บุญใดจะวิเศษยิ่งกว่าทำบุญกับพ่อแม่

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 6 ตุลาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [​IMG]


    บุญใดจะวิเศษยิ่งกว่าทำบุญกับพ่อแม่
    คัดจากฐานิยปูชาปี ๒๕๔๑


    ถ้าหากเราเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เราไม่ดี เราไปตักบาตรพระล้านครั้ง
    ไม่เท่าเรายื่นอาหารให้คุณพ่อคุณแม่เรารับประทานเพียงครั้งเดียว
    คนเราในเมื่อเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ไม่ดี ไปเที่ยวหาเลี้ยงคนอื่นมันจะมีประโยชน์อะไร
    บางทีเราทำกับข้าวส่งกลิ่นหอมฉุย ยายแก่ได้กลิ่น เดินมือไพล่หลัง หลังค่อมๆ
    "อูย...น่ารับประทานจังเลย แม่ขอชิมหน่อยได้ไหม"
    "ไม่ได้ๆ ฉันจะไปทำบุญ อย่ามายุ่ง ยายแก่นี่"
    ตกนรกตายเลย นี่คือสูตรแห่งการทำบุญ
    มาตาปิตุอุปัฏฐานัง เลี้ยงดูบิดามารดาให้ดี เอตัมมังคลมุตตมัง
    เป็นมงคลอันสูงสุด
    แม้แต่พวกภูติผีปีศาจยักโขอะไร เวลามันทะเลาะกันมันเถียงกัน
    คำว่าท่านต้องเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ใช่ไหม มันจะต้องถามกันเสมอ


    พระปิตุลากับลักษมัณเถียงกัน ทีนี้พระปิตุลาหาว่าลักษมัณเด็กน้อยจองหอง
    ถ้าไม่นึกสงสารจะฆ่ามันเสียเดี๋ยวนี้ ลักษมัณก็คว้าลูกศร
    เราเป็นวรรณะกษัตริย์ ไม่เคยปฏิเสธคำท้าใคร
    แต่ว่าเราเป็นวรรณะกษัตริย์
    ๑. ไม่ฆ่าสมณพราหมณ์ ๒. ไม่ฆ่าผู้หญิง ๓. ไม่ฆ่าโค
    นี่เพราะประเพณีอันนี้มันบังคับเราอยู่ ไม่งั้นพระปิตุลาแหลกไปตรงนี้
    แล้วท่านบำเพ็ญตบะเดชะ มีอิทธิฤทธิ์
    ทำไมมีแต่ความโหดร้าย ทำไมไม่มีความดีสักหน่อยหนึ่ง
    ท่านไม่เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ของท่านหรืออย่างไร ลักษมัณต่อว่าคนแก่
    เพราะฉะนั้น ทำบุญอันใดหนอจะไปวิเศษยิ่งกว่าทำบุญกับพ่อกับแม่


    ที่มา...มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    <!-- m -->http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk732.html
     
  2. lek_awapa

    lek_awapa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    380
    ค่าพลัง:
    +1,043
    ทำบุญกับพ่อแม่ได้อานิสงฆ์สูงสุดค่ะ..เพราะพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิดเราค่ะ..อนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  3. AddWassana

    AddWassana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    11,698
    ค่าพลัง:
    +21,186
    <TABLE cellPadding=6 width=400><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    ขอตั้งจิตอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
    ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมต่อบิดามารดาของข้าพเจ้า
    ในเรื่องที่อาจเคยล่วงเกินท่านด้วยกาย วาจา หรือใจก็ดี
    หากมีโดยทั้งเจตนาและไม่เจตนาเป็นที่ตั้ง
     
  5. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,083
    [​IMG]
     
  6. วิมลรัตน์

    วิมลรัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +302
    อนุโมทนา พระคุณของ พ่อ แม่ ล้นฟ้า หาที่เปรียบมิได้ จงหาโอกาศทดแทน
    บุญคุณ โดยให้ความรัก เอาใส่ดูแลเรื่องความเป็นอยู่ อาหาร ที่อยู่อาศัย รักษา
    ท่านยามป่วยไข้ พูดจาด้วยถ้อยคำไพเราะ ไม่ว่ากล่าวให้น้อยใจ เสียใจ ไม่ทอด
    ทิ้งให้อยู่เดียวดาย และอื่นๆที่พึงตอบแทน (ซึ่งจะตอบแทนเท่าไรก็ไม่หมด)
     
  7. k_yutthasin

    k_yutthasin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอนเด็กไม่มีความคิดที่จะประพฤติดี กับพ่อแม่เลย พอโตขึ้น มีครอบครัว ถึงรู้ว่า ต้องดูแลท่าน กลับตัวกลับใจแล้วครับ
     
  8. โหน่งคับ

    โหน่งคับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +69
    อนุโมทนา คั บบบบบ

    พ่อแม่มีพระคุณกับเรามหาศาลหาที่เปรียบเปรยมิได้
     
  9. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ขอคั่นรายการหน่อยนะ.....


    อยากชวนทำบุญถวายตู้พระไตรปิฎกชุดใหญ่และ CD เสียงอ่านพระไตรปิฎก ถวายหลวงปู่บุญญฤทธิ์...
    (10 เมษายน 2553..เวลา 11.30 น.) ด้วยกัน...

    อันนี้ร่วมทำกับเพื่อนๆๆ สมาชิกเวปพลังจิตค่ะ...ตั้งใจจัดขึ้นมาเอง....บุญใหญ่ บารมีมาก ทำคนหรือสองคน ไม่ดีแน่..
    เลยอยากขอเชิญชวนทุกท่าน ที่ผ่านมาเห็นข้อความนี้ มาร่วมสร้าง และสะสมปัญญาบารมีร่วมกันค่ะ.......

    ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์นี้นะคะ....

    บันทึกบาปและกรรมของข้าพเจ้า ห้องกฏแห่งกรรม เขียนโดย ปานโสม
    http://palungjit.org/threads/%E0%B8....89898/page-90
     
  10. sisal

    sisal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    363
    ค่าพลัง:
    +298
    อนุโมทนาสาธุค่ะ ...^^...
    ชอบงอนพ่อกับแม่ แก้ยังไงก็แก้ไม่หายซักทีค่ะ
     
  11. ข้าวราดแกง

    ข้าวราดแกง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +55
    ผู้ให้กำเนิด เป็นที่สุดของชีวิตลูกแล้ว
     
  12. trilakbooks

    trilakbooks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,357
    ค่าพลัง:
    +414
    [​IMG]

    บทความจากหนังสือ "คุณบิดามารดา สุดพรรณามหาศาล"

    คุณบิดามารดา สุพรรณามหาศาล พ่อแม่นั้นทำทุกอย่างเพื่อลูกด้วยความรัก ว่าด้วยคุณธรรม

    ก็คือการกระทำที่ออกมาจากพรหมวิหาร ๔ ประการนั่นเอง คือ

    ๑.ใจของพ่อแม่นั้นประกอบด้วยความรักความปรารถนาดี

    เอาใจใส่เลี้ยงดูลูกให้เจริญเติบโต และงอกงามมีความสุข คือ มีเมตตา

    ๒. ประกอบด้วย กรุณา มีความสงสาร คอยช่วยเหลือให้พ้นจากความยุ่งยากเดือดร้อน

    ช่วยแก้ไขปัญหาและปลดเปลื้องให้พ้นจากความยุ่งยากเดือดร้อน

    ช่วยแก้ไขปัญหาและปลดเปลื้องความทุกข์



    ๓. มี มุทิตา คอยส่งเสริม ให้กำลังใจ และพลอยยินดีเมื่อลูกประสบความสำเร็จ

    ประสบความก้าวหน้า หรือทำความดีงามถูกต้อง



    ๔. มีอุเบกขา ในเวลาอันสมควร เช่น เมื่อลูกจะต้องรับผิดชอบตัวเอง หรือควรรู้จักฝึกหัดทำอะไรด้วยตนเอง

    ท่านก็จะให้โอกาส แก่ลูกที่จะพัฒนาตัวเอง คือไม่ใช่ทำให้ไปหมดทุกอย่าง

    จนกระทั่งลูกจะทำอะไรไม่เป็น อันนี้เรียกว่า วางอุเบกขา



    นี่คือหลัก พรหมวิหาร ๔ เรารู้กันว่าพ่อแม่นั้น

    เป็นตัวอย่างของคนที่มีพรหมวหารธรรม ๔ ประการ

    ------------------------------------------------------

    ** เลี้ยงลูกดี **

    ** เท่ากับทำหน้าที่ต่อสังคมทั้งหมด **

    ถ้าพ่อแม่ สงเคราะห์ลูกด้วยอามิสสิ่งของอย่างเดียว ไม่สงเคราะห์ด้วยธรรม ไม่ให้

    คำแนะนำสั่งสอน ไม่รู้จักอบรม เลี้ยงลูกแต่กาย ไม่เลี้ยงดูจิตใจ

    ต่อไปอาจเกิดโทษได้ เพราะอามิสสิ่งของนั้น เป็นที่ของความโลภได้

    พอมีความโลภแล้วก็ต้องมีความต้องการขยายออกไป

    อยากได้ไม่สิ้นสุด แล้วก็มีความหวงแหน

    ทำไปทำมาก็กลายเป็นการสงเคราะห์ที่นำมาซึ่งการแก่งแย่งกัน

    และเกิดการทะเลาะวิวาทได้ เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อแม่ให้แต่อามิสสงเคราะห์อย่างเดียว

    ไม่ให้ธรรมสงเคราะห์ อย่างน้อยลูกก็ไม่มีความสามัคคีกัน จึงเกิดโทษได้

    เพราะฉะนั้น พ่อแม่ ต้องให้ธรรมสงเคราะห์ด้วย ต้องสงเคราะห์ด้วยธรรม

    โดยแนะนำอบรมสั่งสอนปลูกฝังจริยธรรม ศีลธรรม ให้คุณธรรมความดีงามเจริญงอกงาม

    ขึ้นใจจิตใจของลูก ใหัลูกมีความซาบซึ้งในความดีงาม

    และทราบซึ้งถึงคุณค่าของสิ่งที่ดีงาม ให้เป็นการเลี้ยงดูชนิดที่ เลี้ยงทั้งกาย เลี้ยงทั้งใจ

    หรือ กายก็ให้ ใจก็เลี้ยง ไม่ใช่เลี้ยงแต่กาย ใจไม่เลี้ยงด้วย

    ถ้าเลี้ยงแต่กาย ไม่เลี้ยงจิตใจด้วย ก็จะเกิดผลเสียมากมายต่อชีวิตของเด็กเอง

    และต่อสังคม ฉะนั้น จึงต้องเลี้ยงใจด้วย ให้ใจเจริญงอกงาม เป็นใจที่ดีงาม

    เป็นคนที่เจริญสมบูรณ์พร้อมทั้งกายและใจ จึงจะเรียกว่า

    เป็นการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง

    ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้า จึงตรัสธรรมไว้เป็นคู่กัน

    ให้มีทั้งอามิสสงเคราะห์ และธรรมสงเคราะห์ ถ้าพ่อแม่เลี้ยงลูกถูกต้อง

    โดยทั้งอามิสสงเคราะห์ และธรรมสงเคราะห์อย่างนี้แล้ว

    ธรรมสงเคราะห์ก็จะมาจัดอามิสสงเคราะห์ให้เกิดขึ้นและพอดีอีกทีหนึ่ง

    เช่นอย่างลูกๆนี้ ได้ธรรมสงเคราะห์จากพ่อแม่แล้ว ลูกๆ มีธรรมก็มีความรักใคร่กัน

    มีความสามัคคีปรองดองกัน พอได้อามิสจากพ่อแม่

    ก็เอาอามิสวัตถุสิ่งของที่ได้นั้นมาเผื่อแผ่แบ่งปันกัน ทำให้พี่น้องรักกัน มีความสามามัคคีกัน ยิ่งขึ้นไปอีก

    แล้วก็อยู่ร่วมกันด้วยความสุข ไม่ทะเลาะวิวาทกัน

    และลูกแต่ละคนนั้นก็มีทุนดีทางจิตใจและทางปัญญา

    ที่จะดำเนินชีวิตให้เจริญก้าวหน้า

    เป็นประโยชน์ต่อไปในสังคม

    -------------------------------------------------------------

    ** รักของพ่อแม่ เป็นรักแท้ที่ยั่งยืน **

    ได้บอกแล้วว่า ที่พ่อแม่ทำทุกอย่างนั้นเพื่อลูกนั้น

    ก็ด้วยความรัก เราจึงควรรู้จักความรักของพ่อแม่ให้ดีสักหน่อย

    ความรักถ้าแยกตามหลักพระพุทธศาสนา ก็แบ่งง่ายๆ ก่อนว่า มี ๒ แบบ

    ** ความรักแบบที่ ๑

    คือ ชอบใจในบุคคลหรือสิ่งที่จะเอามบำรุงบำเรอความสุขของเรา

    ชอบใจคนนั้นเพราะว่า จะมาสนองความต้องการช่วยบำรุงบำเรอ ทำให้เรามีความสุขได้

    อะไร ที่จะทำให้เรามีความสุข เราชอบใจ เราต้องการมัน นี่คือ ความรักแบบหนึ่ง

    ซึ่งมีมากทีเดียว

    ** ความรักแบบที่ ๒

    คือ ความต้องการให้คนอื่นมีความสุข หรือ ความปรารถนาให้คนอื่นมีความสุข

    ความรักของพ่อแม่เป็นแบบนี่ ๒ นี้คือ อยากให้ลูกมีความสุข

    ความรัก ๒ อย่างนี้ แทบจะตรงกันข้ามกันเลย แบบที่ ๑ อยากได้เขามาบำเรอความสุขของเรา

    (จะหาความสุขจากเขา หรือเอาเขามาทำให้เราเป็นสุข)



    แต่แบบที่ ๒ อยากให้เขาเป็นสุข (จะให้ความสุขแก่เขา หรือทำให้เขาเป็นสุข)

    ความรักมี ๒ แบบ อย่างนี้ซึ่งเห็นได้ในชีวิตประจำวัน



    ความรักที่เด็กหนุ่มสาวพูดกันมาก ก็คือ ความรักแบบที่ว่า ชอบใจ

    อยากได้เขามาสนองความต้องการของตน ทำให้ตนมีความสุข



    แต่ในครอบครัว จะมีความรักอีกแบบหนึ่งให้เห็น

    คือ ความรักระหว่างพ่อแม่กับลูก โดยเฉพาะความรักของพ่อแม่ต่อลูก

    คือความอยากให้ลูกเป็นสุข

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...