พระผงเม็ดกระดุมหลวงปู่แหวนธนาคารเอเชียปี๑๘ ลป.เทียนเสกเหรียญหันข้างหลวงปู่ริมอุทุมพรปี๑๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    1766923146805.jpg 1766923142792.jpg 1766923140619.jpg

    พระสมเด็จวัดพลับพลารุ่นปี๒๕๑๕ ด้านหลังปั๊มหมึกแดง ซึ่งสร้างเพื่อแจกในงานวางศิลาฤกษ์อุโบสถเมื่อวันที่ ๔-๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ปลุกเสกโดยหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม โดยเฉพาะส่วนที่เหลืออยู่กับวัดนี้ได้นำเข้าพิธีปลุกเสกเพิ่มเติมหลายครั้ง เช่น พิธีปี ๒๕๑๖ อันมีคณาจารย์ยุคนั้นมาร่วมเป็นอันมาก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีก็มา รวมทั้งนำเข้าพิธีพระผงรัตนเกษม ที่สุสานไตรลักษณ์ด้วย พระสมเด็จชุดนี้จึงมีทั้งหลวงพ่อเงิน, หลวงปู่โต๊ะ และหลวงพ่อเกษมร่วมปลุกเสก องค์นี้เนื้อขาวว่ากันว่าเป็นผงบางขุนพรหมปี ๐๙ ร่วมด้วยทั้งมวลสารและอาจารย์แต่ละท่ามาปลุกเศก

    สมเด็จวัดพลับพลา ปี ๒๕๑๕
    ปลุกเสกโดยคณาจารย์แห่งยุค อาทิเช่น
    - หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
    - หลวงพ่อเกษม เขมโก
    - หลวงพ่อวัดดอนตัน จ.น่าน
    - หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
    - หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ

    มวลสารสมเด็จบางขุนพรหมปี ๐๙

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 650 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ.

    IMG_20251228_182340.jpg IMG_20251228_182424.jpg IMG_20251228_182536.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    FB_IMG_1767085703214.jpg FB_IMG_1767085697812.jpg
    หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ ท่านเป็นพระเกจิดังในช่วงยุคปี2500ต้นๆ สมัยก่อนนั้นยุคที่บ้านเมืองยังไม่ค่อยสงบ ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และโจรชุกชุมต่างจากสมัยนี้มาก อันตรายยังมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ยิ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา อย่างสุรินทร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันตรายมากๆ พวกทหารตำรวจได้อาศัยบารมีท่านและเครื่องรางของขลังของท่านไว้คุ้มครองป้องกันภัยกันทั้งนั้นครับ หลายคนมีประสบการณ์เจอกันมาเองจนมั่นใจเลยครับ บางคนเคยเห็นท่านแสดงอภินิหาร จนมีการสร้างเหรียญกายทิพย์แยกร่างของท่านถวายให้ท่านเสกแจกกันเลยครับ พวกทหารแถบนั้นนิยมกันมากๆ แถมยังไปช่วยท่านสร้างสำนักสงฆ์บนเขากันเลยครับ

    หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร อีกหนึ่งเกจิที่มีปาฏิหาริย์มาก ท่านเป็นพระเกจิดังในช่วงยุคปี2500ต้นๆ สมัยก่อนนั้นยุคที่บ้านเมืองยังไม่ค่อยสงบ ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ และโจรชุกชุมต่างจากสมัยนี้มาก อันตรายยังมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ยิ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา อย่างสุรินทร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันตรายมากๆ พวกทหารตำรวจได้อาศัยบารมีท่าน และเครื่องรางของขลังของท่านไว้คุ้มครองป้องกันภัยกันทั้งนั้นครับ หลวงพ่อริม
    ได้มรณภาพไปตั้งแต่ พ.ศ.2528 และศพของท่านก็ไม่เน่าเปื่อย

    ประวัติหลวงปู่ริม

    ชื่อ ริม นามสกุล แก้วกระมล เกิดวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๔ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๕ ปี ระกา ที่บ้านเลขที่ ๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์

    บรรพชา เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ที่วัดอุทุมพร ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
    พระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการจริง สุวณฺณโชโต วัดเพชรบุรี ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์

    อุปสมบท เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ที่วัดอุทุมพร ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาม จังหวัดสุรินทร์
    พระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการจริง สุวณฺณโชโต วัดเพชรบุรี ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ พระกรรมวาจาจารย์ พระหงษ์ พรหฺมปญฺโญ วัดเพชรบุรี ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาม จังหวัดสุรินทร์

    พระอนุสาวนาจารย์ พระเถาะ ภูกธมฺโม วัดเพชรบุรี ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์

    พ.ศ. ๒๕๐๐ ก่อภูเขา คีรีวงคต ๓ ลูก ( พนมลูก )

    พ.ศ. ๒๕๐๐ – ๒๕๒๘ จัดกิจกรรมปฏิบัติธรรม อนุรักษ์ประเพณี วัฒนธรรม ด้วยกิจกรรมและงานบุญตามสถานที่สำคัญๆ

    พ.ศ. ๒๕๐๑ สร้างสะพานไม้ข้ามลำชี สัญจรระหว่าง จังหวัดสุรินทร์ กับบุรีรัมย์ ( สะเปียนลูก )

    พ.ศ. ๒๕๐๓ ให้กำเนิดโรงเรียนบ้านทุ่งมน ( ริมราษฎร์นุสรณ์ )

    พ.ศ. ๒๕๐๗ สร้างสถานีอนามัยตำบลทุ่งมน

    พ.ศ.๒๕๑๐ ให้กำเนิดวัดสะเดารัตนราม ( เวือดทะมัย เวียสตะโมกสะเดา )

    พ.ศ. ๒๕๑๕ – ๒๕๒๘ สร้างอุโบสถ์จัตุรมุข ในวัดอุทุมพร พร้อมพระพุทธชินราช พระประธารองค์ใหญ่อุโบสถ์

    พ.ศ. ๒๕๑๗ สร้างศูนย์พัฒนาตำบลทุ่งมน ฯลฯ

    มรณภาพ วันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๘ ( อายุ ๖๕ ปี ) คณะศิษย์ได้ช่วยกันสร้างศาลาหลังใหญ่ เพื่อเก็บสรีระท่านไว้ตราบเท่าทุกวันนี้ .

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหันข้างปี๒๕๑๔หลวงพ่อริม รุ่นประสบการณ์ มีตำหนิ ด้านบนหูเหรียญตามภาพครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20251230_161031.jpg IMG_20251230_161051.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    1767102877579.jpg

    ประวัติหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู จ.อุบลราชธานี " หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตฺโตพระอริยสงฆ์แห่งลุ่มน้ำโขง(เทพเจ้าแห่งโชคลาภ)ที่เล่าขานกันว่าทรงคุณพุทธาคมเข้มขลัง แห่งวัดกุดชมภู ต.กุดชมภู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ท่านเป็นศิษย์สายตรงของพระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) แห่งวัดทุ่งศรีเมือง และอดีตเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระเกจิอาจารย์ผู้มีความเข้มขลังมีพลังจิตสูง

    ประวัติหลวงปู่คำบุ ชาติภูมิ หลวงปู่คำบุถือกำเนิดเกิด ณ บ้านกุดชมภู เมื่อวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2465 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีจอ เกิดในตระกูล คำงาม โยมบิดา-มารดา ชื่อนายสาและนางหอม คำงาม ครอบครัวทำนาทำสวน มีชื่อ-นามสกุลเดิมว่า คำบุ คำงาม ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 6 คน กาลต่อมาท่านเจริญวัยขึ้น มีอายุอันสมควร บิดามารดาได้ให้บรรพชาในปี พ.ศ.2482 ณ วัดกุดชมภู โดยมี พระครูญาณวิสุทธิคุณ (กอง) วัดตากโพธิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังบวชท่านได้มีโอกาสเดินทางไปกราบไหว้ พระครูวิโรจน์รัตโนมล (หลวงปู่รอด นันตโร) วัดทุ่งศรีเมือง เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีและได้รับความเมตตาโอบอ้อมอารีจากหลวงปู่รอดเป็นอย่างยิ่ง

    อุปนิสัยหลวงปู่คำบุ เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้จึงมีโอกาสได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ผู้เป็นศิษย์อุปัฏฐากหลวงปู่รอด นันตโร แห่งวัดทุ่งศรีเมือง ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์รอดจึงได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่รอดจวบจนท่านได้ มรณภาพลง พระอาจารย์รอดก็กลับมาพำนักพักที่วัดบ้านม่วงตามเดิม กล่าวสำหรับพระอาจารย์รอด วัดบ้านม่วง ท่านเป็นพระที่มีวิทยาคมแก่กล้า พระอาจารย์รอดเป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่คำบุ จึงมีความคุ้นเคยกันมาก่อน ด้วยความที่หลวงปู่คำบุเป็นผู้มีนิสัยสงบเรียบร้อย ใจเย็นมีเหตุมีผล เหตุนี้เองพระอาจารย์รอด จึงได้ถ่ายทอดวิทยาคมคาถาต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาแก่หลวงปู่คำบุตั้งแต่นั้นเรื่อยมา จวบจนถึงวัยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ จึงอุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2486 ได้รับฉายาว่า "คุตฺตจิตฺโต" มีพระครูสาธุธรรมจารี (สา) วัดดอนจิก เป็นพระอุปัชฌาย์

    ครั้นบวชเป็นพระแล้ว หลวงปู่คำบุท่านยังคงแวะเวียนไปร่ำเรียนสรรพวิชาเวทมนตร์คาถาอาคมต่างๆ กับพระอาจารย์รอด ที่วัดบ้านม่วงอยู่เป็นประจำ ได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำรา จนมีความชำนาญแตกฉานจึงออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุได้มีโอกาสร่ำเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมจากพระอาจารย์ที่มีความ ชำนาญด้านพระคาถาต่างๆหลายรูปจนวิชาแกร่งกล้า จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดกุดชมภูจนถึงปัจจุบัน มีเรื่องน่าสนใจอยู่ตอนหนึ่ง เนื่องจากพระอาจารย์รอดท่านเป็นพระที่ร้อนวิชาชอบลองวิชาอยู่เสมอ เมื่อร่ำเรียนวิชาอาคมแขนงใดได้ก็จะนำมาทดสอบหรือทดลองวิชานั้นอยู่เป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านได้สำเร็จวิชาหุงสีผึ้งมหาเสน่ห์ แล้วทำการทดลองปรากฏว่าบรรดาญาติโยมทั้งหญิงและชายแห่เข้ามาที่วัดเพื่อมาขอ สีผึ้งมหาเสน่ห์จากท่านอย่างมากมาย จนไม่มีเวลาประกอบกิจสงฆ์อันใดได้ ท่านจึงย้ายมาอยู่กับหลวงปู่คำบุ ที่วัดกุดชมภูและได้เขียนตำราเพื่อมอบให้กับหลวงปู่คำบุไว้ศึกษาเล่าเรียน สืบต่อไป

    หลวงปู่คำบุได้ศึกษาศาสตร์วิชาต่างๆ จากตำราจนมีความชำนาญแตกฉาน จึงออกเดินจารึกธุดงค์เพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ได้มีโอกาสร่ำเรียนสายวิชาวิปัสสนากรรมฐานและวิทยาคมต่างๆ ในสายของท่านสำเร็จลุน แห่งวัดเวิ่นไชย เมืองปากเซ นครจำปาสัก พระผู้ทรงอภิญญา นอกจากการศึกษาวิชาทางด้านวิปัสสนากรรมฐานแล้ว สรรพวิชาอาคมทุกแขนง หลวงปู่คำบุท่านก็มีความชำนาญและได้หมั่นศึกษาฝึกฝนอยู่เป็นประจำ ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ หลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู. ท่านยังให้ความเมตตาศิษยานุศิษย์อย่างสม่ำเสมอ ในทุกวันอังคาร เสาร์ และอาทิตย์ ท่านจะประกอบพิธีลงเหล็กจารอักขระธรรมอักษรลาว ลงบนแผ่นหลังของบรรดาลูกศิษย์ที่เดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ ด้วยความเมตตา

    วัตถุมงคลหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมภู

    การจารอักขระธรรมลงแผ่นหลังของหลวงปู่คำบุ ถือเป็นกุศโลบายทางธรรมเพื่อบ่งบอกถึง "ความประมาทเป็นบ่อเกิดแห่งความตายหรือความหายนะ" ดังนั้นควรตั้งมั่นไม่ให้อยู่ในความประมาท ที่สำคัญถ้าท่านได้จารอักขระธรรมได้ครบถึง 7 ครั้ง ว่ากันว่าอักขระธรรมจะฝังลึกถึงกระดูกและถ้าประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัดแล้ว จะอยู่ยงคงทน ต่อศาสตราวุธทั้งปวง สำหรับพระเครื่อง-วัตถุมงคลของหลวงปู่คำบุ คุตตจิตโต วัดกุดชมภู ที่สร้างขึ้นมานั้นมีมากมายหลายรุ่น ส่วนใหญ่มักได้รับความนิยมจากนักสะสม ต่างมากด้วยประสบการณ์ จนเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวบ้าน และลูกศิษย์รวมถึงผู้ใกล้ชิดมา นานแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าวัตถุมงคลของท่านเริ่มมีจัดสร้างมาตั้งแต่ปี2522ปัจจุบันท่านเป็นที่รู้จักจากประชาชนทั่วประเทศแล้ว อาจด้วยบารมีและประสบการณ์ในวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงปู่ ที่ปลุกเสกได้อย่างเข้มขลัง จนทำให้นิตยสารพระเครื่องหลายเล่มได้นำประวัติ รวมถึงวัตถุมงคลของท่านมาตีพิมพ์หลายฉบับ
    ''ปัจจุบัน หลวงปู่คำบุ คุตฺตจิตโต ท่านได้ละสังขารแล้ว เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2557 สิริอายุ 92ปี ร่างของท่านอยู่ในโลงแก้ว ที่วัดวิหารเจดีย์ศรีชมพู(วัดกุดชมภู) จ.อุบลราชธานี
    พี่ๆท่านใดถ้ามีไปอุบลราชธานี แวะกราบไหว้ ขอพรหลวงปู่ได้นะครับ

    ศิษย์ หลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญบาตรน้ำมนต์เนื้อนวะหลวงปู่คำบุปี ๒๕๕๔ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ ซ.ม.

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20251230_205135.jpg IMG_20251230_205155.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    get_auc1_img (37).jpeg
    พระสมเด็จปิดตา เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆังฯ กรุงเทพฯ สร้างจากเนื้อดินหุ่นหรือดินไทย ที่เหลือจากพิธีการสร้างหล่อรูปเหมือนสมเด็จโต เมื่อพิธีใน ปี ๒๕๐๐

    พระสมเด็จสร้างจากเนื้อดินหุ่นหรือดินไทย เจ้าคุณเที่ยง (พระเทพวิสุทธิเมธี สิริอายุ 76 พรรษา 53 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 11 และเจ้าอาวาสวัดระฆังวรมหาวิหาร) วัดระฆังโฆสิตาราม ด้านหลังปั๊มตราวัดระฆังคณะ 5 วัดระฆังฯ พระชุดนี้สร้างขึ้นในวาระพิธีเดียวกับสมเด็จวัดระฆังฯ ปี 2507 โดยมวลสารหลักได้จากดินที่เหลือจากการปั้นหุ่นหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่(ท่านเสียดายดินที่ปั๊นเป็นหุ่นสมเด็จโตฯ ที่ทุบออกมาหลังจากหลอมรูปแล้วซึ่งท่านว่าเป็นของดี ของศักดิ์สิทธิ์) และนำมาผสมผงพุทธคุณและผงเก่าของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) และผงวิเศษต่างๆ ที่รวมรวมมาได้ พิธีปลุกเสกโดย พระเกจิสายวัดระฆัง และเกจิอาจารย์ที่นิมนต์มาร่วม อาทิ
    หลวงปู่หิน วัดระฆังฯ
    หลวงปู่นาค วัดระฆังฯ
    เจ้าคุณเที่ยง วัดระฆังฯ
    ฯลฯ
    พุทธคุณไม่แตกต่างจากสมเด็จสายวัดระฆังฯ รุ่นแพงๆ แต่มีดีที่ราคาเช่าหายังถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับพระสมเด็จรุ่นที่สร้างใหม่กว่าอย่างสมเด็จ 100 ปี ที่ขึ้นไปถึงหลักหมื่น แล้ว ถ้าอยากมีสมเด็จวัดระฆังไว้แขนแบบแท้สนิทใจพึงพาพุทธคุณได้ ไม่ควรมองข้ามพระชุดนี้ด้วยประการทั้งปวงครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20251230_204221.jpg IMG_20251230_204331.jpg IMG_20251230_204352.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    เหรียญเม็ดกระดุมพระกริ่ง วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ เข้าพิธีเสกพร้อมพระกริ่งปี2544 จัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาศอายุมงคล 70ปี พระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสโดยสมเด็จพระญาณสังวรฯสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเป็นประธานจุดเทียนชัย ในพิธีพุทธาภิเษกในวันที่ 19มกราคม 2544 ประกอบพิธีราชาแห่งฤกษ์ ณ อุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม 9 วัน 9 คืน โดยพระคณาจารย์ทั่วประเทศทั้งไทย จีน ญวน ร่วมพิธี มูลเหตุการจัดสร้าง พระกริ่งจอมไทย (เนื้อเงิน) พุทธาภิเษกใหญ่ 9 วัน 9 คืน ณ.วัดสุทัศน์ฯ จัดสร้าง ปี 2544 พระกริ่งสมญานาม “จอมไทย” แห่งสำนักวัดสุทัศน์ฯ ดำริการจัดสร้างโดยพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาส เนื่องในการเฉลิมฉลอง อายุมงคล 70 ปี โดยเป็นประธานเททองหล่อ ในมหัทธโนฤกษ์ พร้อมพระกริ่ง 70 ปี ในวันที่ 27 พ.ย. 2543
    สมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเป็นประธานจุดเทียนชัย ในพิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ 19 ม.ค 2544 ประกอบด้วยราชาแห่งฤกษ์ ณ อุโบสถวัดสุทัศน์เทพวราราม รวม 9 วัน 9 คืน
    โดยพระเถระภาวนาจารย์ทั่วประเทศ และที่สำคัญคือ 3 สังฆราชเจ้า คือ ไทย-จีน-ญวน ร่วมพิธีด้วยหากจะพูดถึงทำเนียบแห่งพระกริ่งที่โด่งดังสุดๆ เห็นจะไม่มีพระกริ่งรุ่นใดที่โด่งดังประเภทที่เรียกว่าสะท้านฟ้า จนผู้คนแห่แหนมาเช่าบูชาจนล้นวัดสุทัศนเทพวราราม
    สร้างประวัติการณ์หน้าใหม่แห่งวงการพระกริ่ง ที่เปิดบูชาทันที ด้วยพลังศรัทธาของผู้คน พระหมดทันใด ใช้ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง นักสะสมสนมราคาบูชาสูงขึ้นหลายเท่าตัวในทันทีด้วยบารมีธรรมในพระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม ผนวกกับเกียรติประวัติความเชื่อถือในสูตรนวะโลหะของสำนักวัดสุทัศนเทพวราราม ที่มีอาจารย์นิรันด์ (หนู) แดงวิจิตรเป็นผู้กำกับการผสมสูตร จึงทำให้เป็นที่จุดประกายความศรัทธาของทุกกลุ่มชนที่เคยได้ยินเกียรติประวัติการสร้างพระกริ่งของสำนักวัดสุทัศน์ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน จึงเป็นที่มาของพลังศรัทธาแห่งคลื่นมหาชนล้นวัดสุทัศน์ เป็นประวัติการณ์จารึกไว้ในรอบ 100 ปี พระกริ่งจอมไทย เป็นพระกริ่งที่ถอดแบบ และย่อส่วนมาจากพระกริ่งใหญ่ 69 ของพระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี ด้วยประสงค์ให้เป็นพิมพ์ทรงนิยมที่จัดสร้างร่วมสมัยในยุคนั้น คือสุดยอดแห่งพระกริ่งไทย มีความหมายตามที่พระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ ท่านได้เฉลิมพระนามถวายพระเกียรติคุณแด่ องค์สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ซึ่งพระองค์เป็นพระปรมาจารย์เจ้าตำรับของการสร้างพระกริ่งสูตรนวโลหะของประเทศไทยเพื่อความเป็นสุดยอดสมกับพระนามกริ่งจอมไทย พระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี จึงให้จัดพิธีที่ยิ่งใหญ่ให้สมเกียรติเพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของการจัดพิธี ท่านฯ (พระเดชพระคุณพระวิสุทธาธิบดี) จึงให้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกใหญ่ 9 วัน 9 คืน เป็นครั้งแรกของประเทศไทย โดยอารถนาพระเถระภาวนาจารย์ที่ทรงวิทยาคมแก่กล้าจากทุกจังหวัด ทั่วพระราชอาณาจักรไทยมาร่วมในพิธี ณ พระอุโบสถวัดสุทัศน์ในการนี้ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จมาเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย ในวันศุกร์ ที่ 19 ม.ค. 2544 พิธี 9 วัน 9 คืนในครั้งนั้น นอกจากรายนามพระคณาจารย์จากทุกจังหวัดทั่วประเทศที่ได้มาเข้าร่วมงานแล้ว ยังมีคณาจารย์อีกมากที่พระเดชพระคุณท่านฯได้เชิญมาเป็นการพิเศษเพื่อประกอบพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พิธีมหาอุจจ์ และ พิธี 3 สังฆราช คือ มีสังฆราชไทย,จีน,ญวน มาร่วมพิธีด้วยความยิ่งใหญ่แห่งการจัดสร้างพระกริ่งของสำนักวัดสุทัศนเทพวรารามในการฉลองชนมายุครบ 70 ปี ที่มีความเป็นเอกปรากฏตามความเชื่อของพระเดชพระคุณท่านฯ ที่ว่า องค์พระจะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ขึ้นอยู่กับการจัดพิธีที่ยิ่งใหญ่ และเข้มขลัง แม้จะหล่อพระกริ่งที่ใดถ้าได้มาจัดพิธีพุทธาภิเษกในพระอุโบสถวัดสุทัศน์ ก็จะคงความ ศักดิ์สิทธิ์ ดังการปิดพระอุโบสถ ทำมหาอุจจ์หลังพิธีแล้ว หลวงปู่พวงแห่งจังหวัดอุดรธานี ท่านได้บอกว่า ปรากฎพระมหาเถระผู้ใหญ่ร่างท้วมดำ ออกมาร่วมพิธีในคืนนั้น ซึ่งอาวุโสกว่า สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ไม่ทราบว่าเป็นท่านใด จึงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเม็ดกระดุมพระกริ่ง ๙ วัน ๙ คืน เนื้อนวะ

    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ...

    IMG_20251230_160007.jpg IMG_20251230_160036.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    1767105739582.jpg 1767105298504.jpg

    พระผงรูปเหมือน เม็ดกระดุม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
    วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

    ธนาคารเอเชียจัดสร้าง ปี2518 พระผงรุ่นนี้หลวงปู่ได้มอบผงพุทธคุณของท่านให้ทางธนาคารนำไปจัดสร้าง

    นวเรศ วิมล
    6 ชั่วโมง ·
    นอกจาก
    "หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กทม."
    แล้ว
    ก็ยังมี
    "หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง"
    อีกองค์
    ที่ไม่ยอมเสกทับพระของ
    "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่"....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!??????????????????????????????????????????
    ****************************************************************************************
    เมื่อหลายปีก่อน
    ตอนที่ "คุณปภัสสร์ พูนพัฒนปรีชา"
    อดีตไวยาวัจกร วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร
    (ผู้มอบ "ลังไม้ที่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมใส่พระพุทโธน้อยมาถวายพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิเทสโก) เมื่อปีพ.ศ.2494 ให้กับผม จากความดีความชอบที่ช่วยประชาสัมพันธ์ "พระมงคลมหาลาภ" พ.ศ.2499 ที่เคยมีเหลือตกค้างที่วัดสัมพันธวงศ์เป็น "หมื่นๆองค์" จนหมดวัดในที่สุดเมื่อราวปีพ.ศ.2549)
    ยังมีชีวิตอยู่
    "คุณปภัสสร์ พูนพัฒนปรีชา" ได้เล่าให้ผมฟังกับปากว่า
    "มีวัดๆหนึ่งแถวจังหวัดระยอง(คาดว่าน่าจะเป็นวัดคีรีภาวนาราม)ทำพระเครื่องขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วนำไปให้หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋งเสกก่อน จากนั้นก็ได้นำมาให้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปลุกเสกต่อ"
    "ปรากฏว่า หลวงปู่ทิมไม่ยอมเสกพระที่หลวงปู่แหวนเสกมาก่อนชุดนั้นในทันที ก่อนบอกกลับมาอีกด้วยว่า"
    "ท่านสูงกว่านี่(เรา)"
    เมื่อได้ฟัง ผมก็ได้แต่เก็บเงียบไว้ในใจ ไม่ได้เล่าในสื่อที่ไหนมาก่อน
    เพราะเล็งเห็นว่า "คุณปภัสสร์ พูนพัฒนปรีชา" เคยเป็น "ทส.คนสนิทของหลวงปู่แหวน + อาจารย์หนู วัดดอยแม่ปั๋ง" มาก่อน
    คำพูดจะมีน้ำหนักให้คนอื่นๆเชื่อถือได้
    ยังเป็นที่ต้องคิดให้จงหนักมากๆเสียก่อน
    แม้ตอนนั้น จะมีข่าวที่ "หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี" ปฏิเสธที่จะ "เสกพระหลวงปู่แหวน" ให้กับ "อาจารย์เบิ้ม" แพร่หลายมาก่อนหน้าแล้วก็ตาม...
    https://www.tiktok.com/@ice.../video/7274403222624734470
    *****************************************************************************************
    จนกระทั่งวันไหว้ครู "หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง" ที่บ้านอาจารย์ชินพร สุขสถิตย์เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
    ได้คุยกับ "ศิษย์อาวุโสอาจารย์ชินพร" ท่านหนึ่ง
    ซึ่งเป็นเจ้าของ "เหรียญเจริญพร หลังเรียบ เนื้อเงิน" 1 ใน 5 เหรียญในโลกนี้
    ทำให้ได้ทราบ "ข้อมูลลึกพิเศษ"มาเรื่องหนึ่งโดยไม่คาดหมาย
    สรุปความรวมได้ว่า
    "พระบรมพุทโธ (ที่สร้างจากชนวนส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ได้นำชนวนมาร่วมเททองเป็นพระกริ่งชินบัญชร พ.ศ.2517 ดังที่รู้จักกันในนาม "พระกริ่งชินบัญชร เนื้อบรมพุทโธ")เพียงไม่กี่องค์ที่หาได้ยากยิ่งที่สุด) จริงๆแล้ว คนสร้างจะให้หลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋งเสกเป็นองค์หลัก"
    "แต่ต่อมา ได้นำเอาพระบรมพุทโธดังกล่าวมาให้หลวงปู่ทิม เสกที่วัดละหารไร่ด้วย"
    "และในทันทีที่ได้เห็น "หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง" ก็ตอบปฏิเสธที่จะเสก "พระบรมพุทโธ" ที่ "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่" เสกมาก่อนหน้าให้
    เหมือนกับที่เคยปฏิเสธให้กับ "วัดๆหนึ่งที่จังหวัดระยอง" ใน
    "กรณีแบบเดียวกันเปี๊ยบ"
    ก่อนจะกล่าวสั้นๆแต่เพียงว่า
    "เต็มแล้ว เสกอีกไม่ได้แล้ว.....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
    ก็ลอง "คนใน" ในสาย "หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง" ระดับอาวุโสเล่ามาถึงขนาดนี้แล้ว
    ก็ไม่มีอะไรที่จะต้อง "พักสงสัย" ใดๆอีกแล้ว
    เลยสามารถนำเรื่องราวที่ "คุณปภัสสร์ พูนพัฒนปรีชา" เคยเป็น "ทส.คนสนิทของหลวงปู่แหวน + อาจารย์หนู วัดดอยแม่ปั๋ง" เคยเล่า
    และ "มีเนื้อความตรงกัน" ไม่ผิดเพี้ยนมานำเสนอได้อย่างมั่นใจ สิ้นสงสัย
    และเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้
    ยังจะมีใคร "กล้ามองข้าม" พระหรือเหรียญของ
    "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่"
    ที่แม้แต่ "หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี สุรินทร์" ยังต้องรับรองว่า
    "หลวงปู่แหวนมีมหาบารมีครอบฟ้าครอบแผ่นดินในระดับเดียวกับหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 550 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20251230_214121.jpg IMG_20251230_214144.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    FB_IMG_1767117456053.jpg

    สมเด็จพิมพ์ใหญ่จัมโบ้ หลังรูปเหมือน ปี ๒๕๐๙ พระครูลมูล (ส.พัฒนกิจ) วัดเสด็จ จ. ปทุมธานี เทพเจ้าแห่งสวนพริกไทย ศิษย์เอกของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ พระเกจิดังแห่งเมืองปทุมธานี เป็นพระเครื่องรุ่นแรกๆ ที่สร้าง และทันหลวงปู่เทียน ร่วมปลุกเสก หายากแล้วครับ

    พระครูสาทรพัฒนกิจ (หลวงพ่อลมูล) วัดเสด็จ อำเภอเมือง จ.ปทุมธานี ศิษย์เอกของหลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ พระเกจิดังแห่งเมืองปทุมธานี ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกในพิธี "จักรพรรดิมหาพุทธาภิเษก" ณ พระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก ปี 2515 หลวงพ่อละมูล หลวงพ่อลมูล ท่านเป็นยอดพระเกจิที่เก่งมากๆ พลังจิตของท่านดีมาก จนชาวบ้านยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งสวนพริกไทย หลวงพ่อละมูล ท่านเองก็ชอบสร้างพระสมเด็จเช่นกันครับ เหมือนอาจารย์ท่าน คือหลวงปู่เทียน โดยหลวงปู่เทียน นอกจากท่านจะสำเร็จวิชาการทำผงวิเศษ ๕ ประการ คือ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงอิทธิเจ ผงตรีนิสิงเห และ ผงพุทธคุณ แล้ว ท่านยังเป็นพระที่สำเร็จวิชา “ผง ๑๒ นักษัตร์” ซึ่งเป็นผงที่เขียนลบมาจากยันต์ ๑๒ นักษัตร์ ทั้ง ๑๒ ปี ดังนั้น พระเนื้อผงของท่านจึงดีเด่นสูงค่าไปด้วยพระพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม อุดมโชคลาภ มีกินมีใช้ทุกปี ไม่ขัดสน เข้าได้กับทุกผู้คน ทุกปีเกิด สามารถป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตลอดเวลาที่มีพระเครื่องของท่านพกพาอาราธนาติดตัวอยู่ เวลาดวงชะตาตกต่ำ ก็จะค้ำจุนไม่ตกอับจนเกินไป เวลาดวงชะตารุ่งโรจน์ ก็จะเสริมดวงชะตาให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น หลวงปู่เทียนท่านได้ถ่ายทอดวิชาผง ๑๒ นักษัตร์นี้ให้แก่ศิษย์ คือ หลวงพ่อลมูล โดยหลวงพ่อลมูลท่านจะทำพิมพ์ให้ต่างจากหลวงปู่เทียน และท่านก็ลบผงพุทธคุณเองด้วยเช่นกัน พระท่านน่าแขวน รุ่นเก่าๆหาก็ไม่ค่อยง่ายเช่นกัน ทางพื้นที่นิยมกันมากครับ จำไว้ว่าตะกรุดที่ฝังจะไม่เรียบร้อยเช่นกัน ม้วนไม่ค่อยกลมนะครับ พุทธคุณยอดเยี่ยมไม่เป็นรองอาจารย์ของท่าน ทั้งคงกระพัน มหาอุด มหานิยม เมตตา โชคลาภ ลูกศิษย์ทั้งหลายล้วนทราบกันดี หลวงพ่อลมูล ยังฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพีล หลวง่พอสังข์ วัดนากันตม เป็นต้น หลวงพ่อลมูล เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในพื้นที่ตั้งแต่ปี 2500กว่าๆ วัตถุมงคลของหลวงพ่อลมูล ก็มีประสบการณ์เยอะหมือนกัน เช่น เหรียญสองหน้าที่ด้านหลังเป็นรูปจอมพลสฤษดิ์ เหรียญรุ่นแรก หวงพ่อลมูล ปี 2510 พระสมเด็จฝั่งตะกรุด และพระปิดตาฝั่งตะกรุด คล้ายหลวงปู่เทียนแต่ด้านหลังจะเขียนว่า ส.พัฒนกิจ เป็นต้น พระเครื่องของท่านจะเด่นด้านแคล้วคลาด เมตตา คงกระพัน หลวงพ่อลมูล มีลูกศิษย์เยอะเหมือนกันโดยเฉพาะในสายทหาร ตำรวจ นับถือท่านมาก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่
    ฝังตะกรุด 2 ดอกเลี่ยมเก่าเปิดด้านหลัง

    ให้บูชา 950 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    ปิดรายการ

    IMG_20251231_004836.jpg IMG_20251231_004858.jpg IMG_20251231_004917.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2025 at 07:26
  8. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,404
    ค่าพลัง:
    +7,564
    ขอจองครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    504751-54d42.jpg

    หลวงปู่ดี จัตตมโล วัดพระรูป ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
    ประวัติหลวงพ่อดี มีนามเดิมว่า นายดี ศรีขำสุข เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2454 ที่บ้านคันลำ ต.ดอนตาล อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปั้น และ นางหรุ่น ศรีขำสุข มีพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง
    ในช่วงวัยเยาว์ ได้ติดตามพี่ชายคือ พระอาจารย์เผื่อน ปุสสชิโน (ศรีขำสุข) ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ มาอยู่อาศัยที่วัดพระรูป ได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาขอมกับ พระอาจารย์คง วัดไชนาวาส เขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี และเรียนหนังสือไทยกับ พระอาจารย์ช้าง เจ้าอาวาสวัดพระรูป
    ครั้นอายุ 23 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดไชนาวาส โดยมี พระครูสมณะการพิสิฐ (หลวงพ่อท้วม) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูถาวรสุวรรณคุณ (หลวงพ่อคำ) เป็นพระกรรม วาจาจารย์ และ พระอาจารย์บุญ วัดไชนาวาส เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังจากอุปสมบทได้อยู่จำพรรษาที่วัดพระรูป และมุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมวินัย สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี ในปี พ.ศ. 2524 ได้รับแต่งตั้งจากคณะสงฆ์จังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นเจ้าอาวาสวัดพระรูป
    พ.ศ.2488- หลวงปู่ดี ได้ร่วมกับคณะกรรมการวัด พระภิกษุ-สามเณร บูรณปฏิสังขรณ์สิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด เช่น กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ พระอุโบสถ
    พ.ศ.2513- หลวงปู่ดี ได้สร้างพระเครื่องและพระบูชาแบบต่างๆ เพื่อหาเงินสร้างวิหารพระพุทธไสยาสน์ โดยท่านได้ตั้งจิตอธิษฐาน จุดธูปเทียนบูชาพระ ชุมนุมเทวดา ก่อนปฏิญาณตนต่อหน้าพระพุทธรูป ว่า
    "ข้าพเจ้าขอสร้างพระชนิดต่างๆ เพื่อนำเงินมาบูรณะวัดพระรูป จะไม่นำเงินส่วนนี้มาใช้ส่วนตัวเป็นอันขาด ถ้าข้าพเจ้าเอาไปใช้ส่วนตัว ขอให้ตกนรกอย่าได้เกิดมาเป็นมนุษย์อีกเลย"
    หลวงปู่ดี วัดพระรูป ได้นิมนต์พระคณาจารย์ รวบรวมดอกไม้ร้อยแปด ว่านร้อยแปด แร่ธาตุต่างๆ และผงกรุต่างๆ นำมาสร้างพระเครื่องขึ้น ดังนี้ พระผงสุพรรณ, พระนางพญา, พระซุ้มกอ, พระสมเด็จ, พระรอด, พระกำแพงศอก, และโลหะพิเศษต่างๆ พระที่ชำรุด และมวลสารที่มีคนนำมาถวาย โดยมีพิธีพุทธาภิเษกครบไตร มาส 3 เดือนเต็ม จึงได้นำออกมาให้เช่าบูชา
    พระเครื่องทุกแบบ ทุกพิมพ์ ทุกรุ่น ที่หลวงปู่ดีสร้างปรากฏว่าได้รับความนิยม เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองสุพรรณบุรี จนกระทั่งถึงระดับประเทศ ได้ชื่อว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังระดับประเทศอีกรูปหนึ่ง ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา สามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ

    หลวงพ่อดีท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถและตั่งสัตย์ปฏิญาณว่า "ลูกไม่มีเงินที่จะพัฒนาวัด และเกินกำลังเหลือเกินจะขอสร้างวัตถุมงคลเพื่อหารายได้เข้าวัด ขอให้วัตถุมงคลนี้มีเมตตา บารมี และศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ผู้ที่มาเช่านำไปใช้เกิดศิริมงคล ลูกขอทำวัตถุมงคลนำเงินมาบูรณะวัดพระรูปให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

    ในการสร้างพระเครื่องพิมพ์ต่าง ๆ ท่านได้นำพระพิมพ์ต่าง ๆ ที่แตกหักจากเจดีย์ต่าง ๆ ทั่วเมืองสุพรรณ โดยเฉพาะพระชำรุดหักของวัดบ้านกร่าง วัดพระรูป และวัดมหาธาตุ พระผงสุพรรณ ฯลฯ มาเป็นส่วนผสมในมวลสาร

    การสร้างพระเครื่อง หลวงปู่ดี วัดพระรูป เวลาท่านทำพระเครื่องท่านจะกดพิมพ์เองกับมือวันหนึ่งทำไม่มากองค์หรอกครับ(เพราะเมื่อหมดฤกษ์ดี ยามดี ในแต่ละวันท่านก็หยุด)ท่านสร้างและเก็บไว้ เมื่อเกจิสมัยนั้นแวะเวียนมาหาท่าน ก็จะร่วมกันปลุกเสกด้วย (หลวงปู่โต๊ะ)(หลวงพ่อมุ่ย)ฯลฯ
    และนำเข้าพุทธาภิเศก ใหญ่อีกครั้ง ท่านสร้างพระเพราะต้องการให้ชาวบ้านได้ร่วมทำบุญและได้พระเครื่องไว้บูชาและนำเงินมาบำรุงวัดซึ้งในขณะนั้นวัดพระรูปได้ทรุดโทรมมาก
    เมื่อได้เพียงพอแล้วจะหยุดสร้างทันที ต่อมาท่านก็หยุดสร้างจริงๆ ไม่ได้สร้างทุกๆปี หรือตามวาระพรรษา รุ่นหลังๆเป็นลูกศิษย์ขอสร้างเนื่องจากจะซ่อมแซมวัด(จึงเป็นเหตุให้ผงสุพรรณและพระขุนแผน พระปิดตา รุ่นที่หลวงพ่อกดพิมพ์เองจริงๆแล้วมีจำนวนไม่มากนัก)แต่รุ่นหลังๆ พุทธคุณก็เหมือนกันทุกประการ
    ชาวเมืองสุพรรณและพื้นที่ใกล้เคียงล่ำลือกันว่า((จะมีผีเสื้อ ผึ้ง และนกหลายชนิด บินมาเกาะที่มือหลวงพ่อและอยู่ใกล้ๆ เวลาหลวงพ่อดีกดพิมพ์พระเครื่อง))
    เมื่อหมดฤกษ์ดี ท่านก็หยุด พระเครื่องของท่าน(จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ )ปัจจุบันยังมีผู้ชีวิตอยู่สามารถยืนยันเรื่องการสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ดี วัดพระรูปได้(ตามตำราโบราณ) สายตรงต่างทราบดี พุทธคุณดีด้านเมตตา มหาเสน่ห์ มหานิยมและอยู่ยงคงกระพันชาตรี มหาอุตม์ พุทธคุณดีทุกๆด้าน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จหลังยันต์ตรีนิสิงเหรอยพระพุทธบาทเนื้อผงน้ำมัน ปี๒๕๓๑

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    ปิดรายการ

    IMG_20251231_105142.jpg IMG_20251231_105205.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2025 at 19:05
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    1767156245936.jpg

    มาย้อนฟังประวัติ..เสือแดงกันอีกครั้งครับ
    #มาเล่าเรื่องราวอภินิหาร วัตถุมงคล และตระกรุดหลวงยันต์7อังคาร พ่อสุนทร วัดหนองสะเดา มีเล่าที่ลงหนังสือ พุทธานุภาพ ประจำเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2518 นายจันทร์แดง เป็นคนเพชรบูรณ์ แต่มามีภรรยาอีกคนอยู่ที่ บ้านหนองสะเดา ซึงเป็นลูกของสาวของผู้ใหญ่เฉื่อย ราชสมณะ แห่งบ้านหนองสะเดา อำเภอหนองแค อยู่กินกันมาอย่างราบรื่นจนมีลูกด้วยกัน จนถึงหน้าฝนของปี2512 นายจันทร์แดงก็มีปัญหากับนายประเสริฐ ญาติผู้ใหญ่เฉื่อย โดยนายประเสริฐกล่าวหาว่านายจันทร์แดงมีสติฟั่นเฟือน เป็นบ้า จนมีปัญหาในครอบครัว นายจันทร์แดงก็คิดมากจน เกิดการผิดปรกติทางจิตใจ จึงเข้าหาหลวงพ่อสุนทร มาบวชที่วัดหนองสะเดา ถวายตนเป็นศิษย์จนจิตใจเป็นปรกติจึงขอลาสึกจากพระ หลวงพ่อสุนทร จึงมอบตระกรุดให้2ดอกใว้ติดตัวป้องกันภัย เมื่อสึกแล้วนายจันทร์แดง ก็เดินทางกลับบ้าน แต่นายประเสริฐ์ยังไม่เลิกรังควาน จึงมีเหตุทะเลาะกันที่บ้านผู้ใหญ่เฉื่อย นายจันทร์แดงจึงใช้ปืนลูกซองยิงนายประเสริฐจนถึงแก่ความตาย ญาติของคนตายจึงไปแจ้งตำรวจที่สถานีตำรวจหนองแค มาจับกุม โดยมี จ.ส.ต.สวัสดิ์ ชัยระเบียบ ส.ต.อ.ทวี ส.ต.ท.สนั่น พร้อมเจ้าหน้าทีตำรวจอีกหลายสิบนายไปล้อมจับนายจันทร์แดง เกิดการปะทะยิงต่อสู้กันขึ้น ตำรวจยิงถล่มสาดกระสุนใส่บ้านจนหมดกระสุน จึงขอความร่วมมือไปที่ศูนย์การทหารม้าสระบุรี ขอกระสุนอีก300นัด มายิงถล่มอีกแต่ก็ไร้ผลยิงนายจันทร์แดงไม่ตาย จน ตำรวจมั้ง3นาย จ.ส.ต.สวัสดิ์ ส.ต.ทวี ส.ต.ท.สนั่น ถูกกระสุนปืนของนายจันทร์แดงเสียชีวิตทั้ง3คน การต่อสู้ครั้งนี้บัญชาการโดย พลตำรวจตรี จรุง เศวตนันทน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต2(อยุทธยา)และ พ.ต.ต.เผอิญ สวัสดิชัย เป็น ผบ.กอง อ.หนองแค(ขณะนั้นเป็นรอง ผกก.สมุทรสาคร) ใด้แจ้งการต่อสู้ครั้งนี้ไปยังกรมตำรวจ กรุงเทพฯ จึงใด้ส่งกำลังมาช่วยหนุน ส่ง ร.ต.อ.สมจิตร์ ธัญญะโชโต(จากค่ายนเรศวร)และกำลังตำรวจจากกรุงเทพอีกนับร้อยพร้อมด้วยสุนัขตำรวจ ร.ต.อ สมจิตร ใด้ขว้างระเบิดสังหารเข้าไปในบ้านจนเสาเรือนหักพังก็ไม่สามารถทำอะไรนายจันทร์แดงใด้ แม้กระทั่งยิงแก๊สน้ำตาก็ไม่สัมฤทธิ์ผลจึงขว้างระเบิดเพลิงเผาบ้านจนบ้านไหม้แทบทุกด้านยกเว้นด้านตะวันออก ไฟก็โหมมาใกล้ตัวนายจันทร์แดง นายจันทร์แดงจึงกระโดดหนีไฟตำรวจก็ระดมยิงหูดับตับใหม้ นายจันทร์แดงก็นอนฟุบลง เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปดู ปรกฏว่านายจันทร์แดงไม่มีบาดแผลใดๆเลยยกเว้นช้ำที่หัวไหล่2ข้างและรอยกัดที่ข้อมือของสุนัขตำรวจเล็กน้ ย แต่นยจันทร์แดงก็เสียชีวิต สาเหตุการตายน่าจากการอดอาหารอดน้ำมาหลายวัน ไม่มีบาดแผลใดที่ทำให้ตายใด้ ผลสำรวจบ้านฝาบ้านพรุนหมด แมวตายคาบ้านกระโถนแตกละเอียด จึงสร้างความประหลาดใจกับทุกคน ผลการชันสูตรศพ ในตัวไม่มีอะไรนอกจากตระกรุดอาจารย์สุนทร แค่2ดอก(ขณะนี้ทั้ง2ดอกจึงตกอยู่กับ นายมงคล กำนันหนองปลิง) นี่แหละคือความศักดิ์สิทธิ์ของตระกรุดของหลวงพ่อสุนทร ลูกศิษย์ของหลวงพ่อสุนทร ก็มี ท่านประมาณ อดิเรกสาร รองนายก รมต กลาโหม พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธ์คงชื่น เป็นต้น

    ประวัติพระครูโสภณถิรคุณ (หลวงพ่อสุนทร จนฺทเถโร) เจ้าอาวาสวัดหนองสะเดา ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี ชาติกำเนิดเดิมเป็นชาวกัมพูชา ในตระกูล "วัฒนาสาคร" โยมบิดาชื่อ "คง วัฒนาสาคร" โยมมารดาชื่อ "ริม คงควร" เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๖ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน ๕ คน คือ หลวงพ่อสุนทร จนฺทเถโร, นายจอน วัฒนาสาคร, นายหอม วัฒนาสาคร, น.ส.ราย วัฒนาสาคร และน.ส.สุวรรณ วัฒนาสาคร

    ครอบครัวของหลวงพ่อประกอบอาชีพทำนาและค้าขายในหมู่บ้าน สมัยนั้นท่านมักจะเที่ยวเล่นอยู่ในวัดตามประสาเด็กในชนบท จวบจนท่านอายุได้ ๑๒ ปี จึงได้ขอโยมบิดามารดาบรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดเวียนเภา ต.โพธิ์เรียง อ.โพธิ์เรียง จ.ไปรแวง ประเทศกัมพูชา เมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเดิม โดยมีหลวงพ่อสุย ซึ่งเป็นสหายธรรมกับพระเทพรัตนากร วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์

    เมื่ออุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับหลวงพ่อสุย ๑ พรรษา ในขณะเดียวกันบ้านเมืองกัมพูชาได้เกิดความแตกแยกและมีสงคราม ไม่เหมาะที่จะอยู่ปฏิบัติธรรม ประกอบกับเกิดความเบื่อหน่ายสังคมบ้านเมือง จึงคิดที่จะออกธุดงค์ เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหรือเกี่ยวข้องกับทางโลก ท่านได้ตัดสินใจออกจากบ้านเกิด โดยเดินธุดงค์มุ่งหน้าสู่เมืองไทย ผ่าน อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี

    ตลอดเส้นทาง ท่านได้แวะพักจำพรรษาตามวัดต่างๆ เช่น วัดหนองหัวลิง, วัดหนองตะเข้, วัดเสนานฤมิตร, วัดหนองตาน้อย, วัดกระทงลอย และวัดหนองสะเดา ต.หนองปลิง อ.หนองแค จ.สระบุรี

    ที่วัดแห่งนี้ท่านได้จำพรรษาเป็นการถาวร เพราะเห็นว่าเป็นสถานที่สงบ ไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม โดยอาศัยโบสถ์หลังเก่าเป็นที่จำพรรษา และประกอบกิจทางศาสนา ซึ่งขณะนั้นมีพระครูสุวรรณ เขมโก เป็นเจ้าอาวาส

    ต่อมาพระครูสุวรรณ ได้ลาสิกขา ชาวบ้านจึงได้นิมนต์ท่านขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนจนถึงทุกวันนี้

    ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองสะเดา ท่านได้รับความเมตตาและความไว้วางใจจากพระครูสรกิจพิจารณ์ (หลวงพ่อผัน) วัดราษฎร์เจริญ (วัดแปดอาร์) เช่น ให้ท่านลงอักขระตะกรุด และจัดทำเครื่องรางให้หลวงพ่อผันอยู่เสมอ

    หลวงพ่อสุนทร ได้ปฏิบัติศาสนกิจและบำรุงพระพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง จนปี ๒๕๓๘ ท่านได้ดำริที่จะก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา แต่ยังขาดปัจจัยที่จะดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากเป็นวัดบ้านนอก ด้วยข้อจำกัดนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรค ท่านตัดสินใจเดินหน้าก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ ด้วยคิดว่าเมื่อตั้งใจทำแล้วการใดที่เป็นบุญเป็นกุศลก็ต้องทำให้สำเร็จ

    ท่านบอกว่า หลังจากเริ่มก่อสร้างแล้วเหมือนปาฏิหาริย์ ได้มีคณะศิษย์ที่ทราบข่าวต่างร่วมอนุโมทนาและเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงาน จนการก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี ๒๕๓๙ และได้เฉลิมฉลองจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตในปีต่อมา นับว่าหลวงพ่อสุนทร ท่านได้อุทิศทั้งแรงกายและแรงใจในการที่จะทำนุบำรุงและบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสมบัติและศาสนสถานไว้เป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลังสืบไป

    โดยปกติ หลวงพ่อสุนทร ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ พูดน้อย ถ้าคนที่ไม่คุ้นเคยหรือใกล้ชิดมักจะฟังท่านพูดไม่ถนัด ต้องถามย้ำอยู่เสมอ

    แต่เป็นเรื่องแปลก ไม่ว่าท่านจะให้ศีลหรือให้พรผู้คนส่วนใหญ่จะได้ยินถนัด ด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดเสมอ

    หลวงพ่อมีความเมตตามาก จะเห็นได้จากทุกครั้งที่ลูกศิษย์มากราบไหว้ท่าน และขอของดีจากท่าน ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด หรือวัตถุมงคลใดๆ โดยเฉพาะ "สีผึ้ง" ที่ท่านหุงเอง ท่านจะหยิบให้เสมอ โดยไม่ต้องมีปัจจัยทำบุญแต่อย่างใด

    ศิษย์หลวงพ่อสุนทรวัดหนองสะเดา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระสมเด็จจัมโบ้สรงน้ำฝังตะกรุดทองแดง ขนสดประมาณ ๕ ซม.×๓.๕ ซ.ม.

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20251231_113512.jpg IMG_20251231_113536.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    FB_IMG_1767158257903.jpg FB_IMG_1767158263176.jpg FB_IMG_1767158260397.jpg

    ผู้ใดปรารถนา ค้าขาย ให้มีกำไร พึงให้บูชา "ลื่อตงปิง โจวซือ" แห่งวิหารเซียน

    ประวัติเซียน ลื้อท๊งปิง วิหารเซียน จ.ชลบุรี

    อันนี้ออกตัวก่อนว่าเอามาจากพี่ช้าง ในเว็บๆนึงนะครับ ไม่ใช่ความรู้ของผมแต่อย่างใด ลองอ่านดูครับ (คำว่า "ผม" ในที่นี้คือ คุณช้าง คนที่ข้อมูลมานะครับ ไม่ใช่ตัวข้าน้อย)

    กระผมเคยคุยกับท่านอ.สง่า ที่เป็นผู้ก่อตั้งวิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปินสามารถสื่อกับท่านได้โดยทางจิตแต่ท่านไม่เคยเห็นตัวองค์ท่าน ทางนิมิตเลย ท่านบอกว่าตำแหน่งของท่านลื่อตงปินมีหน้าที่เหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยมี หน้าที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยและปรามปรามผู้ร้าย

    มูลเหตุที่ท่านได้รู้จักกับองค์ท่านนั้นเนื่องมาจากคุณแม่ของอ.สง่าท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหาซินแสหรือหมอแผนปัจจุบันมาหลายท่านก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับท่านอ.สง่าในสมัยนั้นไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้าทรงเจ้าต่างๆท่านไม่เชื่อเลย แต่เมื่อเป็นความต้องกรของญาติๆก็เลยได้แตลองทำดูเพราะไม่มีวิธีอื่นแล้ว จนวันหนึ่งได้เชิญคนทรงมาซึ่งคนทรงนี้ตามปกติจะไม่ใช่ร่างทรงของท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพองค์อื่น แต่วันนั้นพอทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปินก็มาประทับทรงทันทีและก็อกว่าจะช่วยให้คุณแม่ของอ.สง่าลุกเดิน ได้หายภายใน3เดือน แต่มีข้อแม้ว่าอ.สง่าจะต้องทำงานรับใช้ท่าน ซึ่งท่านอ.สง่าก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้าให้เป็นร่างทรงแบบนี้ท่านไม่เอาและ ท่านก็ไม่เคยศึกษาศาสตร์แนวนี้มาก่อน ม่านลื่อตงปินก็บอกว่าไม่เป็นไรท่านจะคอยช่วยบอกให้เองว่าจะต้องทำอะไร แล้วท่านก็ขียนฮู้ให้ อ.สง่าเก็บไว้เผาให้คุณแม่ของท่านละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอครบ3เดือนคุณแม่ท่านก็แข็งแรงเป็นปรกติเดินได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปินก็มาทวงสัญญาอ.สง่าจึงต้องยอมทำงานรับใช้ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่านกับอ.จะสื่อสัมผัสทางใจกัน เหมือนเป็นอ.กับลูกศิษย์ อภินิหารขององค์เซียนลื่อตงปินที่วิหารเซียนมีเยอะครับ เอาไว้มีเวลาจะมาเล่าเป็นเรื่องๆไปครับ เช่นเรื่องตอนช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอนไฟไหม้โรงแรมที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการของเจ้าของผลิตภัณฑ์จากไก่รายใหญ่ ตอนช่วยเจ้าของตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วยแบงค์กสิกรที่จะล่มช่วงIMF

    อีก อย่างหนึ่งคือเพื่อนผมคนหนึ่งเขาบูชาพระผงท่านลื่อตงปินจากที่วิหารเซียนที่ ชลบุรีไป วันหนึ่งก็เจอนักจับพลังพระ ขณะที่นักจับพลังพระกำลังตรวจพระของคนอื่นอยู่ว่าดียังไง จู่ๆเขาก็หันมาที่เพื่อนของกระผมแล้วถามว่เขาห้อยพระอะไรอยู่(พระอยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอก)เพราะเขาเห็นรัศมีสีชมพูพุ่งออกมาดีทางเมตตาร่มเย็น และพลังนี้หมุนวนกลับไปกลับมาเหมือนหยินและหยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอบบนี้เขาก็เลยขอดูพระของเพื่อนผม พอเขาเห็นพระเเล้วเขาก็เลยหายสงสัยว่าทำไมจึงมีพลังแบบนี้ พระนี้คิดว่าที่ทางวิหารเซียนยังมีอยู่นะครับ ผมเองยังเคยไปงานวันที่เขาอัญเชิญท่านองค์ลื่อตงปินมาประทับทรงที่วิหาร เซียนเลย

    สมัยที่สร้างวัดญาณสังวรวราราม ชลบุรีใหม่ๆนั้น ได้ประสบปัญหาและอุปสรรคนานาชนืดทั้งที่เกิดจากคนงานก่อสร้าง และจากสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน จึงได้เชิญผู้ที่มีสมาธิจิตดีมาตรวจดูว่าเป็นเพราะเหตุใด ก็พบว่าบริเวณที่สร้างวัดนั้นมีความสัมพันธ์กับพระนเรศวรมากและมีดวงวิญญาณ ของผู้ที่ตายจากสงครามอยู่มากเป็นเหตุให้กานทำงานมีอุปสรรค ความทราบถึงองค์สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชท่านก็เลยได้เดินทางาทำ พิธีแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้นด้วยพระองค์เองแต่ปรากฏว่า ยิ่งแผ่เมตตาก็ยิ่งมีดวงวิญญาณพากันมามากขึ้นจนท่านต้องมีบัญชาให้ไปตามตัว ซินแสสง่า(ผู้ก่อตั้งวิหารเซียน)มาช่วยตรวจดูให้ ซึ่งเมื่อท่านมาตรวจดูแล้วก็รู้ว่าจุดที่สร้างวัดเคยเป็นที่เดินทัพและเกิด สงครามมาก่อน ท่านจึงได้เผาฮู้ตรงใจกลางของที่นั้นซึ่งก็ได้มีคนที่ตาดีได้เห็นองค์ท่าน ลื่อตงปินสด็จมาบนหลังมังกร ซึ่งเมื่อท่านมาถึงพวกวิญญาณทั้งหลายก็กระเจิงหมด ซึ่งสถานที่ท่านได้เผาฮุ้นั้นได้กลายเป็นใจกลางพระอุโบสถในปัจจุบันนี้ครับ

    สำหรับพระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากชื่อ"พระ พุทธหทัยนเรศวร์"สร้างขึ้นจากฝาบาตรพระที่ลงอักขระถึง84000ฝาด้วยกัน อีกทั้งยังได้อัญเชิญเทพระดับพรหมมารักษาพระพุทธรูป และภายในองค์ท่านยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุถึง84000องค์ ซึ่งเท่าที่ผมทราบมาน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมากที่สุด เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุเกือบเต็มบาตรพระเลยครับ ใครผ่านไปก็ลองแวะไปขอพรท่านดูนะครับและอย่าลืมแวะชมวิหารเซียนกับพระพุทธ รูปเขาชีจรรย์ที่แกะสักด้วยเลเซอร์ด้วยครับ

    ช่วงที่สร้างวัดญาณสังวรใหม่ๆ นอกจากจะประสบปัญหาจากดวงวิญญาณเก่าแก่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องเวลาฝนตกแล้วน้ำจะท่วมถนนทางเข้าขาดทำให้การก่อสร้างต้อง หยุดชะงักและไม่คืบหน้า ทางอ.สง่าได้พิจารณาดูแล้วพบว่าเขาที่อยู่เบื้องหลังของวิหารเซียนในตอนนี้ (ตอนนั้นวิหารเซียนยังไม่ได้ก่อตั้ง)เป็นที่อยู่ของมังกรเขียวที่ดุร้ายตัว หนึ่งเวลาฝนตกจะชอบออกมาเล่นน้ำฝนเป็นประจำ จึงทำให้เกิดน้ำท่วมทางขาดเป็นประจำ มังกรเขียวตัวนี้มีหน้าที่เฝ้าบ่อเงินกับบ่อทอง(ตอนนี้ได้กลายเป็นที่ตั้ง ของวิหารเซียนไปแล้ว)ท่านจึงมีความคิดที่จะปิดปากถ้ำพญามังกรตัวนี้ไว้ ซึ่งท่านลื่อตงปินก็ได้มาแนะนำว่าให้เอาดินทับฟ้าไว้จึงจะปิดปากถ้ำไม่ให้ พญามังกรตัวนี้ออกมาอาละวาดได้ ดังนั้นถ้าใครพอมีความรู้เรื่องฮวงจุ้ยจะต้องเคยเห็นรูปปลาดำปลาขาว (สัญลักษณ์หยิน-หยางที่หน้าอกนักพรตไท้ก๊ก)ซึ่งแทนความหมายฟ้า-ดิน โดยสีขาวหมายถึงฟ้า สีดำหมายถึงดิน ตามปกติเครื่องหมายนี้สีขาวจะต้องอยู่ข้างบนและสีดำจะต้องอยู่ข้างล่าง แต่ที่วิหารเซียนจะกลับกันจากที่อื่นคือสีดำจะอยู่บนสีขาวจะอยู่ข้างล่าง เคยมีนักดูฮวงจุ้ยชื่อดังที่รับดูฮวงจุ้ยเป็นอาชีพได้ไปที่วิหารเซียนและ เคยปรามาสท่าน อ.สง่าว่า ไม่รู้จริงสร้างผิดหลัก ท่านก็ได้แต่หัวเราะไม่ว่าอะไร ท่านมาเฉลยให้ผมฟังว่าที่ท่านทำอย่างนี้พื่อจะได้เอาดินทับฟ้าสะกดปิดปากถ้ำ มังกรเขียวไว้นั่นเอง และตอนนี้มังกรเขียวตัวนั้นก็ได้กลายเป็นพาหนะของท่านลื่อตงปินไปแล้ว อ.สง่าท่านจึงเขียนฮู้มังกรเขียวแจกฟรี ใครสนใจไปขอได้ที่วิหารเซียนครับ และมีอย่างผ้ายันต์มังกรเขียวด้วย ท่านบอกว่าถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรให้เผาฮู้กลางแจ้งจุดธู)บอกองค์เซียน ลื่อตงปินท่านแล้วอธิษฐานครับ

    ฮู้นี้มีผู้เคยประสบเหตุบ่อย ๆ คือมีอยู่ท่านหนึ่งได้รับฮู้แบบผ้ายันต์ไปซึ่งตามปกติท่านจะแจกแบบกระดาษซะ เป็นส่วนใหญ่ ก็พับเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ ระหว่างทางขับรถกลับบ้านก็ประสบอุบัติเหตรถพังยับแต่ตนเองไม่เป็นอะไร ก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่เมื่อกลับไปถึงบ้านเอาอู้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อปรากฏว่า ฮู้ขาดเป็นสองท่อน ก็เลยรีบมาเล่าให้ท่านอ.สง่าฟัง ท่านก็บอกว่ามังกรเขียวเขาออกไปรับแทนไม่งั้นจะเจ็บหนักแน่ ที่น่าแปลกคืออู้นั้นเป็นผ้ายันต์แต่ขาดเหมือนโดนฉีกออกจากกันอย่างแรง ผมเองเคยได้มาเป็นปึกๆสมัยท่านยังอยู่แต่ก็แจกไปซะเกือบหมดแล้ว อย่างกระดาษคิดว่าที่วิหารเซียนยังคงมีอยู่แต่แบบผ้ายันต์ไม่แน่ใจครับ

    วิหารเซียนอยู่เลยพัทยาไปหน่อยครับ(ถ้าไปจากกทม.)ไปทางบางเสร่ ทางเข้าทางเดียวกับทางไปวัดญาณสังวรวรารามและพระพุทธรูปเขาชีจรรย์ ทั้ง3แห่งอยู่ละแวกเดียวกันหมดครับ แต่จะถึงวิหารเซียนก่อนถึงวัดครับ ถามคนที่นั่นรู้จักหมดครับเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจะมีทัวร์ต่างชาติโดย เฉพาะพวกไต้หวัน จีนมาลงแทบทุกวันครับ ถ้าไปแล้วก็แวะกราบให้หมดทั้ง3แห่งนะครับ โดยเฉพาะที่วัดญาณสังวรนอกจากมีพระพุทธญาณนเรศวร์ที่ศักดิ์สิทธิ์เพราะสร้าง จากฝาบาตรที่ลงอักขระ84000ฝาแล้ว ยังบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอีกถึง84000องค์ เสร็จแล้วก็ไปกราบชมพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุและพระธาตุอรหันตสาวกในสมัย พุทธกาล(เขาโชว์พระธาตุให้เห็นในตู้กระจกด้วยครับ เรียกว่าได้มองเห็นกันแบบใกล้ๆเลย) แล้วก็ขึ้นเขาไปกราบพระมณฑปรอยพระพุทธบาทบนเขาด้วยครับ เรียกว่าไปครั้งเดียวคุ้มครับ อีกอย่างไปจากกทม.ก็นั่งรถประมาณชั่วโมงครึ่งเองครับ

    เทพเจ้าลือท่งปิง
    อาจารย์เซียนสง่า กุลกอบเกียรติ วิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ประวัติ เซียน ลื้อตงปิงวิหารเซียน จ.ชลบุรี
    ท่าน อ.สง่า กุลกอบเกียรติ ผู้ก่อตั้ง วิหารเซียนที่ชลบุรี ท่านบอกว่า องค์ลื่อตงปิง สามารถสื่อ กับท่านได้โดย ทางจิต แต่ ท่าน ไม่เคยเห็น ตัว องค์ท่าน ทางนิมิต เลย ท่านบอกว่า ตำแหน่ง ของ ท่านลื่อตงปิน มีหน้าที่เหมือน รัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย มี หน้าที่คอยดูแล ความสงบเรียบร้อย และ ปรามปรามผู้ร้าย
    มูลเหตุ ที่ท่านได้รู้จัก กับองค์ท่าน ลื้อตงปิน นั้นเนื่องมา จากคุณแม่
    ของ อ.เซียน สง่า ท่านป่วย เป็นโรคทานอะไรไม่ได้ ทำให้ไม่มีกำลังแม้แต่จะ ลุกยืน ตอนนั้นพวกญาติท่านก็พาไปหา ซินแส หรือ หมอแผน ปัจจุบันมา หลายท่าน ก็ไม่ดีขึ้น ประจวบกับ ท่านอ.เซียน สง่าในสมัยนั้น ไม่ค่อยเชื่อในเรื่องการเผาฮู้ ต้มกินแล้วจะ หาย ยิ่งพวกเข้า ทรงเจ้า ต่างๆท่านไม่เชื่อ เลย แต่เมื่อเป็น ความต้องการ ของ ญาติๆก็เลยได้แต่ ลองทำดูเพราะ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
    จนวันหนึ่งได้เชิญ คนทรงมา ซึ่งคนทรง นี้ตามปกติจะไม่ใช่ ร่างทรงของ ท่านองค์ เซียนลื่อตงปิน แต่เป็นร่างทรงเทพ องค์อื่น แต่วันนั้นพอ ทำพิธีอัญเชิญปั๊บ ท่านลื่อตงปิน ก็มาประทับทรง ทันที และ ก็บอกว่าจะ ช่วยให้คุณแม่ ของ อ.เซียน สง่า ลุกเดิน ได้หายภายใน 3 เดือน แต่มีข้อ แม้ว่า อ.เซียน สง่า จะต้องทำงาน รับใช้ท่าน ซึ่งท่าน อ.เซียน สง่า ก็ได้ถามว่าจะให้ทำอะไรถ้า ให้เป็นร่างทรง แบบนี้ ท่านไม่เอา และ ท่านก็ไม่เคย ศึกษาศาสตร์ แนวนี้ มาก่อน ท่านลื่อตงปิน ก็บอกว่าไม่เป็นไร ท่านจะ คอยช่วยบอก ให้เองว่าจะ ต้องทำอะไร แล้วท่าน ก็เขียนฮู้ ให้ อ.เซียน สง่า เก็บไว้เผา ให้ คุณแม่ ของ ท่าน ละลายน้ำดื่ม ซึ่งก็ปรากฏว่าพอ ครบ 3 เดือน คุณแม่ท่านก็แข็งแรง เป็นปรกติเดิน ได้ดังเดิม ท่านลื่อตงปิน ก็มา
    ทวงสัญญา อ.เซียน สง่า จึงต้อง ยอมทำงานรับใช้ ท่านสงเคราะห์มนุษย์ โดยที่ท่าน กับ อ.เซียน สง่า จะสื่อ สัมผัสทางใจ กัน เหมือนเป็น อาจาร.กับลูกศิษย์ อภินิหาร ขององค์ เซียนลื่อตงปิน ที่วิหารเซียนมี เยอะ เอาไว้มีเวลา จะมาเล่า เป็นเรื่องๆไป
    เช่นเรื่อง ตอน ช่วยสร้างวัดญาณสังวร ชลบุรี ตอนปราบมังกรเขียว ตอน ไฟไหม้โรงแรม ที่พัทยา ตอนที่ช่วยกิจการ ของเจ้าของ ผลิตภัณฑ์ ไก่
    รายใหญ่ CP ตอนช่วย เจ้าของ ตึกใบหยกทาวเวอร์ ตอนช่วย แบงค์กสิกร ที่จะ ล่มช่วง IMF
    อีก อย่างหนึ่งคือ มีคนหนึ่งเขาบูชา พระผงท่าน ลื่อตงปิน จากที่ วิหารเซียน เมื่อ ครั้ง อ.สง่า ยังมีชีวิต ไป
    วันหนึ่ง ก็ไป เจอ นักจับ พลังพระ ขณะที่นักจับ พลังพระกำลัง ตรวจพระ ของคนอื่น อยู่ว่า ดียังไง จู่ๆเขาก็หันมา ที่ ชายคนนี้ แล้วถาม ว่า เขา ห้อยพระอะไรอยู่
    (พระ อยู่ใน เสื้อ ไม่ได้ห้อย ออกมาข้างนอก)
    เพราะเขาเห็น แสง รัศมี สีชมพู พุ่งออกมาดีทางเมตตา ร่มเย็น และพลังนี้ หมุนวน กลับไปกลับมา เหมือน หยิน และ หยาง ซึ่งตั้งแต่เขาตรวจพระมาไม่เคยเจอ แบบนี้ เขาก็เลยขอดู พระ พอเขาเห็นพระ แกเลย หายสงสัย ว่าทำไมจึงเกิด มีพลังแบบนี้ได้ เจอ พลังสายญาณเทพเจ้าจีน ครั้งแรก ต้องทึ้ง เพราะ แรง จริง
    และ มีพระเกจิชื่อ ดังทาง ภาคตะวันออก ไม่ขอ เอ่ยนาม มีโยมไปขอ ของดี ท่านบอกกลับไปที่ บ้านโยม นะ มีของดีอยู่ ไปค้นดูดีดี ละ
    คนจีน มีหนวด ยาว ถือแส้ คุ้มครองบ้านโยม พอ
    กลับบ้านไป ค้นดู เจอพระผง ตามรูป ถึงรู้ ตรงตาม ที่พระ ท่านบอกไว้ จริง อัศจรรย์
    วันที่ไคกวง พระผง ชุดนี้ ท่าน อ.สง่า ได้ อัญเชิญ ญาณ ท่าน องค์ลื่อตงปิน มา ประทับทรง ปลุกเสก ที่ วิหารเซียน ครั้งนั้น พิธี ยิ่งใหญ่ ที่สุด คนที่ได้รับไปนั้น เกิดประสบการณ์ ปาฏิหาริย์ เพียบ โดนผีเข้า เจ้าที่แรง ห้อย พระผงไป ร้อง หนี บอกว่า กลัวแล้ว อย่าเข้ามา ร้อน ร้อน แคล้วคลาด จากเที่ยวบิน มรณะ องค์ลื้อตงปิ่น ดลจิตดลใจ ให้ยกเลิก ในการเดินทาง อธิษฐานขอเงินได้เท่าไร ได้เท่าใด ไม่ขาดไม่เกิน เศษเกินไม่มี เหลือเชื่อ มากมาย

    พระผงพระวิสุทธิเทพ “ ลื่อตงปิน ”โจวซือ รุ่นแรก ปี 2536อเนกกุศลศาลา (วิหารเซียน) ชลบุรี พิมพ์ใหญ่
    เพื่อเป็นที่ระลึกในการที่พระบาทสมเด็จพระดเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเนื้ออัลปาก้าสวยเดิมพิมพ์ใหญ่

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    ปิดรายการ

    IMG_20251231_122353.jpg IMG_20251231_122426.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2025 at 17:48
  12. pei

    pei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    800
    ค่าพลัง:
    +2,872
    จองครับ
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    รับทราบครับขอบคุณครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    13,917
    ค่าพลัง:
    +21,459
    view_resizing_images.jpeg
    สืบหาพระเครื่องดี
    หลวงพ่อดำ จันทสาโร (พระครูนิภาวิหารกิจ) วัดนภาราม อ.ตากใบ จ.นราธิวาส
    January 11, 2018 Ampol Jane
    ถึงตรงนี้ได้มีภาพประกอบที่ฉบับที่แล้วขาดเขินลงไม่ครบมาลงให้ดูเป็นการทดแทน ทั้งรูปไม้ครูหรือไม้เท้าพระเวสสุวรรณ ที่คงกระบวนการสร้างตามแบบเดิมของบรมครูหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อดำทุกประการ

    คุณสมบัติของไม้ครูนั้นได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมว่ามีตบะเดชะกว่าคนทั้งหลาย ใช้ในทางปกครองบริวารดีมาก เข้าหาผู้ใหญ่ ติดตามหนี้สิน ทั้งเจรจาชนะใจคนทั้งปวง บังเกิดลาภสักการะ เกิดโภคทรัพย์เงินทองซื้อง่ายขายคล่อง ตามแต่จะตั้งจิตอธิษฐาน คุณานุภาพอันแคล้วคลาดจากอุปัทวเหตุเพทภัยก่อความรุ่งเรืองให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ

    แต่น่าเสียดายที่ไม้ครู 46 ด้าม ที่ทำขึ้นโดยดำริของหลวงพ่อดำตอนหลังสุดนี้ได้หมดไปก่อนแล้ว

    คงต้องรอลุ้นรุ่นที่ 2 กันต่อไป ซึ่งแว่ว ๆ ว่าจะทำขึ้นมาอีกโดยหล่อหัวไม้ครูด้วยเงินแทนการกลึงหัวด้วยทองเหลือง

    ขอให้ผู้สนใจติดตามกันต่อไป

    หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม จ.นราธิวาส
    หลวงพ่อดำ จันทสาโร เกิดเมื่อปี 2484 ที่ตำบลพร่อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส บวชที่วัดนภาราม และเป็นนักธุดงค์ไกลอีกรูปหนึ่ง โดยร่วมทางไปกับพระอาจารย์เทอม วัดเจาะไอร้อง จนตลอดทั้งภาคเหนือ อีสาน และล้ำเข้าไปในแดนเขมร

    ตอนผ่านสุโขทัย ก็ได้ฝากตัวศึกษาวิชาอาคมอยู่กับหลวงพ่อปี้ วัดลานหอย แต่ที่ได้ศึกษากันจนถึงแก่นจริง ๆ ก็กับหลวงพ่อดี วาจาสิทธิ์ วัดสังฆาสิทธาราม ต.ตันหยงมัส จ.นราธิวาส และกับหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน มาเลเซีย

    หลวงพ่อดำเล่าว่าอาจารย์ไร้ชื่อของท่านก็มีอยู่ ซึ่งได้ทำการแลกเปลี่ยนวิชาอยู่มากมายพอแยกจากกันแล้วก็ไม่เคยได้พบกันอีก เช่นวิชาทำปลัดขิก ก็ได้จากพระนิรนามรูปหนึ่งในภาคเหนือ ซึ่งปลัดขิกนั้นก็ได้ทำสืบต่อมาจนทุกวันนี้ และปรากฎอิทธิฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือ

    หลวงพ่อดำ ทำปลัดขิกครั้งแรกราว ๆ ปี 2508 ส่วนใหญ่ทำจากเนื้อไม้รัก ไม้ราชพฤกษ์ และไม้กัลปังหา ที่ทำด้วยงาช้างก็มีอยู่ แต่ว่าน้อยมาก หมู่ศิษย์จะเรียกปลัดขิกของหลวงพ่อว่าปลัดเรดาร์ หรือปลัดเตือนภัย

    มูลเหตุที่เกิดชื่อแปลก ๆ นี้ก็เนื่องจากว่า ศิษย์ท่านหนึ่งรับปลัดจากหลวงพ่อแล้วก็ทำตามคำสั่งของท่านว่า ให้แขวนไว้ที่เอวด้านขวา เวลาเกิดมีอาการคันยิบ ๆ ตรงผิวหนังด้านที่แขวนปลัดขิกก็ห้ามถอดปลัดขิกออกจากเอวเด็ดขาด

    ลูกศิษย์ท่านนี้ได้เกิดอาการคันดังกล่าวจนถึงกับออกปากให้แก่เพื่อนพ้องฟัง และเมื่อเข้าห้องน้ำก็ถอดออก เสร็จธุระแล้วลืมไว้ที่ห้องน้ำ พอกลับบ้านก็ถูกคนร้ายยิงตายที่หน้าบ้านตนเอง

    หลวงพ่อยังได้เล่าถึงวิชาอีกอย่างหนึ่งคือวิชาเสกดอกจำปาบินได้ ซึ่งท่านได้เล่าเรียนมาจากพระภิกษุนิรนามอีกรูปหนึ่ง สมัยธุดงค์ผ่านสระบุรี ท่านว่าเสกดอกจำปาให้บินไปหาสาวแล้วสาวจะมาหาด้วยความรัก เสียแต่ว่าท่านเป็นพระจึงทำไม่ได้ แต่ว่าวิชานี้ก็ยังไม่ลืม ยังทำได้แต่ไม่ทำ

    นับว่าแปลกไม่น้อย

    ข้อนี้ทำให้มองเห็นภาพว่าหลวงพ่อดำท่านเป็นพระที่รอบรู้สรรพวิชาอีกองค์หนึ่ง วิชาใด ๆ ที่ท่านยังไม่เปิดเผยให้หมู่ศิษย์คงจะยังมีอยู่อีกมาก

    เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้เกิดเรื่องน่าทึ่งอยู่เรื่องหนึ่งคือ นายไวกูร รัญเสวะ อายุ 34 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งโพรงจมูกใต้เส้นประสาทตา อาการของผู้ป่วยจะปวดไปทั้งหน้าขึ้นถึงศีรษะ ปวดอย่างปวดฟัน มีไข้ขึ้นสูง ตาซ้ายมองไม่เห็นอะไรเลย มีเลือดสีแดงปนดำไหลออกมากถึงวันละประมาณ 1 แก้ว ระยะหลังเลือดจะมีกลิ่นคาวคลุ้งอย่างรุนแรง ได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าโอกาสรอดมีเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่น้อย ซึ่งภรรยาที่เป็นพยาบาลถึงกับกู้หนี้ยืมสินหาเงินมาทำการรักษาจนสุดความสามารถ

    เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาหมดหวังแล้ว จึงมากราบหลวงพ่อดำ ซึ่งท่านได้เอาเหล็กจาร 3 ด้าม มัดรวมกันด้วยสายสิญจน์จารอักขระลงบนกระหม่อมนายไวกูร พร้อมกับสั่งว่า
    “ชะตาเอ็งไม่ขาด ไม่ตายแน่ และไม่ต้องกลับมาหาข้าอีก”

    ทุกวันนี้อาการของนายไวกูร พ้นวิกฤติ สุขภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ จนมีความศรัทธาในองค์หลวงพ่อดำเป็นที่สุด แม้เงินทองไม่คล่องตัวก็ยังสู้อุตส่าห์ขอเช่าพระปิดตาปรกงูเนื้อพิเศษที่แพงมากคือ องค์ละ 2 พันบาท จากคุณอภิชาติ จุฬาสินนท์ ไป 2 องค์ แถมด้วยไม้ครูอีกหนึ่งด้ามด้วย

    นายไวกูร ปัจจุบันแข็งแรงจนประกอบอาชีพได้ด้วยการขับรถตู้ปรับอากาศสายนราธิวาส – หาดใหญ่ ให้กับบริษัทโซเฟียทรานสปอร์ต นายไวกูรมีบ้านพักอยู่ที่ 35/8 ถ.ประชาพัฒนา อ.เมือง จ.นราธิวาส ใครสนใจสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อนายไวกูรได้

    เกี่ยวกับพระปิดตาปรกงูที่ได้ลงเรื่องไว้ตอนที่แล้วนั้น จะได้อธิบายเพิ่มเติมว่าที่คณะศิษย์โดยคุณอภิชาติ จุฬาสินนท์ แกนนำได้มีศรัทธาสร้างถวายเพื่อตอบแทน แก่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างศาลาพิพิธภัณฑ์อเนกประสงค์ของวัดนภาราม เมื่อต้นเดือนตุลาคมได้มีกฐินคณะใหญ่ลงที่วัด คนมาเลเซียมากันมาก พระปิดตาปรกงูพร่องลงไปอย่างรวดเร็ว ได้เงินเข้าวัดเฉพาะวันนั้นวันเดียวประมาณ 2 แสนกว่าบาท นับว่าน่ายินดียิ่ง

    มูลเหตุที่ทำเป็นรูปพระปิดตาปรกงูมีอยู่ว่า งูเป็นปีเกิดของหลวงพ่อดำ คุณอภิชาติ อยากให้มีรูปงูปรากฏในองค์พระด้วยและได้เคยเห็นปิดตาปรกงูของหลวงปู่พรหมมา เขมจาโรก็เกิดจับใจอยากให้คงลักษณะอันนั้นไว้ จึงมอบหมายให้ผมเป็นผู้ออกแบบสร้าง และเมื่อทำได้สำเร็จแล้ว พระเดินทางไปถึงมือหลวงพ่อดำก็ถึงกับอุทานว่าเป็นของแปลกที่บังเอิญมาเกิดตรงกัน คือสมัยดั้งเดิมวัดนภารามเคยมีพระบูชารูปพระปิดตาปรกงู เหมือนอย่างนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

    เรื่องนี้ผมเองไม่ทราบมาก่อนเช่นกัน จึงถือเป็นเรื่องบังเอิญดังที่หลวงพ่อกล่าว

    ทางใต้ไม่เรียกพระปิดตา พิมพ์นี้ว่า พระปิดตาปรกงู แต่เรียกว่าปิดตาพังพกานต์ (ไม่ทราบว่าสะกดอักษรถูกต้องหรือเปล่า) ได้รับคำอธิบายว่าทางใต้มีวัดที่มักออกพระปิดตาปรกงูมาก่อนแล้ว พระปิดตานี้จึงถูกเรียกตามลักษณะของวัดนั้น

    เรื่องของ หลวงพ่อดำ จันทสาโร พระขลังสุดแดนมาเลย์ทั้ง 2 ตอน แม้ไม่ได้เขียนอย่างละเอียดถึงใจ แต่เป้าคือ ประชาสัมพันธ์เพื่อเห็นแก่การกุศลของวัดโดยบริสุทธิ์ใจ ผู้ใดมีศรัทธาเป็นอันไม่ต้องลังเล

    ไม่มีเรื่องของพุทธพาณิชย์ อย่างที่รู้จักกันทั่วไปมาเกี่ยวข้องหรอกครับ
    ……………………………………………..
    ตีพิมพ์ครั้งแรกใน นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ ฉบับที่ 310 วันที่ 1 ธันวาคม 2538

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ เวป อำพล เจน


    1767192213395.jpg

    *********
    แม้แต่ผู้ครองรัฐของมาเลเซียยังแขวนพระปิตตาและถือไม้ครูของท่านด้วยความศรัทธา เนื่องจากเคยมีการทดสอบพระปิตตาของท่านในมาเลเซียต่อหน้ากันมาแล้ว ผลคือมหาอุต ยิงไม่ออกเป็นที่กล่าวขานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์

    ********
    เหรียญปรกโพธิ์หลวงพ่อดำ
    หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม จ.นราธิวาส
    ท่านมีนามเดิมว่า ดำ ไกรน้อย เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2484 ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นบุตรของนายจันทร์และนางจันทร์ ไกรน้อย ในวัยเด็กบิดานำท่านมาฝากไว้เรียนที่วัดใหม่นภารามจนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีพระอธิการจันทร์อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่นภารามเป็นผู้ดูแล และอบรมความประพฤติ ซึ่งในวัยเด็กท่านดำก็เป็นคนที่มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่เกเรเหมือนเพื่อนฝูงในวัยเดียวกัน เนื่องจากครอบครัวของท่านเป็นผู้ที่เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีไทยมาตั้งแต่โบราณ เมื่อถึงเทศกาลทำบุญก็จะพากันเข้าวัดทำบุญสุนทานอยู่เป็นประจำทำให้ท่านดำมีจิตใจที่อ่อนโยนมีเมตตาต่อสัตว์อื่นๆเหมือนลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นและท่านเป็นคนที่มีความขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ในการงานเช่นการทำไร่ไถนา รวมทั้งช่างก่อสร้างที่มีฝีมือคนหนึ่ง เมื่ออายุครบ 20 ปีท่านจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี พ.ศ. 2504 ณ พัทธสีมา วัดใหม่นภาราม โดยมีพระครูนิพัทธกาลัญญา วัดประชุมชลธาดาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดม่วง ฐิตธัมโมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการนุ้ยวัดใหม่นภารามเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า” จันทสโร “ หลวงพ่อดำได้อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรมสามารถสอบนักธรรมชั้นตรีและนักธรรมชั้นโทได้ตามลำดับ ต่อมาจึงสนใจใฝ่รู้และได้เรียนศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานไสยศาสตร์ คาถาอาคมได้ศึกษาวิชาเหล่านี้จากคำภีร์สมุดข่อยใบราณอันเป็นของเก่าแก่ภายในวัด และศึกษาหลักโดยตรงกับเจ้าอาวาสจนมีความเชี่ยวชาญทางด้านภาคปฏิบัติปริยัติและปฏิเวธในพรรษาที่ 4 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดประชาภิรมย์อยู่ในตัวเมืองนราธิวาส ในช่วงนี้ท่านก็สามารถสอบผ่านนักธรรมชั้นเอก และจำพรรษาอยู่ที่นั่นนานถึง 10 พรรษา.
    หลวงพ่อดำเป็นพระธุดงค์ เคยท่องเที่ยวธุดงค์ไปทั่วภาคเหนือเป็นเวลาหลายปี สถานที่ปลีกวิเวกส่วนมากมักจะเป็นป่าช้า ป่าเขาลำเนาไพรในระหว่างการธุดงค์นี้เมื่อได้ยินข่าวว่าครูบาอาจารย์ท่านไหนดีก็จะไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิปัสสนากรรมฐาน เรียนคาถาอาคม และตำราแพทย์แผนโบราณท่านก็ได้ศึกษาบ้าง หลังจากนั้นท่านได้เดินทางกลับนราธิวาสบ้านเกิดของท่านมาจำพรรษาวัดที่ท่านคุ้นเคยคือวัดใหม่นภาราม สืบมาจนกระทั่งมรณภาพในวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.2551 ด้วยวัย 67 ปี 47 พรรษา.
    หลวงพ่อดำ จนฺทสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดใหม่นภาราม ผู้ที่สืบทอดวิชาการสร้างไม้ครูและพระปิตตา(พระควัมบดี) มาจากหลวงพ่อครน วัดบางแซะ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อครน วัดบางแซะ รัฐกลันตัน( มาเลเซีย ) ผู้สร้างพระปิดตาที่มีชื่อเสียงและพุทธคุณไม่น้อยไปกว่าสายเขาอ้อพัทลุง โดยเฉพาะชาวมาเลเซียและสิงคโปร์ที่นับถือศาสนาพุทธให้ความนิยมมาก
    วัตถุมงคลของหลวงพ่อดำเด่นทางเมตตามหานิยมและคงกระพัน โด่งดังไปทั่วเมืองไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย ว่ากันว่าขลังชนิดยิงไม่ออก แคล้วคลาดจากอันตรายนานับประการเป็น มหาลาภ มหาโภคทรัพย์ พลิกฟื้นดวงชะตาได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่ผู้ครองรัฐของมาเลเซียยังแขวนพระปิตตาและถือไม้ครูของท่านด้วยความศรัทธา เนื่องจากเคยมีการทดสอบพระปิตตาของท่านในมาเลเซียต่อหน้ากันมาแล้ว ผลคือมหาอุต ยิงไม่ออกเป็นที่กล่าวขานทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ , ครูบาอาจารย์ของท่านนอกจากหลวงพ่อครนแล้ว ท่านยังได้ไปศึกษาเพิ่มเติมกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีอีกด้วย
    พระปิดตาหลวงพ่อด องค์ลักษณะคล้ายพระปิดตาหลวงพ่อครณ สายตรงพระปิดตาสายใต้คงรู้จักกันดี จัดว่าหาดูได้ยากแล้ว เพราะพระส่วนใหญ่ของท่านได้รับความนิยมจากชาวมาเลเซียสูงมาก จึงทำให้ในพื้นที่ไม่ค่อยจะได้พบเจอ พระปิดตาของท่านเป็นพระที่มีประสบการณ์มากมาย เช่นที่จังหวัดนราธิวาส มีนายทหารถูกซุ่มโจมตีด้วยอาวุธปืนสงคราม แต่ปลอดภัยจากอันตรายมาได้ มีเพียงผิวหนังเป็นลอยจ้ำๆเท่านั้นเอง
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญปรกโพธิ์หลังหลวงพ่อดำวัดใหม่นภาราม นราธิวาส เหรียญสภาพสวยเดิมๆครับผมเก็บไว้นานมากแล้ว

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20251231_215603.jpg IMG_20251231_215637.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...