77.โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดสังกระต่าย

๗๗


โบสถ์ปรกโพธิ์ วัดสังกระต่าย


​

เป็นเรื่องที่ต่อจากกระทู้ที่แล้ว พระพุทธฉาย – พระพุทธบาท สระบุรี ซึ่งกระทู้นี้เป็นช่วงขากลับจากการไปทำบุญไหว้พระที่วัดพระพุทธฉาย กับวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี ช่วงขากลับนี้ไม่ได้ขับรถย้อนกลับทางเดิม แต่ขับรถวิ่งเข้าสู่จังหวัดอ่างทอง เพื่อไปดูและไหว้พระที่วัดที่มีโบสถ์ปรกโพธิ์ ก่อนนั้นรู้จักแต่โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่วัดบางกุ้ง สมุทรสงคราม ก็ไปมาหลายเที่ยวแล้ว จนครั้งล่าสุดเกิดความไม่อยากไปอีก เพราะเขาติดป้ายห้ามถ่ายรูปแบบแฟชั่นโชว์ ติดป้ายตามมุมและกรอบหน้าต่างโบสถ์ตรงจุดที่เป็นจุดถ่ายรูปมหาชน คือตรงจุดนั้นจะเป็นมุมที่ถ่ายรูปได้สวยที่สุด ก็ถ่ายไม่ได้เสียแล้วเพราะถูกป้ายบัง... แล้วยิ่งกว่านั้น คนที่มาไหว้พระทำบุญที่วัดบางกุ้งนี้ หลายๆ คนก็อยากจะถ่ายรูปกับหลวงพ่อนิลมณี ตอนที่กำลังเดินขึ้นไปปิดทองหลวงพ่อ ก็ถ่ายไม่ได้ถูก จนท.ที่แต่งชุดกากีสีเข้มตะเบ็งเสียงเอ็ดลั่นโบสถ์ทำให้อับอาย (ก็โดนมากับตัวเองหล่ะนะ ซึ่งป้ายก็บอกไว้ว่าห้ามถ่ายรูปเป็นนางแบบ นายแบบ บนขั้นบันไดและขอบหน้าต่างฝ่าฝืนมีโทษปรับ...ใครปรับก็ไม่รู้ ออกกฎโดยใครก็ไม่บอก) ยืนเถียงกับ จนท.ถึงขนาดให้ลบภาพจากกล้อง ทำน่าเกลียดเกินไปนะ แล้วมาบอกว่าเป็นคนไทยอ่านป้ายไม่ออกหรือไง ก็ไม่ได้ถ่ายรูปในลักษณะนายแบบ นางแบบนี่ แล้วก็เถียงไปว่าแล้วไปติดป้ายไว้บังตรงจุดถ่ายรูปมุมมหาชนทำไม แต่ป้ายประชาสัมพันธ์ขนาดใหญ่กลับโชว์จุดนี้เป็นจุดถ่ายรูป พอ จนท.เริ่มเถียงไม่ขึ้นก็หันเหไปทางอื่น ถ้าอย่างนั้น อย่าไปทำเป็น unseen เลย เพราะที่ถ่ายรูปก็ไม่ได้ทำความเสียหายกับสถานที่เสียหน่อย ถ้าไปปีนหน้าต่าง ปีนโน่นปีนนี่ที่ทำให้เกิดความเสียหาย อย่างนี้สิควรจะห้ามปราม....หลังจากนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย ไม่รู้ปรับปรุงป้ายหรือยัง... บ่นยาวไปหน่อย แต่มันทำให้เกิดความรู้สึกไม่น่าไปเที่ยวอีก และเห็นบางเว็ปก็บ่นถึงเรื่องนี้กันแล้ว...

 

เข้าเรื่องดีกว่า โบสถ์วัดสังกระต่ายนี้มีลักษณะเป็นแบบปกโพธิ์เหมือนวัดบางกุ้ง ที่นี่ถ่ายรูปได้สบาย คนไม่เยอะเหมือนบางกุ้ง ไม่มีคนมาเอ็ดตะโรห้ามโน่นห้ามนี่ มีแต่ชาวบ้านมานั่งเล่นอยู่แถวๆ นั้นและขายผัก ขายของเล็กๆ น้อยๆ และมีอัธยาศัยและเป็นมิตร พูดจาเป็นกันเองแถมแนะนำวัดดีๆ ให้อีกหลายแห่ง...

​

 

วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ที่ หมู่ ๔ ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

บริเวณวัดสังกระต่ายก่อนที่จะได้รับการบูรณะ มีสภาพเป็นป่ารกร้างชุกชุมไปด้วยกระต่าย งูเหลือม และงูอื่นๆ

​

 

​

เดิมวัดทีชื่อว่าวัดสามกระต่าย เป็นชื่อที่กรมศาสนาลงชื่อไว้ในสมัยโบราณ ต่อมาชื่อเรียกกันต่อๆ จนเพี้ยนเป็น สังกระต่าย โบสถ์เก่าแก่แห่งนี้มีอายุกว่า ๔๐๐ – ๕๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยนั้นมีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่โดยมีสภาพเป็นวัดบริเวณด้านซ้ายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถมดินกลบไปแล้ว ส่วนบริเวณข้างโบสถ์มีกุฏิสร้างเรียงรายอยู่หลายหลัง ต่อมาพระภิกษุสงฆ์เกิดทะเลาะวิวาทกันและทะเลาะกันเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อกันว่าสาเหตุน่าจะมาจากเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงมาก จึงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไปคนละที่คนละทาง จนในที่สุดชาวบ้านก็เสื่อมศรัทธาไม่เข้ามาทำบุญ พระสงฆ์ไม่มีจำวัดกลายเป็นวัดร้าง หลังเป็นวัดร้างนานนับ ๑๐๐ ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มี การสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่า วัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่ วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จำวัด ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นโพธิ์มีรากของต้นโพธิ์ ๔ ต้น ช่วยกันโอบล้อมตัวโบสถ์ไว้ไม่ให้พังลงมาอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

 

​

พระพุทธรูปทุกองค์ใบโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่มีการบูรณะโดยชาวบ้านในละแวกนั้น โดยช่วยกันระดมทุนและร่วมกันปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ

 

หลวงพ่อแก่น
​

ตัวโบสถ์แบ่งออกเป็น ๓ ห้อง มีทางเข้าอยู่ด้านข้าง ห้องแรกเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อแก่น... เมื่อก่อนหลวงพ่อแก่นไม่ได้อยู่ที่วัดสังกระต่าย แต่มีโจรได้ไปขโมยเศียรพระมาจากวัดแห่งอื่นในวิเศษชัยชาญจังหวัดอ่างทอง แล้วคงขนไม่ไหว จึงทิ้งไว้ในพงหญ้าบริเวณวัดสังกระต่าย ชาวบ้านไปพบเข้าจึงนำมาไว้ในโบสถ์ ต่อมาได้มีการนำเศียรพระมาบูรณะแล้วปั้นขึ้นเป็นองค์พระหลวงพ่อแก่น

 

หลวงพ่อศรี หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อสุข
​

ห้องกลางของโบสถ์ มีพระพุทธรูปอยู่ ๓ องค์ คือ หลวงพ่อศรี หลวงพ่อวันดี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่ก่อนมีสภาพโดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนมีการบูรณะซ่อมแซมให้สมบูรณ์โดยต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ

 

หลวงพ่อศรี หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อสุข
​

 

ห้องที่ ๓ เป็นห้องโล่งๆ ​

 

​

 

​

ปัจจุบันชาวบ้านมีความเลื่อมใสศรัทธาถึงแม้จะเป็นวัดร้าง บ้านไหนมีงานบุญงานมงคลจะมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้ ถ้ามีงานบวชก็จะแห่นาคมาเวียนรอบ โบสถ์ร้างแห่งนี้ ๓ รอบ ๙ รอบบ้าง ก่อนที่จะแห่นาคไปยังวัดที่จะอุปสมบทอีกที

 

​

เดินดูรอบๆ โบสถ์ ก็ไปพบกับศาลไม้ ที่เยื้องถัดจากห้องที่ ๓ ของโบสถ์ เข้าไปดูใกล้ๆ เป็นศาลของแม่นางไม้ จำได้ว่าถ่ายรูปมานะแต่ตอนนี้หารูปไม่เจอเสียแล้ว...

 

​

เมื่อเดินดู ไหว้พระ และทำบุญร่วมบูรณะโบสถ์แล้ว ก็เดินมาหยุดคุยกับชาวบ้านที่คอยดูแลสถานที่และที่นำผักมาขาย ถามว่าวันนี้มีคนมาไหว้เยอะไหม ก็มีมาเรื่อยๆ บางวันก็เยอะ....ได้ช่วยอุดหนุนผักมากหลายอย่าง เห็นว่าปลูกเองแล้วเด็ดมาขายเป็นรายได้เสริม ผักกำเบ่อเร่อขายถูกกว่าตามตลาดทั่วไป

ได้เวลาพอสมควรแล้ว พวกเราก็ขับรถออกจากจังหวัดอ่างทองมุ่งหน้ากลับบ้าน...

 

......................................................


สุดท้ายจากการที่ได้ไปทำบุญไหว้พระที่วัดสังกระต่าย ในครั้งนี้
กุศลที่ข้าพเจ้าได้กระทำ
ข้าพเจ้าขออุทิศถวายแด่ คุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์
คุณบิดาคุณมารดา วงศาคณาญาติทั้งหลาย คุณครูบาอาจารย์
ถวายเป็นส่วนในพระราชกุศลพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช
สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ โสภางคทัศนิยลักษณ์ อรรควรราชกุมารี
สมเด็จเจ้าฟ้าในพระภรรค์

สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนี พระพันปีหลวง
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัชดา
พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์
พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตน์นารีนาค กรมขุนอัครวรราชกัญญา
พระราชชายาเจ้าดารารัศมี
เจ้านายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
เจ้าคุณพระประยูรวงศ์(เจ้าคุณจอมมารดาแพ)
เจ้าจอมมารดาและเจ้าจอมทุกท่าน

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพระพุทธรูป พระอารามและบูรณปฏิสังขรณ์
เทพยดาทั้งหลาย พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ ท่านท้าวจตุโลกบาล
ท่านท้าวเวสสุวรรณ เจ้ากรุงพาลี ภูมิเจ้าที่ทั้งหลาย
พระธรณี พระคงคา พระพาย พระเพลิง พระโพสพ
พระพิรุณ พระยายมราช นายนิรบาล
พระสยามเทวาธิราช
หลักเมือง เสื้อเมือง ทรงเมือง
ตั้งแต่ชั้นจตุมหาราชิกาจนถึงเบื้อบนที่สุดมหาพรหมมา
เบื้องล่างตั้งแต่อเวจีขึ้นมาจนถึงมนุษยโลก
โดยรอบสุดขอบจักรวาล อนันตจักรวาล
เทวดารักษาตัวของข้าพเจ้า
บริวารของข้าพเจ้า
เจ้ากรรมนายเวร
สัตว์โลก วิญญาณโลก และวิญญาณทุกดวงในสถานที่ที่ข้าพเจ้าได้ไปเยือน

ด้วยกุศลนี้ คำว่าไม่มี จงไม่บังเกิดแก่ข้าพเจ้า
จงเป็นเหตุปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้พบพระพุทธเจ้า
ศาสนาและคำสอนของพระองค์ในทุกๆ ชาติ
ได้สดับรับฟังคำสั่งสอนของพระองค์ทุกภพทุกชาติ
ได้อยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตร
ให้ข้าพเจ้าได้ละอายและเกรงกลัวต่อบาป
หมดซึ่งกิเลสและตัณหา
จนถึงพระนิพพานเป็นที่สุด


........................................​

 

ที่มาของข้อมูล

วัดสังกระต่าย จ.อ่างทอง - Pantip
วัดสังกระต่าย อ่างทอง โบสถ์ต้นโพธิ์


เรียบเรียงเรื่องราวโดย สร้อยฟ้ามาลา

ภาพโดย สร้อยฟ้ามาลา

....................................................

 

......
...หวัดดีครับ..หลานสร้อยฟ้า....
.........................
....ถ่ายรูป..มาได้ยอดเยี่ยมมาก....
...ผมขอเสนอความเห็นเรื่อง..อาคารที่อยู่ในรูปนี้หน่อยนะครับ...
....พอดีกับ..ว่าผมเองเป็นคนที่ชอบและรักในเรื่องประวัติศาสตร์..มาตั้งแต่เด็ก..
...ศึกษาและ..ค้นคว้าเอง..มานาน..โดยเฉพาะศิลป..และง.อาคารทางประวัติศาสตร์
....ความเห็นที่ผมจะ..เขียนต่อไปนี้..เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ..
......ขออภัยด้วย..ถ้าเป็นการรบกวน...
......................................
....คือ..อาคารที่เห็นจริงๆ..ในภาพนี้...ตามหลักการ..ทางพุทธศาสนาของไทย..ตั้งแต่สุโขทัย..เป็นต้นมา..วัดในพุทธศาสนา..แบบหินยานนั้น...
...มีหลักการ..รูปแบบ..มั่นคง..มาตลอด..(ไม่นับ..ยุคเสื่อมหลังยี่สิบห้าพุทธศตวรรษ..นะครับ)....
...โบสถ์..มีรูปแบบ..หน้าที่..และ..คำจำกัดความอย่างชัดเจน..ก็คือ..
.........เป็น..ที่ๆประกอบ..สังฆกรรม..(กิจกรรมทางศาสนาของพระสงฆ์)..
.....จะเป็น..ที่โล่ง..ประกอบด้วย..ที่ๆพระสงฆ์...จะทำ..สังฆกรรม...
.....และ..เบื้องหน้า..พระสงฆ์..จะเป็นที่ๆตั้ง..ของ..พระประธาน..ที่เป็น
ตัวแทน..ของพระพุทธเจ้า..ที่ถือ..เป็น..ประธานแห่ง..สังฆกรรมนั้นๆ..
......ส่วนขอบเขตของโบสถ์..ถูกกำหนดโดย..สีมา..หรือ..เสมา...
.....ซึ่ง..วางเป็นที่หมาย..โดยมี..เสมาประธาน..ที่หน้าโบสถ์...
..(ขอบเขตพุทธาวาส..ซึ่งมี..เขตสังฆกรรมอยู่ภายใน....ซึ่ง..บางที่..
...เขตสังฆกรรม..ก็..ขยายไปเสมอ..เขตพุทธาวาส..เช่น....
...โบสถ์วัดชนะสงคราม..เสมา..จะอยู่ที่..ผนังโบสถ์.....
.....คำว่า.."เขตพุทธสีมา"...ก็หมายถึง..เขตพุทธาวาส..นั่นเอง..)
......ก่อนการสร้างโบสถ์..เมื่อกำหนดแนวเสมาแล้ว..พระสงฆ์ผู้ทรงวิชา..
......๔ รูป..จะโยงสายสิญจน์ในแนวเขตนั้นๆ..แล้วกระทำพิธี..ที่เรียกว่า..
......."พิธีสวดถอนคุณไสย"...เนื่องจาก..บริเวณที่สร้างโบสถ์ต้องเป็น
......พื้นที่ๆ..บริสุทธิ์ไร้มลทิน...การสวดถอนนี้..จะถอนคุณไสย..อาถรรพ์
.........สิ่งที่ีมีพลังอื่นใด..ทั้งหมดออก..ตั้งแต่ผิวดิน..ลงไปจนถึง..แกนโลก......
..........คาถาที่สวด..จะเป็นคาถาเฉพาะ..ซึ่ง..พระสงฆ์แต่ละองค์ที่ทำพิธี..
.........จะต้องได้รับการถ่ายทอดและ..ครอบมาโดยตรง..ซึ่งจะนำพระสงฆ์..ที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว..มาร่วมพิธี..มิได้เป็นอันขาด.....
.........การสร้างอาคาร..ภายในเขตสังฆกรรม..นั้นก็เพื่อ..ความสะดวก..
....และ..ป้องกัน..ส่วนที่เป็นพระสงฆ์กระทำสังฆกรรม..และ..พระประธาน..จาก..ฟ้าฝน..ลมพายุ............โดยจริงๆแล้ว..ไม่ต้องมีอาคาร..เราก็เรียกว่า.."โบสถ์"..
....ได้แล้ว....
........................
........ดังนั้น..อาคารที่เป็น..โบสถ์..จึงเป็นที่โล่ง..ตลอด..เท่านั้น...
...........พูดง่ายๆ..ก็คือ..มี..ห้องเดียวครับ..แน่นอน..ไม่เปลี่ยนแปลง..
..............ไม่มีใต้ถุน..หรือ..ห้องอะไรอยู่ด้านล่างแบบปัจจุบัน......
.........โดยเฉพาะที่นี่..ซึ่งเป็นอาคารที่สร้างสมัยอยุธยา..ศาสนายังเคร่งครัด..ในรูปแบบ....
.......................
.........ดังนั้น..ความเห็นของผม..อาคารที่ว่านี้คือ.."วิหาร"..ครับ...
...........ไม่ใช่..โบสถ์..แบบที่ชาวบ้านเรียกกัน...
...........เพราะมี..การแบ่งห้อง..เพื่อ..วัตถุประสงค์..ต่างออกไป..
............วิหาร..นั้น..ก็คือ..อาคารสถานที่ๆ..นิยมใช้ในรูปแบบ..ที่
..........เป็นที่..ประดิษฐ์สถาน..พระพุทธรูป..อื่นๆ..หรือ..รูปตัวแทนพระสงฆ์...
.............เพื่อไว้ให้..อุบาสก..อุบาสิกา..ไว้กราบไหว้..นอกเหนือ..จาก
......พระประธานในโบสถ์.........
..........ไม่ใช่..ที่สังฆกรรม..เป็น..ที่ฆาราวาสกรรม.....
...........ดังนั้น..วิหาร..จะมีรูปแบบใด..ก็ได้..โดยฆาราวาส..เป็นผู้กำหนด
............แต่..มีสิ่งหนึ่งไม่ได้..ก็คือ..เสมา....
...........เพราะ..เสมา..เป็นของที่คู่กับ..โบสถ์...
.......................
..........ผมดูจากภาพแล้วว่า...สังเกตจาก..ขนาดอิฐ..การเรียงอิฐ..
.........ลักษณะปูนฉาบ..แสดงว่า...เป็นอาคารที่..ทำเป็นสามห้อง..มาตั้งแต่...ดั้งเดิม....
....ไม่ได้มาต่อเติมในภายหลังแต่อย่างใด.....
.........ดังนั้น..อาคารนี้..จึงเป็น..วิหาร..ครับ..ไม่ใช่โบสถ์....
.......เนื่องจากร้างมานาน..ตัวโบสถ์เดิมก็คง..ทลายไปแล้ว..
..........แต่โชคดีที่วิหารนี่มีต้นโพธิ์มาขึ้น..ซึ่งธรรมดาชาวบ้านนั้น..
.........กลัว..และ..เคารพต้นโพธิ์อยูแล้ว..อาคารนี้..ก็เลยยืนหยัดมา..
.........โดยไม่ถูกรื้อ...
......................................
....ก็คงแค่นี้ละครับ....ขออภัยด้วย..ถ้าความเห็นไม่เป็นที่พอใจนะครับ..

 

ขอบคุณคุณลุงในการให้คำเสนอแนะและวิเคราะห์อ่ะจ่ะ....
.............

จริงๆ แล้ว ก็สงสัยเหมือนกันว่า ลักษณะของโบสถ์ทำไมถึงมีตั้ง ๓ ห้อง
ซึ่งไม่เคยพบเห็นที่ไหนที่เป็นแบบนี้เลย
แล้วก็ไม่เห็นถึงร่องรอยของใบเสมาที่เป็นเครื่องหมายกำหนดเขตพุทธาวาส
ถ้าจะว่า ว่าหาย ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะตัวอาคารนี้ก็ร้อยกว่าปี ถือว่าไม่นาน
ใบเสมาก็ไม่น่าจะสูญหายง่ายๆ อย่างน้อยๆ ฐานเสมาก็ต้องยังอยู่

ก็คิดเห็นเหมือนกับคุณลุงอ่ะจ่ะว่าน่าจะเป็นพระวิหารมากกว่า

แต่ด้วยข้อมูลที่ได้มา มาจากข้อมูลท้องถิ่น จึงไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อมูลนั้นๆ อ่ะจ่ะ
....

 

สาธุ

 

เพิ่งมาได้อ่านเรื่องวัดสังกระต่ายนี้ ถ้าทราบมาก่อนหน้านี้คงได้ไปไหว้พระและเยี่ยมชม
แล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ ในวันหน้าถ้าไม่ลืมก็อยากจะไปดูให้เห็นกับตา โบสถ์ปรกโพธิ์ที่วัดบางกุ้งก็ยังไม่ได้ไป ได้ไปไหว้พระองค์ใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่ วัดม่วง อ. วิเศษชัยชาญมาแล้ว หลวงพ่อใหญ่องค์นี้ คือ หลวงพ่อ.. ทันใจ สำหรับดิฉัน อย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะค่ะ ขอขอบคุณมากค่ะที่ได้โพสต์เล่าเรื่องของวัดสังกระต่ายและวัดอื่นๆที่ได้ไปเที่ยวมา

 

สาธุจ้า
เชื่อว่า วัดในประเทศไทย ที่มีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรม ยังมีอีกมากหลายแห่งที่ยังไม่ได้เผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้ได้เห็น....