ทำสมาธิขึ้นฌาน3ไม่ได้ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ

ผมปฎิบัติกรรมฐานตามแนวทางของหลวงปู่สรวง วัดถ้ำขวัญเมืองอ่ะครับ หลวงปู่ท่านสอนให้ภาวนา เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกศา ภาวนาจนจิตตั้งมั่นก็จะได้ฌาน1 แต่ผมภาวนาจนขึ้นฌาน 2 ร่างกายเกิดโยกสั่น ตามคำสอนอาจาร์ยท่านบอกว่าให้กระตุกกายให้ลำตัวตั้งตรงแล้วนึกถึงฌาน3 ผมก็ทำตามแล้ว แต่พอภาวนาไปได้ซักพักหนึ่ง ร่างกายก็กลับมาโยกสั่นไปมา ผมก็นึกถึงฌาน3ใหม่ มันก็กลับมาอย่างเก่าอีกคือกลับมาโยกสั่นอีก บางทีก็โยกสั่นติดๆกันเลยก็มี จนครบ55นาที (ผมนั่งทนไหวแค่55นาทีเท่านั้นเองอ่ะครับ) ทำอย่างนี้ไม่ขึ้นถึงฌาน3ฌาน4ซักทีเป็นอย่างนี้มาสองเดือนแล้วครับ อยากให้ผู้ที่ปฎิบัติแนวทางเดียวกับผมช่วยบอกหน่อยวิธีขึ้นฌาน3ไม่ถอยลงมาฌาน2อีก หรือใครมีที่ติดต่อกับพระอาจาร์ยที่สอนอยู่ที่วัดถ้ำขวัญเมือง จะเป็นเบอร์โทรศัพท์ก็ได้น่ะครับรบกวนช่วยบอกหน่อยน่ะครับ

 

เป็นกำลังใจให้ครัับ

 

อย่าอยาก อย่าตั้งใจจนเกินไป ปล่อยไปสบายๆ ภาวนาไปไม่ต้องสนใจอะไรที่เกิดขึ้นไปอย่างนั้น เดี๋ยวมันไปถึงเองครับ

 

ขึ้นไม่ได้เพราะชอบปิติ ติดปิติ เห็นปิติมีค่า ต้องตัดปิติ พอปิติเกิดให้นึกในใจว่าปิตินี้ไม่ได้ดีอะไร เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นเพียงอาการณ์ของจิต เกิดทุกครั้งอย่า ไปยินดีกับมัน เห็นมันเป็นเพียงสิ่งที่ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปเมื่อทำอยู่อย่างนี้ทุกๆ ครั้ง มันจะเริ่มไม่เอาปิติเอง

อย่าพยายามเข้าฌาน 3 และอย่าอยากได้ฌาน 3 ยิ่งยากยิ่งไม่ได้ ทำๆ ไป ต้องทำนานแค่ไหนไม่ต้องใส่ใจ ยิ่งอยากได้เดี๋ยวนี้เดี๋ยวนัั้นยิ่งนานออกไปเรื่อยๆ พยายามลืมๆ มันไปในตอนนี้ เพียงแต่เวลาปฏิบัติไม่ยินดีกับปิติไปเรื่อยๆ แบบนี้ เมื่อจิตถึง จะยกเป็นฌาน 3 เองโดยไม่ต้องทำอะไร สาธุ

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=_Vcymb_lezM]ลำดับการเข้าสู่ฌานด้วยอานาปานสติ.wmv - YouTube[/ame]

 

 
 ความเพียรมากเกินไป บวกกับตัวกิเลส คือ ความอยากได้ จงวางจิตให้เป็นกลาง

 อย่ายินดีหรือวิตกก้บสิ่งที่เกิดขึ้น  ถ้ายังไม่ก้าวหน้า ให้เปลื่ยนอิริยาบทใหม่ ครับ

  เจริญในธรรม

 

 การกำจัดความอยากและวางจิตเป็นกลาง

 
  การกำจัดความอยากนั้นทำได้โดยการใช้สติเป็นตัวตามจิตใท้ทัน

  อารมณ์หรืออาการของจิต คือแก้ที่เหตุของความอยาก

  เปรียบ ณาน   ดังผลมะม่วงสุก ที่หอมหวานอร่อย

  เปรียบ  จิต    คือต้นมะม่วง ชึ่งทุกคนเกิดมา ย่อมมีกันคนละต้น

  เราอย่าเฝ้ารอหวัง และเร่งเวลา ว่าเมื่อไรจะได้ชื่นชมผลมะม่วงสุก

  ที่หอมหวานอร่อย คืออย่าหวังผล       แต่จงทำเหตุให้ดี จึงต้อง

  หมั่นพรวนดินรดน้ำ  และไส่ปุ๋ย เฝ้าดูแลรักษา ต้นมะม่วง ให้ดี

  ในไม่ช้า ต้นมะม่วงก็ เจริญเติบโต ออกดอก ออกผล มาให้เราได้

  ชื่นชม ฉันไดก็ฉันนั้น จงหมั่นรักษาจิต ของเราดั่งเราดูแลต้นมะม่วง

  เจริญในธรรม

 

ฌาน1 จะ ตัด กาย ออกไป เหลือแต่ จิต ไม่รับรู้กาย

ฌาน 2 ตัด วิตก วิจาร ออก

ฌาน 3 ตัด ปิติ ออก


วิธีทดสอบ ว่า ได้ ฌาน จริงๆ ไหม

ให้ ลองใช้ ทดสอบ ฤทธิ์ ดูครับ

ถ้าได้ ฌาน ของจริง จะใช้ ฤทธิ์ ได้จริง

เช่น ตาทิพย์ เป็นต้น


ง่ายๆครับ ถ้าได้ ฌานจริง จะใช้ ฤทธิ์ ได้จริง


ถ้าไม่ได้ ฌาน จริง แต่เข้าใจว่าเป็น ฌาน ก็จะใช้ ฤทธิ์ ไม่ได้ครับ

 

ทำบุญเพิ่มครับ
ขอท่านเจริญในธรรม

 

อยากได้ฌานมากกว่าปล่อยจิตให้สงบจริงๆ เมื่อยังไม่ได้ฌานตามที่ต้องการนั่นหมายถึง จิตของเรายังไม่พร้อม หรือสมาธิยังไม่ถึงขั้น เคยทำสมาธิแล้วไม่สนใจจะได้ฌานบ้างไหม หรือทุกครั้งที่นั่งพอจิตสงบก้ถามตัวเองเสมอว่าได้ฌานขั้นไหนๆๆ แล้วก้เทียบดูกับตำราหลวงพ่อว่าทำไมถึงไม่ได้ขั้นนั้น ความสงสัยและความนึกคิดที่คิดขณะจิตเปนสมาธิ ก้เป็นตัวทำให้ข้ามฌานนี้ไปไม่ได้เช่นกัน
ถ้าเคยได้มาฌาน2 ก้ควรเข้าให้ได้ขั้นนี้บ่อยๆแล้วทำใจให้โล่งซะ....จะให้ไปฌานไหนก้ปล่อยให้มันเปนไป แม้กระตุกตัวยังไม่ฌาน3 ก้เพราะอาการทางกายกับทางใจ ไม่เหมือนกัน กายขยับแต่ใจไม่ขยับไปด้วย ควรจะเริ่มเน้นตั้งแต่คำภาวนา
เกศา...ตะโจ หายไปดว้ยก้ยิ่งดี ตอนนั้นจิตเริ่มเปนสมาธิดีแล้ว ขอแต่อย่าให้ความคิดเรื่องอื่นมารบกวนก้อพอแล้ว แล้วก้ปล่อยวาง ประคอง แล้วทรงอารมณ์ที่ได้อยู่ให้คงที่ให้ได้ และที่สำคัญต้องแยกแยะ คำว่า "สมาธิ" และ "ฌาน".ให้ออกจากกันให้ได้ด้วยถึงจะดี

 

PM เบอร์โทรมาครับผมจะโทรไปอธิบายให้ัฟังครับ...ครูบาอาจารย์ท่านอนุญาตใว้ให้แนะนำได้ครับ สาธุครับ