พระหินหยกหลวงปู่ฟัก สันติธัมโม จันทบุรี

หลวงปู่ฟัก สันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดพิชัยพัฒนาราม (วัดเขาน้อยสามผาน) จ.จันทบุรี อดีตนั้นหลวงปู่เป็นศิษย์บ้านตาดยุคแรกร่วมกับหลวงปู่เจี๊ยะ จุณโฑ และเป็นที่รัก ที่ไว้วางใจของหลวงตาพระมหาบัวอย่างมาก หลวงปู่ได้อุปปัฎฐากรับใช้หลวงตาพระมหาบัว อย่างใกล้ชิด เช่น ดูแลวัดแทนหลวงตา ยามที่หลวงตาไม่อยู่ หรือเตรียมบาตรให้หลวงตาเดินบิณฑบาตรทุกเช้า เรื่องราวของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตนั้น เป็นสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เนื่องจากบารมีธรรมที่สั่งสมกันมาในอดีตชาติ หลวงปู่ฟักมักจะกล่าวถึงคุณงามความดีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายท่านอยู่บ่อยๆ หนึ่งในนั้นต้องมี ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดป่าคลองกุ้ง จันทบุรี และหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด

เมื่อหมดท่านพ่อลีไป หลวงปู่ฟักจึงมาอยู่กับหลวงตาพระมหาบัว อบรมจิตใจที่วัดป่าบ้านตาดอยู่นานหลายปี เมื่อข่าวว่าโยมพ่อโยมแม่เกิดล้มป่วย ด้วยความกตัญญู หลวงปู่ฟักจึงขออนุญาตหลวงตากลับมาดูแลโยมพ่อโยมแม่ที่จันทบุรี หลวงปู่เดินทางไปมาระหว่างจันทบุรี - อุดรธานี อยู่บ่อยครั้ง จนในที่สุดจึงตัดสินใจอยู่จันทบุรียาว หลวงตาก็อนุญาต โดยหลวงตาได้กล่าวว่า "ท่านฟักพอจะตั้งไข่ได้แล้ว แต่ทางจันทบุรียังไม่มีใคร ให้ท่านฟักไปอยู่ที่นั่นก็แล้วกัน" หลังจากนั้นหลวงตาก็ได้เมตตาช่วยเหลือหลวงปู่ฟักจนได้เกิดเป็นวัดเขาน้อยสามผานที่สมบูรณ์ขึ้นมาเรื่อยๆ

สมบัติล้ำค่าของหลวงปู่ฟักที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่แสวงหาของบรรดาลูกศิษย์ลูกหาก็คือ พระหินหยก คาถาท่านพ่อลี และการเป่ารักษาโรคของหลวงปู่ หากท่านใดเคยไปที่วัด คงได้มีโอกาสเห็นหลวงปู่เมตตาเป่ารักษาผู้ป่วยด้วยโรคต่างๆอยู่บนศาลาทุกๆวัน หลวงปู่ยังเมตตาเดินทางไปเป่าที่ต่างจังหวัด รวมถึง กทม.ด้วย หลวงปู่ท่านโปรดมากในการเมตตาเทศนาเรื่องการบำเพ็ญเพียรทางจิต การรักษาศีล โดยหลวงปู่มักจะสอนให้บรรดาลุกศิษย์รักษาศีล นั่งสมาธิ และไม่ใช้ผงชูรส สารกำจัดศัตรูพืช โดยเห็นว่าเป็นอันตรายแก่ผู้ใช้และผู้รับ ทั้งคนและสัตว์ และเป็นเวรเป็นกรรมที่จะตามสนอง

พระหินหยกของหลวงปู่ฟักนั้น มีหลายลักษณะ ยากที่จะสันนิษฐานได้ว่าผ่านการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่มาหรือยัง โดยพระหินหยกเหล่านี้ หลวงปู่ได้ภาวนาเห็นว่ามีพญานาคได้นำมาถวายแก่หลวงปู่ โดยกล่าวว่า เป็นสมบัติในอดีตชาติของหลวงปู่ ให้หลวงปู่เดินทางไปรับที่แม่น้ำโขง หลังจากได้มาหลวงปู่ก็ได้สั่งให้ช่างแกะสลักเป็นรูปพระพุทธรูปและพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายวัดป่า หลวงปู่เคยบอกกับผู้เขียนว่า "พระนี้เป็นของดี พกติดตัวไว้ อย่าวางไว้ที่บ้านเฉยๆ เป็นของหนุนดวงชะตาชีวิตไม่ให้ตกต่ำ คุ้มครองเราให้แคล้วคลาดปลอดภัย (หลวงปู่ก็เล่าว่า เณรที่วัดนั่งรถเดินทางไปต่างจังหวัด รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ เณรกระเด็นออกจากตัวรถ ไม่มีบาดแผลใดๆ) อีกทั้งยัง ดลบันดาลให้เกิดเมตตา เกิดโภคทรัพย์ (หลวงปู่ย้ำว่าต้องไม่ประกอบอาชีพที่ผิดศีล เช่น ขายสุรา เปิดร้านคาราโอเกะ ร้านยาฆ่าแมลง เป็นต้น) และยังสามารถรักษาโรคได้ด้วย (หลวงปู่แสดงวิธีการใช้ โดยกล่าวว่า ยามที่เราปวดหัว ก็เอาพระหยกมาวางไว้ตรงหน้าผากแล้วก็กำหนดจิตเป็นสมาธิใช้คาถาท่านพ่อลีภาวนาไปเรื่อยๆ อาการมันก็ดีขึ้น ลองดูๆ) หลังจากนั้นหลวงปู่ก็สอนผู้เขียนต่อว่า "เอ้า..เอาพระหินหยกวางไว้ใจกลางฝ่ามือ แล้วพนมมือตั้งนะโม 3 จบ สวดไตรสรณคมน์

ขึ้นต้นว่าพุทธังสรณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
สังฆัง สรณัง คัจฉามิ..

ทุติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ....

ตติยัมปิ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ

ข้าพเจ้าขอพลังแห่งพุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพ ท่านพ่อลี หลวงปู่ฟัก พระหินหยก เทวดา พญานาค ที่ปกปักรักษาพระหินหยก ขอได้โปรดเมตตาช่วยดลบันดาลให้ลูก...

หลังจากนั้นผู้เขียนก็กราบลาหลวงปู่ฟัก และเดินทางกลับด้วยความปลื้มปีติที่หลวงปู่เมตตาให้สมบัติล้ำค่านี้มา และคล้องติดตัวจนถึงทุกวันนี้

เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระหินหยกนี้ ผู้เขียนได้สัมผัสและพบเจอกับตนเอง ยากที่จะอธิบายให้ผู้อ่านเชื่อได้ จะขอเล่าให้ฟังบ้างเป็นเพื่อเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย โดยไม่ได้หวังโฆษณาชวนเชื่อใดๆ แต่เป็นเพราะความเลื่อมใสในพระพุทธคุณของพระหินหยกจริงๆของผู้เขียน เมื่อมีพระหินหยกอยู่ติดตัว ทำให้ใจเย็นขึ้นมาก เปลี่ยนจากคนอารมณ์ร้อนเป็นเย็น ชอบระลึกถึงทาน ศีลและการภาวนา ชอบเข้าวัด เป็นคนมีสติละอายความชั่วขึ้น ปาฏิหาริย์อื่นๆ เรื่องแคล้วคลาดในการเดินทางบนถนนหนทางเจอแล้ว เผลอหลับใน ก็ตื่นทำให้หักหลบป้ายเตือนการซ่อมถนน เป็นต้น การรักษาโรค ก็ช่วยบรรเทาได้แต่ต้องทำสมาธิด้วย ด้านเมตตาโภคทรัพย์นี่ยิ่งเด่นมาก เพราะผู้เขียนรับราชการครูและมีธุรกิจค้าขายอาหาร ได้ผลให้ประหลาดใจมาก

ส่วนอีกรูปภาพนึงเป็นมวยผมที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เด็กๆครับ ที่บ้านผมเรียกว่า "รังกะเตน" เป็นสิ่งที่ผมคล้องคู่กับพระหินหยกหลวงปู่ฟักครับ สาเหตุที่คล้องเพราะว่าเป็นของติดตัวมาครับ หลวงพ่อเขียน วัดกะทิง จันทบุรี และพระญาณวิลาศ (บุญ สิริปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดเขาสุกิม จันทบุรี ได้นำมาอธิษฐานจิตให้และบอกว่าเป็นของดี สามารถขอพรช่วยได้ 108 จึงนำภาพมาฝากผู้อ่าน เผื่อมีใครมีแบบนี้สามารถเอามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ครับ

หากข้อความใดขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับบรรดาลุกสิษย์ลูกหาหลวงปู่ฟักนะครับ ขอให้ทุกท่านที่ได้อ่าน จงยึดมั่นในพระศรีพระรัตนตรัย ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์เนืองๆ และอยู่ในศีล 5 รักษาใจให้เป็นปกตินะครับ สาธุ

 

กราบระลึกถึงถึงหลวงปู่ครับ
ท่านมีเมตตาและกรุณาสูงจริงๆ สงเคราะห์ผู้คนทุกชนชั้น
น้ำมนต์ท่านนำไปรดพืชสวนไร่นาเพื่อไล่แมลงได้ ท่านว่าไม่ต้องการให้ทำบาป
ถ้าไม่มีน้ำมนต์ของท่าน ใช้พระหินหยกของท่านอธิษฐานทำน้ำมนต์แทนก็ได้

เสียดายที่รู้จักหลวงปู่ก่อนท่านละสังขารได้ไม่นาน

 

กราบนมัสการหลวงปู่ฟัก สนฺติธมฺโม
พระผู้มีจิตเมตตาเป็นสาธารณะ
​

ด้วยสำนึกในพระเมตตาคุณขององค์หลวงปู่ขอรับ สาธุ..

สวัสดีครับพี่ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ปัทมินทร์<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4915017", true); </SCRIPT> สบายดีนะครับ



.​

 

กราบนมัสการหลวงปู่ฟัก ข้าพเจ้าเคยได้อ่านประวัติของหลวงปู่มาบ้าง ซึ่งหลวงปู่มีเมตตาสูง เคยคิดอยากได้พระหยกของหลวงปู่มาบูชา แต่ไม่รู้จะหาที่ไหนเพราะมารู้เรื่องราวของหลวงปู่เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว ขอขอบคุณคุณปัทมินทร์ที่นำเรื่องราวมาให้ได้อ่านอีกครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ คิดว่าซักวันคงมีบุญได้พระของหลวงปู่มาบูชาบ้าง

 

สวัสดีครับพี่ทุเรียนทอด ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ

 

ขอแนะนำวิธีดีๆ ง่ายๆ หากลูกศิษย์ท่านใด มีการฝึกจิตอยุ่เป็นปกติวิสัยอยุ่แล้ว ผู้เขียนขอแนะนำว่า "ให้คล้องพระหินหยกหรือเอามาวางไว้กลางฝ่ามือ ขณะบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อความเย็นกายเย็นใจ และเพื่อให้ท่านพ่อลี หลวงปู่ฟัก พระหินหยก เทวดาและพญานาคที่ปกปักรักษาพระหินหยกนี้ได้มีส่วนได้รับในการกุศลของการปฏิบัติ"

 

สวัสดีครับ พี่ปัทมินทร์ สบายดีนะครับ ไว้ว่างๆหาเวลามานั่งดื่มกาแฟคุยกันก็ดีนะครับ ตอนนี้แถวๆบ้านเรามีร้านกาแฟสดอร่อยๆหลายร้านครับ

 

พระหินหยกของหลวงปู่ฟัก ถือเป็นหัวใจของท่านเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นของคู่บารมีของท่านมาช้านาน จนชาติสุดท้ายนี้ท่านก็เลย จัดการแบ่งกระจายไปให้แด่ผู้ที่สมควร และมีวาสนาเกี่ยวข้องกับท่าน อย่าว่าแต่คุณ kawpunt เลยครับ ผมเองบ้านอยู่ใกล้วัดหลวงปู่ยังไม่มีเลย เพราะประมาทมากไป คิดว่าหลวงปู่ยังแข็งแรงเดี๋ยวก็คงได้เอง ทั้งๆที่หลวงปู่ฟักมาโปรดถึงบ้านหลายครั้ง และบอกให้ไปรับพระหยกที่วัดเขาน้อยก็ท่านได้ใช้กันครับ
จริงๆแล้วถ้าเราคิดตามเหตุผลแล้วละก็ พระหยก(แม่น้ำโขง)ของหลวงปู่ฟัก ก็จัดเป็น ปฐวีธาตุชนิดหนึ่ง เพราะได้ฟังจากท่านผู้รู้ต่างๆแล้ว หยกของท่านมีคุณสมบัติคล้ายปฐวีธาตุทุกประการ เริ่มด้วยใช้ทำน้ำพุทธมนต์ ตลอดจนมีเทพ และพวกนาคดูแลรักษาอยู่ แต่คงจัดเป็นปฐวีธาตุชั้นสูงนั่นเอง

หลวงปู่พิศดูท่านก็เคยบอกเอาไว้ว่า พระหยก(หลวงปู่ฟัก) ใช้ป้องกันผี คุณไสยศาสตร์ และเสนียดจัญไรต่างๆได้ดี ถ้าไปต่างถิ่น ที่ไหนที่มีการเล่นผีเลี้ยงผี ให้ใส่พระหยกเอาไว้ จะทำให้ไม่โดนกระทำด้วยอวิชาต่างๆ



.

 

ครับคุณทุเรียนทอดคิดว่าซักวันคงจะมีโอกาศได้หามาบูชาครับ

 

อยากใด้พระหยก

ใม่ทราบว่าพระหยกมีให้บูชาที่ใหนบ้าง อยากใด้เอามาทำนำมนต์ ค่าบุชาประมาณเท่าได พี่ๆๆมีกันหรือเปล่าคับ

 

เคยไปกราบหลวงปู่ฟัก ได้รับลูกประคำมาคู่กับแผ่นคาถาครับ(อะระหัง108) ตอนที่ท่านแจกพระหินหยกก็พอจะรู้ข่าวบ้างแต่ก็ใจเย็นแบบคุณทุเรียนทอด สุดท้ายต้องหาเช่าบูชาจากลุงข้างบ้าน

ล่าสุดลุงข้างบ้านขับมาสด้ารับจ้าง ไปงานบวชที่วัดเขาน้อย สามผาน นำมาฝากผม3องค์(ฟรี) ผมก็ได้แจกต่อไปแล้วที่จ.แพร่2องค์เหลือแค่1องค์ รุ่นนี้ไม่ทันหลวงปู่นะครับ ทำแจกกันในงานบวช

 

กราบหลวงปู่ฟักครับ สวัสดีครับพี่ปัทมินทร์ นอกจากพระหินหยกแล้วหลวงปู่มีวัตถุมงคลอย่างอื่นหรือเปล่าครับ ส่วนตัวผมมีแต่เหรียญเจ้าตากวัดทุ่งรีที่หลวงปู่ร่วมอฐิษฐานจิตครับ

 

พระยอดธง"สันติธัมโม"
คณะศิษย์จัดสร้างถวายหลวงปู่ฟัก เพื่อแจกเป็นธรรมทาน เนื่องในงานวาระครบ6รอบ(11 ต.ค. 50)วัดเขาน้อยสามผาน จ.จันทบุรี สร้าง2,374องค์

 

พระหินหยกผมสะสมได้นิดหน่อยครับ

 

ผมมักจะเดินทางกลับจันทบุรีทุกศุกร์ครับ หากไม่เป็นการรบกวนเวลาพี่ทุเรียนทอดผมยินดีครับ ว่าแต่ร้านตั้งอยู่แถวไหนครับ

 

ธรรมะที่หลวงปู่ฟัก ได้เมตตาให้ไว้แก้ลูกหลานทั้งหลาย เป็นธรรมะที่ถูกต้องตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นธรรมะที่ทำให้ผู้ตั้งใจปฏิบัติถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตและของพระพุทธศาสนา นั่นคือ การพ้นจากทุกข์และการพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ธรรมะของหลวงปู่ฟักนั้น เป็นของที่ได้มาโดยยากลำบาก การที่ท่านจะได้พบเจอพ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นอริยะเจ้าอย่างท่านพ่อลีและหลวงตามหาบัวเป็นของหาได้โดยยากยิ่ง เมื่อหลวงปู่ค้นพบแล้วว่าเป็นของดีของวิเศษจึงเมตตานำมาพร่ำสอนลูกๆทั้งหลายให้เดินตามรอยเท้าท่าน พระหินหยกเปรียบเสมือนสมบัติที่หลวงปู่ฝากไว้ให้ติดตัว เผื่อวันนึง วันที่หลวงปู่ไม่อยู่ เราจะได้นำมารักษากายและใจของพวกเรานี้ ให้เข้มแข็งและมีเรี่ยวแรงบำรุงจิตใจของตนและทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองครบ 5,000 ปี โดยวิสัยของพญานาคที่ปกปักรักษาพระหินหยกตามคำบอกของหลวงปู่จะมีนิสัยรักและปกป้องพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า เป็นที่แน่นอนว่า หากผู้ใดได้รับมาจากมือหลวงปู่ก็ดี หรือทางใดทางหนึ่งก็ดี ผู้นั้นเป็นผู้ที่สมควรแล้วที่จะเกิดนิสัยแบบพญานาค

 

ขออนุญาตตอบคุณอริยมุนีครับ ผมเองเคยโดนหลวงปู่ดุอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นการสนทนาบนกุฏิของหลวงปู่ ท่ามกลางลูกศิษย์ลูกหาจากหลายจังหวัด เป็นช่วงเวลา 6 โมงเย็น - 5 ทุ่ม ของวันวิสาขบูชา ปี 2552 เรื่องมีอยู่ว่า

หลวงปู่ : มาจากไหน

ปัทมินทร์ : เนินสูงครับ

หลวงปู่ : มีธุระอะไร

ปัทมินทร์ : ผมพาก๋งมาให้หลวงปู่เป่าอาการอัมพฤกษ์ครับ และอยากได้พระหินหยกไปติดตัว เพราะผมต้องไปรับราชการต่างจังหวัด

หลวงปู่ : รู้มาจากไหนว่าเราให้พระ

ปัทมินทร์ : อ่านเจอในเวบไซด์ครับ ผมมาทำบุญที่วัดบ่อยแต่ไม่เคยสนใจเรื่องพระครับ จึงไม่รู้ว่าหลวงปู่มี พออ่านเจอในเวบไซด์ ผมจึงอยากจะมาขอครับ

หลวงปู่ : พูดเสียงดัง เราไม่ชอบจริงๆพวกจะเอาพระไปขาย! (ทุกคนเงียบหมด มีกำนันหมู่บ้านสามผานคนนึงหันมายิ้มให้กำลังใจผม)

ปัทมินทร์ : ผมไม่ได้เอาไปขายครับ ผมมาทำบุญกับหลวงปู่ทุกครั้ง ฟังเทศน์หลวงปู่ทุกพระครับ รถผมหลวงปู่ยังเมตตาเจิมให้เลยครับ

***จากนั้นหลวงปู่ก็ไม่ได้พูดกับผมอีก หลวงปู่ก็สนทนาธรรมเรื่องยาฆ่าแมลง การนั่งสมาธิ ผงชูรส การทำน้ำมนต์จากพระหินหยก และปัญหากรรมของญาติโยมต่างๆที่เดือดร้อนมาพึ่งหลวงปู่ ฯลฯ ผมก็นั่งพับเพียบฟัง ได้ธรรมะและความรู้เรื่องเวรกรรมไปเยอะเลยทีเดียว ได้พบเจอเห็นหน้าผู้ที่โดนกรรมชั่วเล่นงาน ทำให้รู้สึกกลัวบาปไปเลยทีเดียว ใกล้ๆกับเข่าท่านด้านนึง กำนันสามผานก็นวดเข่าหลวงปู่อยู่อีกข้างนึง พร้อมทั้งพูดว่า "รอเดี๋ยว หลวงปู่ท่านใจดี รอก่อนๆ" ผมก็นั่งรอด้วยท่าพับเพียบไม่ขยับเลย เป็นครั้งแรกตั้งแต่ 3 ทุ่ม-4 ทุ่มกว่าใกล้จะ 5 ทุ่มเพียงอึดใจ นั่งตั้งจิตทำสมาธิ ฟังท่านสนทนาธรรมกับศิษย์จากทั่วสารทิศ กำนันก็บอกผมว่า "วันนี้หลวงปู่คงไม่ให้แล้วล่ะ สงสัยพระจะแจกหมดแล้ว น้องกลับเถอะ ไว้ค่อยมาใหม่" ผมก็ยังดื้อนั่งต่อ จนภรรยาผมมองตาปริบๆส่งซิกว่า กลับบ้านกันเถอะ.. ผมจึงลุกขึ้นนั่งคุกเข่ากราบลาท่าน 3 ครั้ง แล้วคลานผ่านหน้าท่านไป

หลวงปู่ : จะไปไหน!

ปัทมินทร์ : กลับบ้านก่อนครับ ก๋งกับแฟนผมง่วงแล้วครับ ไว้จะมาใหม่ครับ

หลวงปู่ : เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป เดี๋ยวให้ (ผมรีบนั่งพับเพียบเลย อมยิ้มหน้าบาน)

หลวงปู่ : โทษที นึกว่าพวกจะเอาพระไปขายหากิน..

ปัทมินทร์ : ไม่ใช่ครับหลวงปู่

หลวงปู่ : ดึงถุงก๊อปแก๊ปจากเอวออกมา เป็นถุงพระหยกจำนวนหนึ่ง แล้วยื่นให้ผมกับภรรยา พร้อมกันนั้นก็สนทนากับผมและภรรยาเรื่องการบูชาพระหินหยกและพุทธคุณของพระหินหยกยาวเหยียดเลย หลังจากจบการสนทนา ผมและครอบครัวจึงกราบลากลับบ้าน

ระหว่างทางผมและภรรยาคุยกันในรถว่า "ดีใจจริงๆ เป็นของที่ต้องอดทนรอ ถ้ามีบุญมีกรรมร่วมกับหลวงปู่และพระหินหยกแล้ว ยังไงก็ต้องได้แน่ๆ และก็เป้นจริง พระหินหยกนี้ขอให้เป็นสมบัติประจำตระกูลเราแล้วกันนะ ต้องคล้องตลอดจนกว่าจะตาย"

ที่พยายามนั่งพิมพ์บอกเล่าประสบการณ์อยู่นี้ ผมยังหวนคิดถึงความทรงจำนี้ได้ชัดเจนเลยครับ ผมต้องการจะบอกว่า การขายพระกิน ต้องไม่ดีแน่ๆ เพราะหลวงปู่ยังไม่ชอบ ต้องมีเหตุผล อาจเป็นเจตนาของผุ้ขายไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่การให้ ซึ่งเป็นบารมีธรรม

ดังนั้นพระหินหยกที่จะได้มานั้น ความรู้สึกของผม อยากให้คุณอริยมุนีอะษฐานจิตขอเอาเองนะครับ หากมีบุญวาสนาผมว่า ไม่ต้องไปหาแบ่งบูชาที่ไหนหรอกครับ หากเราตั้งเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ อยู่ในศีลในธรรมจริงๆสร้างเหตุไว้เดี๋ยวผลจะตามมาสนองให้เองครับ ผมเองก็ใช้วิธีนี้อยู่ เป็นเวลานานพอควรเหมือนกันกว่าจะสำเร็จในสิ่งที่ตนปรารถนา เป็นปีเลยครับ ซึ่งทำให้เราเห็นคุณค่าของสิ่งวิเศษบางอย่างว่าหามาโดยยาก จะได้เกิดปิติอย่างแท้จริง

 

พระสวยครับยินดีที่ได้พระของหลวงปู่ไว้บูชา ผมยังหาอยู่ยังไม่มีบูชาเลยครับ อนุโมทนาด้วยจริงๆครับ

 

"อ้าว ท่านฟักตายแล้วหรือ
ตายด้วยโรคอะไร
ที่ไหน
มีใครอยู่ด้วยรึเปล่า

ท่านฟักเป็นพระดี
เป็นพระที่อยู่กับเรามานาน
เป็นพระที่สุขุมเยือกเย็น
ลูกศิษย์ลูกหาเยอะ"


หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

พระอาจารย์มหาบัวมักจะตั้งชื่อหรือฉายานามให้กับลูกศิษย์ของท่านตาม เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ดังนั้นแต่ละรูปจึงจะได้ชื่อต่างๆ กันไป และเป็นสรรพนามที่ท่านจะใช้เรียกศิษย์ของท่านเป็นการเฉพาะ เช่น พระอาจารย์แสวง ได้ชื่อว่า “ธรรมหมี” เพราะวันหนึ่งมีหมีควายบุกมากินกล้วยอยู่ที่กุฏิท่านแล้ว พระอาจารย์แสวงนึกว่าลูกช้าง พอเล่าเรื่องนี้ให้หมู่คณะฟัง พระอาจารย์มหาบัวจึงเรียกท่านว่า “ธรรมหมี”
ขณะที่ พระอาจารย์บุญ ได้ชื่อว่า “ผู้ใหญ่มี”
พระอาจารย์สุพัฒน์ ได้ชื่อว่า “พระอุปคุปต์”
พระอาจารย์อุ่นหล้า ได้ชื่อว่า “กำนันอุ่น”
พระอาจารย์ลี ได้ชื่อว่า “ธรรมลี”
สำหรับท่านอาจารย์ฟักนั้น พ่อแม่ครูอาจารย์ตั้งชื่อให้ว่า “ธรรมฟัก” แต่มักไม่ค่อยเรียกต่อหน้า และนานๆ เรียกสักครั้ง เช่น “ไปเอิ้นธรรมฟักมา”
ครูบาอาจารย์หลายองค์ที่รู้จักหรือเคยจำพรรษาร่วมกับ “ธรรมฟัก” ของพระอาจารย์มหาบัวที่วัดป่าบ้านตาดกล่าวตรงกันว่า พระอาจารย์ฟักเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก เรียบร้อย ขยันปฏิบัติครูบาอาจารย์ ไม่ค่อยพูดค่อยจา มีความสามารถในการสวดปาติโมกข์ได้ถูกต้อง ถูกอักขระฐานกรณ์และมีจังหวะดี จนเป็นพระ 1 ใน 3 รูปที่ได้รับคำชมจากพระอาจารย์มหาบัวในเรื่องการสวดปาติโมกข์
3 รูปดังกล่าว ได้แก่ พระอาจารย์บุญเพ็ง พระอาจารย์อุ่นหล้า และพระอาจารย์ฟัก
“ท่านฟักปฏิบัติดีอยู่ เรียบร้อยอยู่ และไม่เคยได้ยินถูกดุเลย” พระอาจารย์ลี ซึ่งเคยจำพรรษาร่วมกันกับพระอาจารย์ฟักที่วัดป่าบ้านตาด ระบุ
พระอาจารย์ทองก็ระบุเช่นเดียวกันว่า “ปฏิปทาของท่านฟักนั้นเป็นผู้เคร่งในพระธรรมวินัย เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ไม่ต้องพูดกันมาก ท่านเป็นคนละเอียด พอมีปัญหาอะไรต้องรีบแก้ ต้องหาคำตอบให้ได้ ไม่ปล่อยเอาไว้ บางครั้งถ้าท่านสงสัยคำพูดหรือคำสั่งครูบาอาจารย์ ท่านก็จะมาให้เรารับรองว่าถูกธรรมถูกวินัยไหม สมัยนั้นท่านมาพบอาตมา มาหารือกันที่กุฏิเป็นประจำ เช่น ถอดเทปแล้วตัวสะกดถูกไม่ถูก ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะทำให้เราต้องค้นคว้าไปด้วย”
พระอาจารย์บุญกู้ ซึ่งเคยไปอยู่วัดป่าบ้านตาดเมื่อปี 2505 และได้พบพระอาจารย์ฟัก เป็นพระอุปัฏฐากหลวงตามหาบัวอยู่ก่อนแล้ว เล่าสภาพการณ์ในวัดป่าบ้านตาดยุคนั้นว่า
“ท่านอาจารย์ฟักเป็นผู้อุปัฏฐากหลวงตา เพราะท่านคล่อง และเป็นที่ไว้วางใจของท่านอาจารย์ใหญ่ (พระอาจารย์มหาบัว) มาก
“ท่านมักจะได้รับหน้าที่ให้ดูแลกิจการงานต่างๆ ของวัดแทนถ้าท่านอาจารย์ใหญ่ไม่อยู่ และอนุญาตให้พระอาจารย์ฟักเดินไปโรงครัว หรือในเขตของโยมผู้หญิงได้ตามลำพัง ซึ่งสมัยนั้นแม่ชียังไม่มาก แต่พระองค์อื่นถ้าท่านไม่ใช้ จะห้ามไปเด็ดขาด
“เรื่องราวต่างๆ ในวัด ท่านอาจารย์ฟักจะเป็นผู้รับภาระแทนองค์ท่านเสมอ เช่น เมื่อมีพระมาอยู่ใหม่ ท่านอาจารย์ฟักก็จะช่วยดูแลให้ อันนี้นอกจากหน้าที่แล้ว ก็เป็นความมีน้ำใจกว้างขวางชอบช่วยเหลือหมู่คณะขององค์ท่านเองด้วย และท่านอาจารย์ฟักมักจะคอยดูแลเรื่องความสะดวกสบายของหมู่คณะอยู่เสมอๆ

เรื่องเล่าหลวงปู่ฟัก

หลวงปู่ฟักเล่าให้ฟังว่า ตอนเป็นเด็ก ท่านเห็นพระต้องเข้าไปกราบไปไหว้ตลอด แม้จะอยู่ตามท้องนาก็ตาม
วันหนึ่ง ท่านได้พบท่านพ่อลี ท่านพ่อลีบอกว่า ไอ้หนู โตขึ้นจะบวชไหม ถ้าจะบวช
ไปหาหลวงพ่อ ขอตังค์พ่อแม่ไปซื้อผ้าไตรจีวรด้วยแล้วจะบวชให้
ตอนเข้ามาเตรียมบวชที่วัดอโศการาม คืนก่อนบวชท่านออกไปเที่ยวข้างนอก
ตอนกลับรถหมด ต้องเดินไกลมากไปถึงตอนใกล้เช้าพอดี
ในงานฉลอง 25 พระพุทธศตวรรษที่วัดอโศการาม ท่านยืนอยู่ มีพระผู้ใหญ่รูปหนึ่งส่งพระพุทธรูปให้ท่านถือไว้ หนักมาก
แต่ท่านก็ดีใจที่ท่านเป็นพระบวชใหม่แต่ได้มีบทบาทในงาน ต่อมาในปัจจุบัน ท่านก็ต้องรับภาระทางศาสนาหนักมาก เช่น
งานช่วยชาติ รักษาคนป่วย ซึ่งการรักษาคนป่วยนี้ ท่านทำเพื่อเผยแผ่พระศาสนาด้วย เป็นงานหนักที่ท่านภูมิใจมาก
เหมือนกับตอนที่ท่านอุ้มพระหนัก แต่ก็ภูมิใจ

หลวงตามหาบัวให้ความสำคัญในการไปอยู่ด้วยของหลวงปู่ฟักมาก ท่านไปถามพวกแม่ชีว่า มีใครฝันอะไรบ้างไหม
มีพระจากจันทน์มาอยู่ด้วยน่ะ มีแม่ชีคนหนึ่งตอบว่า ฝันเห็นครกขนาดใหญ่ แต่ไม่เห็นสาก
แต่คุณป้าปวีณา(ศิษย์หลวงปู่ฟัก)เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านชีแม่แก้วบอกป้าปวีณาว่า พิจารณาดู
เห็นหลวงปู่ฟักใสเป็นแก้วตั้งแต่ยังหนุ่มๆแล้ว
หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า ท่านอยู่บ้านตาด รับหน้าที่นำพระที่อาพาธไปหาหมอ
บางครั้งก็ต้องลุยน้ำท่วม หาทางกันไป อานิสงค์นี่ทำให้ท่านไม่เดือดร้อนเรื่องแพทย์พยาบาลและการรักษา
จะเห็นได้ว่า หลวงปู่มีลูกศิษย์เป็นหมอ พยาบาล สาธารณสุข มากมาย เจ็บป่วยมีคนดูแลให้อย่างดี
ตลอดเวลา ในสุดท้ายเมื่อท่านจะจากไป ก็ไม่มีการเจ็บปวดทรมาน ไม่ต้องนอนให้พยาบาลกันเป็นปีๆ

หลวงปู่ฟัก มักพูดบ่อยๆว่า "แม้ปู่ไม่อยู่แล้ว แต่เมตตาของปู่ยังอยู่"

 

เคยกราบหลวงปู่ฟัก ครั้งหนึ่งที่วัดหลวงปู่เจี๊ยะปทุมธานี ในงายหล่อพระ

ตอนนั้นไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับพระหินหยกเลย

ถ้ารู้ก่อนได้ได้ขอท่านสักหน่อย อิอิ

สงสัยไม่มีวาสนาพอจะได้พระของหลวงปู่

กราบหลวงปู่ครับ