เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 12 มกราคม 2025 at 09:09.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศยามเช้าอยู่ที่ -๒๓ องศาเซลเซียส เมื่อวานนี้ด้วยความที่เราอยู่ที่โรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ล ซึ่งถือว่าคุ้นเคยกันแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่านอนหลับสบายดีมาก "ต้าเหนียง" พร้อมกับบริวารก็คอยให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์ เนื่องเพราะว่าอากาศ -๒๓ องศาเซลเซียส แต่ว่าพวกเรากลับรู้สึกว่าร้อน เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะประหลาดมากทีเดียว

    พวกเราลงมาพักผ่อนกันอยู่ข้างล่าง รอเวลาให้ห้องอาหารเปิด ซึ่งจำเป็นที่ต้องไปแสดงคีย์การ์ดประจำห้องของแต่ละคน เมื่อขึ้นไปถึงก็มีอาหารอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม สำคัญที่ว่าใครจะตักมากตักน้อยเท่านั้นเอง

    กระผม/อาตมภาพชอบใจโรงแรมแห่งนี้มาก เนื่องเพราะว่าบุคคลที่เข้ามาพักนั้น ต้องใช้คำว่าค่อนข้างจะมีระดับ คำว่ามีระดับในที่นี้ก็คือเป็นบุคคลที่มีมารยาท ไม่ได้แย่งชิงด่าทอ หรือว่าสูบบุหรี่กันภายในโรงแรมเหมือนกับคนจีนในที่อื่น ๆ ยังไม่ได้สอบถามลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของบริษัทเติมเต็มทราเวลว่า โรงแรมแห่งนี้ราคาต่างจากที่อื่นหรือไม่ ? แต่ด้วยความที่ไม่ต้องแย่งต้องชิงกับใคร ถ้าหากว่ามากันมากก็เข้าแถวเดินตามกันอย่างสุภาพเรียบร้อย ทำให้รู้สึกว่าภาพพจน์ของคนจีนในสายตาของพวกเราดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก..!

    เมื่อฉันเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกไปแก้มือ ก็คือเมื่อวานนี้ที่ถนนจงยาง ผู้คนเดินกันแน่นขนัดไปหมด แทบจะไหล่กระทบไหล่ ตอนช่วงเช้านี้จึงออกไปเดินถ่ายรูปในบริเวณที่อยากได้รูปถ่าย แต่ไม่ว่าพยายามจะหลบจะรออย่างไร ก็มีแต่ผู้คนเกะกะไปหมด เพียงแต่ว่าในช่วงเช้าแบบนี้ ไฟต่าง ๆ ที่เขาประดับเอาไว้ก็โดนปิดไปหมดเสียแล้ว แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบหนึ่ง

    การเดินถ่ายรูปนั้นก็ไม่ได้ใส่ถุงมือ เสื้อโค้ตก็แค่คลุมเอาไว้เฉย ๆ ติดกระดุมเม็ดเดียว..ไม่ได้รูดซิปอีกด้วย แต่กลับรู้สึกว่าอากาศเย็นสดชื่นมาก ต้องขอบพระคุณ
    "ต้าเหนียง" และบริวาร ที่ให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์เป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะตอนที่ไข้ขึ้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตอนนี้ถ้าเป็นที่เมืองไทยร่างกายก็ไข้จับหนักมาก แต่ปรากฏว่าไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแต่ว่ากำลังตก เดินไม่ได้อย่างใจเท่านั้น ครั้นนอนพักแล้วตื่นขึ้นมาก็ปกติดีทุกอย่าง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เมื่อทุกคนพร้อมกันแล้ว พวกเราก็ขนกระเป๋าขึ้นรถ เป็นการแบ่งเบาภาระของพลขับ จากนั้นลูกกิฟท์ก็นำทุกคนไปแจกไอศกรีมให้คนละแท่ง ที่บริเวณหน้าร้านขายไอศกรีมซึ่งมีชื่อเสียงมาเป็นร้อยปีแล้ว เป็นเรื่องตลกตรงที่ว่า อากาศ -๒๓ องศาเซลเซียส แต่พวกเรากลับกินไอศกรีมกันอย่างอร่อยมาก เมื่อกลับขึ้นมาบนรถและออกเดินทางไป ก็ยังวิพากษ์วิจารณ์กันไม่จบ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะสามารถกินไอศกรีมได้ในอากาศติดลบหนาวขนาดนี้ได้

    พลขับพาพวกเราฝ่ารถติดย้อนกลับไปที่บริเวณหน้างานเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งและหิมะของเมืองฮาร์บินอีกวาระหนึ่ง แต่คราวนี้ไม่ต้องไปอ้อมกลับรถที่วงเวียน ซึ่งไกลจากหน้างานเป็นอย่างมาก เพราะว่าเราสามารถที่จะเลี้ยวขวามือเข้าไปได้เลย

    วิ่งไปตามถนนที่ค่อนข้างจะไกลอยู่ทีเดียว แล้วมาลงที่บริเวณหน้างานของเขา ที่มีรูปปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหญ่ พวกเราลงมาแล้วก็เลยฉวยโอกาสถ่ายรูปหมู่ที่หน้างานเหล่านั้นด้วย แล้วก็เห็นฤทธิ์ของคนจีนอีกตามเคยก็คือ แม้ว่าเขาจะกั้นเชือกเอาไว้แล้ว ก็ยังมุดเข้าไปสัมผัสตุ๊กตาหิมะกันอย่างใกล้ชิด ประมาณว่าอยากจะกั้นก็กั้นไป แค่เชือกเส้นเดียวทำอะไร "เฮีย" ไม่ได้หรอก..!

    เมื่อพวกเราพร้อมก็เดินตามน้องปูเป้ไกด์สาวอารมณ์ดี ตรงไปยังบริเวณที่ตรวจตั๋ว กระผม/อาตมภาพกับป้ามอย (นางสาวมณีวรรณ สัมฤทธิ์) ได้สิทธิ์ของคนแก่ ตีตั๋วครึ่งราคาตามเคย ผ่านเข้าไปแล้วก็ต้องเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำซงฮวาเจียง ซึ่งจะมีตุ๊กตาหิมะปั้นเป็นรูปตุ๊กตาแม่ลูกดกเรียงรายเป็นระยะ แต่ละตัวก็คลุมผ้าสีหนึ่ง ซึ่งมีแต่คนไปขอถ่ายรูปกับตุ๊กตาแม่ลูกดกกันทั้งนั้น

    คำว่า "แม่ลูกดก" นี้ก็คือตุ๊กตาแบบฝีมือทางด้านเอเชียกลาง โดยเฉพาะใช้ง่าย ๆ ว่าประเทศรัสเซีย ก็คือจากตุ๊กตาตัวหนึ่ง เราสามารถถอดเอาตุ๊กตาตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ ออกมาได้แทบจะไม่รู้จบ โดยเฉพาะตัวสุดท้ายที่เคยเจอมา โตประมาณเมล็ดถั่วเท่านั้นเอง..! เมื่อเอามาประกอบกันเข้าไปใหม่แล้ววางเรียงกันอยู่ บางทีก็ได้เกือบ ๒๐ ตัว..! คนจึงเรียกกันว่า "ตุ๊กตาแม่ลูกดก"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เมื่อเดินเข้ามาถึงข้างใน ก็ต้องรอจนกว่าคณะจะพร้อม แล้วขึ้นรถรางที่พาพวกเราตรงไปในงาน กระผม/อาตมภาพได้สิทธิ์นั่งข้างพลขับ แต่ไม่สามารถที่จะถ่ายรูปได้เลย เนื่องเพราะว่าอาเฮียพลขับนั้น พอเห็นกระผม/อาตมภาพยื่นกล้องไปข้างหน้า ก็ปาดแขนมากันไว้ทุกครั้งไป โดยชี้ให้ดูว่าบังกระจกข้าง..!

    กระผม/อาตมภาพขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับแก ว่าใช้เวลาไม่ถึงวินาทีก็ถ่ายรูปได้แล้ว แต่อาเฮียแกไวสมกับที่เป็นจอมยุทธจากสาธารณรัฐประชาชนจีน พอกระผม/อาตมภาพขยับยื่นแขนปุ๊บ แกก็กันไว้ปั๊บทุกครั้งในทันทีทันใด ทำให้ค่อนข้างจะขำอยู่เหมือนกัน เมื่อมาถึงบริเวณหน้างานเขาก็ปล่อยพวกเราลงไปถ่ายรูปหมู่ ในบริเวณที่เขาจัดไว้เป็นสนามแข่งจักรยานวิบาก จากนั้นก็ปล่อยให้พวกเราใช้เวลาจนถึง ๑๐.๔๕ น. ในการเดินดูรูปแกะสลักหิมะต่าง ๆ

    ขอทำความเข้าใจกับทุกท่านว่า เมื่อวานนี้เราไปดูน้ำแข็งแกะสลัก ก็คือเขาต้องตัดน้ำแข็งจากแม่น้ำซงฮวาเจียงไปเก็บเอาไว้ทุกปี น้ำแข็งแต่ละก้อนจะหนาประมาณ ๕๐ เซ็นติเมตรเป็นอย่างน้อย แต่วันนี้เรามาดูรูปแกะสลักจากหิมะ ซึ่งจะได้อารมณ์ไปคนละแบบ เพราะว่ารูปแกะสลักน้ำแข็งก็จะใสสะอาด

    แต่ว่ารูปแกะสลักจากหิมะจะเป็นรูปที่ประกอบขึ้นมาจากหิมะที่เขาดูดมาจากพื้นนั่นแหละ เอามากองสุมรวม ๆ กันไว้แล้วตบให้แน่น ก็จะมีสีสันเหมือนอย่างกับนุ่น แล้ว
    ทุกปีก็มีพวกบรรดาช่างแกะสลักจากประเทศต่าง ๆ มาร่วมกันแกะสลักเป็นสิ่งสำคัญซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำประเทศของตนเอง แต่ปรากฏว่าปีนี้ที่ประเทศไทยของเราได้รับรางวัลชนะเลิศนั้น เขาไปแข่งกันที่มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งหนึ่ง ไม่ใช่บริเวณหน้างานแถวนี้

    พวกเราเดินดูและถ่ายรูปตุ๊กตาหิมะแกะสลัก ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมหึมาประมาณกำแพงเมืองจีน ตลอดจนกระทั่งรูปใหญ่กว่าตัวคนไม่มากนัก ซึ่งศิลปินออกแบบตามแนวคิดของตัวเอง แต่ถึงพยายามจะถ่ายรูปแบบไหนก็ตาม ก็มักจะติดผู้คนเข้าไปด้วยเสมอ เพราะว่าทุกคนต่างก็ต้องการรูปถ่ายตนเองคู่กับตุ๊กตาหิมะเหล่านั้น คงจะมีแต่กระผม/อาตมภาพเท่านั้น ที่ไม่ได้ต้องการรูปถ่ายอะไรของตนเอง นอกจากรูปถ่ายของสถานที่หรือสิ่งของ เนื่องเพราะว่าเบื่อหน้าตัวเองเต็มทีแล้ว..!

    ครั้นเดินไปจนถึงภายในเกือบจะสุดทาง ด้านนี้ยังมีช่างกำลังแกะสลักกันอย่างขะมักเขม้นหลายต่อหลายทีมด้วยกัน เมื่อเห็นว่าหมดที่ให้ชมแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินย้อนกลับมาเข้าห้องน้ำ ซึ่งต้องขอชมเชยว่าห้องน้ำที่นี่ดูแลความสะอาดได้ดีมาก ออกจากห้องน้ำเดินย้อนกลับมาบริเวณลานจอดรถในตอนแรก ก็ต้องเจ้าหน้าที่โดนจัดให้เข้าคิวรอคนให้พอคันรถ ค่อยวิทยุเรียกรถเข้ามารับ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เมื่อคนมาครบจำนวน ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็วิทยุเรียกให้รถรางเทียมเข้ามารับ พวกเรานั่งรถออกมาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่เขากำลังแกะสลักหิมะกันนั่นเอง ซึ่งเป็นช่วงที่สั้นมาก สั้นกว่าขาเข้าราว ๆ ๔ เท่าเห็นจะได้ ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมเขาไม่ส่งเราเข้าด้านนี้ ? แล้วไปออกอีกด้านหนึ่งให้หมดเรื่องหมดราวกันไป แล้วก็เจอลักษณะเดียวกันก็คือ พลขับมือไวมาก ยกกล้องขึ้นเมื่อไร พี่ท่านก็ปาดแขนมากันเอาไว้ทุกที จนหมดอารมณ์ที่จะถ่ายรูปไปเลย..!

    เมื่อมาจอดในที่ตอนแรกนั้น พวกเราก็ต้องทำตาโต เนื่องเพราะว่าคณะทัวร์ "ล้านเจ็ดสิบเอ็ดแสน" กำลังแห่แหนกันเข้ามา ยังรู้สึกว่าคณะของตนเองนั้นทำเวลาได้ดีมาก ๆ จึงไม่ต้องมาแย่งกันกินแย่งกันใช้ในบริเวณนี้ โดยเฉพาะเสียงภาษาไทยดังระงมไปหมด..!

    พวกเราเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำซงฮวาเจียงออกมา กลับคืนไปยังลานจอดรถ แล้วออกเดินทางกันต่อไป ซึ่งน้องปูเป้พาพวกเรามาที่ร้านหม้อไฟตงเป่ย ที่บอกว่าถ้าใครมาก็ต้องกินหม้อไฟยักษ์เหล่านี้ เพียงแต่ว่าเข้าไปในร้านแล้วก็ค่อนข้างจะเหมือนกับบ้านนินจา ก็คือต้องหลบซ้ายเลี่ยงขวา กว่าที่จะขึ้นไปบันไดชั้นบน ขึ้นไปถึงชั้นบนแล้ว ก็ยังมีห้องแยกทั้งซ้ายทั้งขวามากมายเต็มไปหมด..!

    พวกเรามาถึงห้องที่เขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ แต่ละโต๊ะมีหม้อไฟขนาดยักษ์อยู่ ๓ ใบ เมื่อมองดูแล้ว กระผม/อาตมภาพก็คิดว่า ดูท่าไม่สามารถที่จะกินเหมือนกับคนทั่วไปได้ เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่ก็คือพระเราตักออกมาก่อน เมื่อขอถ้วยชามของเขาเพิ่มมา ก็ได้แต่ถ้วยใบน้อย ๆ เท่านั้น เมื่อไกด์บอกว่าสไม่ใช่ ที่ส่งตามมาทีหลังก็คือกะละมังใบมหึมา..! ทำเอาทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง กระผม/อาตมภาพจึงใช้ถ้วยใบเล็กตักเอาหม้อไฟแต่ละหม้อออกมาถ้วยหนึ่ง วางเรียงเอาไว้พร้อมกับข้าวอีก ๑ ถ้วย แล้วก็ก้มหน้าก้มตาฉันไป ด้วยความที่ว่าใส่เสื้อโค้ตเข้ามาด้วย จึงทำให้ได้เสื้อโค้ตกลิ่นหม้อไฟตงเป่ยไปตัวหนึ่ง..!

    เมื่ออิ่มแล้วก็เดินออกมาเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็ย้อนกลับออกมาทางเดิม กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะมีความจำแม่นและสัญชาตญาณที่ดี ไปที่ไหนก็มักจะไม่ค่อยหลงทาง ออกมาตากอากาศรออยู่ข้างนอก จนกระทั่งคนอื่นซึ่งกินกันอิ่มจนก้มตัวแทบไม่ลง..! ตามมาขึ้นรถกันอีกวาระหนึ่ง
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    ต้องขออภัยที่ลืมเล่าให้ทราบว่า ช่วงเช้าก่อนที่พวกเราจะเข้าไปยังเทศกาลแกะสลักหิมะนั้น ได้แวะไปที่โบสถ์เซนต์โซเฟียมาก่อน ซึ่งเป็นโบสถ์สไตล์กรีกออร์โธด็อกซ์แบบของรัสเซีย หลังไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าด้วยความที่สร้างแทบจะคู่กับเมืองฮาร์บินมาเลย จึงกลายเป็นจุดเช็คอินสำคัญให้พวกเราลงไปแย่งชิงกับชาวบ้านเขาถ่ายรูปหมู่กันที่นั่น แล้วค่อยเข้าไปที่เทศกาลแกะสลักหิมะอีกทีหนึ่ง บางครั้งการเล่าเรื่องก็อาจจะมีการลืมจนข้ามไปแบบนี้ได้ จึงขออภัยต่อญาติโยมไว้ ณ ที่นี้

    ครั้นพวกเราเดินทางออกจากบริเวณร้านหม้อไฟตงเป่ยแล้ว พลขับก็พาไปยังสาธารณะยินเย่วกวงฉาน ซึ่งเป็นสวนที่ปกติเอาไว้แสดงดนตรี แต่ตอนนี้มีตุ๊กตาหิมะตัวมหึมา ตั้งอยู่กลางอาคารที่ออกสไตล์กรีกออร์โธด็อกซ์เหมือนเดิม ให้พวกเราได้ลงไปถ่ายรูปร่วมกัน จากนั้นก็กลับขึ้นรถ ซึ่งต้องวิ่งวนไปวนมาเพื่อรอรับพวกเรา เนื่องจากว่าไม่สามารถจะจอดตรงนั้นได้

    พวกเราเดินทางตรงไปยังสวนสาธารณะแม่น้ำซงฮวาเจียง ซึ่งสวนสาธารณะนี้จะเปิดเฉพาะช่วงหน้าหนาวนี้เท่านั้น เมื่อถึงเวลาน้ำแข็งเริ่มละลาย สวนสาธารณะก็จะหายไปด้วย พวกเราซื้อบัตรเข้าไปทางด้านในที่มีตุ๊กตาหิมะตัวมหึมา ถ่ายรูปหมู่กับตุ๊กตาหิมะแล้ว น้องปูเป้ก็พาพวกเราเดินลงไปในแม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งไปเลย กระผม/อาตมภาพลองกระทืบเท้าดู ปรากฏว่าแน่นหนามาก พอ ๆ กับคอนกรีต..! ไม่ได้ยินเสียงสะท้อนอะไรเลย ยังรู้สึกแปลก ๆ ว่าตอนนี้พวกเรากำลังเดินบนน้ำกันอยู่..!

    จุดหมายปลายทางของเราก็คือ บริเวณที่เขาพยายามรักษาเอาไว้ไม่ให้เป็นน้ำแข็ง ด้วยการสูบน้ำมาเติมลงไปเสมอ เมื่อมาถึงเป็นคณะแรก เราก็เลยยึดสถานที่กันบริเวณรั้วรอบ ตรงที่เขาเว้นเอาไว้ให้เป็นสระว่ายน้ำนั้น รอให้บรรดาผู้สูงอายุที่เป็นสุดยอดมนุษย์ มาทำการว่ายน้ำในน้ำแข็งให้พวกเราได้ดูกัน

    บรรดาอากงอาม่าแต่ละท่านล้วนแล้วแต่อายุมาก ๆ ทั้งสิ้น แต่แข็งแรงผิดมนุษย์มนา..! สามารถที่จะโดดลงไปในน้ำที่อากาศ -๑๗ องศาเซลเซียส แล้วก็ดำผุดดำว่าย ก่อนที่จะโผล่ขึ้นมารับเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือจากคนดู พวกเราเองแค่เห็นน้ำแข็งแบบนั้นก็หมดอารมณ์ที่จะถอดเสื้อโค้ตแล้ว แต่คนทั้งหลายเหล่านี้กลับสามารถที่จะใส่กางเกงว่ายน้ำของผู้ชาย หรือว่าชุดว่ายน้ำของผู้หญิง กระโดดลงไปว่ายให้พวกเราชมได้..!

    ตามความเชื่อของเขาก็คือ ถ้าแช่ตัวในน้ำอุณหภูมิติดลบแบบนี้ สักครั้งละนาทีสองนาทีแล้วขึ้นมา จะทำให้เลือดลมเดินดีมาก และอายุยืนนาน แต่พวกเราคงไม่มีอารมณ์ที่จะอายุยืนแบบนี้อย่างแน่นอน..!
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เมื่อเดินดูการแสดงจนจบ พวกเราก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถ ฝ่ารถติดของจราจรในเมืองใหญ่ ตรงไปยังสวนสตาลิน ซึ่งรถก็ไม่สามารถจะจอดได้นานเช่นเดิม ปล่อยพวกเราลงบริเวณที่หน้างาน ซึ่งเป็นเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งอีกแห่งหนึ่ง

    พวกเราได้เดินเข้าไปดูรูปแกะสลักน้ำแข็งสวย ๆ งาม ๆ ภายในกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็แกะสลักเป็นสัตว์มงคลตามความเชื่อของคนจีน ไม่ว่าจะเป็นหงส์ เป็นมังกร เป็นช้าง หรือว่าเป็นปลาหลี่ ซึ่งเรียกกันว่า "หลี่ฮื้อ" ของบ้านเรานั่นเอง

    เดินกันจนกว่าจะครบรอบก็เป็นระยะทางที่ไกลมาก เด็ก ๆ วิ่งเล่นกันเกรียวกราวอยู่ในลำธารที่ผ่านสวนสาธารณะ เขาแกะสลักเป็นงูใหญ่ตัวมหึมา ตลอดจนกระทั่งเขาวงกต ซึ่งเด็ก ๆ ก็ไม่ได้สนใจกฎเกณฑ์กติกาอะไรทั้งสิ้น เมื่อเดินหาทางออกมาไม่ได้ก็ปีนออกไปเลย หมดเรื่องหมดราวกันไป..!

    กระผม/อาตมภาพเดินถ่ายรูปจนทั่วในอากาศ -๑๗ องศาเซลเซียส โดยไม่ได้ใช้ถุงมือเสียด้วย แต่กลับไม่รู้สึกเลยว่าตนเองนั้นมีความหนาวเย็นอะไรเลย ต้องขอบคุณ
    "ต้าเหนียง" ผู้ให้บริการแบบไม่เบื่อไม่หน่ายเสียก่อน ครั้นออกมารวมตัวกันตามบริเวณจุดนัดพบตามเวลา นึกว่าตนเองบ้าถ่ายรูป ทำให้ออกมาช้า แต่ปรากฏว่ายังมีช้า "ขั้นกว่า" อีกจนได้..!

    ทางคณะทัวร์ให้น้องปูเป้พาพวกเราเดินมาที่ถนนจงยาง โดยนัดพบกับบริเวณโรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ล ปล่อยให้ฟรีสไตล์ หาซื้อสิ้นค้ากันตามอัธยาศัย โดยมีบุคคลที่หมายมั่นปั้นมือว่า จะซื้อเสื้อโค้ตกันหนาวที่ระบุว่าสามารถกันอุณหภูมิ -๔๐ องศาเซลเซียส หรือ -๕๐ องศาเซลเซียสได้ กระผม/อาตมภาพที่ไม่คิดจะซื้อของกับใคร จึงเดินเข้าไปนั่งรออยู่บริเวณล็อบบี้ของโรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ล รอจนกระทั่งพวกเรากลับมากันทีละคนสองคน ในเวลานั้นก็ฉวยโอกาสส่งรูปต่าง ๆ ลงกลุ่มไลน์ให้พวกเราได้ดูกันไปด้วย
     
  8. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    20,131
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,594
    ค่าพลัง:
    +26,441
    เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง เนื่องเพราะว่าลูกกิฟท์ให้เวลาคณะทัวร์ถึง ๓ ชั่วโมงด้วยกัน พวกเราก็ทยอยกันเดินกลับมา บุคคลที่ซื้อเสื้อโค้ตก็ได้ตุ๊กตา "เจ้าเสือปินปิน" ซึ่งเป็นมาสค็อตของงาน Asian Winter Games ๒๐๒๕ มากันคนละตัว ซื้อเสื้อราคาเป็นหมื่น เขาแถมตุ๊กตาตัวใหญ่ให้ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก..!

    แต่ว่าชุดสุดท้ายที่กลับมา ทำเอาพวกเราปากอ้าตาค้าง เนื่องเพราะว่าหิ้วตุ๊กตามาคนละ ๒ ตัวบ้าง ๔ บ้าง..! ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าไปเหมาเสื้อกันหนาวในอากาศ -๕๐ องศาเซลเซียส เขามาจนหมดสต๊อกเลยหรือไม่ ?!

    ครั้นได้เวลาโชเฟอร์ที่ไม่สามารถจะจอดนานได้ ก็นำรถมารับพวกเรา จึงต้องอาศัยความคล่องตัวรีบขึ้น แล้วฝ่ารถติดซึ่งในช่วงเวลา ๕ โมงกว่า ๖ โมงเย็นของทางด้านฮาร์บินนี้ ฟ้าก็มืดสนิทแล้ว มองไปทางไหนเห็นแต่ไฟรถยนต์แน่นขนัดไปหมด จนกระทั่งคิดว่ารถทั้งประเทศจีนมารวมกันอยู่ที่นี่เลยหรือไร ? กว่าที่จะฝ่ารถติดไปจนกระทั่งถึงที่พัก ก็ยังไม่สามารถจะเข้าไปโดยตรงได้อีก เพราะว่าลานจอดรถของโรงแรมแน่นไปหมด

    ที่พักที่นี้ก็คือ Splendent Resort Hotel รู้สึกว่าจะเป็นที่พักค่อนข้างจะมีระดับและราคาแพงขึ้นไปอีก เพียงแต่ว่าโรงแรมโมเดิร์นโฮเต็ลนั้นเต็ม ไม่สามารถจะจองวันเพิ่มได้ จึงต้องย้ายมายังโรงแรมแห่งนี้ สิ่งที่ดีงามที่สุดก็คือมีอ่างอาบน้ำให้ทุกห้อง กระผม/อาตมภาพจึงเปิดน้ำร้อนลงไปแช่อย่างมีความสุข แล้วก็นอนสลบไสล หมดสภาพตามแบบของคนที่แช่น้ำร้อน รอเวลาการเตรียมตัวเดินทางกลับในวันต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...