76.ไหว้พระพุทธฉาย – พระพุทธบาท สระบุรี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 20 มีนาคม 2015.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๗๖

    ไหว้พระพุทธฉาย – พระพุทธบาท สระบุรี


    ได้ข่าวว่าระหว่างวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ – ๙ มีนาคม ๒๕๕๘ ที่วัดเขาวงพระจันทร์มีงานประจำปีขึ้นไปกราบรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาซึ่งต้องขึ้นบันได้จำนวน ๓,๗๙๐ ขั้น ก็ได้รับการชักชวนไปไหว้ พอประเมินสังขารแล้วช่วงนี้หอบหืดขึ้นบ่อย จึงขอเปลี่ยนโปรแกรมไปไหว้รอยพระพุทธบาทที่อื่นแทนที่จังหวัดใกล้ๆ กัน เอาไว้ปีหน้าหรือเวลาที่สังขารน่าจะอำนวยค่อนขึ้น จึงเบนเข็มไปที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารแต่จะไปแค่ที่เดียวก็กะไรอยู่ หาวัดใกล้ๆ แถวๆ นั้นอีกสักแห่งกับแวะวัดตอนขากลับบ้านอีกสักแห่ง...


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2023
  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    เวลาแปดโมงกว่าๆ พวกเราก็ออกเดินทาง(ทีแรกกะว่าจะออกก่อนหกโมงเช้า แต่ขี้เกียจตื่น) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี กะเกณฑ์ว่าน่าจะถึงวัดพระพุทธบาทก่อนเที่ยง แต่ก่อนที่จะถึงนั้นพวกเราแวะทำบุญไหว้พระกันที่วัดพระพุทธฉาย ที่วัดนี้สร้อยฟ้ามาลายังไม่เคยมา เคยแต่ขับรถผ่านเห็นป้ายข้างทางชี้ไปวัด.... ขับรถมาถึงวัดประมาณ ๑๐ โมงกว่าๆ จอดรถได้ก็เจอลิงก่อนเลย จะโดนรื้อรถเหมือนตอนที่ไปพระปรางค์สามยอดไหมนะ พวกขอบคิ้วกันสาดกันแมลงข้างกระจกโดนแงะหมด ชักหวั่นๆ แล้วสิ...


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2873_1a.JPG
      IMG_2873_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      962.6 KB
      เปิดดู:
      2,745
  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    วัดพระพุทธฉายมีที่ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองปลาไหล อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี เป็นวัดหนึ่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และทางพุทธศาสนา คำว่า “พระพุทธฉาย” หมายถึง “รูปเงาของพระพุทธเจ้า”



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    บันไดทางขึ้นไปยังพระพุทธฉาย


    ความเป็นมาของพระพุทธฉายแห่งนี้ จากประวัติค้นพบพระพุทธฉายสันนิษฐานว่า ได้ค้นพบในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม(พ.ศ.๒๑๖๓ – ๒๑๗๑) ด้วยในครั้งนั้นมีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งออกไปถึงลังกาทวีปเพื่อบูชารอยพระพุทธบาทที่เขาสุมณกูฏ ถูกพระสงฆ์ลังกาถามว่า“รอยพระพุทธบาทที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น เขาสุวรรณบรรพตก็อยู่ในประเทศไทย คนไทยไม่ไปบูชารอยพระพุทธบาทที่นั่นดอกหรือ จึงต้องออกมาบูชาถึงลังกาทวีป” พระภิกษุสงฆ์จำนวนนั้นกลับมานำความขึ้นบังคมทูลพระเจ้าทรงธรรม พระองค์จึงโปรดให้มีตราสั่งไปยังหัวเมืองต่างๆ ให้เที่ยวตรวจค้นดูตามภูเขาว่าจะมีรอย พระพุทธบาทอยู่ ณ ที่แห่งใด จนมาพบพระพุทธฉาย ณ ภูเขาลม แห่งนี้ (ตามตำนานการพบรอยพระพุทธบาท เดี๋ยวจะพูดถึงอีกที)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2879_aa.jpg
      IMG_2879_aa.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      2,950
  5. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    ขึ้นบันได ๗๒ ขั้น เดินขึ้นแบบสบายๆ


    ตำนานของพระพุทธฉาย มีเรื่องเล่าชาดกในสมัยพุทธกาลว่า

    ครั้งหนึ่งเมื่อพระพุทธองค์จะเสด็จออกจากพระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ไปจำพรรษา ณ พระวิหารบุพพาราม กรุงสาวัตถี ซึ่งพระนางวิสาขามหาอุปาสิกาสร้างอุทิศถวาย ยังมีพราหมณ์องค์หนึ่งชื่อ "ปีณโฑล" ได้สดับพระธรรมเทศนาแล้วเกิดความศรัทธาเลื่อมใสทูลขอบรรพชาในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ทรงประทานพุทธานุญาต ให้ตามความประสงค์และมอบให้พระมหาโมคคัลลานะ ก็ตั้งใจฝึกสอนอบรมอย่างเต็มความสามารถตลอดมา แล้วพระพุทธองค์ก็เสด็จตามพระวิหารเวฬุวันปุพพารามต่อไป

    ฝ่ายพระมหาโมคคัลลานะได้รับสนองพระพุทธฎีกาเช่นนั้นแล้ว จึงยับยั้งอยู่พระวิหารเวฬุวันแขวงกรุงราชคฤห์ มิได้ตามเสด็จพระพุทธองค์ไปยังพระวิหารบุพพาราม ตั้งใจฝึกสอนอบรมพระภิกษุปีณโฑละ ตั้งแต่การเก็บ ปัด กวาดเสนาสนะ เครื่องใช้ ตลอดจนกุฏิวิหารอันเป็นการปฏิบัติระหว่างศิษย์กับอาจารย์และเพื่ออ่านนิสัยใจคอของพระภิกษุปีณโฑละว่าจะสมควรแก่การฝึกพระกัมมัฏฐานหรือไม่

    ครั้นแล้วก็แน่ใจว่าพระรูปนี้สมควรแก่การฝึกฌานเบื้องต้นได้ เมื่อสำเร็จแล้วก็บรรลุพระอรหันต์เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ในการนี้จำต้องพาภิกษุรูปนี้เที่ยวหาสถานวิเวกต่างๆ หลายแห่งเมื่อได้พาไปฝึกในที่ต่างๆ นานแล้ว ภิกษุรูปนี้ก็หาสำเร็จธรรมวิเศษนั้นไม่ ครั้งหนึ่งพระมหาโมคคัลลานะจะพาภิกษุปีณโฑละมายังสุวรรณภูมิประเทศ อันอยู่ทางทิศตะวันออกห่างชมพูทวีปมาก คิดดังนั้นแล้วพระมหาโมคคัลลานะจึงนิรมิตกายพระปีณโฑละให้เล็กลงเท่าผลมะขามส่วนท่านเองเข้าสู่จตุตฌาน สามารถเดินโดยอากาศเอาพระปีณโฑละขอดชายจีวรพาเหาะข้ามผ่านบ้านผ่านเมือง ผ่านแม่น้ำและภูเขาลูกหนึ่งเรียกว่า "ฆาฏกะบรรพต" (แปล ว่าเทือกเขาแห่งผู้ฆ่าเหนือเทือกเขานี้เป็นที่อยู่ของพรานล่าเนื้อ)

    เขาลูกนี้มีลักษณะแหลมสูง ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ออกไปมีน้ำตกไหลผ่านป่าเลี้ยงภูมิภาคให้ชุ่มชื่น สรรพพฤกษาดาวัลย์เขียวขจีอยู่ตลอดเวลา สถานที่นี้สมควรแก่การบำเพ็ญกัมมัฏฐานอย่างยิ่งจึงลงจากอากาศสู่พื้นดิน และเห็นหมู่บ้านของพรานและบริวารทางทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ของเขานี้ คิดว่าถ้าจะหยุดเจริญพระกัมมัฏฐานที่นั่นคงจะสะดวกสบาย แต่คิดว่าจะไม่ได้ประโยชน์ในการโปรดคนเหล่านี้ตกลงใจลงจากภูเขา คลายเวทนิรมิตกายพระปีณโฑละให้เป็นดั่งเดิม และพากันเดินไปสู่ลานบ้านของชาวบ้านฆาตะกะทันที ณ หมู่บ้านนี้มีหัวหน้าชื่อ "พรานฆาฏกะ" กำลังจัดแจงเก็บเนื้อที่ล่าได้มายังร้านพิงคันธนูไว้ที่ข้างร้าน และแขวนลูกไว้ที่หัวเต้า แล้วก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย เพราะเป็นเวลาเย็นแล้ว เมื่อเสร็จกิจจึงออกมานั่งเล่นอยู่หน้าบ้านพักผ่อนให้สบาย

    ฝ่ายพระมหาโมคคัลลานะกับพระปีณโฑละ ครั้งได้โอกาสก็พากันสู่บ้านพรานฆาฏกะ ทำทีประดุจคนหลงทาง มาหยุดยืนต่อหน้าพรานผู้นี้ พระมหาโมคคัลลานะกล่าวแก่พรานว่า "ดูก่อนท่านเจ้าของบ้าน เราหลงทางมาเวลาก็พลอยค่ำแล้ว จะเดินทางต่อไปก็กลัวอันตราย ถ้าท่านไม่รังเกียจก็ขออนุญาตอาตมภาพพักนอน ณ ที่นี้ สักหนึ่งราตรี "

    ฆาฏกะพรานป่าได้ฟัง รู้สึกประหลาดใจและนึกโกรธอยู่ในใจเพราะนิสัยใจคอไม่เคยได้รับการฝึกอบรมมาในทางเมตตากรุณาแต่อย่างใด เขาเกิดมาจากตระกูลพราน ได้รับแต่การฝึกให้มีใจเหี้ยมโหดประดุจสัตว์ป่า สิ่งที่แสดงว่าเป็นมนุษย์ในตัวเขาก็แค่ร่างกายเท่านั้น ไม่เคยรู้เรื่องของพระพุทธเจ้าแม้แต่น้อย เขาไม่รู้สึกเวทนาแต่ประการใดเลยมิหนำซ้ำเมื่อได้เห็นพระภิกษุทั้งสองที่ยืนอยู่เฉพาะหน้าของเขา ก็ไม่ทราบว่าเป็นมนุษย์หรืออะไรเพราะในถิ่นแคว้นฆาฏกะบรรพตไม่เคยมีบุคคลอื่นใดเข้ามายืนสง่าอยู่ได้ดั่งที่เขาเห็นอยู่เวลานั้น อย่าว่าแต่เข้ามาถึงหน้าบ้านนี้เลยแม้เพียงเขตประตูหน้าบ้านก็ยังหาเคยมีไม่ การเข้ามาโดยมิได้รับอนุญาตจากเราเช่นนี้เป็นการบังอาจยิ่ง จำเราจะฆ่าเสียด้วยธนูอันทรงฤทธิ์มหาศาลนี้เขาคิดในใจไปมาครั้นแล้วจึงมีวาจาไต่ถามออกไปว่า "ดูก่อนคนร้ายทั้งสองในบ้านของเราไม่เคยมีใครเข้ามาได้เพราะแม้แต่ที่หน้า ประตูบ้านก็มีคนเฝ้าอยู่หลายคน การเข้ามาเช่นนี้ได้รับอนุญาตจากใคร หรือเป็นภูตผีปีศาจอันใดจึงสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ถึงที่นี่ ความผิดของท่านไม่ควรแก่การจะยกโทษให้ มิหนำซ้ำยังจะมาขอที่นอนอีก ก็ลองถามคันธนูอันมีฤทธิ์เดชมหาศาลที่พิงร้านนั้นดูซิว่ามันจะยอมให้ท่านนอน หรือไม่"

    พระมหาโมคคัลลานะได้ยินพรานป่าตอบด้วยถ้อยคำอันดุร้ายเช่นนั้นก็นิ่งอยู่ในใจ พลางกล่าวแก่พรานว่า "ดูก่อนนายพราน เรานี้คือผู้สงบกาย วาจาใจ ไม่เป็นพิษภัยแก่ผู้อื่นแม้แต่ดวงจิต การที่เราล่วงเข้ามาถึงที่นี้ หาใช้เจตนาร้ายแก่ท่านไม่ เรามีแต่น้ำใจซื่อตรง มุ่งหวังจะช่วยชี้แจงแสดงให้ทุกคนรู้ทุกข์และสุขว่าเป็นเช่นไร ที่ท่านขอให้เราถามคันธนูของท่าน นับเป็นเมตตากรุณาแก่เราเป็นอย่างยิ่งแล้ว เราจะขอถามคันธนูของท่าน ณ บัดนี้" ว่าแล้วพระมหาโมคัลลานะหันหน้าไปทางคันธนูที่พิงอยู่ข้างร้าน แล้วกล่าวว่า "ข้าแต่คันธนูผู้ซื่อสัตย์ เมื่อท่านเป็นสมบัติของใคร ท่านก็รับใช้ในกิจการได้ทุกครั้ง นับเป็นผลอยู่ คราวนี้เราจะขอนอนพักที่นี่สักหนึ่งราตรี ขอท่านได้แสดงเมตตาอารีให้เห็น ท่านจะกลายเป็นแท่นไสยาสน์ มีเครื่องปูลาดและหลังคา พอที่อาตมา ทั้งสองจะจำวัดได้ จะได้หรือมิได้ฉันใด"

    ณ บัดนั้นก็เกิดมหัศจรรย์ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระมหาโมคคัลลานะคันธนูเกิดกลายเป็นพื้นเตียงไสยาสน์ใหญ่ปานดังปีกนก มียี่ภู่ปูลาดสะอาดตาน่าชื่นชมยิ่งนัก ฝ่ายนายพรานฆาฏกะได้เห็นประจักษ์แก่ตาตนเองเช่นนี้ ก็ได้แต่อ้าปากค้าง ไม่รู้จะพูดอย่างไร หมดหนทางที่จะกล่าวคำใดๆ เพียงแต่นึกอยู่ในใจว่าเห็นจะเป็นภูตผีปีศาจอันสำคัญเสียแล้ว จึงมีอภินิหารถึงเพียงนี้
    ทันใดความหวาดระแวงก็เกิดขึ้นแก่ฆาฏกะพราน เขาแลดูไปทางพระมหาโมคคัลลานะ แล้วก็แลมาทางคันธนูนั้น ฝ่ายพระมหาโมคคัลลานะ ก็พาพระปีณโฑละเจริญพระกัมมัฏฐานไปจนล่วงเวลาปัจฉิมยาม ก็บังเกิดอาการง่วงจึงกำหนดว่าจะหลับพักผ่อน โดยที่พักนอนมีจำกัดจึงเผลอพลัดตกลงมาจากเตียง พระมหาโมคคัลลานะเห็นเช่นนั้นก็กล่าวตักเตือนและชี้ให้เห็นว่าก่อนจะนอนต้องกำหนดสติทุกครั้งไป

    ฝ่ายนายพรานฆาฏกะและบริวาร พากันนอนไม่หลับสนิทเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พากันมาดู และเห็นพระปีณโฑละพลัดตกจากเตียงลงมาเช่นนั้นก็โกรธ ว่ากล่าวขึ้นทันที พร้อมกับขับไล่ให้ไปให้พ้นเพื่อเขาจะได้มีโอกาสใช้คันธนูของเขาต่อไปเป็นปกติพระมหาโมคคัลลานะก็กล่าวให้คันธนูคืนสภาพเดิมและตั้งพิงไว้แล้วกล่าวขอบคุณพรานฆาฏกะและอำลาจากที่นั่นไปตามเชิงเขาอันมีหมู่ไม้เขียวชอุ่ม การเจริญพระกัมมัฏฐานของพระปีณโฑละ ได้อาศัยยอดเขานี้เองเป็นที่พำนัก ซึ่งขณะปัจจุบันนี้ก็มีเนินประดู่เนินพระมหาโมคคัลลานะเนินพระปีณโฑละ ปรากฏอยู่และไม่นานนักก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ณ ยอดเขาฆาฏกะนี้เอง

    เมื่อ พระมหาโมคคัลลานะเห็นว่า พระปีณโฑละสำเร็จเป็นพระอรหันต์จึงรำลึกถึงฆาฏกะพรานและบริวารว่าสมควรที่จะได้รับการฝึกฝนให้เลื่อมใสในพุทธศาสนาได้ จึงพาพระปีณโฑละกลับไปโดยนภากาศเข้าเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ พระวิหารปุพพาราม กรุงสาวัตถี กราบทูลถึงภารกิจที่ได้พาพระภิกษุปีณโฑละไปฝึกฝนจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ และกราบทูลถึงพฤติการณ์ของพรานฆาฏกะที่ได้พบเห็นว่ามีอุปนิสัยควรที่พระพุทธองค์จะทรงพระกรุณาเสด็จไปโปรดฯ ให้ได้สำเร็จมรรคผล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสแก่พระมหาโมคคัลลานะว่า "ตถาคตเล็งเห็นอุปนิสัยของพรานฆาฏกะด้วยญาณแล้วแต่ต้องการจะให้พระมหาโมคคัลลานะได้ไปโปรดก่อนและวันพรุ่งนี้ตถาคตก็จะเสด็จไป ณ ฆาฏกะบรรพต เพื่อโปรดฆาฏกะพราน และบริวารต่อไป"

    ครั้นวันรุ่งขึ้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จมา ณ ฆาฏกะบรรพตโดยลำพัง แล้วเสด็จลงจากเวหาใกล้กับฆาฏกะบรรพตนั้น เพื่อจะทรงเสด็จโดยพุทธลีลาให้เห็นประจักษ์ ครั้นนั้นบรรดาสรรพสัตว์ต่างๆ ได้แลเห็นพระรัศมีมีโชติช่วงสว่างไสวทั่วไป ก็พากันยืนตะลึงงันอยู่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จโดยพุทธลีลามายังลานบ้านของฆาฏกะพราน เมื่อพรานฆาฏกะแลเห็นพระบรมศาสดาเช่นนั้นก็ให้นึกโกรธอยู่ในใจ รำพึงว่า เมื่อวานนี้มีคนสองคนมาแล้ว กลับไป วันนี้ยังจะมาอีกคนหนึ่ง ชะรอยคนเหล่านี้จะมีกลอุบายสักอย่างหนึ่ง ที่จะมาทำลายให้เราพินาศ จึงกล่าวขึ้นว่า "ดูก่อนท่านผู้เป็นคนร้าย เมื่อวานนี้ก็มีคนอย่างท่านมาขอพัก ทำให้เราเดือดร้อน จนต้องขับไล่ไป วันนี้ท่านกลับมาอีกเราจะไม่ยอมให้ท่านพักอีกเป็นอันขาด" สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงฟังเช่นนั้นก็ตรัสแก่พรานฆาฏกะว่า "ถ้าท่านไม่กรุณาให้อาตมาพัก ณ ที่ลานบ้านแล้วก็ขอได้กรุณาให้เราได้พัก ณ ที่เชิงเขาใกล้บ้านนี้จะได้หรือไม่" พรานเห็นว่า จะไม่เดือดร้อนก็ยินยอมให้พักได้
    เมื่อพรานฆาฏกะเปิดโอกาสให้เช่นนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเสด็จมายังเชิงเขา ประทับอยู่ทางด้านทิศบูรพา พระองค์ใคร่จะช่วยพรานให้รู้สึกตัวและเพลาความร้ายลงบ้าง จึงทรงบันดาลให้เกิดเมฆหมอกมืดครึ้มมีฝนตกลงมาตลอดสามวันสามคืน น้ำฝนไหลท่วมท้นบริเวณ และทรงบันดาลให้ภูเขาฆาฏกะเป็นเพิงมายืนเงื้อมงั้มออกมาบังน้ำฝนไว้มิให้ ต้องพระพุทธองค์ ประหนึ่งพังพานพระยานาค เมื่อฝนขาดเม็ดลงแล้วนายพรานกับบริวารก็พากันมาขับไล่พระพุทธองค์ เมื่อเห็นภูเขายื่นออกมาผิดสังเกตเช่นนั้นก็ประหลาดใจนัก ด้วยแต่ก่อนแต่ไรไม่เคยเห็นเป็นเช่นนั้น จึงพากันไปดู และเห็นพระพุทธองค์ประทับอยู่ปกติ จึงพากันหยั่งรู้ว่าคงเป็นเพราะอภินิหารของบุคคลที่มาขอพักนี้เป็นแน่ เพราะสองคืนก่อนก็มาบันดาลให้คันธนูกลายเป็นที่นอนไปครั้งหนึ่งแล้ว คนนี้ก็คงจะมีฤทธิ์มากเช่นกัน จึงมามีอันเป็นไปอย่างนี้ บางคนก็ว่าพระพุทธองค์กับสองภิกษุนั้นจะต้องเป็นคนร้ายอย่างแน่นอน จึงมีอันเป็นทำให้เกิดเหตุร้ายเช่นนี้ พรานจึงเข้าไปซักถามเขากล่าวด้วยความโกรธว่า "ท่านผู้เป็นคนร้าย เพราะการมาพักของท่านคนเดียวแท้ๆ จึงทำให้ฝนตกใหญ่ พวกเราทั้งหลายไม่มีโอกาสออกไปหาเนื้อตลอดเวลาสามวัน มิหนำซ้ำท่านยังมาดัดแปลงภูเขานี้ให้วิปริตไป ท่านขอพักเพียงราตรีเดียว บัดนี้เวลาก็ล่วงไปสามราตรีแล้ว ท่านไม่ควรจะอยู่ต่อไป" พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "ดูก่อนท่านนายพราน จริงอยู่ เราขอพักเพียงราตรีเดียว แต่เมื่อเรามาพักนี้เกิดฝนตกลงมามากมายเช่นนี้น้ำก็ท่วมขังทั่วไปหมด เราจะเดินทางไปอย่างไรได้ ท่านผู้เจริญ เราพักอีกเพียงหนึ่งราตรีเถิดพอให้น้ำลงสักหน่อยแล้วเราจะอำลาท่านไป”

    พระพุทธเจ้าก็ทรงอธิษฐานให้เทวดาและหมู่พรหมเข้ามาเฝ้าและแผ่พระรัศมีโชติช่วงทั่วบริเวณเขาอันกว้างใหญ่นี้ เมื่อนายพรานฆาฏกะและบริวารเห็นประหลาดเช่นนั้น ก็เกิดความสะดุ้งกลัวภัยบ้างก็ว่าไฟจะไหม้ป่า ต่างเตรียมการอพยพหลบหนีภัยกันว้าวุ่น ไม่มีใครกล้าขึ้นไปทูลถามหรือไล่พระพุทธเจ้าอีก ครั้นใกล้รุ่งพรานก็พาบริวารขึ้นไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เชิงเขานั้น เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ทรงแถลงถึงเรื่องหมู่เทพยดามาเฝ้าพระองค์ นายพรานและบริวารก็พากันเข้าไปหมอบกราบอยู่ตรงนั้น ครั้นแล้วก็ทูลถามถึงเพศและภาวะของพระพุทธองค์เมื่อทราบความแล้วก็ขอบรรพชาเป็นภิกษุอยู่ที่นั้น แล้วต่อมาก็ได้สำเร็จอรหันต์อยู่ที่เขาฆาฏกะบรรพตนั่นเอง

    ต่อมาพระพุทธองค์จำต้องเสด็จกลับยังพระวิหารปุพพารามจึงเรียกภิกษุฆาฏกะและตรัสอำลา อดีตนายพรานขอตามไปด้วยแต่ไม่ทรงอนุญาต จึงได้ให้พระฉายาลักษณ์ของพระองค์ปรากฏอยู่ ณ เงื้อมผาฆาฏกะบรรพตนั้น จึงปรากฏเป็น "พระพุทธฉาย" บนไหล่เขาสระบุรีตราบเท่าทุกวันนี้และได้ประทับ "รอยพระบาท" ติดไว้ ณ บนยอดภูเขาแห่งนี้ด้วย ซึ่งจะได้เป็นที่สักการะเคารพกราบไหว้บูชาของพระฆาฏกะและบริวาร ตลอดจนพุทธศาสนิกชนทั่วไป
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    สมัยที่ค้นพบพระพุทธฉาย พระเจ้าทรงธรรมทรงสั่งให้สร้างมณฑปสองยอดบนไหล่ภูเขา ครอบพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ เพื่อให้เป็นเป็นสถานที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชน ชนชั้นสูง ตลอดจนพระมหากษัตริย์ในรัชกาลต่อๆ มา

    ในส่วนของรอยพระพุทธบาท นั้นเมื่อค้นพบจึงโปรดให้สร้างเป็นมหาเจดียสถานมีพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาท และโปรดให้สร้างสังฆารามแล้วทรงพระราชอุทิศที่ส่วนหนึ่งโดยรอบพระพุทธบาทและ พระพุทธฉายถวายเป็นพุทธบูชา

    ต่อมาถึงรัชสมัยพระเสือ ราว พ.ศ.๒๒๔๖ – ๒๒๕๑ ทรงปฏิสังขรณ์พระมณฑปโปรดให้เปลี่ยนแปลงเป็นพระมณฑป ๕ ยอด จากพงศาวดารตำนานที่ปรากฏชัดว่า “สมเด็จพระเจ้าเสือพร้อมด้วยเชื้อพระวงศ์และข้าราชบริพาร ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระพุทธบาท เป็นต้น จนถึงกษัตริย์พระองค์สุดท้ายสมัยกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธฉาย ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม) ได้กล่าวไว้ในบท “สมโภชพระพุทธบาท” เกี่ยวกับพระพุทธฉายว่า ในสมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ว่า “ครั้นเดือนอ้ายเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธฉาย แรมอยู่ ๓ วัน ฯลฯ แล้วเสด็จกลับมาสมโภชพระพุทธบาท ๗ วัน”

    จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการบูรณะฟื้นฟูพระพุทธฉายอีกครั้งหนึ่ง ตามศิลาจารึกที่ค้นพบเป็นหลักฐานว่า “พระพุทธศาสนาล่วงมาได้ ๒๓๗๔ ปีมะโรง นักษัตรจัตวาศก มีพระคุณเจ้าสมภาร ๔ วัด คือพระปลัด วัดปากเพรียว ๑ สมภารวัดบางระกำ ๑ สมภารดวงวัดเกาะเลิ่ง ๑ และสมภารวัดบางเดื่อ ๑ สมภารทั้ง ๔ พร้อมทั้งญาติโยมได้มีอุตสาหะพากันมาบูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธฉาย เป็นเวลาถึง ๗ ปี และในปีที่ ๘ จึงพระมหายิ้ม ได้มาร่วมกับสมภารทั้ง ๔ พร้อมด้วยญาติโยม ได้บูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธปฏิมากร ระเบียงมณฑป ลงลักปิดทอง บ้างจำลองลายสุวรรณอันบวร ปฏิสังขรณ์พระสถูปเจดีย์ สร้างหอระฆัง สร้างศาลา เป็นต้น ด้านบนยอดเขาได้บูรณะพระมณฑปและลานพระโมคคัลลานะ ขุดบ่อน้ำ บูรณะพระอุโบสถ และตบแต่งสถานที่เป็นเวลาอีก ๓ ปี จนถึงปีฉลูจึงเสร็จตามความประสงค์ ได้จัดมหกรรมฉลององค์พระพุทธฉาย เมื่อปีเถาะ เบญจศก” จากศิลาจารึกที่นำมาโดยสังเขปนี้ จะเห็นได้ว่าพระพุทธฉายได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาในระยะหนึ่ง

    จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยะมหาราช และสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้เสด็จมาฟื้นฟูบูรณะพระพุทธฉาย ทรงสร้างมณฑปขึ้นใหม่เป็นมณฑปสองยอดแทนมณฑปเดิม และทรงบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุอื่น ๆ มีเสนาสนะสงฆ์ เช่น ศาลา พระอุโบสถบนยอดเขาลม ปฏิสังขรณ์มณฑปยอดเดี่ยวบนยอดภูเขาด้านตะวันออก ซึ่งยังเหลือเป็นอนุสรณ์อยู่ตราบเท่าทุกวันนี้ นอกจากนั้นพระองค์พร้อมด้วยพระบรมราชวงศ์และข้าราชบริพาร ยังได้เสด็จไปนมัสการพระพุทธฉายอีกหลายครั้ง ดังปรากฏในประวัติศาสตร์การประพาสต้นและจดหมายเหตุการณ์บำเพ็ญพระราชกุศลนับเนื่องเกี่ยวกับพระพุทธฉาย เกี่ยวกับพระอุปัชฌาย์ลัน และพระอธิการรูปอื่นๆ อีกมาก ให้ทรงลงพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ติดอยู่ ณ เงื่อมผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉายพร้อมด้วยนามาภิไธยพระบรมวงศานุ วงศ์ ซึ่งปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราช เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการพระพุทธฉาย ๔ ครั้ง คือ ร.ศ. ๗๙(พ.ศ.๒๔๐๓), ร.ศ. ๙๑ (พ.ศ.๒๔๒๘), ร.ศ.๑๑๕(พ.ศ.๒๔๓๙)
    วันจันทร์ที่ ๑๗ ธันวาคม เวลาเช้า หนึ่งโมงเศษ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จทรงม้าพระที่นั่ง ออกพลับพลาไปตามทางหลวงข้ามทางรถไฟออกทุ่งนา และเข้าดงถึงพระพุทธฉาย เวลาเช้า ๓ โมงเศษ ระยะทาง ๒๒๓ เส้น มีพระสงฆ์สวดชยันโตรับเสด็จอยู่ที่เชิงเขา เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการพระพุทธฉาย แล้วประทับเสวยเช้าที่ศาลา แล้วทรงจารึกอักษรพระนาม จ.ป.ร. ที่เพิงผา และมีปีที่เสด็จพระราชดำเนินมา ณ ที่นี้ ร.ศ.๗๙ และ ๙๑ และ ๑๐๔ และ ๑๐๕ แล้วโปรดให้อาราธนาเจ้าอธิการลัน เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย มาถวายเทศนามหาชาติคำลาว เวลาบ่ายเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาลม มีมณฑปพระบาทบนยอดเขา เสด็จลงจากเขาลมแล้วเสวยกลางวันที่ศาลานั้น แล้วทรงฉายพระรูป เวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง เสด็จกลับจากพระฉาย

    พระพุทธฉายได้บูรณะซ่อมสร้างมาเป็นเวลาช้านาน ชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอย่างมาก จนทางข้าราชการร่วมกับคณะสงฆ์เห็นว่าจะปล่อยทิ้งรกร้างไว้อีกต่อไปไม่ได้ ปูชนียสถานที่สำคัญจะถูกทำลายลง จึงได้ส่งพระครูพุทธฉายาภิบาล (นาค ปานรัตน์) มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๑ เพื่อบูรณะซ่อมสร้างสถานที่พระพุทธฉายให้เจริญต่อไป เจ้าอาวาสได้ซ่อมแซมใหญ่ โดยซ่อมมณฑปที่ชำรุดซึ่งสร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ให้คงสภาพถาวรตามรูปทรงเดิม แล้วก่อสร้างต่อเติมชานมณฑปด้านหลังเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ขึ้นไป นมัสการ ในปี พ.ศ.๒๔๙๘ ได้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่แทนหลังเดิมซึ่งสร้างครั้งรัชกาลที่ ๕ บนยอดภูเขาตามเดิม ส่วนมณฑปเก่าครอบพระบาทจำลองบนยอดเขายังคงไว้เป็นอนุสรณ์ ในลำดับต่อมาได้สร้างบันไดจากพื้นล่างด้านตะวันออกพระพุทธฉายขึ้นไปจนถึงยอด ภูเขายาวประมาณ ๒๗๐ ขั้น เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชนจะได้ขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปปางต่างๆ ข้างบน การก่อสร้างซ่อมแซมพระพุทธฉายได้รับการเอาใจใส่ตลอดเวลา ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ ได้จัดสร้างพระพุทธไสยาสน์ขึ้น ณ ไหล่ภูเขาลมด้านทิศตะวันตกมณฑปพระพุทธฉายไว้อีก ๑ องค์

    พระพุทธไสยาสน์ ที่จัดสร้างนี้มีขนาดองค์ใหญ่ยาว ๑๕ วาเศษ อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ มณฑปพระพุทธฉาย ไสยาสน์ทอดองค์หันพระบาทมาทางมณฑปพระพุทธฉาย (พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ต่างกับองค์อื่น คือ พระบาทซ้ายไขว้ทับขวาซ้อนเหลื่อมกัน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    สิ่งที่น่าสนใจในวัดพระพุทธฉาย สระบุรี


    ๑. พระพุทธฉาย จากลานวัดเชิงภูเขา มีบันไดคอนกรีต ๗๒ ขั้น ขึ้นไปยังระเบียงคต ซึ่งล้อมหน้าผา ตอนที่ปรากฏพระพุทธฉาย องค์พระพุทธฉายเป็นเส้นเงาสีแดงช้ำ แม้ไม่คมชัดก็พอให้เห็นขอบนอกพระบรมฉายาลักษณ์ได้ซึ่งสูงประมาณ ๕ เมตร ตรงเชิงหน้าผาประดิษฐานพระพุทธรูปข้างละ ๕ องค์



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2893_1a.JPG
      IMG_2893_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      4,684
  8. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    พระมณฑปสองยอด ที่ประดิษฐานพระพุทธฉาย พระพุทธไสยาสน์ และลายพระปรมาภิไธย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2888_na.jpg
      IMG_2888_na.jpg
      ขนาดไฟล์:
      979 KB
      เปิดดู:
      2,338
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]

    ภายใยนมณฑปสองยอด และเงื้อมหินผา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2902_ma.jpg
      IMG_2902_ma.jpg
      ขนาดไฟล์:
      772.4 KB
      เปิดดู:
      2,137
  10. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    พระพุทธรูป ๑๐ องค์ ข้างพระพุทธฉาย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2908_na.jpg
      IMG_2908_na.jpg
      ขนาดไฟล์:
      797.5 KB
      เปิดดู:
      2,133
  11. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๒. พระพุทธไสยาสน์ องค์ใหญ่ยาว ๑๕ วาเศษ อยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ มณฑปพระพุทธฉาย ไสยาสน์ทอดองค์หันพระบาทมาทางมณฑปพระพุทธฉาย พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ต่างกับองค์อื่น คือ พระบาทซ้ายไขว้ทับขวาซ้อนเหลื่อมกัน


    [​IMG]


    ไม่ได้ถ่ายรูปลักษณะพระบาทของพระพุทธไสยาสน์มาให้ดู
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2930_1a.JPG
      IMG_2930_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      892 KB
      เปิดดู:
      2,172
  12. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๓. รอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ “จปร.” กับพระนามพระบรมราชวงศ์พระองค์อื่นๆ และพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ของพระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เมื่อครั้งทอดผ้าพระกฐิน ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๖ ตรงหน้าผาด้านพระพุทธไสยาสน์


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2921_1a.JPG
      IMG_2921_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.2 MB
      เปิดดู:
      2,598
  13. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2927_1a.JPG
      IMG_2927_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      2,128
  15. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2928_1a.JPG
      IMG_2928_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      2,069
  16. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2929_1a.JPG
      IMG_2929_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      2,111
  17. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๔. วิหารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเชียงแสนและพระบาทจำลอง อยู่เชิงภูเขาระดับเดียวกับวิหารคต ใกล้ๆ มีพระพุทธรูปปั้น ๓ องค์ ศิลปะสกุลช่างเชียงแสน สุโขทัย อู่ทอง หน้าวิหารมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งนำมาจากลังกาประเทศ และหอระฆัง ใกล้สถานที่นั้นมีถ้ำพระฤาษี

    [​IMG]

    วิหาร เห็นแค่ชายหลังคาด้านขวา วันที่ไปไม่เปิดให้เข้า
    ด้านซ้าย เป็นพระพุทธรูปศิลปะสามสมัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2946_ma.jpg
      IMG_2946_ma.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      2,071
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2015
  18. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๕. ถ้ำพระฤาษี มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เป็นถ้ำหินปูนปากถ้ำประดิษฐานรูปพระฤาษีไว้เป็นที่สักการะ เทวรูปพระฤาษี มีอายุประมาณพันกว่าปี มีชื่อเสียงด้านรักษาโรค ให้โชคลาภและค้าขายดี คนส่วนใหญ่นำมาบนคือ หมาก พลู บุหรี่ และกล้วยน้ำว้า


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2953_1a.JPG
      IMG_2953_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      989.8 KB
      เปิดดู:
      2,696
  19. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    [​IMG]


    บันไดทางเดินขึ้นสู่ยอดเขา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    ๖. พระอุโบสถ อยู่บนยอดเขาพระพุทธฉาย ภายในมีพระพุทธรูปปางคันธารราษฎร์เป็นประธาน


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_2968_1a.JPG
      IMG_2968_1a.JPG
      ขนาดไฟล์:
      801.3 KB
      เปิดดู:
      2,539

แชร์หน้านี้

Loading...