ขอถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการเจริญอาโลกกสิณ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย NICKAZ, 9 พฤศจิกายน 2009.

  1. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    อ่านจากเว็บหน้าหลักสูตรอภิญญาหก หน้าอภิญญาปฏิบัติ ตามนี้



    ท่านแนะนำไว้ว่า

    "สำหรับผู้ที่ฝึกหัดใหม่นั้นท่านให้เพ่งดูแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ ที่ส่องลงมาตามช่องฝาเป็นแสงกลม ลืมตามองดูแล้วตั้งใจจดจำไว้ว่า แสงที่ส่องลงานั้นเป็นอย่างไร มีรูปคือลักษณะช่องกลมอย่างไร แล้วบริกรรมว่า โอภาโส ๆ หรือจะภาวนาว่า อาโลโก ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จนกว่าภาพนั้นจะติดตา คือ ภาวนาไปด้วย นึกถึงภาพนั้นไปด้วย "

    มีข้อสงสัยดังนี้ครับ

    1.ที่บ้านมีแต่แสงอาทิตย์ส่องผ่านทางหน้าต่างลงมาที่พื้น ไม่ได้เป็นรูปแสงกลม อย่างนี้จะใช้ได้หรือไม่ครับ

    2.การเพ่งมองภาพแสงสว่างแล้วจดจำว่าเป็นอย่างไร นี่ทำอย่างไรครับ ต้องจดจำสภาพของแสงสว่างแล้วหลับตา คิดถึงภาพของแสงสว่างให้ปรากฎในความคิดใช่หรือไม่ เคยลองดูแล้วนึกถึงภาพของแสงสว่างในความคิดไม่ได้ ต้องลืมตาขึ้นมามองภาพอยู่หลายครั้ง ครั้นจำได้ หลับตาลง ภาพก็เลือนไปอีก เลยยังคิดภาพแสงสว่างให้ปรากฎในความคิดไม่ได้เสียที หลับตาลงเจอแต่ความมืด ไม่ทราบว่าที่ผมลองทำอย่างนี้ ถูกต้องหรือผิดพลาดประการใด ขอคำแนะนำด้วยครับ

    3.การคิดถึงภาพของลำแสง แล้วภาวนา "โอภาโส" นี่ ต้องภาวนาอย่างไรครับ ยกตัวอย่างการจับลมหายใจ ที่ภาวนาพุทโธ เราใช้หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ แล้วในกรณีอย่างนี้ เราจะต้องกำหนดลมหายใจอย่างไร หรือว่าให้ภาวนา โอภาโส ไปเรื่อยๆ เลย โดยไม่ต้องสนใจเรื่องลมหายใจครับ

    4.คำว่าภาพนิมิตนี่ หมายถึงการคิดคำนึงถึงแสงสว่างจนปรากฎให้เห็นในความคิดใช่ไหมครับ แล้วมีวิธีการนึกคิดให้ภาพของแสงสว่างปรากฎให้เห็นในความคิดได้อย่างไร ผมค่อนข้างมีปัญหามาก เพราะเพ่งมอง จดจำภาพแสงสว่างแล้ว พอหลับตาลง คิดถึงภาพแสงสว่าง ภาพก็เลือนหายไปทุกที เห็นแต่ความมืด ขอคำแนะนำด้วยครับ

    ขอคำแนะนำสำหรับมือใหมด้วยครับ ขอขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 พฤศจิกายน 2009
  2. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817



    ข้าพเจ้าต้องขออภัย ต่อทีมงาน ที่จะโปรดผู้ถามที่ถามมา ว่า....
    สิ่งที่มีอยู่ฯ สิ่งที่ท่านได้อ่าน ไม่ถูกต้อง
    เพราะ อภิญญา ๖ นั้น เป็นเพียง ชื่อ หรือผลแห่งการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ให้ไปส่องดูแสงนั่นแสงนี้ วิธีนั้น มันวิธีของคนบ้าขอรับ
    ขออภัยอีกครั้ง ไหนก็ไหนๆ แล้ว บอกซะเลยว่า
    อภิญญา ไม่ใช่จะมีได้ง่ายๆ ต้องใช้เวลาฝึก ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ
    หัดใช้สมองคิดกันซะบ้าง แค่ไปนั่งดูแสงอะไรต่อมิอะไร นั่งดูน้ำ ดูดิน ดูลม อ้าวลมดูไม่ได้ซิ มันจะมีอภิญญาได้หรือ ขอรับ อย่าหลงผิดกันต่อไปอีกเลยขอรับ
     
  3. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740

    ใจเย็นๆ พิจรณาให้ดี หากท่านยังทำไม่ได้ จงอย่ากล่าวในสิ่งที่ไม่รู้

    มันจะเป็นโทษแก่ตัวท่านเอง

    ครูบาอาจารย์ท่านสอนมาแบบนี้ ถ้าท่านจะถามว่าใคร

    ผมจะบอกว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่าสอนมา

    แล้วท่านเก่งกว่ารึ?

    ถ้าท่านเก่งกว่า แล้วใยท่านยังจะมานั่งอยู่ที่นี้
     
  4. อารมณ์สุนทรีย์

    อารมณ์สุนทรีย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    522
    ค่าพลัง:
    +1,740
    "สำหรับผู้ที่ฝึกหัดใหม่นั้นท่านให้เพ่งดูแสงจันทร์และแสงอาทิตย์ ที่ส่องลงมาตามช่องฝาเป็นแสงกลม ลืมตามองดูแล้วตั้งใจจดจำไว้ว่า แสงที่ส่องลงานั้นเป็นอย่างไร มีรูปคือลักษณะช่องกลมอย่างไร แล้วบริกรรมว่า โอภาโส ๆ หรือจะภาวนาว่า อาโลโก ๆ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ จนกว่าภาพนั้นจะติดตา คือ ภาวนาไปด้วย นึกถึงภาพนั้นไปด้วย "

    ที่ท่านอ่านเป็นวิธีปฎิบัติในสมัยก่อน คือผู้ที่ยังไม่ได้กสิณมาแต่กาลก่อน ท่านให้เพ่งแสงจันทร์ คือ อาโลกสิณ (แสงสว่าง) แสงอาทิตย์ คือ เตโชกสิณ (ไฟ)
    และคำบริกรรมคือ วิตก เพื่อที่ให้จิตไม่ฟุ้ง จนติดตา

    แต่เมื่อท่านเดินทางมาถึงในวัฏสงสารขนาดนี้แล้ว อุปกรณ์แทบจะไม่มีความจำเป็นเลย แต่ก็มิไม่ห้าม

    ถ้าท่านมุ่งในอาโลกสิณ ทุกจริต หรือทุกคนสามารถทำได้ เพราะเป็นกสิณกลางหรือเหมาะแก่ทุกจริต

    มีข้อสงสัยดังนี้ครับ

    1.ที่บ้านมีแต่แสงอาทิตย์ส่องผ่านทางหน้าต่างลงมาที่พื้น ไม่ได้เป็นรูปแสงกลม อย่างนี้จะใช้ได้หรือไม่ครับ

    ท่านจำอารมณ์แสงที่ลอดผ่านหน้าต่างได้ไหม? นั้นแหละ แล้วให้ท่านกำหนดลูกแก้วขึ้นมาในจิต ๑ ลูก ลูกแก้วแสงที่สว่าง ดังแสงที่ลอดจากหน้าต่างฉันใดฉันนั้น ท่านจงจำลูกแก้วนี้ให้ได้ ลืมแล้วก็กำหนดขึ้นมาใหม่ ทำทุกอิริยาบท ทุกเวลา ที่นึกขึ้นได้ ให้ได้มาก ไม่จำเป็นจะต้องนั่งสมาธิเป็นท่าเป็นท่าเสมอไป

    พอคล่องแล้ว กำหนดให้ขยายใหญ่ ให้เห็นในจิต ย่อเล็ก เคลือนไปตามใจเรา
    จนไปถึงแบ่งออกมาเป็น ๒ เป็น๓ลูก จนอิสระ เอาให้คล่อง จนถึงณาน ๔

    2.การเพ่งมองภาพแสงสว่างแล้วจดจำว่าเป็นอย่างไร นี่ทำอย่างไรครับ ต้องจดจำสภาพของแสงสว่างแล้วหลับตา คิดถึงภาพของแสงสว่างให้ปรากฎในความคิดใช่หรือไม่ เคยลองดูแล้วนึกถึงภาพของแสงสว่างในความคิดไม่ได้ ต้องลืมตาขึ้นมามองภาพอยู่หลายครั้ง ครั้นจำได้ หลับตาลง ภาพก็เลือนไปอีก เลยยังคิดภาพแสงสว่างให้ปรากฎในความคิดไม่ได้เสียที หลับตาลงเจอแต่ความมืด ไม่ทราบว่าที่ผมลองทำอย่างนี้ ถูกต้องหรือผิดพลาดประการใด ขอคำแนะนำด้วยครับ

    ให้เห็นในจิตครับ ค่อยๆ ลืมก็นึกขึ้นมาใหม่ เรื่อยๆ วิริยะ

    3.การคิดถึงภาพของลำแสง แล้วภาวนา "โอภาโส" นี่ ต้องภาวนาอย่างไรครับ ยกตัวอย่างการจับลมหายใจ ที่ภาวนาพุทโธ เราใช้หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ แล้วในกรณีอย่างนี้ เราจะต้องกำหนดลมหายใจอย่างไร หรือว่าให้ภาวนา โอภาโส ไปเรื่อยๆ เลย โดยไม่ต้องสนใจเรื่องลมหายใจครับ

    อาโลกสิณัง อาโลกสิน อาโลโก คำภาวนา เป็นแค่ทางผ่าน เลือกตามชอบ ตามถนัดเถอะ ภาวนะเช่นไรก็ได้ ให้จิตไม่ฟุ้ง ถือว่าดี จะภาวนาไปเรื่อยๆ ไม่ต้องตามลมหายใจก็ได้ เดียวมันจะยุ่งไปซะหมด ค่อยๆไป

    4.คำว่าภาพนิมิตนี่ หมายถึงการคิดคำนึงถึงแสงสว่างจนปรากฎให้เห็นในความคิดใช่ไหมครับ แล้วมีวิธีการนึกคิดให้ภาพของแสงสว่างปรากฎให้เห็นในความคิดได้อย่างไร ผมค่อนข้างมีปัญหามาก เพราะเพ่งมอง จดจำภาพแสงสว่างแล้ว พอหลับตาลง คิดถึงภาพแสงสว่าง ภาพก็เลือนหายไปทุกที เห็นแต่ความมืด ขอคำแนะนำด้วยครับ

    ภาพเลือนหายไป แต่อย่าให้หายไปจากจิต ตอนแรกท่านเพ่งให้จำได้แล้วนึกขึ้นเมื่อไร ก็ต้องนึกได้ อย่าให้เสียเวลาแม้แต่ ๑ วินาที เดียวท่านคล่องคำว่านึกก็ไม่ต้องแล้ว มันจะเป็นการน้อมจิตเลย ภาวะจิตก็เป็นทิพย์ ต้องการรู้เห็นอะไรก็ ใช้ได้ จนไปถึงอภิญญา




    แนะนำตามความโง่ของผม โปรดอย่าเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์แล้ว

    ถ้ามีอะไรสงสัย รับตอบข้อสงสัยในการเจริญพระกรรมฐาน ทิ้งคำถามไว้นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2009

แชร์หน้านี้

Loading...