94.เก็บเรื่องมาเล่า : ผ่านเขาใหญ่ อยากไปดูช้าง

พวกเราไปซื้อตั๋วนั่งรถชมสันเขื่อน มีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้ แนะนำสถานที่และที่เที่ยวต่างๆ มีบริการล่องเรือชมน้ำตก 3 แห่งด้วย แต่พวกเราไม่ได้ไปกัน

​

 

​

ชื่อ เขื่อนขุนด่านปราการชล มาจากชื่อของ ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน หรือ ขุนด่าน เป็นตำแหน่งผู้ดูแลเขตแดนประจำเมืองหน้าด่านในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในตำนานท้องถิ่นกล่าวถึงขุนด่านเมืองนครนายกว่า มีนามเดิมว่า หาญ เป็นบุตรของขุนพิจิตรไพรสณฑ์ ซึ่งเป็นายด่านและหัวหน้าหมู่บ้านทางทิศตะวันออก แขวงเมืองนครนายก เมื่อบิดาถึงแก่กรรม นายหาญได้รับหน้าที่สืบต่อจากบิดา โดยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ว่า "ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน”

ในปี พ.ศ. 2130 รัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระยาละแวก เจ้าเมืองเขมร ส่งกองทัพมาตีเมืองปราจีนบุรีและเมืองนครนายก เพื่อกวาดต้องผู้คนและปล้นทรัพย์สิน ขุนด่านหาญผู้นี้รีบแจ้งข่าวไปยังกรุงศรีอยุธยา และรวมกำลังผู้คนดักซุ่มโจมตีกองทัพพระยาละแวกไม่ให้ผ่านไปโดยง่าย แม้ว่าจะมีกำลังน้อยกว่าแต่ก็ทำให้กองทัพพระยาละแวกได้รับความเสียหายมิใช่น้อย จนในที่สุดกรุงศรีอยุธยาส่งกำลังมาช่วย กองทัพเขมรจึงแต่พ่ายไปในที่สุด

คุณความดีที่ขุนหาญพิทักษ์ไพรวัน(ขุนด่าน) ได้กระทำในครั้งนั้น ทำให้ผู้คนยกย่องนับถือเป็นอันมาก เมื่อถึงแก่กรรม ชาวบ้านจึงได้สร้างศาลบรรจุอัฐิไว้บริเวณหุบเขาชะโงก ต.พรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก เรียกกันว่า "ศาลเจ้าพ่อขุนด่าน"

 

ประวัติอีกแห่งกล่าวคล้ายๆ กันว่า ขุนด่านเป็นชื่อตำแหน่งนายด่าน ซึ่งขณะนั้นตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เจ้าพ่อขุนด่านอยู่ในบริเวณเขาชะโงกจังหวัดนครนายก ตามประวัติเท่าที่สืบได้นั้น กล่าวว่า "ขุนด่าน" เป็นเพียงตำแหน่ง คือเป็นนายด่านขณะนั้น เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงกู้กรุงศรีอยุธยา กลับคืนมาจากพม่าได้แล้ว ( พ.ศ.2127 ) อีก 3 ปีต่อมา พ.ศ.2130 พม่าก็ยกกองทัพเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา เป็นศึกใหญ่เข้ามาถึงชานพระนคร คาดว่าศึกครั้งนี้กรุงศรีอยุธยา ต้องเสียแก่พม่าเพราะ พม่าตั้งล้อมกรุง เป็นเวลานาน สมเด็จพระนเรศวรก็ทรงทำแต่เพียง ออกปล้นค่ายพม่าแค่นั้น ในครั้งนี้นักพระสัตถา พระเจ้ากรุงละแวก เจ้าแผ่นดินเขมรก็ส่งกองทัพเข้ามาในปราจีนบุรี ทางปราจีนบุรีไม่มีกำลังต่อต้านจึงตกอยู่ในปกครองของเขมรโดยง่าย เขมรแบ่งกำลัง ส่วนหนึ่งไว้ที่ปราจีนบุรี ให้ทำหน้าที่กวาดต้อนผู้คนขนทรัพย์สมบัติ และก็เคลื่อนกองทัพส่วนใหญ่เข้ามา นครนายก ซึ่งขณะนั้น "ขุนด่าน" เป็นนายด่าน ซึ่งขุนด่านไม่ยอมให้กองทัพเขมรผ่านเข้ามาง่าย ๆ แม้จะมีกำลังน้อย ได้ต่อสู้จนเห็นว่าเหลือวิสัยที่จะต่อสู้ต่อไป จึงได้รวบรวมคนที่เหลืออยู่เข้ามาตั้งอยู่ทางเขาชะโงก กองทัพเขมรเข้าเมืองนครนายกได้ ยึดเมืองไว้แล้ว ก็ทำการกวาดต้อนผู้คน ขนทรัพย์สมบัติไปเช่นเดียวกับที่กระทำในปราจีนบุรี ในระหว่างนี้มีผู้คนหลบหนีออกไปจากเมือง ทำให้ขุนด่านได้ซ่องสุมชายฉกรรจ์ ส่วนผู้คนพลเมืองอื่น ๆ จัดให้ซุ่มซ่อนหลบภัยอยู่ซอกเขา ครั้นเมื่อพม่าไม่สามารถ จะตีกรุงศรีอยุธยาได้ต้องถอยกลับไปทางกรุงศรีอยุธยา จึงได้ส่งกองทัพไทยในความควบคุมของพระศรีไสยณรงค์ออกมารบเขมร ส่วนทางนครนายกขุนด่านก็นำกำลังเข้าโจมตีเขมร ในที่สุดเขมรก็ถอยไปจากนครนายกและปราจีนบุรี

​

 

เมื่อขุนด่านเสียชีวิตลงชาวจังหวัดนครนายกมีความเชื่อว่าท่านเป็นเทพารักษ์ที่มีผู้นับถือมากจึงตั้งศาลบริเวณเขาชะโงก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นไปตั้งค่ายอยู่ ได้ทำลายศาลทำให้ล้มตายโดยหาสาเหตุไม่ได้เป็นจำนวนมาก ผลงาน ขุนด่านเป็นผู้เสียสละป้องกันเมืองนครนายกไว้ นับเป็นวีรบุรุษของชาวจังหวันครนายก

​

 

ต่อจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่
ระหว่างทางที่จะไป อืมมคุ้นๆ แฮะทางนี้ มองไปมองมา อ้าว ทางเดียวกับที่พักเมื่อคืน พวกเราขับบรถวนเล่นอยู่แถวนี้เองเหรอนี่

มาถึงปากทางเข้าด่านตรวจของอุทยาน เสียค่าเข้าเสร็จแล้ว จากนั้นก็ลัดเลาะไปตามทาง สายตาก็สาดส่อง พร้อมกล้องในมือเปลี่ยนเป็นเลนส์เทเล กะว่าจะถ่ายภาพพี่ช้างให้ได้

​

 

จนมาถึงจุดพักรถเหวนรก จอดรถแวะถ่ายรูป แล้วตั้งใจจะเดินเข้าไปดูน้ำตกกัน เดินเข้าไปเรื่อยๆ ดูต้นไม้เขียวๆ 2 ข้างทาง

​

 

​

 

จนมาถึงสะพานข้ามคลอง มีคนเดินสวนกลับมาคุยกันได้ยินว่า ไม่มีน้ำเลย อ้าว เดินกลับก็ได้

​

 

​

 

​

 

เดินกลับมาถึงที่จอดรถ ได้เหงื่อกันถ้วนทั่ว นั่งพักแป๊บนึง

​

 

​

ขึ้นรถไปกันต่อ กล้องพร้อมอยู่ในมือเหมือนเดิม ระหว่างทางเจอกวางบ้าง ลิงบ้าง ออกมาได้นิดเดียว รถติดไม่รู้มีอะไรกัน รถชนกันเหรอ???... พอรถขยับเห็นรถ จนท.อุทยานกำลังยืนโบกรถให้ผ่านไป มองเห็น อึ ช้างอยู่บนถนน อดเลย ขบวนพี่ช้างเพิ่งผ่านไป เซ็ง ไม่เจอพี่ช้าง

 

นั่งรถไปยาวๆ ก็เจอแต่ อึช้าง เจอกวางกับลิงอีกหลายตัว

​

 

จนมาถึงอ่างเก็บน้ำสายศร จอดรถเก็บภาพหน่อยนึงแล้วไปต่อช่วงสุดท้ายก็ยังคงเจอแต่ก้อนปุ๋ย หมดหวัง จบๆๆๆ อดดูพี่ช้าง

พอลงจากเขาใหญ่ แวะไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ครู่นึง

​

 

พวกเรามาถึงบ้านพัก ประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง เป็นหลังเดียวอีกแล้ว ขนาด 3 ชั้น
สำรวจบ้าน ลานหน้าบ้านมีเตาบาร์บีคิว กับถ่านกระสอบใหญ่ ห้องครั้วอยู่ชั้น 2 มีอุปกรณ์ทำครัว แต่ยังไม่ครบเท่าที่แรก มีห้องนั่งเล่น ห้องนอน 3 ห้อง มีระเบียง 2 ที่ อยู่ชั้น 2 กับชั้น 3 พวกเราคิดกันว่าจะทานอะไรดีเย็นนี้ แต่อุปกรณ์ไม่พร้อม งั้นโทรสั่งหมูย่างเกาหลีมา 2 ชุด แล้วก็แบ่งคณะไปช้อปปิ้งซื้อเสบียงข้างนอก

​

 

​

 

​

 

​

ขับรถไปแมคโครเกือบออกไปถึงถนนมิตรภาพโน่น ซื้อของเสร็จกลับเข้าบ้าน หมูย่างเกาหลีที่โทรสั่งยังมาไม่ถึง โทรไปถามอีกทีบอกมาไม่ถูก ให้โลไปก็อีกนานกว่าจะมาถึง พอมาถึงบอกว่ามีคนสั่งอีก 30 ชุดใหญ่ อ่อ ถึงได้มาช้า

 

ถนนอันเงียบสงบหน้าบ้านพัก ​

 

เมื่อของที่สั่งมาถึงก็จัดสถานที่ระเบียงชั้น 2 ปิ้งย่างกัน 2 วันติดเลย

​