เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 ตุลาคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3059.jpeg
      IMG_3059.jpeg
      ขนาดไฟล์:
      346.3 KB
      เปิดดู:
      37
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพออกบิณฑบาตตามปกติ โดยมีทีมงานถ่ายภาพเคลื่อนไหวของเว็บไซต์วัดท่าขนุนติดตามถ่ายซ่อมในบริเวณต่าง ๆ ซึ่งขาดหรือว่าถ่ายได้ไม่ถูกใจในช่วงสองวันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็นภาพมุมสูงที่ถ่ายโดยโดรน ซึ่งบินอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก

    ครั้นเสร็จสรรพเรียบร้อยจากการบิณฑบาตและฉันเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เก็บข้าวของต่าง ๆ ไปยังกุฏิเจ้าอาวาส ท่านที่ไม่เข้าใจสภาพวัดท่าขนุนอาจจะสงสัย ว่ากระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่แล้ว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสหรือ ? ก็ต้องบอกว่าโดยปกติแล้วกระผม/อาตมภาพเป็นบุคคลที่มีงานมาก จึงได้ทำงานอยู่ที่สำนักงานเจ้าอาวาสมากกว่า พอหมดสภาพก็ขี้เกียจเดินกลับกุฏิซึ่งอยู่ค่อนข้างจะไกล ส่วนใหญ่ก็นอนกองอยู่หลังโต๊ะทำงานที่สำนักงานเจ้าอาวาสนั่นเอง

    แต่เนื่องจากว่าจะต้องมีการเข้ากรรมฐาน ๓ วันก่อนที่จะออกมารับกฐิน จึงต้องเก็บข้าวของจำเป็นบางอย่างเอาไปไว้ที่กุฏิเจ้าอาวาสเสียก่อน อย่างเช่นว่าลูกประคำสายต่าง ๆ ซึ่งปกติแล้วใช้ชักในเวลาภาวนา ตลอดจนกระทั่งมีดหมอของครูบาอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นมีดหมอหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว มีดหมอหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว มีดหมอหลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ มีดหมอหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ มีดหมอหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน เป็นต้น

    มีดหมอทั้งหลายเหล่านี้ ความจริงจะนำเข้าไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้ทุกท่านได้รู้จักกับของจริงของแท้กันบ้าง แต่ด้วยความที่ว่าการเข้ากรรมฐานทุกปีก็มักจะมีนักเลงดีชอบลองของ กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องอาราธนามีดหมอครูบาอาจารย์ใส่พานไว้ก่อน พูดง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นบรรดาคุณผีคุณคนทั้งหลายเข้ามาถึง ก็เป็นอันว่าไม่ต้องกล้ำกรายเข้ามาในบริเวณนั้นเลย แต่ถ้าหากว่าเป็นไสยเวทย์อาคมนั้น กระผม/อาตมภาพเชื่อมั่นว่าในด้านนี้ตนเองก็ศึกษามาไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน..!

    ดังนั้น..ในเรื่องของมีดหมอจึงเป็นเรื่องที่เอาไว้ป้องกันบรรดาภูตผีปิศาจโดยตรง เนื่องเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านี้ไม่ต้องพักต้องผ่อน ไม่ต้องหลับต้องนอน โดยเฉพาะโดนบังคับให้มา กระผม/อาตมภาพเคยปล่อยผีของหมอผีกะเหรี่ยงไปถึง ๓๐ กว่าตัว เล่นเอาสิ้นเนื้อประดาตัวไปเลย..! ไม่เช่นนั้นแล้วไม่ว่ากระผม/อาตมภาพจะเข้าไปยังกะเหรี่ยงบ้านนั้นเมื่อไร ระยะทาง ๓๐ กิโลเมตรรอบบ้านนั้น จะมีสายรายงานให้กับหมอผีเขารู้ก่อนว่ากระผม/อาตมภาพมาถึงแล้ว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ด้วยความที่ขี้เกียจรำคาญกับพวกผีช่างฟ้อง กระผม/อาตมภาพก็เลยจัดการปล่อยไปจนหมด สามารถบุกประชิดตัวหมอผีได้ ทำเอาอีกฝ่ายผวา แล้วก็เครียดจนกระทั่งผมหงอกทั้งหัว เพราะว่าหาผีของตนเองไม่เจอ งวดนี้ก็คิดว่าถ้าใครส่งมา กระผม/อาตมภาพก็จะปล่อยทิ้งให้หมดเหมือนกัน เพราะว่าผีเหล่านี้ส่วนใหญ่โดนคาถาอาคมผูกเอาไว้ใช้งาน เป็นที่น่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง

    ส่วนในเรื่องของการป้องกันนั้น ถ้าไม่ใช่จำเป็นถึงขีดสุด กระผม/อาตมภาพงดการใช้ "คาถาสะท้อนกลับ" เพราะว่าจะทำให้บุคคลที่ตั้งใจจะทำมาได้รับผลคืนไปหลายเท่า เขาอาจจะกำลังน้อย รับไม่ไหว ถึงแก่ชีวิตไปก็เป็นได้ ยกเว้นใครที่เล่นไม่เลิก โดนสั่งสอนไปเบาะ ๆ แล้วยังไม่รู้ตัว ก็อาจจะมีการสวนกลับไปหนัก ๆ บ้างเหมือนกัน..!

    ช่วงที่ผ่านมามีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้พี่ใหญ่อสุรินทราหูมาช่วย เล่นเอาบรรดาหมอผีต่าง ๆ หมดสภาพไปครึ่งปี..! เพราะโดนพี่ท่านกลืนปราณคือพลังชีวิตไปเสียมาก คงจะเข็ดหลาบไปตาม ๆ กัน แต่พอเนิ่นนานมาก็ชักจะจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยโดนอะไรไป รวบรวมกำลังใจได้ก็จะมาใหม่อีก กระผม/อาตมภาพจึงต้องระมัดระวังเอาไว้ก่อน

    หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปที่วัดปรังกาสี ร่วมฉันเพลกับพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ และบรรดาเจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสต่าง ๆ ซึ่งเป็นกรรมการในการคุมสอบธรรมสนามหลวงชั้นตรีวันสุดท้าย ปรากฏว่าวันนี้เป็นการสอบวิชาวินัยบัญญัติ ซึ่งก็คือศีลพระนั่นเอง วิชานี้ถ้าหากว่าเป็นสำนักศาสนาศึกษาวัดท่าขนุน จะกำหนดให้พระใหม่เรียนเป็นวิชาแรก เพราะว่าเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับศีลพระที่มาในพระปาฏิโมกข์ และมานอกพระปาฏิโมกข์ จะได้รู้ไว้ว่าตนเองปฏิบัติอย่างไรถึงจะถูกต้อง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    แต่ว่าตามที่สนามหลวงจัดให้มีการสอบเก็บเอาไว้เป็นวันสุดท้าย โดยเริ่มจากวันที่ ๑ เป็นวิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม ซึ่งก็คือการกำหนดหัวข้อมาให้เราเทศน์บนหน้ากระดาษนั่นเอง

    วันที่ ๒ เป็นวิชาธรรมวิภาค ซึ่งก็มีการนำเอาหัวข้อธรรมต่าง ๆ มาเป็นหมวด ๆ ไล่ตั้งแต่โลกบาลธรรม คือหิริ-โอตัปปะ ไปจนกระทั่งถึงหมวดที่ ๑๖ ก็คืออุปกิเลส ๑๖ ประการเป็นต้น

    วันที่ ๓ จะเป็นการสอบวิชาพุทธประวัติและศาสนพิธี ซึ่งต้องศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปเป็นมาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ? มาจากไหน ? เหตุใดจึงออกบวช ? ออกบวชแล้วศึกษาอย่างไรจึงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ? แล้วสิ่งที่พระองค์ท่านพากเพียรสอนมาตลอด ๔๕ พรรษา ข้อใหญ่ใจความเป็นอย่างไรบ้าง ? จนกระทั่งปรินิพพาน ได้รับการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ตลอดจนกระทั่งการสังคายนาพระธรรมวินัย ส่วนศาสนพิธีนั้นศึกษาในส่วนของกุศลพิธี บุญพิธี ทานพิธี และหมวดเบ็ดเตล็ด

    ส่วนวิชาวินัยบัญญัติก็คือเรื่องเกี่ยวกับศีลพระโดยตรง ต้องขอชมเชยบรรดาครูบาอาจารย์ซึ่งมาทำการอบรมก่อนสอบเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าข้อสอบทั้ง ๔ วันนั้น ส่วนใหญ่แล้วตรงเกือบทั้งหมด วิชาที่ตรงน้อย อย่างน้อยก็ออกตรงกับที่อบรมก่อนไป ๖ - ๗ ข้อ ส่วนวิชาที่ตรงมากก็ออกทั้ง ๑๐ ข้อเลย อย่างเช่นวันนี้เป็นต้น

    แต่ด้วยความที่ว่าวันนี้ทางกองงานเลขานุการ โดยพระวชิรปัญญาภรณ์, ดร. (พงศ์พันธ์ ขนฺติโสภโณ) หรือที่ผู้คุ้นเคยเรียกกันว่าท่านเจ้าคุณอ๋อ เลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ ท่านจะมาตรวจเยี่ยมสนามสอบ เพียงแต่ว่าท่านขึ้นไปตรวจเยี่ยมสนามสอบอำเภอสังขละบุรีเสียก่อน เมื่อถึงเวลาท่านเปิดสนามสอบที่นั่น ทำการตรวจเยี่ยมเสร็จแล้ว จึงได้เดินทางกลับลงมา ซึ่งเป็นระยะทาง ๘๕ กิโลเมตร

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ในเมื่อเปิดสนามพร้อมกัน แต่ท่านต้องใช้ระยะเวลาเดินทางอีกประมาณชั่วโมงครึ่ง เนื่องจากว่าเส้นทางคดเคี้ยวอยู่บนเขา กระผม/อาตมภาพเห็นบรรดาภิกษุสามเณรผู้เข้าสอบนักธรรมชั้นตรีทำข้อสอบกันเร็วมาก เพราะว่าตรงกับตอนอบรมทั้ง ๑๐ ข้อ โดยเฉพาะปีนี้ไม่ได้ออกยากมากนัก จึงได้ไปยืนกล่าวเรื่องที่น่าสนใจต่าง ๆ ให้กับพระภิกษุสามเณรฟัง อยู่ในลักษณะของการบรรยายพิเศษ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าพระเณรทำข้อสอบเสร็จภายใน ๑ ชั่วโมง กว่าที่ทางกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ จะมาถึงก็อีกนาน จึงต้องไปกล่าวเปรียบเทียบเรื่องของพระธรรมวินัย ระหว่างประเทศไทยหรือคณะสงฆ์ไทย กับประเทศพม่าหรือคณะสงฆ์เมียนมาร์ ซึ่งบางสิ่งบางอย่างนั้นก็ไม่ได้ตรงกับทางบ้านเรา แต่ว่าเขาก็มีเหตุผลในการที่ตีความพระธรรมวินัยลักษณะอย่างนั้น

    อย่างเช่นว่าบ้านเรา การฉันอาหารในเวลาวิกาล ท่านตีความว่าหลังเที่ยงไปแล้ว แต่การขออนุญาตเข้าบ้านในเวลาวิกาล ไปตีความว่าหลังพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทางคณะสงฆ์พม่าตีความคำว่าวิกาลก็คือพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกัน จึงทำให้ช่วงเย็น ๆ ก่อนหมดแสงตะวัน พระภิกษุสามเณรชาวพม่าก็ฉันอาหารกันเป็นปกติ เรื่องพวกนี้ถ้าหากเราทราบก็จะไม่ไปตำหนิท่าน เพราะว่าแบบธรรมเนียมของบ้านเขายึดถือมาแบบนั้น

    กระผม/อาตมภาพใช้เวลาในการยืนบรรยายพิเศษไปชั่วโมงครึ่ง ทำเอาหมดเรี่ยวหมดแรงจนไข้จับไปเลย ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า การที่เราบรรยายแล้วจะต้องดึงความสนใจของพระเณรให้อยู่กับผู้บรรยาย โดยที่ไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ไม่ลุกไปฉันน้ำปานะเลยนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะลำบาก ถ้าหากว่าขาดความน่าสนใจแค่นาทีเดียว เขาก็ลุกไปแล้ว วัยรุ่นสมัยนี้ค่อนข้างจะใจร้อน ในเมื่อต้องทุ่มเทสรรพกำลังในการบรรยาย จึงทำให้ไข้จับเอาดื้อ ๆ..!

    จนกระทั่งท่านเจ้าคุณอ๋อนำกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ มาถึงตอนเกือบบ่าย ๓ โมงครึ่ง เมื่อท่านกราบทักทายแล้วก็ได้เซ็นสมุดเยี่ยม ตรวจดูความเรียบร้อยของสนามสอบ ดูการทำข้อสอบของพระภิกษุสามเณรแล้ว ก็นำเอาปัจจัยสนับสนุนสนามสอบของพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ มาถวายให้กับพระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน แล้วดูการส่งข้อสอบต่าง ๆ ของพระภิกษุสามเณรว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยหรือไม่ ? เมื่อเสร็จแล้วท่านถึงได้ขอตัวเดินทางกลับ
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,827
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,413
    กระผม/อาตมภาพกลับมาถึงวัดท่าขนุน ฝนก็กระหน่ำลงมาพอดี จึงจัดการโกนศีรษะตัวเองให้เรียบร้อย แล้วก็เตรียมผ้าไตรจีวรที่จะครองในการเข้ากรรมฐาน ปีก่อน ๆ กระผม/อาตมภาพจะเข้ากรรมฐาน ๖ โมงเช้าของวันแรก แต่ปีนี้อยากจะลองกำลังตัวเองดูว่าแก่ขึ้นแล้วยังไหวหรือไม่ ? จึงเข้ากรรมฐานตั้งแต่ ๖ โมงเย็นก่อนวันแรก แปลว่าเพิ่มระยะเวลาขึ้นมา ๑๒ ชั่วโมง แล้วถ้าหากว่านับการฉันอาหารไปแล้ว ก็แปลว่าท้องว่างไปแล้ว ๑๘ ชั่วโมง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเข้ากรรมฐาน ๔ วันนั่นเอง แต่ต้องนับเป็น ๓ วันอยู่ดี

    ส่วนผ้าไตรจีวรที่เข้ากรรมฐานชุดนี้ ลูกศิษย์ผู้หนึ่งตั้งใจถวาย กระผม/อาตมภาพกองทิ้งเอาไว้เป็นปี เพราะกลัวว่าครองผ้าไตรชุดนี้แล้วจะต้องเป็นเจ้าคุณ..! ลากยาวมา ๑ ปีเต็ม ๆ จึงเอามาครองในปีนี้ เมื่อได้เวลาก็ทำการโยกย้ายเข้ามาสู่กุฏิเจ้าอาวาส กราบพระ บูชาพระเสร็จเรียบร้อยแล้ว จัดข้าวของเข้าที่ แล้วก็มานั่งบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนอยู่ในขณะนี้

    สิ่งที่ทำนี้เพื่อเป็นเครื่องยืนยันให้พระภิกษุสามเณร ตลอดจนกระทั่งญาติโยมได้ทราบว่า ในเรื่องของการเข้าฌานเข้าสมาธินั้น ถ้าเรามีความชำนาญ ที่ภาษาบาลีเรียกว่า "วสี" แล้วไซร้ ท่านก็สามารถที่จะทรงสมาธิทำงานทำการอื่น ๆ ไปด้วยพร้อมกันได้ เพียงแต่ว่าต้องเพิ่มสติความระมัดระวังขึ้นมา เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้สมาธิเคลื่อนคลายไปนั่นเอง

    ในช่วงนี้ ถ้าหากว่าเรี่ยวแรงยังดีอยู่ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก็จะไม่ขาดลง แต่ถ้าหากว่าไปวันที่สามที่สี่แล้ว เกิดว่าร่างกายหมดสภาพเพราะขาดสารอาหาร ก็อาจจะมีการงดบันทึกเพื่อประคับประคองร่างกายเอาไว้รับบิณฑบาตเทโวฯ และกฐินสามัคคี

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...