ปิดรับบริจาค ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดประโชติการาม

ในห้อง 'กฐิน - ผ้าป่า - งานวัด' ตั้งกระทู้โดย por410, 28 กุมภาพันธ์ 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคค<WBR>ี
    ณ วัดประโชติการาม ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
    ใน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ เวลา ๑๒.๓๙ น. ถวายองค์ผ้าป่า
    วัตถุประสงค์ เพื่อการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ วัดประโชติการาม...
    **************************<WBR>********************​
    การทอดผ้าป่าสามัคคีในครั้ง<WBR>นี้ จัดขึ้นเพื่อทำการระดมทุน ในการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ วัดประโชติการาม ซึ่งเป็นวัดเดียวในประเทศไท<WBR>ย ที่มีพระยืนที่เก่าแก่สององ<WBR>ค์ หันไปในทิศทางเดียวกัน คือองค์หลวงพ่อทรัพย์ ( สูง ๖ วา ๗ นิ้ว ) หลวงพ่อสิน ( สูง ๓ วา ๓ ศอก ๕ นิ้ว ) ที่มีอายุหลายร้อยปี เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิท<WBR>ธิ์ และเป็นที่เคารพสักการะ ของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ซึ่งขณะนี้ทางวัดกำลังทำการ<WBR>บูรณะ ปฏิสังขรณ์อยู่
    โดยมีสาเหตุมาจากน้ำท่วมใหญ<WBR>่ในหลายครั้งที่ผ่านมา ทำให้ฐานขององค์หลวงพ่อทรุด<WBR>ลง เกรงว่าองค์หลวงพ่อที่มีอาย<WBR>ุหลายร้อยปีจะโค่นลงมา จึงต้องทำการปรับปรุงโครงสร<WBR>้างรากฐานให้แข็งแรงขึ้น เนื่องจากครั้งนี้ได้มีการข<WBR>ุดค้นทางด้านโบราณคดี และได้พบรากฐานโครงสร้างของ<WBR>เก่า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอายุหลายร<WBR>้อยปี ( ก่อนสมัยอยุธยา ) และประสพกับปัญหาน้ำท่วมหนั<WBR>กเมื่อ ปี ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา
    เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณส<WBR>ถานและทำการบูรณะองค์หลวงพ่<WBR>อทรัพย์ หลวงพ่อสิน ทางคณะกรรมการจึงขอเรียนเชิ<WBR>ญท่านผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลา<WBR>ย ได้มาร่วมอนุโมทนาบุญเป็นเจ<WBR>้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคีในครั<WBR>้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อรวบรวมจัตุปัจจัย นำมาดำเนินการปรับปรุง บูรณะ โบราณสถานของวัด ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี<WBR>สืบไป



    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยแล<WBR>ะบารมีของหลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน จงอภิบาลคุ้มครองท่านพร้อมด<WBR>้วยครอบครัวให้เจริญด้วยอาย<WBR>ุ วรรณะ สุขะ พละ ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใด อันชอบด้วยธรรม ขอจงสำเร็จสมความปรารถนาทุก<WBR>ประการ เทอญ.

    กำหนดการ
    วันอาทิตย์ที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
    เวลา ๐๙.๐๐ น. เป็นต้นไป ตั้งองค์ผ้าป่า
    เวลา ๑๐.๓๙ น. พระสงเจริญพระพุทธมนต์ฉลองอ<WBR>งค์ผ้าป่า
    เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพล
    เวลา ๑๒.๓๙ น. ถวายองค์ผ้าป่า​

    ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน 2,500 บาท ชื่อ ….........................<WBR>..........................<WBR>..รับของที่ระลึกจากพระอาจารย์
    ร่วมเป็นประธาน 1500 บาท ชื่อ......................<WBR>..........................<WBR>................<WBR>รับของที่ระลึกจากพระอาจารย์
    ร่วมเป็นกรรมการ 100 -1000 บาท ชื่อ......................<WBR>..........................<WBR>........รับของที่ระลึกจากพระอาจารย์<WBR>
    ร่วมทำบุญแล้วแต่จิตศัทธา ….......บาท ชื่อ......................<WBR>..........................<WBR>...รับของที่ระลึกจากพระอาจารย์
    ที่อยู่เพื่อจัดส่งใบอนุโมท<WBR>นาบุญ ….........................<WBR>..........................<WBR>...........
    ใครต้องการซองพร้อมใบฏีกาเพื่อบอกต่อๆๆกันไป โทรมาแจ้งรายละเอียด เจ้าภาพจัดงานนะครับ
    <WBR><WBR>​

    **ไม่สะดวกไป สามารถร่วมบุญได้โอนผ่าน บัญชี โอนแล้วรบกวนแจ้งรายละเอียด ชื่อ เบอร์โทร จำนวนเงินเพื่อ ที่อยู่ เพื่อจัดส่งของที่ระลึกจากทางวัดครับ

    นายสมเกียรติ ชวดชุม
    009-009-352-7 ออมทรัพย์
    ธ.กรุงเทพ สาขาย่อยเดอะมอลรามคำแหง​


    ติดต่อสอบถาม พระครูเกษม ธรรมโชติ โทร.0895136491
    ประธานฝ่ายจัดงาน นาย สมเกียรติ ชวดชุม โทร.0821906943


    เพื่อนๆ พี่ น้อง ที่จะต้องการไปร่วมงานที่ สิงห์บุรี เจอกันที่รัชดา 10 เช้าวันอาทิตย์ ที่ 20 มีนาคม 2554 เวลา 80.30 น.
    ตอนนี้ หารถส่วนตัว ไปร่วมกันเยอะๆๆนะครับ
    ขอบคุณรูปจาก PANTIP.COM : Y9869143 ����ԭ�����ѹ͸�ɰҹ ���ͧ����ǧ��ͷ�Ѿ��-��ǧ����Թ �Ѵ���⪵ԡ���� �ԧ������ ������ѧ༪ԭ�ѭ�ҹ�ӷ��� []

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]


    ประวัติ


    หลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์ และประวัติวัดประโชติการาม


    ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี


    **************

    ประวัติวัดประโชติการาม (เดิมชื่อวัดประชด)
    ในอดีตกาลนานมาแล้ว ตามตำนานได้แจ้งว่ามีสัตว์หนึ่งมีลักษณะคล้ายสิงห์ อาศัยในถ้ำคูหา อยู่ในบริเวณที่เป็นที่ตั้งวิหารพระพุทธไสยาสน์ สิงห์ตัวนี้ได้ไปหากินแขวงเมืองชัยนาท ไปพบบุตรีของเศรษฐีผู้หนึ่ง (ไม่ปรากฎชื่อ) มีความปฏิพัทธ์รักใคร่ในนางนั้นเป็นกำลัง เมื่อได้ทีจึงรวบรัดนางนั้นขึ้นหลังพามายังคูหาแห่งตน และได้สมสู่เป็นสามีภรรยาด้วยกันมาช้านานก็มีครรภ์ ครั้งถึงกำหนดก็คลอดบุตรชายเป็นมนุษย์ บิดามารดามีความชื่นชมยินดีเป็นที่สุด และขนานนามบุตรว่า สิงหนพาหุ ครั้งสิงหนพาหุเจริญวัยขึ้น เมื่อสิงห์ผู้เป็นบิดาไปเที่ยวหาอาหารในป่า สิงหนพาหุก็ไปเที่ยวด้วยเสมอ แต่หาทราบไม่ว่าสิงห์นั้นเป็นบิดาของเธอ วันหนึ่งได้โอกาสจึงอ้อนวอนตามมารดาว่าบิดาของข้าพเจ้าคือใคร มารดาจึงตอบเป็นนัย ๆ ว่าวันนี้เจ้าไปเที่ยวกับใครคนนั้นแหละคือบิดาของเจ้า สิงหนพาหุเมื่อทราบชัดว่า สิงห์นั้นเป็นบิดาของตนตามคำมารดาบอก ก็เกิดความโหมนัสน้อยใจ คิดละอายแก่เพื่อนมนุษย์ ด้วยว่าบิดาของตนเป็นสัตว์เดรจฉาน เหตุนี้เองจึงทำให้สิงหนพาหุคิดเห็นผิดเป็นชอบ คอยหาโอกาสที่จะประหารชีวิตบิดาเสีย ครั้งวันหนึ่งคิดเห็นอุบายอันเหมาะสม ที่จะทำลายชีวิตบิดาได้แล้ว ก่อนจะไปป่าจึงขอให้มารดาห่ออาหารให้พ่อหนึ่งแล้วเดินทางเข้าสู่ป่า พร้อมกับสิงห์ผู้เป็นบิดา พบสัตว์ฝูงหนึ่งที่ใกล้บริเวณต้นโพธิ์ สิงห์จึงให้บุตรคอยอยู่ใต้ต้นโพธิ์นั้น ตอนออกเที่ยวจับสัตว์ในป่าเพลินอยู่ ฝ่ายสิงหนพาหุคอยบิดาอยู่ เมื่อไม่เห็นบิดากลับมาจึงขึ้นต้นโพธิ์ตระโกนร้องเรียก เมื่อบิดากลับมาถึงแล้ว จึงจัดอาหารให้รับประทานภายใต้ต้นโพธิ์ สิงหนพาหุถืออาวุธแอบหลังคอยทีอยู่ พอได้ทีก็ฟันคอบิดาขาดตายในที่นั้นจึงตัดกิ่งโพธิ์คลุมศพบิดาไว้ในสถานที่นั้น ๆ จึงมีนามว่าโพธิ์ตระโกนตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ครั้งเสร็จจากการทำลายชีวิตบิดาแล้ว จึงกลับมายังคูหาแจ้งความตายที่ตนได้ปลงชีวิตบิดาแก่มารดาทุกประการ นางมีความเศร้าโศกร่ำไห้ถึงสามีมิวายวัน ครั้งวายโศกแล้ว จึงปรึกษากับสิงหนพาหุ จะปลงศพบิดาเจ้าที่ไหนจึงจะสมควร ได้รับตอบว่าควรจะปลงศพที่โคกจันทร์ซึ่งเป็นบริเวณใกล้คูหา เป็นอันตกลงนำศพมาทำฌาปนกิจที่โคกจันทร์บัดนี้ สถานที่นั้นก็ยังมีปรากฎอยู่ ครั้งปลงศพเสร็จแล้ว สิงหนพาหุจึงอาราณนาพระเถรานุเถระทั้งหลายให้มาประชุมพร้อมกัน ในสถานที่สมควรแห่งหนึ่งแล้วจึงเรียกถามว่า บัดนี้ข้าพเจ้าได้พิจารณาโทษที่กระทำผิดต่อบิดานั้นแล้ว จะกระทำอย่างไรดีจึงจะพ้นโทษนั้นได้ พระสงฆ์ทั้งหลายจึงบอกว่าควรจะสร้างพระพุทธรูปและกุฏิวิหารถวายเป็น สังมิการาม แด่พระสงฆ์ทั้หลาย ผู้มาแต่จาตุทิศทั้งสี่นั่นแหละเห็นว่าจะเป็นบุญกุศลช่วยบรรเทาบาปกรรมอันหนักยิ่งของท่านได้บ้าง สิงหนพาหุจึงได้เริ่มก่อสร้าง พระพุทธไสยาสน์ขึ้นองค์หนึ่ง เอาทองคำโคสมกำยาว 1 เส้น ทำเป็นแกนพระพุทธรูปได้สร้างทับคูหาไว้ และสร้างกุฏิวหารเป็น พระอารามสำเร็จบริบูรณ์ จึงได้มีการประชุมพระสงฆ์ ฉลองถวายปัจจัยไทยธรรมครั้งเสร็จแล้ว จึงเรียนถามพระสงฆ์อีกวาระหนึ่งว่า ด้วยเดชะอำนาจกุศลสมภาร ที่ข้าพเจ้าได้ก่อสร้างพระพุทธรูปและพระอารามนี้ จะพ้นโทษได้หรือยัง พระสงฆ์จึงบอกว่า อาจเป็นอานิสงส์ช่วยได้บ้างแล้ว ครั้งต่อมาสิงหนพาหุ จึงได้จัดสร้างพระอารามขึ้นที่ต้นโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ทำลายชีวิตบิดาถึงแก่กรรมอีกแห่งหนึ่ง จึงได้นามว่า วัดสะบาป บัดนี้ยังปรากฏอยู่ แต่ร้างเสียแล้ว ครั้งสร้างวัดสะบาปแล้วมาสร้างวัดกึ่งโยชน์ ปัจจุบันเรียกว่า วัดยวด อยู่บนถนนสายสิงห์บุรี บางระจัน มีพระนั่งอยู่สององค์สิงหนพาหุกลัวว่าบาปยังไม่สิ้นไปจึงมาสร้างขึ้นอีกวัดหนึ่งชื่อ วัดประชด เพื่อให้บาปพ้นไปเพื่อเป็นการชดเชยหรือประชดให้ จึงได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขึ้น 2 องค์ และได้ขนานนามว่า หลวงพ่อสิน สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ส่วนองค์หลังขนาดนามว่า หลวงพ่อทรัพย์ สูง 6 วา 7 นิ้ว และด้านหลังมณฑกหลวงพ่อสร้าง ได้สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่องค์หนึ่ง แต่บัดนี้ได้ทรุดโทรมหักพังเหลือแต่ซาก เมื่อทางคณะกรรมการวัดได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ก็ได้ช่วยกันถมดินและเศษอิฐ ซึ่งสลักหักพังมาถมพื้นอุโบสถให้สูงเสมอกับวิหารหลวงพ่อทั้งสององค์ แต่น่าอัศจรรย์ตรงกลางพระเจดีย์ไม่มีใครสามารถทำลายได้ คงปล่อยให้เป็นโคกสูงอย่างนั้นเอง จนกระทั่งวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ปี พ.ศ.2496 พระอธิการปั้น ซึ่งขณะนั้นจำพรรษาอยู่วัดยาว ตำบลทับยา อำเภออินทร์บุรี ได้ครุ่นคิดอยู่เสมออยากจะมาเที่ยววัดประชดเหลือเกิน บังเอิญวันดังกล่าวก็มีโอกาสได้มา ก็เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก จนพระอธิการปั้นไม่สามารถกลับวัดได้ จนเวลาบ่าย 6 โมงเย็นจึงหาย พระอธิการปั้นจึงได้เข้าไปนมัสการหลวงพ่อสิน และหลวงพ่อทรัพย์ แล้วก็ออกเดินทางไปด้านหลังหลวงพ่อทรัพย์จะออกถนนเหลือยแถไปทางด้านพระเจดีย์ ซึ่งตอนนั้นเป็นดินอยู่ แลเห็นพระพุทธรูปยืนอยู่บนโคกดิน ดังนั้น ท่านจึงเกินไปตั้งใจจะไปเอาพระพุทธรูป พระพุทธรูปนั้นก็จางหายไป เห็นแต่ไหใบใหญ่มีฝาปิดโผล่อยู่บนผิวดิน จึงเข้าไปเอาปลายร่มกระทุ้งดู เห็นฝาเปิดไหอยู่จึงเข้าใจว่าคงจะเป็นกรุพระหรือของมีค่าแน่นอน จึงรีบไปบอกพระภายในวัดประชดนี้ให้มาดู แล้วช่วยกันลอกขุดดู (พระขณะนั้นมีพระเต่า พระฉ่ำ พระหยวก พระแหยม และนายปลั่งซึ่งกำลังเป็นนาคอยู่) ในขณะที่ขุดนั้นได้เกิดปาฏิหาริย์ เสียงดัง แต่ก็ไม่พบอะไร เมื่อตั้งสติดีแล้ว ก็ช่วยกันยกไหซึ่งมี 4 หูแบบโบราณ เมื่อเปิดฝาออกดูก็พบพระเครื่องปางต่าง ๆ มากมายและตอนกลาง ๆ ไหก็มีพระบูชาปางต่าง ๆ หลายสิบชนิด กำไรข้อมูลแบบทองคำ ทองเหลือง แหวนแบบหนวดกุ้งอย่างเก่ามากมาย พระจึงให้มรรคทายกไปแจ้งเรื่องให้ ท่านเจ้าคุณสิหราชมุนี เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี วัดสังฆราชาวาส เมื่อพระคุณเจ้ามาถึงวัดประชด ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจดูพระและจำนวน และได้นำออกให้ประชาชนเช่าเพื่อนำรายได้ไปสมทบในการสร้างพระอุโบสถ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เทพื้นและช่อฟ้าหน้าบรรณและทำฝาผนัง และแท่น พระประทาน ขณะนี้ยังเหลือแต่ไห 4 หู ซึ่งสำหรับใส่น้ำพระพุทธมนต์ประจำวัดเป็นประจำมีความศักดิ์สิทธิ์ ตามความปรารถนาของผู้ขก ฝาไหนั้นขณะที่ได้กรุใหม่ ๆ มีประชาชนมาชมกันมากก็เอาฝาเปิดวางไว้ข้างไฟ ได้มีเด็กชายเบี้ยว ชัยศิลป์จะเข้าไปดูในไห ดูไม่ถึงเหยียบไปบนฝาไห แล้วก็เกิดปาฏิหาริย์ล้มลงเดินไม่ได้ หลวงพ่อฟุ้ง อุตตโม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดสะเดา ขณะได้กรุพระท่านมาช่วยบัญชางานที่วัดประชดด้วย และท่านได้ตั้งเจตนาว่าจะนำพระบูชาและพระเครื่องไปให้คนเช่าและจำนำเงินมาสร้างพระเจดีย์แทนเจดีย์องค์เก่า และท่านได้บอกบิดามารดาของเด็กชายเบี้ยวให้มาขอขมา และอาราธนาน้ำมนต์ที่โอ่งนั้นไปให้เด็กดื่ม และอาบ เด็กชายเบี้ยวก็หายเป็นปกติเดินได้ในวันนั้นเอง
    วัดประชดนี้สร้างมาประมาณหลายร้อยปีแล้วคงจะเป็นสมัยสุโขทัย เพราะได้พิจารณาสิ่งปรักหักพัง และองค์พระพุทธรูปและลวดลายฝาผนัง และทรุดโทรมมาแต่ครั้งใดไม่มีใครสันนิษฐานได้ถูกต้อง เพราะเมื่อข้าพเจ้าจำความได้ และได้รับคำบอกเล่าจากญาติผู้ใหญ่ว่า หลวงพ่อสินองค์หน้าน้น ซุ้มวิหารและกำแพงพังเหลือแต่องค์หลวงพ่อสิน องค์ท่านเอนจวนจะล้ม ในขณะนั้นมีสามเณรที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ใต้วัดประชด ได้ไป จำพรรษาและเรียนภาษาบาลีที่วัดมหรรณ์ กรุงเทพฯ ได้ขึ้นมาเยี่ยมญาติโยมเห็นว่าองค์หลวงพ่อจะล้ม จึงได้ชักชวนญาติโยม เอาไม้เสามาค้ำองค์หลวงพ่อไว้ แล้วได้ตั้งสัตย์อธิษฐานว่าถ้าต่อไปข้าพเจ้าประกอบอาชีพอะไร ถ้าร่ำรวยจะกลับมาสร้างวิหารให้หลวงพ่อ ก็เป็นจริงเพราะสามเณรองค์นั้นคือ ท่านมหาสม พ่วงภักดี ได้ทำการค้าหนังสือเกี่ยวกับ พระธรรมวินัย และพระไตรปิฎก จนมีเงินพอจะปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อได้ ก็มาสร้างวิหารที่องค์หลวงพ่อสิน ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกวันนี้ และท่านมหาสม ก็ดำเนินกิจการเจริญรุ่งเรืองและได้ทำการเฉลิมฉลองและได้ทำการเปิดกรุ รูปเหรียญ หลวงพ่อทรัพย์ หลวงพ่อสิน โดยได้อาราธนาพระเกจิอาจารย์ที่ทรงวิทยาคุณเมื่อ พ.ศ.2502 โดยมีหลวงนฤนาท ประไพ เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ และท่านพระครูเกศีวิกรม (หลวงพ่อพูล) วัดสังฆราชาวาส สิงห์บุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีท่านเจ้าคุณสิงหปุราจารย์ (หลวงพ่อลพ) วัดโบสถ์ อินทร์บุรี หลวงพ่อเปิ่น เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ หลวงพ่อเชน เจ้าอาวาสวัดสิงห์ หลวงพ่อสาด วัดเสาธงทอง หลวงพ่อฟุ้ง วัดสะเดา ได้ร่วมกันทำพิธีปลุกเสก ซึ่งพระคุณเจ้าทุกองค์ก็ได้ล่วงลับไปหมดแล้ว และเหรียญที่ได้กระทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งนี้ ได้จัดจำหน่ายแก่ประชาชน เพื่อนำรายได้มาบูรณะซ่อมแซมกุฏิ ส่วนเหรียญที่เหลือ หลวงพ่อพูล ได้รวบรวมไปเก็บไว้ที่วัดสังฆราชาวาสเหรียญนี้มีคนนำไปใช้ได้ผลดีทางเมตตามหานิยม ค้าข้าย หาลาภ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ป้องกันภัยได้ดีมาก จนประชาชนเข้าใจว่าเหรียญนี้ได้หมดสิ้นไปแล้ว และทางวัดก็ไม่เคยได้สร้างเหรียญชนิดนี้อีกเลยจนเมื่อ พ.ศ.2516 ข้าพเจ้าได้ไปอาราธนาพระครูบรรสารวิจิตร เจ้าคณะอำเภอเมืองสิงห์บุรีองค์ปัจจุบัน ไปเป็นประธานในการวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ท่านเจ้าคณะอำเภอได้มอบเหรียญหลวงพ่อสินและหลวงพ่อทรัพย์ซึ่งมีอายุมาร่วม 35 ปี รุ่นเก่ามาให้ประชาชน จึงได้ทราบว่าหลวงพ่อพูลนำไปเก็บนั้น ยังอยู่ไม่หมด และเป็นเหรียญรุ่นนั้นรุ่นเดียว บัดนี้ทางวัดได้นำมาให้ประชาชนได้เช่า ตั้งแต่วันทำพิธีวางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ ถ้าใครจ้องการก็ไปติดต่อคณะกรรมการวัดได้ทุกเวลา ช้าไปอาจจะหมดก็ได้








    หลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์

    ประวัติและอภินิหารหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์
    ในขณะนี้ประชาชนที่อยู่ห่างไกลและใกล้กับวัดประโชติการาม ซึ่งมีความเคารพและเชื่อมั่นในหลวงพ่อสินและหลวงพ่อทรัพย์ที่จะช่วยปิดเป่าความทุกข์ร้อนของท่าน ด้วยการอาราธนาศีลจากหลวงพ่อสินองค์หน้า และเราก็ไปขอพรจากหลวงพ่อทรัพย์ ท่านที่ต้องการสิ่งใดก็สมความปรารถนา เช่นที่ได้มีปรากฏมาแล้ว ได้แก่การค้าขาย ก็นำโชคลาภมาให้และช่วยปัดเป่าภัยอันตรายต่าง ๆ ตลอดจนการเจ็บปวดโรคปัจจุบันก็ได้หายในชั่วพริบตาทุกวันนี้มักจะได้เห็นการแก้บนเป็นประจำส่วนมากประชาชนมักพูดกันว่า ถ้าใครบนด้วย ใบศรี หัวหมู ข้าวปากหม้อ ไข่ต้ม ประทัด หลวงพ่อชอบมากได้ผลทันตาเห็น
    หลวงพ่อทรัพย์มีความสูง 6 วา 7 นิ้ว หลวงพ่อสินสูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  2. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ใครมีรถ ไปกันนะครับ ใครจะถ่ายใบฎีกา ตอนนี้ได้ซองมาจากวัด 500 ซอง
     
  3. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ตอนนี้ ใครพอจะมีรถ ยนต์ส่วนตัวบ้างครับ รวมตัวกันได้นะครับ ไปพร้อมๆๆกัน วัดน่าสงสารมากครับ
     
  4. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    หรือใครจะบริจาค สิ่งของ เช่นหนังสือ พระพุทธรูป เครื่องเรียนหนังสือ ชุดนักเรียน เพราะมีโรงเรียนของวัดด้วยครับ แล้วแต่จิตศัทธาครับ
     
  5. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ มีข้อสงสัยโทรสอบถามได้ครับ 0821906943
     
  6. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ร่วมด้วยช่วยกันมากๆๆนะครับใกล้ถึงวันแล้วครับ
     
  7. lowprofile

    lowprofile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,391
    ค่าพลัง:
    +6,023
    ผมขอร่วมทอดผ้าป่าด้วย 100 บาทครับ จะโอนเข้า บช ท่าน
    ประมาณวันที่ 3-4/03/54 ครับ
    ขอเรียนเชิญทุกๆๆท่านนะครับ ๆๆ ดูภาพแล้ววัดและพระคุณเจ้า
    ตลอดจนลพ ท่านคงลำบากจริงๆๆ ช่วยๆๆกันคนละเล็กน้อย
    พระพุทธศาสนาเราคงยืนยาวได้ ครบ 5000 ปีแน่นอน
    แต่ต้องอาศัยพุทธบริษัท 4 คือ เราๆๆท่านๆๆนี่แหละค้ำจุนครับ
    กราบเรียนเชิญและกราบอนุโมทนาสาธุการเป้นอย่างยิ่งกับท่านจขกท
    และทุกๆๆท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    สาธุนะครับ ยังไง ใครที่ว่างก็อยากให้ไปวัดด้วยกันนะครับ อยากให้ไปเห็นสภาพ วัดน่าสงสารมาก
     
  9. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ตอนนี้ยอดเงิน 1200 บาทแล้วครับ
     
  10. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    มาร่วมด้วยช่วยกันนะครับ
     
  11. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=r2ZNZ20ROwU]YouTube - NNN พระพุทธรูป 700 ปี วัดประโชติการามน้ำท่วม[/ame]
     
  12. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ตอนนี้ยอดทำบุญ 1700 แล้วครับ
     
  13. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    ตอนนี้ยอดทำบุญ 1850 แล้วครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. por410

    por410 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +39
    39 อานิสงส์ปิดทองพระพุทธรูป
    ...... นัยว่าพระเจ้ามหารถราช เสวยสมบัติ ในสักกราชาวดีนคร ท้าวท่านเป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
    คือมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ตรงกันข้ามกับ พระเจ้าปัญจาลราช กษัตริย์กรุงปัญจาลราชนคร
    เป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคล คือไม่นับถือพระพุทธศาสนา กษัตริย์ทั้งสองเป็นสหายที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลย
    ครั้งหนึ่ง พระเจ้าปัญจาลราชได้ส่งผ้ารัตนกัมพลผืนหนึ่งไปถวายพระเจ้ามหารถราช
    พระเจ้ามหารถราช ทอดพระเนตรเห็นผ้ารัตนกัมพล แล้วจึงตรัสว่าสหายเราส่งผ้าอันมีค่ามากมาให้เรา
    เราก็ควรจัดส่งแก้วอันประเสริฐไปให้ตอบแทนพระสหาย ดังนี้ พระเจ้ามหารถจึงคิดว่า เราจะส่งแก้วสิ่ง
    ใดหนอซึ่งมีค่ามากเหนือสิ่งอื่นใด พิจารณาแล้วเห็นว่า แก้วใดๆจะประเสริฐกว่าพุทธรัตนะย่อมไม่มี
    จึงตกลงใจจะส่งพุทธรัตนะไปถวาย จึงสั่งให้ช่างนำแผ่นทองคำตีเป็นแผ่นบางแล้วให้เขียนรูปพระพุทธเจ้า
    ลงไปในแผ่นทองคำด้วยชาตหรคุณมีขนาดองค์ประมาณ 1 ศอก
    แล้วสั่งให้อำมาตย์เชิญพระพุทธรูปทองนั้นลงสู่สำเภาเพื่อนำไปถวายพระเจ้าปัญจาลราช ก่อนที่จะส่งราชทูตไป
    พระองค์ยกมือขึ้นประณมถวายนมัสการ โดยทรงระลึกถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
    "ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย พระองค์มีความประสงค์จะสั่งสอนเวไนยสัตว์ในประเทศใดๆ
    ขอพระองค์ทรงเสด็จไปยังประเทศนั้นๆ แล้วยังประโยชน์ให้เกิด แก่สัตว์จำพวกนั้นเถิด
    พระเจ้าปัญจาลราชสหายของหม่อมฉันเป็นมิจฉาทิฎฐิ มีความเห็นผิดจากทำนองครองธรรม
    มิได้มีความเชื่อความเลื่อนใสในพระองค์ ถ้าพระองค์เสด็จไปยังพระนครนั้นแล้ว
    ขอพระองค์ได้โปรดแสดงปาฎิหาริย์ทรมานพระเจ้าปัณจาลราชให้ละซึ่งมิจฉาทิฎฐิด้วยเถิด"
    อธิษฐานเสร็จแล้วเสด็จลงน้ำประมาณพระศอ(พระพุทธเจ้าอยู่บนเรือ
    ท่านจึงลงไปในน้ำซึ่งต่ำกว่า) เพื่อส่งรูปพระพุทธเจ้านั้นไปยังเมืองปัญจาลนคร
    ในขณะนั้น บรรดาแก้วอันเกิดในมหาสมุทรมีสีต่างๆก็ผุดขึ้นจากท้องมหาสมุทรลอยอยู่เหนือน้ำเพื่อบูชา
    พระพุทธรูปนั้น พื้นน้ำงามวิจิตรด้วยแก้ว 7 ประการประหนึ่งพื้นแห่งภาชนะทอง ดอกปทุมทั้งหลายก็ผุดขึ้น
    เหนือพื้นน้ำพญานาคทั้งหลายก็ได้พานาคบริษัทออกจากนาคพิภพขึ้นมาสักการบูชาด้วยสุคันธมาลา เทวดาทั้งหลายก็เรี่ยราย ดอกไม้ทิพย์ลงมาจากอากาศ
    เมื่อราชทูตไปถึงกรุงปัญจาลนครแล้ว จึงเข้าไปถวายบังคมพระเจ้าปัญจาล แล้วกราบทูลเหตุอัศจรรย์ ให้
    ทราบโดยตลอด ท้าวเธอทรงโสมนัสปรีดาในเครื่องบรรณาการเป็นยิ่งนัก ได้เสด็จออกพร้อมจตุรงคเสนารับสั่ง
    ให้ชาวเมืองประโคมแตรสังข์ กังสดาล เสด็จไปยังท่าน้ำ ถวายนมัสการสักการบูชา แล้วเสด็จลงไปในน้ำประมาณพระศอ
    ทอดพระเนตรเห็นพระพุทธรูปแล้วทรงยินดีทรงแสดงตนเป็นพุทธมามกะ

    แล้วด้วยอำนาจความศัทธาของพระเจ้าปัญจาลราช และด้วยอำนาจอธิษฐานของพระเจ้ามหารถราช
    พระพุทธรูปนั้นก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเปล่งรัศมี 6 ประการ
    จับพื้นปฐพีตลอดจนถึงพรหมโลก กลบแสงแห่งอาทิคย์ กลบแสงรัศมีเทวดาในหมื่นโลกธาตุ ณ กาลนั้น
    ในคราวนั้นพระอินทร์ ได้เสด็จลงมาถวายนมัสการพร้อมด้วยเทพบริษัท มนุษย์ก็เห็นเทวดา เทวดาก็เห็นหมู่มนุษย์
    พระเจ้าปัญจาลราชเห็นปาฎิหาริย์เช่นนั้น ทรงโสมนัสยินดียิ่งนักได้นำพระพุทธรูปไปประดิษฐานในพระมนเทียร
    แล้วบูชาด้วยประทีปธูปเทียนชวาลา ทรงแสดงองค์เป็นอุบาสก
    ในเวลาต่อมาพระองค์ได้ให้ช่างแกะรูปพระพุทธเจ้าด้วยแก่นจันทน์แล้วประดิษฐานไว้ในศาลาไม้บุณนาค
    แล้วรับสั่งให้ชาวเมืองพากันมาปิดทองพระพุทธรูป ในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคนเข็ญใจในเมืองนั้น
    เมื่อได้ยินเสียงโฆษณาดังกล่าวแล้วตัดสินใจ อำลาลูกอำลาเมียเพื่อไปขายตัวให้เป็นทาส
    แล้วจะได้เงินมาซื้อทองปิดพระพุทธรูป แต่ด้วยความเห็นใจของภรรยา ภรรยาจึงยอมขายตนและลูกเป็นค่าทอง
    พระโพธิสัตว์นำลูกเมียไปขายในตระกูลที่มั่งคั่งแล้วนำไปซื้อทอง
    ปิดพระพุทธรูป
    เมื่อทองไม่พอจึงรำพึง "ใครหนอจักทำเนื้อมนุษย์ ให้เป็นทองได้ เราจักบริจาคตน "
    ในครั้งนั้นท้าวสักกเทวราชได้เสด็จลงมายืนอยู่ตรงหน้าแสดงตนเป็นช่างทอง ต่อพระโพธิสัตว์
    เมื่อทราบว่าช่างทองนั้นสามารถทำเนื้อให้เป็นทองได้จึงประกาศแก่เทพเทวดาขออาวุธเชือดเลือดเนื้อตกลงมา
    เมื่อได้ ศัสตราวุธแล้วพระโพธิสัตว์ก็เชือดเนื้อของตนจนตราบเท่าปิดทองสำเร็จ
    เกิดความยินดีโสมนัส สลบลงแทบเท้าพระพุทธรูป
    พระอินทร์ได้เยียวยาให้หายเป็นปรกติ แล้วเป็นผู้มีกายดุจสีทอง พระอินทร์ตรัสพยากร "
    ท่านจัดได้เป็นพระศรีสรรเพชญ์
    ในอนาคต " แล้วพระอินทร์ก็กลับสู่วิมาน
    พระเจ้าปัญจาลราชพร้อมชาวเมือง ได้ทำการสักการบูชาแก่พระโพธิสัตว์ และแบ่งสมบัติให้พระโพธิสัตว์
    เป็นอันมาก ครั้นดับขันธ์แล้วพระโพธิสัตว์ไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเสวยสมบัติอันมโหฬาร<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. zero7

    zero7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +310
    พึ่งกลับจากพานักศึกษาไปทำบุญถวายเงินบูรณะที่วัดนี้ครับ
    ได้เจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ได้ให้พรกับทางคณะด้วย
    เห็นท่าน จขกท. มีจิตศรัทธาร่วมช่วย ก็อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    ยังไงแล้วผมจะคอยช่วยดันกระุทู้นี้ ให้ผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย
    ร่วมกันบูรณะ วัดนี้ต่อไป ผมไปเห็นมากับตา น้ำตาแทบจะไหล
    เพราะองค์พระท่านมีสภาพทรุดโทรมหลังจากน้ำท่วมอย่างหนักครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...