจ เมื่อสิ้นลมหายใจแล้วไม่ต้องมีนายนิรยบาลมาเชิญตัว อาทิสมายกายจะลอยด้วยความเร็วสูงเหนือความเร็วแสง ๑๐ ล้านเท่า ไปปรากฏที่โลกันตนรกเลย
    ๒. ในกรณีนักบวชในพระศาสนา เปลี่ยนแปลงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในเนื้อหาหลัก เช่น ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป หรือ ภูมิของอาทิสมานกายมีผี สัตว์นรก เทวดา พรหม และนิพพาน ไม่มี ตายแล้วดับสูญเหมือนควันไฟที่ลอยไปในอากาศ ไหว้เทวดา ไหว้หมาดีกว่า และเนื้อหาอื่นๆ ที่บอกว่าในพระไตรปิฏกเชื่อได้แค่ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ อีก ๔๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นนิทานที่แต่งขึ้นเพื่อเอาใจชนโบราณที่นับถืบพราหมณ์เป็นหลัก ดั่งนี้เป็นต้น ขณะจิตก่อนตายย่อมมีเจ้ากรรมนายเวรมาปรากฏภาพให้เห็นให้เกิดทุกข์ใจ เมื่อสิ้นลมหายใจแล้วไม่ต้องมีนายนิรยบาลมาเชิญตัว อาทิสมายกายจะลอยด้วยความเร็วสูงเหนือความเร็วแสง ๑๐ ล้านเท่า ไปปรากฏที่โลกันตนรกเลย
    ๓. ผู้ที่เคยบวชในพระศาสนาแล้วนำเงินในระหว่างที่เป็นสมมติสงฆ์ถวายเป็นการส่วนตัว ปล่อยเงินกู้แก่ฆราวาส ยักยอกเงินสังฆทาน ของสังฆทานให้ญาติตนเอง ถือว่าต้องอาบัติปราชิก
    ....ในกรณีที่นำเงินจากรายได้ในขณะที่บวชอยู่แล้วเมื่อลาสิกขาแล้วนำมาใช้ ถือว่ามีโทษ แอบอิงธงชัยพระอรหันต์คือ ผ้าเหลืองเพื่อหากินพอรวยแล้วจึงสึกออกมาแต่งงานมีลูกมีเมีย ตรงนี้ถือว่ามีเจตนาแอบแฝงทำลายพระศาสนาทางอ้อม ก็เพราะเหตุที่บุคคลต่างๆ มาถวายเงินส่วนตัวก็เห็นว่าเป็นบุตรแห่งพระพุทธองค์ หากผู้ใดสังเกตในประวัติหลวงปู่ปานและที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เคยกล่าวไว้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ถือเป็นของสงฆ์หมด หากจะเก็บไว้เพื่อเป็นยารักษาโรคก็ไม่ควรเกิน ๑๐๐๐ บาท
    ....เท่าที่รวบรวมได้มีเพียงเท่านี้ ท่านท้าวพยายมราชฝากบอกมาด้วยประเภทนี้ไม่ผ่านสำนักพยายมช่วยไม่ได้เลย


    จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 26/10/2548 10:44:26

    จากเว็ป http://www.konmeungbua.com/

    <!-- / message -->
     
  2. ว.อริยะ

    ว.อริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +346
    อนุโมทนาสาธุครับ..นักการเมืองชั่วๆที่โกงกินประเทศคงได้มานรกขุมนี้หลายคน..แต่พวกเขาคงไม่เชื่อว่ามีจริงจึงไม่เกงกลัวต่อบาป..สำหรับผมเองแล้วรู้สึกกลัวมากๆและคุ้นๆชอบกล..
     
  3. แดนไทย

    แดนไทย สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ข้าพเจ้าจะขอหยุดแล้วซึ่งปาบกรรมขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
     

แชร์หน้านี้

Loading...