เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

พอดีหน้าจอคอมฯผมแค็ปภาพ มาได้ไม่หมดทั้งประเทศอะนะ (ถ้าแค็ปหมดภาพมันจะเล็ก) เลยเอาภาพมาได้แค่ประเทศไทยครึ่งบนครึ่งเดียว แต่...ผมเอาภาพครึ่งล่างของประเทศมาลงให้ดูต่อจากภาพนั้นอะนะ ถ้าท่านได้เห็นภาพนี้แล้ว...ผมให้พูดใหม่อีกทีอะนะ (นี่ขนาดแค่100เมตรเองนะ) ^O^

 

ถ้า200เมตรล่ะจะเหลือมั๊ย..

 

ที่จริงแล้วการทวนกระแส ก็คือการยกระดับจิตให้สูงขึ้น ตามคำกล่าวของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ลองมาดูเหตุผลกันค่ะ

การทวนกระแส ที่จิตยิ้มเข้าใจก็คือ สภาวะจิตที่มีความสมดุลสูงสุด นะค่ะ

เปรียบดั่งล้อรถยนต์ที่มีอัตราการหมุนสูงมากเท่าใด อาการแกว่งส่ายเพราะเสียสมดุลแเม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ปรากฎให้เห็น แต่จะหมุนด้วยความเร็วสูง ที่ดูหมุนเหมือนไม่หมุน นั่นแหละค่ะ ที่เป็นการสั่นสะเทือนสูงสุดหรือคลื่นของระดับจิตที่สูงสุดจนเกิดภาวะสมดุล

คลื่นการสั่นสะเทือน.....

ระดับคลื่นความถี่ทางอารมณ์ของมนุษย์ เช่น คลื่นระดับต่ำที่เกี่ยวข้องกับความอยาก-ไม่อยาก เราจะสังเกตุได้ว่าถ้าหากเราเกิดอารมณ์เหล่านี้ขึ้น เราจะสามารถรับรู้ได้ทางกายภาพว่าชีพจรและหัวใจจะสั่นไหวค่อนข้างรุนแรงไม่ปกติ เปรียบดั่งเส้นลวดที่เคยขึงตึงถูกทำให้หย่อนลงแล้วยังไม่พอ มันยังถูกทำให้เกิดการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ต่ำ ๆ อีกต่างหาก ลวดเส้นนั้นจะแสดงอาการสั่นไหวขึ้นลงแรง ๆ จนเห็นได้ชัดเจนนั่นเอง

การขับเคลื่อนของอารมณ์หยาบ ๆ รายวันซึ่งเป็นกิเลสตัณหา มนุษย์จำนวนใหญ่ในสังคมโลกต่างล้วนขับเคลื่อนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพราะมนุษย์ไม่อาจยกระดับจิตหยาบของตนให้สูงขึ้น พอที่จะขับเคลื่อน"จิตสำนึก"ที่แท้จริงของตนเองได้

สาเหตุที่มนุษย์ยกระดับจิตหยาบตนเองไม่ขึ้น หรือยกไม่ได้ มี 3 ประการ

1.ไม่รู้ว่าตนต้องยกระดับมัน
2.รู้ว่าต้องยก แต่ไม่รู้จะยกระดับมันอย่างไร
3.รู้ว่าต้องยก แต่ไม่ใส่ใจที่จะยกระดับมัน

การแสดงออกทางพฤติกรรม จะต้องอาศัยจิตสั่นสะเทือนให้เกิดพลังอำนาจเพื่อการขับเคลื่อนมันเสมอ แต่การขับเคลื่อนมิใช่เกิดจาก อารมณ์รู้สึก ที่เป็นกิเลสตัณหาแต่เพียงอย่างเดียว นั่นมันเป็นการสั่นสะเทือนคลื่นความถี่ในระกีบต่ำ หรือระดับหยาบเท่านั้นเอง

ถ้ามนุษย์ใจเย็นกว่านี้อีกนิด

ปล่อยให้จิตมันมีเวลาที่จะสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ที่สูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกสักหน่อย ด้วยการใช้สติเข้ากำกับระงับอารมณ์รู้สึกหยาบ ๆ นั้นไว้มิให้มันแสดงตนออกมาขัดจังหวะให้เสียการเอาไว้ก่อน มนุษย์จะเข้าความองอาจถึงพฤติกรรมที่ดี ๆ ได้ทันที

จิตรับรู้สิ่งเร้านั้นโดยไม่มีการรับเอาหรือไม่มีการปรุงแต่งเป็นอารมณ์รู้สึกใด ๆ เกิดขึ้น แต่ถ้าจิตเกิดการสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกใด ๆ ขึ้นมาแล้ว ก็จะวางเฉย หรือไม่ใส่ใจอารมณ์รู้สึกที่เกิดขึ้น ไม่นานนักมันก็จะสงบระงับของมันไปเอง เพราะตัวเราไม่ใส่ใจยินดีที่จะคล้อยตามมันนั่นเอง

เพราะ....

จิตสุญญตา ก็คือจิตที่มีอนุภาคของบางสิ่งอยู่อย่างมากมาย แต่แม้มีก็เหมือนไม่มี เหตุเพราะอนุภาคของบางสิ่งที่ว่านี้เล็กละเอียดมากและยังมิได้มีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเลย มันเป็นจุดเริ่มต้นหรือนุดกำเนิดเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น มันเล็กยิ่งกว่าจะใช้คำว่า "อณู" หรือ ปรมาณู เสียอีก

หมายความว่า มันสงบนิ่งของมันอยู่ มันยังมิได้มีการสั่นสะเทือนภายในตัวของมันเองเลย

สภาวะสุญญตา หมายถึง สภาวะที่เกิดขึ้นในขณะที่ "ลมสงบนิ่งมิได้พัดไหว" ทั้งที่มีลมอยู่ แต่ลมนั้นมิได้แสดงความมีอัตตาตัวตนของตนออกมาให้สัมผัสรับรู้ได้ เพราะในขณะนั้น ลมเพียงแต่ดำรงคุณสมบัติของตนอยู่เฉย ๆ ว่าเป็น "อากาศ" ที่มีอยู่เท่านั้น

การที่ลมอยู่นิ่งไม่มีการเคลื่อนที่พัดไหว เรียกว่า "อากาศ" ดังนั้นอากาศจึงเป็นคุณสมบัติหนึ่งของลมเมื่อยามอยู่นิ่งสงบมิพัดไหวหรือมิเคลื่อนไหลตนเองจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง

จุดที่ลมหยุดนิ่งแต่มีคุณสมบัติเป็นอากาศดำรงอยู่รายรอบตัว มันก็คือจุดเริ่มต้นของลม

จุดที่ลมหยุดนิ่ง คงมีแต่คุณสมบัติของานที่เป็นอากาศจึงเป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่เป็นอนัตตาอยู่

ต่อมาเมื่อตรงจุดเริ่มต้นที่เป็นแก่นแท้ของความเป็นอนัตตา เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นคือมีการเคลื่อนไหลตนเองขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นความมีอัตตาก็จะเกิดขึ้นทันที

พอมองภาพออกไหมคะ สภาวะจิตที่เป็นหยาบ ๆ ในะดับต่ำที่มีการสั่นสะเทือนแบบหยาบ ๆ หรือ ต่ำ ๆ ที่เห็นการสั่นสะเทือนได้จัดเชน จนยกระดับขึ้นไปสู่สภาวะสมดุล ที่เปรียบดั่งวงล้อที่หมุนเกือบไม่หมุน จนไปถึงระดับจิตสุญญตาที่ไม่สั่นสะเทือน ที่เปรียบดั่งความมีที่เหมือนไม่มีนะคะ

 

ท่านกล่องไม้ขีดไฟ...ท่านเป็นแอดมินเพจที่เกี่ยวกับธรรมะคำสอนครูบาอาจารย์สายวัดป่าใช่เปล่า..

 

การหมุนวน เกิดอัตตามายาสรรพสิ่งเป็นตัวตน



การทวนกระแส หรือ การหมุนทวนกลับ ดุจการคลายเกลียวน็อตย้อนศรออก หมุนทวนออก


การทวนกระแสก็คือ การหมุนทวนกลับ ปล่อยวางมายา หรือการคลายความยึดถือ

 

ป่านนี้ คลี่ โหะ โตะ หาย ไปแว้ว

แสน สองแสน

สรุป เปน ล้าน ต่อปี

 

การหมุนธรรมจักรของตนเองให้สมดุลและสมบูรณ์ เพื่อให้เกิดธรรมจักรในตนเองให้จงได้

คำว่า "หมุนให้สมดุล" หมายถึง การหมุนอายตนะทั้งหมดให้ถูกต้องเสมอ

คำว่า "หมุนให้สมบูรณ์" หมายถึง การหมุนอายตนะทั้งหมดอันเป็นตัวแทนของเครื่องยนต์แห่งกรรม(รูปธรรมมนุษย์) จิตหยาบอันเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ และจิตวิญญาณเอง รวม 3 อย่างนี้ ให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกันให้จงได้ในทุกขณะจิต

 

การเหวี่ยงหมุนเพื่อให้เกิด "กงล้อสภาวะธรรม" หรือ ธรรมจักร นั่นเอง

คำว่า "คน"

หมายถึง การคน หรือ การเหวี่ยงหมุนใน 2 มิติ

การคน หรือ "การเหวี่ยงหมุน" ในมิติทางกายภาพ คือ การสับเปลี่ยนหมุนเวียนการใช้อายตนะทั้งห้าภายนอก เพื่อการรับสัมผัสสรรพสิ่งและเรื่องราวต่าง ๆ

การคน หรือ "การเหวี่ยงหมุน" ในมิติพลังงาน

ลักษณะทิศทางแห่งการหมุนก็คือ

เหวี่ยงหมุน (คน) จากภายนอกคืออายตนะทั้งห้าเข้าสู่ภายใน คือจิตหยาบตรงต่อมไพนีล แล้วเหวี่ยงหมุนต่อไปเรื่อย ๆ จนไปสิ้นสุดที่ ต่อมพิทูอิทารี่ และจากต่อมพิทูอิทารี่ ก็จะเหวี่ยงหมุนออกสู่ภายนอก 2 ช่องทาง คือ ทางแรกผ่านกระบวนการทางพลังงานของจิตวิญญาณเอง ที่เรียกว่า "พลังจิต" และช่องทางที่สอง คือ การสั่นสะเทือนผ่านสติปัญญาทางสมองและการแสดงออกหรือการกระทำต่าง ๆ ในทางโลกมิติกายภาพ

นี่คือ กระบวนการ "คน" หรือเหวี่ยงหมุนกลไกต่าง ๆ ในรูปธรรมมนุษย์ ที่กำหนดหน้าที่ (มรรค 8 ) ธรรมจักรเอาไว้ให้
มันจะต้องเป็นเช่นว่านี้เท่านั้น

การต้องเป็นเช่นว่านี้ หมายความว่า มนุษย์จะกระทำให้มันเป็นอย่างอื่นซึ่งผิดแผกจากนี้ไม่ได้

การที่มันต้องเป็นเช่นที่ว่านี้เท่านั้น จึงหมายถึง สภาวะธรรมชาติ หรือสภาวะธรรมภายในตนเองของมนุษย์โดยแท้

ดังนั้น การต้องทำให้มันเป็นเช่นที่ว่านี้ ก็คือ การต้องทำให้มันเป็นสภาวะธรรมชาติ หรือ สภาวะธรรม นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงถูกเรรยกว่า "คน" เพราะการ "คน" หรือ การเหวี่ยงหมุนกลไกเหล่านี้ ให้เป็นไปตามสภาวะแห่งธรรมชาติ หรือ ตามสภาวะธรรม หมายถึง

การเหวี่ยงหมุนเพื่อให้เกิด "กงล้อแห่งสภาวะธรรม" หรือ ธรรมจักร นั่นเอง

 

พรุ่งนี้เที่ยงเนตเราหมดแล้วนะ..

 

https://www.sanook.com/news/7878238/

 

วงเวียนที่เป็นสีทองและสีขาวนั่นแหละเปรียบเหมือนอวิชชา..

ดูจากรูปนี้จะเห็นชัดเจน..

 

สอบครู 14 ครั้ง ด้วย จิตตน ไม่อิง
หลวงเฮีย! จนได้ เข้ากรุง ในที่สุด

 

" อนึ่งผู้ใคร่ครวญธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้ไม่ใคร่ครวญธรรมก็ตรงกันข้ามธรรมหมายโดยย่อก็มี ๒ อย่าง..

โลกุตระธรรมเป็นหัวจักรของธรรมทั้งหลายย่อมดึงดูดไปสู่พระนิพพาน ธรรมแท้ไม่มีมากธรรมฝ่ายเกิดฝ่ายดับคือฝ่ายสังขารและกองทุกข์ซึ่งมีกิเลสผู้หลงเข้าไปยึดถืออีกด้วยถ้าไม่มีกิเลสเข้าไปยึดถือ สิ่งเหล่านั้นก็เกิดดับอยู่ตามธรรมชาติไม่ได้มีพิษสงอันใดเลยส่วนธรรมฝ่ายไม่เกิดไม่ดับคือพระนิพพานก็เป็นจริงอยู่อย่างนั้นหาได้มีเรื่องอันใดไม่ขอให้เข้าใจว่าคำว่าธรรมเป็นของว่างอยู่มี ๒ ประเด็น คือ..
- ประเด็นฝ่ายเกิดดับ คือว่างอยู่แบบหยาบๆ
- ประเด็นที่ไม่เกิดไม่ดับก็ว่างอยู่แบบละเอียดลึกซึ้งมากจะไปตีเสมอกันไม่ได้.."

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

 

เข้ากรุง ที่ไหน มีลาภสองขา.....

 

#การสั่นสะเทือน จะ สมดุล
ก้ต้องอาสัย อาหาร

 

#จะทำงานในกรุง รู้ยัง
สอบสัมภาษน์ เขาจะถาม อะไร

 

ร้านขายยา
ใกล้ กรุงเทพมหานครรีเฟรชตำแหน่ง


โทร

เส้นทาง

B
ร้านอภัยภูเบศร์
ร้านขายยา
32-34 เทอไท 18


เส้นทาง

 

เจ้าของกระทู้เขากำลังติดต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์...ใจเย็นๆเดี๋ยวได้ตามอ่านอีกประเด็นแน่นอน