เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ท่านผู้นี้เป็นใครคะ ต้องการอะไรจากสังคม

    หรือ
    มีอะไรที่อยากให้ช่วยก็บอกมานะคะ ยินดีช่วยค่ะ
     
  2. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ออกมาแบบนี้ต้องการให้ช่วยอะไรบอกได้นะคะ ยินดีช่วยเสมอค่ะ คนไทยด้วยกัน

    คุณหมอบอกมาตอนนี้คนไทยป่วยเป็นโรคทางจิต และโรคประสาทกันากโดยที่ไม่รู้ตัว และก็มีโรคใหม่แต่เก่ามานานแต่ยังไม่ได้ประกาศว่าลักษณะนี้คือโรคอีกอย่างหนึ่งคือ โรคริษยา เห็นใครดี เด่นดัง เกิดอาการอยากบ้าง แต่ทำไม่ได้ โรคประสาทเลยกำเริบคือโรคภัยพิบัติทางใจ. โรคแบบนี้น่ากลัวนิ่งกว่าภัยพิบัตืทางธรรมชาติเป็นล้านเท่าไหร่เลยค่ะ มีมานานคู่โลก กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังไม่หายไปจากโลกของเรา.ภัยทางธรรมชาติยังมีโอกาสหายแต่ภัยพิบัติทางใจของมนุษผู้เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา น่ากลัวกว่ามากนะคะ

    อยากเป็น อยากมีตัวตน แต่ไม่สามารถทำได้ เลยออกมาโหนด่าชาวบ้านเขาไปวันๆ แบบไม่รู้จักมายาทชาติผู้ดี

    มาช่วยกันทำสังคมไทยให้น่าอยู่กันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2019
  3. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ใช่ค่ะคุณคนสมัยนี้เลวมากจนนรกไม่สามารถรับได้เลย ค่ะ เขาให้ไปเกิดเป็น เปรตปากแหลม ดีกว่าเพราะมีปากแหลม พวกชอบว่าชาวบ้านเขาคนแบบนี้เยอะค่ะในสังคมบ้านเรา

    เห็นด้วยกับความคิดค่ะ แต่ต้องช่วยกันปรับแก้ไขคนนิสัยประเภทนี้นะคะ อย่าให้เที่ยวไปสร้างความเดืออดร้อนให้แก่คนอื่นค่ะ ช่วยๆกันนะคะ
     
  4. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    เห็นด้วยกับข้อความนี้อย่างยิ่งค่ะ

    คนดีบ่อดัง
    คนดังบ่อดีค่ะ
    คนที่อยากเด่น อยากดัง อยากมีตัวตนให้เขายอมรับ ชื่นชมก็ไม่ดีเช่นกันนะคะ

    คนประเภทนี้น่าสมเพชค่ะ คือเกินความสงสารไปแล้วค่ะ

    ท่านเพลิงพรายพิญค่ะ

    คนประเภทนี้เข้าลักษณะ เขาเรียกเล็วไม่มีที่ติค่ะเรื่องของชาวบ้านคืองานของเราค่ะ. คนสติดีๆเขาไม่ทำกันหรอกค่ะ นอกจากพวกจิตประสาทหลอนเห็นเขาเป็นนางแก้ว. อยากเป็นกับเขาบ้าง แต่ความดีไม่มีปรากฏมีแต่ความเล็ว. แล้วก็เที่ยวด่าว่าด้วยจิตริษยา น่าสงสารนะคะคนแบบนี้ ปล่อยๆไปเถอะค่ะเดี๋ยวกรรมก็ตามสนองเอง
    มาร่วมกันแผ่เมตตานะคะ เดี๋ยวช่วยค่ะ

    ช่วยๆกันปลูกจิตสำนึกทำให้สังคมไทยน่าอยู่กันนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2019
  5. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ใช
    ใช่ค่ะเห็นด้วยกับท่านค่ะ คนเราก็น่าเห็นใจนะคะ เขาคงไม่ได้อยากเลวหรอกค่ะ แต่ความอิจฉาริษยามันบังตา อยากเด่น อยากดัง อยากให้คนอื่น รักนิยม ชมชอบบ้าง แต่ไม่มีสักคนเลยค่ะ จ่าเห็นใจนะคะคนพวกนี้ เราอย่าไปซ้ำเติมเลยค่ะ เขาป่วยทางจิตวิญญาณ ควรจะพาไปพบหมอจิตเวชดีกว่าค่ะ คนดีๆเขาไม่ทำกันนะคะท่าน. อย่างว่าแหละท่านจิตใจมันต่ำตม ยังำม่ได้รับการยกรดับจิตใจจากความอยากมี อยากได้ อย่ากเด่น อยากดัง อยากเป็นที่รัก ไม่ไม่มีใครรักเลย สามีตัวเองยังไม่รู้เลยจะรักรึเปล่า เกิดอาดารเครียดกำเริบ ปรอทแห่วความริษยาเลยแตก ต้องออกมาระรานคนอื่นเขา แบบนี้แหละค่ะ คืออยากมีตัวมีตน เห็นใจเขาเถอะค่ะท่าน. คนประเภทพิษทาง เห็นเขาเป็นนางแก้ว เป็นมหาเวีโด่งดังใครๆก็ชื่นชอบ อยากเป็นบ้างแต่ทำไม่ได้ ไม่มีใครเอา ไม่มีใครยอมรับเพราะความเลวมันล้นความดีไม่ปรากฎนรกยังไม่รับ กลัวสัตว์นรกติดเชื้อไปด้วย มาช่วยกันแผ่เมตตากีนเถอะค่ะท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2019
  6. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    จริงค่ะท่าน
    จริงค่ะท่าน คนบางคนน่าสงสารมากนะคะ พวกอยากมีตัวตน เลยสร้างความเดือดร้อนเกะกะระรานเขาไปทั่ว ตัวเองเลวไม่เคยมองดูตนเอง ชอบมาเจ๋อด่าว่าชาวบ้าน คนพวกนี้น่าสงสารค่ะ สงสัยเป็นจิตประสาท หรือ โรคอิจฉาลิซึ่มมั้งค่ะ

    อย่าไปว่าเขาเลยค่ะท่าน ควรแผ่เมตตาให้เขาดักว่าค่ะ

    คนประเภทนี้เดี๋ยวมันก็แพ้ภัยความเลวของมันไปเองแหละค่ะ อยากเด่น อยากดัง ไม่มีที่แสดงออก ขอเป็นห้อยโหนก็ดี

    ชอบสร้างศัตนูไปทั่ว มีปากเหมือนเปต ชอบร้องขอส่วนบุญ ถ้าเจอคนลักษณะนิสัยใกล้จุติเป็นเปตขอให้แผ่ส่วนบุญให้เขานะคะ เพราะเขาต้องการส่วนบุญจากเราค่ะ เปตพวกนี้น่าสงสารค่ะ ตอนเป็นมนุษย์มีจิตริษยา อยากเด่นอยากดัง แต่ทำไม่ได้ ตายไปเลยเป็นเปตขอส่นบุญเขาค่ะ คนจิตไม่ปกติพวกนี้หมดกรรมจาการเป็นเปรตก็จะมาเกิดเป็นพวกลูกครึ่งค่ะ

    ครึ่งเปรตครึ่งคน คือมีปากเป็นเปรตควบปากสุนัข เพราะมีชีวิตตอนเป็นมนุษย์ชอบปากหมานค่ะ

    คนประเภทนี้บ่งบอกถึงการอบรมเลี้ยงดูมาค่ะ ว่าเป็นพื้นฐานทางบ้านเป็นแบบไหนค่ะ อย่าถือสาเลยค่ะท่าน

    เจอคนแบบนี้แผ่เมตตาให้นะคะท่าน เห็นใจค่ะ มันเยอะค่ะ ช่วยๆกันค่ะ มันจะได้หมดไปจากโลกเรานะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มกราคม 2019
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    D1A6FBD25A3D4EB1B51DD3ADB7F304A5.jpg

    ปุกาด! ปุกาด!

    บัดนี้ บุคคลซึ่งได้อาสัย ความเปน แม่ชี
    ถือบวชปราวนาสัจจ เปน พุทธบริษัท....
    บุคคลนั้น

    บุคคลดังกล่าว บัดนี้.....

    ได้ ถอนสัจจที่จะ ทำสิกขา ปรวนาเปน
    พุทธบริษัทเปนชี แล้ว

    จึงมี ฐานะ เปน บุคคลปุถุชนธรรมดา
    อันมีสิทธิเสรีในการ .................

    ......อย่าให้ผุเลอะ ผมก้เหนื่อย....

    รับทราบไว้ละกัน

    ...จบนะ....
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    p4cntm2zwZwmJkj8tZ2-o.png

    ท่านครูเพียงบอกว่า "มารไม่มี บารมีไม่เกิด" ในชีวิตคนเรานั้น "มาร"มาในรูปแบบต่างๆ เพื่อทดสอบว่า เราเป็นผู้มีบุญบารมีระดับใด โดยมารจะมา 8 รูปแบบดังต่อไปนี้!

    p4cnw69g6qq1995H5JS-o.jpg

    1. "มาร" มาช่วยเสริมสร้างบุญบารมีหากเราคิดเป็น มีธรรมในใจจริง

    2. "มาร" เข้ามาในชีวิต เพื่อให้เรารู้ว่า กฏแห่งกรรมมีจริง ผลแห่งกรรมมีจริง

    3. "มาร" มาในรูปแบบคู่ชีวิต เจ้ากรรมนายเวรมีแต่เรื่องปวดหัว เรื่องร้อนในใจ เข้ามาเพื่อให้เรารู้สึกตัว รู้จักที่จะฝึกจิตให้อดทน รู้จักยับยั้งชั่งใจไม่กระทำบาปกรรมตอบสนอง รู้ดีรู้ชั่ว ไม่สร้างเวรกรรมใหม่ผูกพันกันหนักขึ้นไปอีก

    4. "มาร" มาในรูปแบบเพื่อนรอบตัวไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ที่ทำงาน เพื่อนบ้าน เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เข้ามาทดสอบจริยธรรม คุณธรรมของเราว่าเราอยู่ในระดับ เข้ามาเพื่อให้เราได้เห็นทางสว่างขึ้น พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เข้าใจโลกและธรรมมากขึ้น

    p4cnxh9h9jrKWoem09T-o.jpg

    5. "มาร" มาในรูปแบบเงินทั้งการอัตคัดขัดสน เพื่อให้เราจักความจริงแท้ของธรรมชาติ ได้รู้จักตน รู้จักพอประมาณ รู้จักใช้ชีวิตที่พอเพียง ไม่ประมาท เกิดปัญญาในการมีชีวิตโดยไม่เอาเงินเป็นที่ตั้งก็มีความสุขได้

    6. "มาร" มาในรูปแบบเงินมากมายที่ยั่วยวนให้เราหลงใหล มาทดสอบกิเลสว่า ทดสอบคุณธรรมว่าเราดีจริงหรือไม่

    7. "มาร" มาในรูปแบบปัญหาในเนื้องานที่เราทำ ทำให้เรา"ตื่น" ที่ต้องแสวงหาปัญญาในทางแก้ไข ทำให้เรารู้ว่า"ปัญญา"ของเราอยู่ในระดับไหน ต้องเสริมเพิ่มเติมอย่างไร

    8. "มาร" มาในรูปแบบการขัดขวางการสร้างบุญ ทำให้เรารู้คุณค่าของ "บุญ" ที่แท้จริง มาเสริมให้เรามีจิตใจ มีศรัทธา ไม่ยอท้อในการสร้างบุญบารมีมากขึ้น

    https://pantip.com/topic/37387849
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    images (32).jpeg

    images (29).jpeg

    images (31).jpeg

    images (33).jpeg
     
  10. TheKunKeng

    TheKunKeng เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +919
    ถ้าชีวิตนี้ เราไม่กลัวความตายซ๊ะอย่าง!!...
    อะไรต่างๆก็ทำให้เรากลัวไม่ได้อีกแล้วล่ะนะ...

     
  11. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908


    คำครู
    21/1/62

    หากยังไม่รู้จริง ก็จงอย่าวิจารณ์ใครอื่น
    หากยังไม่ดีจริง ก็จงอย่าสู่รู้เรื่องของใครอื่น
    หากยังไม่ฉลาดจริง ก็จงอย่าพล่ามอวดรู้ใครอื่น
    หากยังไม่ร่ำรวยจริง ก็จงอย่าเห่ออวดใครอื่น
    หากยังไม่แน่จริง ก็จงอย่าดูแคลนใครอื่น

    มองตัวเรา ดูตัวเรา หัวใจจักเป็นสุข
    มองคนอื่น จ้องจับผิดแต่ใครอื่น หัวใจก็จักรุ่มร้อนนอนทุกข์..นะลูก

    พ่อ พระธัมมสรโณ


    ยุคนี้คือกาลียุค เกิดภัยพิบัติทางใจเกิดขึ้นมากมาย เช่น รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา คนบางประเภทมีร่างกายเป็นคนแต่ใจกลับกลายเป็น สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน

    บางคนโอ้อวดถึงกับบอกมีอภิญญา ได้ฌาณ ได้ญาณ แต่พฤติกรรมการแสดงออกกายเป็นคน ใจยังวนเวียนในภพภูมิทั้งสี่อยู่เลย
    ฌาณ ญาณประเภทนี้เขาเรียกว่าศิษย์พระเทวทัต พระเทวทัตได้ญาณ ฌานอภิญญา 6 เหาะเหิน เดิน อากาศ ดำดิน แปลงร่าง หายตัว แต่ยังตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดจนถึงทุกวันนี้

    ได้ญาณ ฌานแต่ยังไปนรกอยู่ แต่ขาดปัญญาที่ถูกต้อง คงไม่มีใครอยากได้มั้งฌาณนรก

    และบทความธรรมะของครูบาอาจาร์ย คงจะช่วยยกระดับจิตใจของคนที่เข้าขั้นป่วยเป็นโรคภัยพิบัติทางทางจิตวิญญาณได้ดี หากไม่รีบไปรักษาระวังหายนะใหญ่จะเกิดขึ้นแก่จิตใจของผู้นั้นเอง

    อยากดี อยากเด่น อยากดัง แบบเขาบ้าง
    ไม่ใช่เกิดจากการมโน แต่เกิดจากการยอมรับนับถือ ในความดี ความรู้ ความสามารถ ไม่ใช่ริษยา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2019
  12. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    สาธุค่ะแม่ชี

    ทุกวันนี้มารมีหลายแบบค่ะ

    มารริษยา

    มารอยากใหญ่

    มารอยากเด่น อยากดัง

    มารโกหกหลอกลวง ปลิ้นปล้อน

    มารไร้ศีล ไร้ธรรม

    มารอยากแข่งดี แข่งเด่น

    สาพัดมารเลยค่ะ พราะอยู่ในช่วงมารหรืออันธพาลครองเมือง ดังนั้นต้องครองใจ หรือรักษาจิตใจของเราคนดีๆ ให้มารพวกนี้มันลงนรกไปแต่เพียงผู้เดียวค่ะ
    แผ่เมตตาให้ก็ไม่รับ เพราะมารพวกนี้มีสภาพจิตใจหยาบกระด้าง ไม่สามารถรับพระสัจธรรมเบื้องสูงได้ มีแต่ธรรมเบื้องต่ำ จึงไม่มีปัญญาพิจารณาในธรรมเบื้องสูงได้ ได้แต่ฌาณ ญาณปลอมๆ โกหกคนอื่นไปวันๆ เพื่อความสุขเล็กๆน้อยๆของตนเอง
     
  13. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ท่านป้าค่ะลองเอาข้อความนี้ไปให้คนที่ท่านป้าที่เขาทำให้ท่านป้าไม่พอใจ ลองไปอ่านดูบ้างนะคะ เผื่อเขาจะกลับจิตกลับใจ มีจิตสำนึกคิดอะไรได้ ไม่ใช่นั่งญาณ มโนเอาเองแบบพวกมิจฉาทิฑินะคะ

    ลองดูค่ะ ช่วยๆกันค่ะ เผื่อสังคมจะดีขึ้นนะคะ นี่ธรรมชาติยังไม่ร้ายแรง เท่ากับภัยพิบัติในใจคนค่ะป้า

    สมบัติผู้ดี

    พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงอธิบายถึงความหมายของผู้ดีความตอนหนึ่งว่า ...ผู้ดีไม่ได้หมายถึงคนมีทรัพย์ ไม่ได้หมายถึงคนมีสกุล แต่หมายถึงคนที่ประพฤติปฏิบัติดีทั้งกาย วาจา และที่สำคัญคือใจ ขอทานเขาก็เป็นผู้ดีได้...

    เปิดหนังสือ สมบัติผู้ดี โดย เจ้าพระยาวิสุทธิ์สุริยศักดิ์ (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ซึ่งเรียบเรียงไว้ตั้งแต่พ.ศ.2455 พบคุณสมบัติผู้ดีไว้ 10 บท แต่ละบทครอบคลุมทั้งกายจริยา วจีจริยา และมโนจริยา หรือกาย วาจา ใจ สรุปเป็นตัวอย่างดังนี้

    บทที่ 1 ผู้ดีย่อมรักษาความเรียบร้อย ไม่ใช้กิริยาอันกล้ำกรายบุคคล ไม่สอดสวนวาจาหรือแย่งชิงพูด ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่านกำเริบหยิ่งยโส

    บทที่ 2 ผู้ดีย่อมไม่ทำอุจาดลามก ใช้เสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวอันสะอาดเรียบร้อย ไม่กล่าวถึงสิ่งโสโครกพึงรังเกียจในท่ามกลางชุมชน พึงใจที่จะรักษาความสะอาด

    บทที่ 3 ผู้ดีย่อมมีสัมมาคารวะ นั่งด้วยกิริยาอันสุภาพเฉพาะหน้าผู้น้อย ไม่พูดจาล้อเลียนผู้ใหญ่ เคารพยำเกรงบิดามารดาและอาจารย์ นับถือนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ มีความอ่อนหวานแก่ผู้น้อย

    บทที่ 4 ผู้ดีย่อมมีกิริยาเป็นที่รัก ไม่ทำกิริยารื่นเริงเมื่อเขามีทุกข์ ไม่เที่ยวติเตียนสิ่งของที่เขาตั้งแต่งไว้ในบ้านที่ตนไปสู่ ไม่กล่าวสรรเสริญรูปกายบุคคลแก่ตัวเขาเอง ไม่พูดเคาะแคะสตรีกลางประชุม และย่อมรู้จักเกรงใจคน

    บทที่ 5 ผู้ดีย่อมเป็นผู้มีสง่า มีกิริยาอันผึ่งผายองอาจ จะยืนนั่งย่อมอยู่ในลำดับอันสมควร พูดจาฉะฉานชัดถ้อยความ มีความรู้จักงามรู้จักดี มีอัชฌาสัยอันกว้างขวางเข้าไหนเข้าได้

    บทที่ 6 ผู้ดีย่อมปฏิบัติการงานดี ทำการอยู่ในระเบียบแบบแผน ไม่ละเลยที่จะตอบจดหมาย พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้ เป็นผู้รักษาความสัตย์ ไม่เป็นผู้เกียจคร้าน

    บทที่ 7 ผู้ดีย่อมเป็นผู้ใจดี เมื่อเห็นเหตุร้ายหรืออันตรายจะมีแก่ผู้ใดย่อมต้องรีบช่วย ไม่เยาะเย้ยถากถางผู้กระทำผิดพลาด ไม่ใช้วาจาอันข่มขี่ ไม่มีใจอันโหดมเกรี้ยวกราดแก่ผู้น้อย เอาใจโอบอ้อมอารีแก่ผู้อื่น

    บทที่ 8 ผู้ดีย่อมไม่เห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว เป็นผู้ใหญ่จะไปมาลุกนั่งย่อมไว้ช่องให้ผู้น้อยมีโอกาสบ้าง ไม่ขอแยกผู้หนึ่งมาจากผู้ใดเพื่อพาไปพูดจาความลับกัน ไม่มีใจมักได้ ไม่พึงใจการหยิบยืมข้าวของทองเงินซึ่งกันและกัน

    บทที่ 9 ผู้ดีย่อมรักษาความสุจริตซื่อตรง ไม่ละลาบละล้วงเข้าห้องเรือนแขกก่อนเจ้าของบ้านเขาเชิญ ไม่ซอกแซกไต่ถามธุระส่วนตัวหรือการในบ้านของเขา เป็นผู้รักษาความไว้วางใจของผู้อื่น

    บทที่ 10 ผู้ดีย่อมไม่ประพฤติชั่ว ไม่เป็นพาลเที่ยวเกะกะระรั้วและกระทำร้ายคน ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเจ็บอายเพื่อความสนุกยินดีของตน ไม่เป็นพาลพอใจทะเลาะวิวาท ไม่พอใจนินทาว่าร้ายกันและกัน ไม่ปองร้ายผู้อื่น มีความเหนี่ยวรั้งใจตนเอง เป็นผู้มีความละอายแก่บาป

    ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

    คนดีบ่ดัง
     
  14. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ธรรมะกับภัยพิบัติ

    ยุคนี้เป็นยุคกึ่งพุทธกาลหรือกาลียุค ดังนั้นพระสัจธรรมจึงเลือนหาย คนพาลมากกว่าคนดี ดังนั้นจึงต้องศึกษาทำความเข้าใจตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ การประพฤติแบบไหนเรียกว่าพาล ประพฤติแบบไหนเรียกว่าบัณฑิต ทั้งนี้เป็นการช่วยลดมลภาวะเป็นพิษให้แก่คนรอบข้าง


    ดีกับดี ชั่วกับชั่วเข้ากันได้ : สัจธรรมตลอดกาล
    เผยแพร่: 7 ส.ค. 2560 12:16 โดย: สามารถ มังสัง
    “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! สัตว์ทั้งหลาย ย่อมเข้ากันได้ ย่อมลงกันได้โดยธาตุ คนมีศรัทธา ย่อมเข้ากันได้ ย่อมลงกันได้กับคนมีศรัทธา คนมีใจละอายต่อบาปเข้ากันได้ ลงกันได้กับคนที่มีใจละอายต่อบาป คนสดับตรับฟังมาก ย่อมเข้ากันได้ลงกันได้กับคนที่สดับตรับฟังมาก คนมีความเพียร ย่อมเข้ากันได้ ลงกันได้กับคนที่มีความเพียร คนมีสติตั้งมั่น ย่อมเข้ากันได้ลงกันได้กับคนที่มีสติตั้งมั่น คนมีปัญญา ย่อมเข้ากันได้ ลงกันได้กับคนที่มีปัญญา แม้ในอดีตอันนานไกล ในอนาคตอันนานไกล ก็เป็นอย่างนี้” นี่คือพุทธพจน์ ซึ่งมีที่มาปรากฏในพระไตรปิฎกเล่มที่ 16 หน้า 191



    โดยนัยแห่งพุทธพจน์ข้างต้น มีความหมายชัดเจนว่า คนที่มีพฤติกรรมเหมือนเข้าเป็นพวกเดียวกันได้ เช่น คนเลวกับคนเลว คนดีกับคนดี ย่อมรวมเป็นกลุ่มเดียวกันได้ โดยอาศัยความเหมือนของพฤติกรรม

    ด้วยเหตุนี้ ถ้ามีใครสักคนบอกท่านว่าคนนี้ คนนั้นเป็นคนดี แต่มีคนรอบข้างเป็นคนเลว ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเป็นคนดี จนกว่าจะได้ศึกษาพฤติกรรมให้รอบคอบ และตอบคำถามในประเด็นที่ว่า ถ้าเขาเป็นคนดีแล้ว เหตุใดจึงเข้ากับคนเลวรอบข้างได้ และเขาคบคนเลวไว้เพื่ออะไร ทั้งนี้เนื่องจากว่ามีคนดีบางคนคบคนเลวอยู่รอบข้าง เพื่อที่จะควบคุมความเลวและชี้นำให้เลิก ละความเลวแล้วกลับมาเป็นคนดี คนดีประเภทนี้มีอยู่ แต่มีสถานะเป็นผู้สอน มิได้อยู่ในฐานะถูกคนเลวครอบงำ และทำตามคนเลว ทั้งคนดีประเภทนี้ก็มีอยู่น้อย แต่ส่วนใหญ่มีคนเลวไว้รอบข้างเพื่อใช้ความเลวแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเอง และคนดีประเภทนี้มิใช่คนดี แต่มีพฤติกรรมส่วนหนึ่งเป็นความเลวแฝงเร้นอยู่

    ในทางพุทธศาสนาเรียกคนเลว คนชั่วว่าคนพาล และเรียกคนดีว่าบัณฑิต จะเห็นได้ในคำสอนในมงคลสูตรที่การไม่คบคนพาล และการคบบัณฑิต เป็นมงคล เป็นต้น

    คนพาลและบัณฑิตแตกต่างกันทางด้านพฤติกรรมที่แสดงออกมา ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ กล่าวคือ คนพาลคิดชั่ว พูดชั่ว และทำชั่ว ส่วนบัณฑิตคิดดี พูดดี และทำดี ดังที่ปรากฏในติกนิบาต ปฐมปัณณาสก์พาลวรรคพระไตรปิฎกเล่มที่ 20 ว่า

    “ภัย (สิ่งที่น่ากลัว) อุปทวะ (สิ่งที่เบียดเบียน หรือเป็นอันตราย) อุปสัค (สิ่งที่ขัดข้อง) ทั้งปวงเกิดจากคนพาล ไม่เกิดจากบัณฑิต คนพาลและบัณฑิตมีความแตกต่างกันดังนี้

    คนพาลมีพฤติกรรมอันเป็นทุจริต ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ

    ส่วนบัณฑิตมีพฤติกรรมอันสุจริต ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ

    อีกประการหนึ่ง คนพาลไม่เห็นโทษในสิ่งที่ตนเองทำคือ ไม่ยอมรับว่าตนเองทำผิด หรือเห็นว่าผิด หรือต้องยอมรับว่าผิด ด้วยจำนนต่อหลักฐานก็ไม่ขอโทษ

    ส่วนบัณฑิต เมื่อเห็นว่าตนเองทำผิด ก็ยอมรับผิด และขอโทษต่อผู้เสียหายอันเกิดจากการกระทำของตน

    คำว่า พาลในทางพุทธศาสนาหมายถึงคนชั่ว คนเลว คนดื้อด้าน ส่วนบัณฑิตหมายถึงคนดีมีปัญญา รอบรู้ แยกผิด แยกถูกได้ ไม่โง่เง่าดักดานเหมือนคนพาล ดังนั้น การไม่คบคนพาล และคบบัณฑิต จึงเป็นมงคลประการหนึ่ง ตามนัยแห่งมงคลสูตร

    โดยปกติแล้ว คนพาลย่อมคบคนพาลด้วยกัน ในทางกลับกัน บัณฑิตย่อมคบบัณฑิตด้วยกัน แต่ถ้าบังเอิญถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งยกย่องว่าเป็นคนดี แต่มีคนรอบข้างเป็นคนเลว ก็น่าจะเกิดจากเหตุปัจจัย 2 ประการดังต่อไปนี้

    1. คนดีที่ว่านี้มีส่วนหนึ่งเป็นคนเลว แต่อาจเป็นความเลวที่ปกปิดซ่อนเร้น ในทำนองเดียวกับนักบวชประเภทมือถือสาก ปากถือศีล เฉกเช่นฤาษีในเรื่องฤาษีกินเหี้ย ดังนั้นคนดีที่มีความเลวซ่อนเร้นอยู่ จึงคบคนเลว ด้วยอาศัยความเลวที่ซ่อนเร้นนี้

    2. คนดีเป็นคนดีจริง แต่มีคนรอบข้างเป็นคนเลว ก็เพื่ออบรมสั่งสอนให้คนเลวเลิกละพฤติกรรมที่ไม่ดี และกลับเป็นคนดีเฉกเช่นครูดีที่มีศิษย์เลว เป็นต้น

    สังคมไทยในระยะเวลา 10 กว่าปีมานี้ มีผู้คนส่วนหนึ่งแสดงพฤติกรรมของคนพาล และบัณฑิตให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าคนกลุ่มไหนเป็นคนพาล และกลุ่มไหนเป็นบัณฑิต จะเห็นได้อย่างชัดเจนจากความแตกแยกและแบ่งกันเป็นกลุ่ม

    ด้วยเหตุนี้ สังคมไทยที่ผ่านมาจึงเกิดความสับสนและวุ่นวาย ไม่รู้จบ และยังไม่มีที่มาว่าจะจบลงได้ง่ายๆ ตราบเท่าที่กลุ่มของคนพาลยังครอบงำความคิดของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบงำบุคลากรทางการเมืองอยู่อย่างเหนียวแน่น

    จะทำอย่างไรจึงจะแก้ไขความเป็นคนพาลที่ครอบงำสังคมไทยได้?

    เกี่ยวกับประเด็นนี้ ทุกคนที่ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อนจากอิทธิพลความคิดของคนพาล กำลังรอคำตอบจากผู้ที่มีความรับผิดในการปกครองประเทศอยู่

    แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะสื่อ ผู้เขียนคิดว่าถ้าจะขจัดอิทธิพลทางความคิดของคนพาลที่ครอบงำสังคมไทยอยู่ จะต้องให้ความรู้ ให้ความคิด และให้โอกาสแก่คนทุกคนได้เข้าถึงความจริง โดยผ่านทางการศึกษาและการอบรม ทั้งในสถาบันการศึกษา และนอกสถาบันโดยผ่านทางสื่อแขนงต่างๆ โดยชี้ให้เห็นภัยอุปทวะ และอุปสัคอันเกิดจากคนพาลว่าเป็นเหตุให้ประเทศหายนะอย่างไร พร้อมกับเปิดใจการให้คนพาลได้กลับตัวกลับใจเป็นคนดี ถ้าทำได้เช่นนี้โอกาสที่คนพาลส่วนหนึ่งซึ่งเป็นเนยยะคือ พอแนะนำได้ กลับตัวเป็นคนดีได้ แต่ส่วนหนึ่งที่เหลือซึ่งเป็นปทปรมะคือแนะนำได้ สอนได้ จะต้องควบคุมมิให้มีโอกาสแสดงพฤติกรรมก่อความเดือดร้อนแก่ปวงชนโดยรวมต่อไป

    สุดท้ายขอจบด้วยกวีบทนี้

    “คบคนพาล พาลพา ไปหาผิด

    คบบัณฑิต บัณฑิตพา ไปหาผล”
    พาลคบพาล ผลาญพร่า ปัญญาตน
    คราอับจน จึงรู้ว่า มาผิดทาง
     
  15. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    หลักธรรมเอาไว้ใช้ป้องกันภัยพิบัติทางใจเพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนเป็นที่รังเกียจแก่บุคคลทั้งหลาย

    คนดีชอบทำงาน – คนพาลชอบทำลาย
    R2-25-1040x694.jpg


    คนดีชอบทำงาน – คนพาลชอบทำลาย


    ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธ อนตฺถํ จรติ อตฺตโน

    อตฺตโน จ ปเรสญฺจ หึสาย ปฏิปชฺชติ.

    คนทรามปัญญาได้ยศแล้ว ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน

    ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียนตนและคนอื่น

    บรรดามนุษย์ทั้งหลายทุกชาติ ทุกภาษา ทุกเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะนับถือลัทธิศาสนาอะไร เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว ก็มีบุคคลอยู่ ๒ ประเภท คือ คนพาลกับบัณฑิต (คนดี) ประเด็นแรกเราก็มาทำความเข้าใจกันในบุคคล ๒ ประเภทนี้เสียก่อน คนพาลกับบัณฑิตนั้น มีลักษณะแตกต่างกันอย่างไร

    คนพาลคือคนประเภทไหนมีอะไรเป็นเครื่องบอกว่าเป็นคนพาล คำว่า “พาล” แปลว่าอ่อน หมายความว่า คนพาลอ่อนความคิด คือไม่มีความคิดในทางริเริ่มสร้างสรรค์ เหมือนกันแต่เป็นความคิดที่อ่อนปวกเปลียก เรียกว่าใช้ไม่ได้ ไม่มีความคิดในการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นให้เจริญก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็นอยู่ก่อน เคยเป็นอยู่อย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น มิหนำซ้ำยังปล่อยชีวิตให้เป็นไปตามอำนาจกิเลสตัณหาอารมณ์ฝ่ายต่ำ ไม่นำพาคิดหาอุบายให้ชีวิตให้เป็นไปตามหลักเหตุผล คนเช่นนี้เรียกว่าเป็นคนพาล (อ่อนความคิด)

    เมื่ออ่อนความคิดแล้ว คนพาลก็ยังอ่อนสติอีกด้วย คือเป็นบุคคลประเภทประมาทขาดสติ มีความสะเพร่าเป็นนิสัยทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ขาดความระมัดระวังพลั้งพลาดอยู่เสมอ นี่คือลักษณะของคนอ่อนสติ สติยังอ่อนส่งผลสะท้อนให้เกิดความบกพร่องในการทำหน้าที่การงาน

    นอกจากอ่อนความคิด อ่อนสติแล้ว คนพาลก็ยังอ่อนปัญญาคือไม่มีปรีชาความรู้ซึ้งถึงเหตุผล เป็นคนมีชีวิตอยู่สักแต่ว่าลมหายใจเข้า หายใจออกเท่านั้น ไม่ผิดอะไรกับคนตายแถมยังทำลายประโยชน์ทั้งในโลกนี้และประโยชน์ในโลกเบื้องหน้า อันตนควรจะได้เสียอีก นี่แหละคือคนพาลสันดานอ่อนความคิด อ่อนสติ และอ่อนปัญญา

    เรื่องของ “พาล” ที่แปลว่าอ่อน ได้แก่อ่อนความคิด อ่อนสติ อ่อนปัญญา แม้ว่าร่างกายจะกำยำล่ำสันมีกำลังแข็งแรงเทียมดังช้าง ไม่ต่างอะไรกับเวสสุวรรณ ทศกัณรู้ยักษา แต่ถ้าอ่อนความคิด อ่อนสติ อ่อนปัญญา ก็ได้ชื่อว่าเป็นคนพาลอยู่นั้นเอง เมื่อคนพาลเป็นคนอ่อนความคิด อ่อนสติ อ่อนปัญญา ก็ไม่คิดหาทางสร้างสรรค์ชีวิตให้เจริญก้าวหน้าด้วยเหตุผล คิดวนอยู่แต่ในเรื่องไร้สาระ เช่นเรื่องเครื่องรางของพลังโชคชะตาราศี เคราะห์ดีเคราะห์ร้าย วุ่นวายอยู่แต่ในเรื่องตื่นผู้วิเศษ เป็นเหตุให้เสียประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคต นี่คือความหมายของ “พาล” ถ้าอ่อนทั้งสามคืออ่อนความคิด อ่อนสติ อ่อนปัญญา มีอยู่ในบุคคลใด ก็คนนั้นแหละคือ “คนพาล” ไม่ว่าจะเป็นคนประเภทไหน อยู่ในเพศไหน วันไน มีตำแหน่งหน้าที่การงานอะไรก็ตามก็ได้ชื่อว่า เป็นคนพาลด้วยกันทั้งนั้น

    นอกจากจุดอ่อนทั้งสามคืออ่อนความคิด อ่อนสติ และอ่อนปัญญา จะเป็นการบงบอกถึงลักษณะของคนพาลแล้ว ก็ยังมี “อาการของคนพาล” อีกคือคนพาลมีอาการแสดงออกบอกให้รู้อยู่ ๓ จุดด้วยกันคือ

    คนพาลคิดแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยคิดมาแล้วเป็นนิสัย

    คนพาลพูดแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยคิดมาแล้วเป็นนิสัย

    คนพาลพูดแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยทำมาแล้วเป็นนิสัย

    ตามหลักทั้งสามนี้ เราก็ได้จุดสังเกตรู้อาการของคนพาลสามจุด คือ จากความคิด จุดนี้อาจจะยากต่อจากสังเกต เพราะเป็นเรื่องภายในจิตใจ แต่ก็พอจะสังเกตได้ จากการพูด และจากการทำ สรุปอาการของคนพาลคือชอบคิดชั่วเป็นนิสัย ชอบพูดชั่วเป็นนิสัย และชอบทำชั่วเป็นนิสัย

    คิดแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยคิดมาแล้วเป็นนิสัยนั้น ได้แต่คิดโลภอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน คิดพยาบาทปองร้ายให้ผู้อื่นถึงความฉิบหาย คิดเห็นผิดจากทำนองครองธรรมนี่แหละคนพาลคิดแต่เรื่องชั่วเช่นนี้ คนไหนคิดแต่เรื่องชั่วๆ เช่นนี้ คนนั่นแหละคือคนพาล สันดานชอบคิดชั่ว

    พูดแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยคิดมาแล้วเป็นนิสัยนั้น ได้แก่พูดเท็จ โกหกหลอกลวง พูดส่อเสียดยุยงให้คนแตกสามัคคีกัน พูดคำหยาบคาย พูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระอันทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายจาการพูดชั่วของตน

    ทำแต่เรื่องชั่วๆ ที่ตัวเคยทำมาแล้วเป็นนิสัย ได้แก่การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในการ การกระทำในลักษณะเช่นนี้ คนพาลชอบกันนักชอบกันหนา

    ถ้าใครคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว โดยไม่เลิกละ คนนั่นละเป็นคนพาล เพราะการทำชั่ว การพูดชั่ว การคิดชั่ว เป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นอาการของคนพาล ดังนั้น การดูคนพาลจึงให้ดูที่พฤติกรรมทางกาย ทางวาจา ทางใจ ของเขา ให้ดูที่ความคิด ให้ดูที่คำพูด ให้ดูที่การกระทำของเขาลักษณะอาการของคนพาลนั้น ชอบคิดชั่วเป็นนิสัย (มโนทุจริต) ชอบพูดชั่วเป็นนิสัย (วจีทุจริต) ชอบทำชั่วเป็นนิสัย (กายทุจริต) รวมความแล้ว คนที่ชอบประพฤติทุจริตทางกาย ทางวาจา และทางใจ นั่นเองคือคนพาล นี่คือหลักการสังเกตคนพาล ตามทัศนะของพุทธศาสนา

    แต่ยังมีวิธีดูคนพาลอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งท่านอกิตติดาบส นักปราชญ์ทางศาสนายุคก่อนพระพุทธจ้าท่านได้ให้ทฤษฎีสังเกตคนพาลไว้ ๕ ประการคือ

    ๑. คนพาลชอบแนะนำสิ่งที่ไม่ควรแนะนำ

    ๒. คนพาลชอบประกอบในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระ

    ๓. คนพาลชอบเห็นชั่วเป็นดี

    ๔. คนพาลแม้คนอื่นพูดดีๆ ก็โกรธ

    ๕. คนพาลไม่รู้อุบายสำหรับแนะนำ

    นี่คือทฤษฎีทดสอบคนพาล ตามทัศนะของท่านอกิตติดาบส ใครที่มีพฤติกรรมทัง ๕ นี้แสดงออกมา ก็พึงทราบเถิดว่า เขาคนนั่นแหละคือคนพาล ตามหลักการที่ท่านอกิตติดาบส กำหนดไว้

    ได้พูดถึงเรื่องของ “คนพาล” มาพอสมควรแล้วต่อไป ก็มาทำความเข้าใจกันในเรื่องของ “บัณฑิต” คำว่า “บัณทิต” นั้นได้แก่บุคคลประเภทไหน ทำไมจึงเรียกว่าบัณฑิต บัณฑิตนั้นมีอยู่สองความหมาย ความหมายหนึ่งหมายถึงบัณฑิตทางโลก อีกความหมายหนึ่งหมายถึงบัณฑิตทางธรรม บัณฑิตในทางโลกใช้เรียกบุคคลผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชาการต่างๆ เช่นสำเร็จอักษรศาสตร์ก็เรียกว่า “อักษรศาสตรบัณฑิต” สำเร็จครุศาสตร์ก็เรียกว่า “ครุศาสตรบัณฑิต” เหล่านี้เป็นต้น ถือเอาความสำเร็จทางการศึกษาให้สาขาวิชาต่างๆ ซึ่งวัดกันด้วยปริญญาตามลำดับชั้น ตรี โท เอก

    ส่วนบัณฑิตทางธรรม ท่านหมายถึงบุคคลผู้ดำเนินชีวิตด้วยปัญญา คือคนที่ใช้ปัญญาความรู้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและบุคคลอื่น บัณฑิตทางธรรม เป็นผู้ดำเนินชีวิตไปตามครรลองแห่งพระธรรม จะทำอะไรก็ทำแต่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม จะพูดอะไรก็พูดแต่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม จะคิดอะไรก็คิดแต่สิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ดำเนินชีวิตแต่ในทางที่เป็นประโยชน์เกื้อกูลและความสุขด้วยสติปัญญา รู้จักใช้ปัญญารอบคอบชอบด้วยเหตุผล นี่คือคนที่คนที่เป็นบัณฑิตทางธรรม บัณฑิตชนประพฤติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ตนและคนอื่น ถ้าไม่สามารถประพฤติประโยชน์แก่คนอื่นได้ ก็ควรประพฤติเฉพาะประโยชน์ตนแม้เมื่อไม่สามารถประพฤติประโยชน์ของตนได้ ก็ควรปลีกตัวออกห่างจากความชั่วเสีย นี่ก็ลักษณะของบัณฑิตทางธรรม บัณฑิตตามทัศนะของพระพุทธศาสนา ถือเอาคุณธรรมเป็นเครื่องวัดภูมิของบัณฑิต ผิดตรงกันข้ามกับบัณฑิตทางโลกซึ่งถือเอาวิทยฐานะ หรือปริญญาดีกรีเป็นเครื่องวัดภูมิบัณฑิตทางโลก ตามความเป็นจริงแล้ว ค่าของบัณฑิตทางธรรมอยู่ที่การดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญา และการพำเพ็ญประโยชน์เป็นประการสำคัญ ดังประพันธ์พุทธภาษิตว่า

    ทิฎฺเฐ ธมฺเม จ โยอตฺโถ โย อตฺโถ สมฺปรายิโก

    อตฺถาภิสมญา ธีโร ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจติ

    คนฉลาดรู้จักประโยชน์ชาตินี้ ประโยชน์ชาติหน้า

    และประโยชน์อย่างยิ่ง (นิพพาน) เรียกว่าบัณฑิต

    ค่าของบัณฑิตขึ้นอยู่กับประโยชน์ คนไหนทำประโยชน์ได้มากคนนั้นก็มีค่ามาก บัณฑิตย่อมยึดไว้ได้ซึ่งประโยชน์ทั้งสอง คือประโยชน์ปัจจุบัน และประโยชน์ข้างหน้า ฝึกเอาประโยชน์ทั้งสองมาเป็นภาระหน้าที่ของตนที่จะต้องปฏิบัติบำเพ็ญจริงๆ ไม่สลัดทิ้งภาระที่มาถึงตัว มุ่งถือประโยชน์ทั้งสองมาเป็นเครื่องมือในการสร้างตนให้มีฐานะมั่นคงในปัจจุปันและสร้างสรรค์ทางดำเนินชีวิตให้ราบรื่นในกาลข้างหน้า

    บัณฑิตตามทัศนะของพระพุทธศาสนา นอกจากสร้างฐานะของตนให้มั่นคงในปัจจุบันแล้ว ยังมีความรู้สึกสำนึกในบาปบุญ คุณโทษ อันติดตามไปในกาลข้างหน้าจึงต้องหาอุบายป้องกันบาปแล้วสั่งสมบุญ ยึดหลักธรรมคือศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา มาสร้างมรรคา เพื่อดำเนินชีวิตไปสู่ชาติหน้าด้วยความราบรื่น เมื่อได้ทราบเรื่องของบัณฑิต คือผู้ดำเนินชีวิตด้วยสติปัญญาและเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ทั้งสอง มาพอสมควรแล้ว ประเด็นต่อไป ก็ควรจะต้องรู้จักอาการของบัณฑิตด้วย อาการแสดงออกของบัณฑิตนั้น มีอยู่ ๓ ประการ คือ

    ๑. บัณฑิตคิดดีเป็นปกตินิสัย

    ๒. บัณฑิตพูดดีเป็นปกตินิสัย

    ๓. บัณฑิตทำดีเป็นปกตินิสัย

    ตามหลักการข้างบนนี้ เราได้จุดสังเกตอาการของบัณฑิต ๓ จุดด้วยกันคือ

    ๑. สังเกตจากการคิด

    ๒. สังเกตจากการพูด

    ๓. สังเกตจากการทำ

    การคิดดี การพูดดี การทำดีเป็นปกตินิสัย นี่คือลักษณะอาการของบัณฑิต บัณฑิตมีอัธยาศัยไม่คิดโลกอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน มีอัธยาศัยไม่คิดประทุษร้ายคนอื่นและสัตว์อื่นให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน มีอัธยาศัยไม่คิดเบียดเบียนคนอื่นและสัตว์อื่น ในทางมโนกรรมบัณฑิตมีอัธยาศัยเช่นนี้

    ในทางวจีกรรม บัณฑิตมีอัธยาศัยพูดแต่คำสัตย์ความจริงพูดคำอ่อนหวานคำประสานสามัคคี พูดวจีไพเราะ พูดเฉพาะแต่คำที่มีประโยชน์ ในทางกายกรรม บัณฑิตมีอัธยาศัยในการเว้นจากการฆ่า เว้นจากเบียดเบียน เว้นจากการลักขโมย และเว้นจากประพฤติล่วงประเวณี ที่กล่าวมาโดยย่อนี้ คืออาการของบัณฑิต บัณฑิตมีอาการทำดี มีอาการพูดดี มีอาการคิดดี เป็นปกตินิสัย

    นี่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องของ “บัณฑิต” ต่อไปก็เขาสู่ประเด็นในข้อที่ว่า

    “คนดีชอบทำงาน – คนพาลชอบทำลาย”

    “คนดี” ในที่นี้ ได้แก่บัณฑิตนั้นเอง คนดีชอบทำงาน คนดีไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน เกิดขึ้นมาแล้วก็ชอบทำงานทั้งที่เป็นงานส่วนตัว งานส่วนรวม ก็ร่วมด้วยช่วยทำ ไม่ว่าจะเป็นงานต่ำงานสูง งานบ้าน งานเมือง เรื่องอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตนแก่คนอื่น แก่สังคมประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ทำได้ทั้งนั้น ไม่คิดผัดวันประกันเวลาในการทำงานที่ดี มีประโยชน์ คนดีได้รับมอบหมายหน้าที่การงานอะไรมาก็ตั้งใจ พอใจ ชอบใจ ในหน้าที่การงานนั้นๆ แล้วก็พยายามทำงานด้วยความเข้าใจเอาใจใส่ฝักใฝ่อยู่ในการทำงานนั้นจนกว่าจะสำเร็จผลไม่เป็นคนจับจดอ้างนั่น อ้างนี่ ไม่หนีงาน ถือหลักว่า การทำงานในหน้าที่เป็นการปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันดังนั้น คนดีจึงทำงานได้ทั้งคดีโลก คดีธรรม คือทั้งงานทางโลก งานทางธรรม โลกก็ไม่ให้ช้ำ ธรรมก็ไม่ให้เสีย ไม่ยอมปล่อยเวลาให้ล่วงไปเปล่าๆ โดยที่ไม่ยอมทำงานอะไร เป็นการหายใจทิ้งเปล่าๆ คนดีอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องตั้งใจทำงานแข่งเวลา ที่ไม่ได้ในเรื่องทำงาน คนดีถือหลักว่า “ค่าของคน อยู่ที่ผลของการทำงาน”

    คนดีที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองเรื่องทำงานเพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุข แก่ประชาชนชาวบ้าน ถือเป็นงานสำคัญมาก และเป็นงานเร่งด่วน ควรจะทำทันที ในวันนี้และเดี๋ยวนี้ คนดีจะไม่ผัดวันประกันเวลา ในการทำงาน รีบทำทันที ทันควัน ไม่หันรีหันขวาง อ้างนั่นอ้างนี่ลงพื้นที่สำรวจความเป็นอยู่ของประชาชนทุกหนทุกแห่งแบ่งงานกันทำเป็นระบบ พบชาวบ้านมีปัญหาเรื่องอะไรเร่งแก้ไขให้ทันกาล อย่าปล่อยให้งานล่าช้า อย่าเห็นว่าปัญหาของประชาชนเป็นเรื่องไม่สำคัญ สำคัญยิ่งกว่าเรื่องอื่นใดทั้งหมด กำหนดไว้ในหัวใจประจำวันว่า นั่นคือปัญหาของประชาชนรากหญ้า รีบหาอุบายคลายทุกข์พวกเขาทันทีทันใด ถือคติว่า “คนดีชอบแก้ไข แต่คนจัญไร ชอบแก่ตัว) คนดีชอบแก้ไข คือแก้ไขปัญหาความทุกข์ความเดือดร้อนของประชาชน ในทุกๆ ด้าน ถ้าประเทศชาติบ้านเองใด ได้คนดีมาเป็นรัฐบาลชาวบ้านทั่วไปก็ได้รับแต่ความสุข ความเจริญ ความก้าวหน้า และความปลอดภัยในชีวิต ชีวิตไร้ปัญหาเพราะว่า ได้เลือกคนดีมาเป็นรัฐบาล มาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง สาธุ! ขอให้สังคมไทยได้รัฐบาลที่ดี มีศีล มีธรรม มารับผดชอบบริหารประเทศชาติบ้านเมืองกันเถิด จะได้เกิดศิริมงคลส่งผลให้ประชาชนมีความร่มเย็น เป็นสุข ปราศจากความทุกข์ ความเดือดร้อน โดยประการทั้งปวง

    ประเด็นของ “คนดีชอบทำงาน” กล่าวมาโดยย่อ ขอผ่านไป ขอเข้าสู่ประเด็นของ “คนพาลชอบทำลาย” ต่อไปในประเด็นนี้ คนพาลคือคนประเภทไหน ทำไมจึงได้ชื่อว่าเป็น “คนพาล” ประเด็นนี้ได้กล่าวมาแล้ข้างต้นนั้นแต่ขอย้ำอีกครั้งเพื่อหวังให้ท่านทั้งหลายได้ทบทวนความจำ แล้วจะทำให้ท่านทั้งหลายเข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อพูดถึงคนพาลชอบทำลาย คนพาลคือคนชั่วคนไม่ดี เพราะมีลักษณะอ่อนความคิด อ่อนสติ และอ่อนปัญญา นอกจากลักษณะทั้ง ๓ นี้แล้ว ก็ยังมีจุดสังเกตดูคนพาลอีก ๓ จุด คือสังเกตอาการของคนพาล คนพาลมีอาการแสดงออกมา ๓ จุดด้วยกันคือ

    คนพาลชอบคิดชั่ว เป็นปกตินิสัย

    คนพาลชอบพูดชั่ว เป็นปกตินิสัย

    คนพาลชอบทำชั่ว เป็นปกตินิสัย

    หากอาการทั้ง ๓ นี้ มีอยู่ในบุคคลใด ก็บุคคลนั้นแหละคือ “คนพาล” คนพาลมีสันดานชอบคิดชั่ว ชอบพูดชั่วและชอบทำชั่ว เป็นนิสัยสันดาน

    เมื่อทราบลักษณะละอาการของคนพาลแล้ว ท่านทั้งหลายก็คงจะเข้าใจได้โดยปราศจากความลังเลสงสัยว่า คนพาลนั้นชอบทำลายอย่างไร สังเกตได้จากอาการที่หนึ่งว่า คนพาลชอบคิดชั่วเป็นนิสัยสันดาน คิดชั่วคือคิดอย่างไร คิดชั่วก็คือคิดโลภอยากได้ของคนอื่นมาเป็นของตน คนที่คิดอยากได้ของคนอื่นนั้น มันเป็นการทำลายกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของคนอื่น เมื่อคิดอยากได้ของเขาก็หาวิธีจะเอาให้ได้ ไม่ว่าโดยวิธีใดถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องเอาด้วยคาถา หาทางคดโกงคอรัปชั่น ทำมันทุกอย่างขอให้ได้ทรัพย์มาเป็นองตน คนที่ทำเช่นนี้จะไม่เรียกว่าเป็นคนชอบทำลาย แล้วจะเรียกว่าอย่างไร

    คนพาลนอกจากจะคิดโลภอยากได้ของเขาแล้ว ยังคิดที่ประทุษร้าย ทำลายล้างผลาญคนอื่นอีกด้วย ช่วยบอกหน่อยชิว่า การกระทำเช่นนี้ของคนพาล เป็นการทำลายไหม แน่นอน คนพาลชอบทำลาย ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ยุคไหน สมัยไหน ถ้ามีคนพาล อาศัยอยู่ในสังคมมากยุคนั้น สมัยนั้น หาความปลอดภัยในชีวิตไม่ค่อยจะได้ สุจริตชนคนดีๆ ในสังคมต่างก็มีความระทมทุกข์กันไปทุกหย่อมหญ้า เพราะว่าคนพาลชอบทำลาย ร้ายไหมละท่าน! นี่แหละคนพาลชอบทำลายเป็นนิสัยสันดาน ยิ่งถ้าคนพาลได้ยศ ได้อำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินด้วยแล้ว สังคมมนุษย์ก็จะร้อนเป็นไฟ เพราะคนพาลย่อมประพฤติแต่สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียนตนและคนอื่นให้เดือนร้อน ดังคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า

    ยสํ ลทฺธาน มุมฺเมโธ อนตฺถํ จรติ อตฺตโน

    อตฺตโนจ ปเรสญฺจ หิ สาย ปฏิชฺชติ

    คนทรามปัญญา (คนพาล) ได้ยศแล้วย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมปฏิบัติเพื่อเบียดเบียนตน – คนอื่น คนพาลได้ยศได้อำนาจแล้ว มักจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมตัวเอง ลืมหน้าที่การงาน ลืมบริวารเพื่อนฝูง ลืมบ้านเกิดเมืองนอน ลืมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ลืมศาสนา ลืมความเป็นธรรม ความยุติธรรม ความเสมอภาคพฤติกรรมของคนพาลที่ได้ยศได้อำนาจ ตามที่กล่าวมาโดยย่อนี้ ชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดโดยไม่ต้องสงสัยว่า “คนพาลชอบทำลาย”

    หลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงเตือนว่า อย่าให้ยศ อย่าให้อำนาจแก่คนพาล อย่ายกย่อง อย่าสรรเสริญ คนพาล อย่ามอบอำนาจให้คนพาลเป็นใหญ่ในการบริหารประเทศชาติบ้านเมือง เพราะจะก่อความเสียหายทำลายประเทศชาติบ้านเมืองให้ประสบกับความหายนะล่มจมในบั้นปลาย เพราะเรื่องเคยมีมาแล้ว ควรระวังกันให้ดีอย่าผลีผลามมอบความเป็นใหญ่ให้คนพาลเป็นอันขาด ถ้ามาตแม้นว่าคนพาลที่เป็นคนธรรมดาสามัญชาวบ้านทั่วไป ภัยอันตรายที่เกิดจากคนพาลประเภทนี้ ก็อยู่ในวงแคบอยู่ขอบเขตจำกัด จัดว่าเป็นภัยอันตรายเป็นการทำลายกันในสังคมของคนที่ไม่มีอำนาจ แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ก็ยังพอทำเนาไม่เท่ากับคนพาลที่มียศมีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินคนพาลประเภทนี้มีพิษสงร้ายกาจมาก อยากจะพูดว่าทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งด้านเศรษฐกิจ ทหาร การเมือง เรื่องการศึกษา การปกครอง เรื่องสังคมวัฒนธรรมประเพณี หนีไม่พ้นกระทั่งสิ่งแวดล้อม ก็พร้อมถูกทำลาย ด้วยฝีมือของคนพาลได้ยศ ได้อนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดินทั้งนั้น โอ! ขอให้ยุคของคนพาลได้ยศได้อำนาจ ปราสนาการไปจากสังคมไทยในเร็ววันนี้เทอญ

    อันคนดี ชอบทำงาน การต่างๆ

    ทำทุกอย่าง ในทาง การสร้างสรรค์

    เพื่อประโยชน์ และความสุข ทำทุกวัน

    ไม่ผัดวัน ประกันพรุ่ง มุ่งทำดี

    พวกคนดี ชอบทำงาน การกุศล

    เพื่อให้คน ในสังคม นิยมดี

    ทำทุกอย่าง ในทาง สร้างความดี

    ชอบทำดี ที่ถูกต้อง ตามครองธรรม

    เมื่อคนดี ชอบทำงาน ด้านต่างๆ

    ตามตัวอย่าง ที่กล่าวอ้าง ทางชอบธรรม

    ทำอะไร อยู่ในกรอบ อันชอบธรรม

    ทำประจำ เป็นนิสัย ใฝ่ความดี

    ด้วยเหตุผล ที่คนดี ไม่หนีงาน

    จึงเป็นการ ส่งเสริม เพิ่มศักดิ์ศรี

    ให้ลาภยศ เพิ่มพูน คูณทวี

    ด้วยเหตุที่ คนดี ชอบทำงาน

    ส่วนคนพาล ชอบทำลาย ร้ายที่สุด

    เป็นมนุษย์ อันตราย ร้ายเอาการ

    อยู่ที่ไหน ก็ทำให้ คนรำคาญ

    ชอบล้างผลาญ สังคม ให้ล่มจม

    สังคมใด ให้คนพาล อาศัยอยู่

    เหมือนศัตรู อยู่อาศัย ในสังคม

    ก็ทำลาย ทุกอย่าง ทางสังคม

    ให้ล่มจม วายวอด ตลอดกาล

    ด้วยเหตุนี้ คนดี จึงเตือนตัก

    ให้ทุกคน รู้จัก สร้างหลักฐาน

    อย่าปล่อยให้ คนพาล มารุกราน

    สร้างปราการ ด้วยหลักธรรม ค้ำประกัน

    ถ้าทำได้ เช่นนี้ จะดีมาก

    จึงขอฝาก ให้ทุกคน สนใจกัน

    ให้หลักธรรม ในชีวิต ประจำวัน

    เพื่อป้องกัน คนพาล สันดานทราม ฯ
     
  16. 00000

    00000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +1,434
    แวะมาครับ กะว่าจะมาปูเสื่อ นะครับ

     
  17. เพลงพรายพิญ

    เพลงพรายพิญ The Myth 2077

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2018
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +1,996
    ขอบคุณสำหรับจดหมายค่ะ

    C7E79B1B-10ED-4927-A06F-F0DD4421365B.png

    ป้าขอโทษที่ทำให้เธอทั้งคู่เข้าใจผิดค่ะ
    และ ป้าไม่ได้อิจฉาริษยาใครค่ะ
    เพราะป้ามาแบบดื้อๆ ไปดื้อๆ เป็น สไตล์ป้า

    แต่การใช้คำว่า สอด หรือ เสือก
    คนเราไม่เห็นหน้ากัน วจีกรรม ระวังหน่อยนะ

    ส่วนที่ บอกว่า บ่นๆๆๆ ก็คือบ่น แก่แล้วก็บ่นค่ะ
    ส่วนที่ เขียนกลอน ก็เขียนสนุก ไม่ใช่หาผัว
    (หรือแอ้ปธรรมะนักธรรมแต่มาหาผัวหาเมียก็ไม่ใช่ป้า)
    ส่วนที่ขออภัย ก็ขอโทษ
    ส่วนที่บอกว่าโกรธ เพราะตอนนั้นเธอทั้งคู่กัดกัน
    แล้วป้าลงมา เธอก็เลยหาเรื่องป้าแทนที่
    แต่ป้าไม่โกรธนะคะ

    ขอให้ดวงตาเห็นธรรม บุญรักษาจิตใจค่ะ
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ตกลง จิกยิ้ม ล๊อคกระทู้ เก้อ

    คนเขาฝัดกัน....จิกยิ้ม คิดว่าเปน ตน
    โดน ....มหาอู่
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,428
    ค่าพลัง:
    +3,208
    ช่วยโลกด้วย...... โลกกำลังป่วยหนัก

    สภาวะฝุ่นละออง...ฝุ่นพิษ PM 2.5

    ถ้าหากเมืองหลวงของประเทศไทย คือ จังหวัดกรุงเทพและจังหวัดปริมณฑล หาทุกวิถีทางที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองพิษในอากาศแล้ว ยังแก้ไขไม่ได้ หากปานปลายที่ต้องทำให้มีผู้ได้รับอันตรายหรือเสียชีวิต ยังมีอีกวิธีหนึ่ง.....

    มีอะไรอยากให้พิจารณาค่ะ.......

    ทำไม! ท้องฟ้ารอบทิศทางทั้งสี่ทิศเป็นสีขุ่น แต่บริวเณบ้านของตนเองท้องฟ้าโล่งโปร่งใส หลังที่ออกจากสมาธิแล้ว ทั้ง ๆ หลายวันที่ผ่านมาท้องฟ้าส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวขุ่น คือ ท้องฟ้าปิด

    ภาพนี้รูปท้องฟ้า ที่เหนือบ้าน...และ....บริเวณบ้าน ขณะที่ออกจากสมาธิแล้ว ถ่ายวันนี้เวลาประมาณ 08.10 น.

    20190122_075933.jpg

    ท้องฟ้าทิศใต้ คือ ทิศที่ตั้งของจังหวัดทางกรุงเทพ

    20190122_084048.jpg

    ทิศตะวันนออก ตามแนวทางจังหวัดนครราชสีมา ปราจีนบุรี

    20190122_080057.jpg

    ทิศเหนือ ขึ้นไปทางเพชรบูรณ์

    20190122_075954.jpg


    เคยได้ลงโพสนี้ไว้ก่อนแล้วเรื่องฝุ่นละอองเป็นพิษ ที่จะทำให้เกิด "ฝนกรด" ในอนาคต ...

    ในโพสที่อ้างถึง ได้มีวีดีโอเกี่ยวกับภาวะเรือนกระจกมาจากสาเหตุใด.... ที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน ......
    เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาใหม้ของโรงงานอุตาสหกรรมและยานพาหนะ ที่ไปสะสมในชั้นบรรยากาศ แล้วทำให้ความร้อนจากรังสีอินฟาเรด จากแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมากระทบพื้นดิน แล้วเป็นรังสีอินฟาเรดที่ต้องสะท้อนกลับขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศไม่สามารถผ่านทะลุออกไปได้ เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศขวางเอาไว้ จึงทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนเช่นทุกวันนี้ นี้เป็นส่วนที่โลกขาดความสมดุลทางกายภาพ เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ใช้ในชวิตประจำวัน

    การที่อากาศปิด มิได้มีเฉพาะแค่ทางกายกายภาพเท่านั้น แต่ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุใหญ่ที่มนุษย์ไม่ล่วงรู้ หรือ คาดคิดมาก่อนคือ

    ในชั้นบรรยากาศโลก ยังมีคลื่นพลังงานที่เป็น ประจุลบอิสระ จำนวนมากมายในชั้นบรรยากาศโลก อีกด้วย......

    และเกี่ยวข้องกันอย่างไร? ทำไมท้องฟ้าที่บ้านของจิตยิ้ม จึงเปิดเฉพาะบริเวณบ้านของตนเอง พอหลังออกมาสมาธิแล้ว ทุกวันนี้ในประเทศไทย คนส่วนมากก็ปฏิบัติสมาธิกันมาก แต่...การปฏิบัติสมาธิแบบที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวทั้ง 8 ข้อนั้นเป็นค่าพลังงานด้านบวกที่โลกต้องการ ถ้าทุกคนช่วยกันปลดปล่อยออกมาสู่สนามพลังงานภายนอก มันจะมีค่าพลังงานมหาศาลที่มนุษยฺคาดไม่ถึงเลยทีเดียว.....มันมากพอที่จะยกระดับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกใบนี้ได้ด้วยการทำให้มันสั่นสะเทือนด้านบวกอย่างรุนแรง ถึงแม้จะปลดปล่อยมาไม่เท่ากัน แต่...ผลต่างของพลังงานด้านบวกที่พวกเขาปลดปล่อยมันออกมา จะเกิดการผลักดันกันให้พลังงานหมุนวนอย่างรุนแรงและเร็ว ซึ่งมันจะมีผลต่อการเหวี่ยงตัวเองของโลกในขณะเดียวกันด้วย

    การสั่นสะเทือนของจิตสำนึกด้านบวก อาจเกิดจากกรณีใด ๆ ต่อไปนี้ ตามด้านล่างนี้ค่ะ (เมื่อเช้านั่งสมาธิตามข้อ 3 )

    ถ้ามนุษย์สามารถเข้าถึง 8 ประการนั้นได้ พลังอำนาจจากแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึก จะเป็นประโยชน์ด้านพลังงานต่อดาวเคราะห์โลกอย่างยิ่ง ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกได้เชื่อมโยงโครงข่ายไว้คอยรองรับเอาจากจิตสำนึกมนุษย์ตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
     
  20. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    ต้องกราบขอขมาคุณป้าสอดอย่างสูงมาณ ทีนี้ค่ะ เพราะหนูไม่รู่ว่าคุณป้าชื่อะไรก็เลยเรียกไปตามบุคลิกที่เห็นน่ะค่ะ ขอโทษทีนะคะ และละครเรื่องนี้สนุกมากไม่ได้มีเจตนาไปว่าคุณป้าว่าอิจฉาริษยา เพราะเป็นละครสะท้อนชีวิตจริงของคนเราในยุคปัจจุบันค่ะ มีรัก โลภ โกรธ หลง อิจฉาริษยา ครบรสชาติ ดูละครย้อนดูตัวค่ะป้า ถ้าหากเราดูเป็นได้แง่คิดดีๆนะคะป้า สามารถเอามาปรับปรุงตัวใช้กับชีวิตของเราได้ค่ะ ดูดีๆได้ปัญญาค่ะ จากที่สติปัญญาไม่เกิด อาจจะเกิดจากเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ

    เอ่อต่างประเทศสตอเบอรรี่ขึ้นชื่อว่าผลไม้เมืองหนาว ว่าแต่อร่อยกว่าเมืองไทยไหมคะ ลูกใหญ่กว่ามากไหมค่ะ ลูกใหญ่กว่าน่าจะอร่อยกว่านะคะ พอดีหนูชอบทานสตอเบอร์รี่เลยสนใจสตอรเอบร์รี่ต่างประเทศว่าจะเหมือรกันไหม คิดว่าไม่เหมือนแน่เลยต้องสุดๆกว่าของไทยแน่ๆอร่อยกว่าแน่ๆเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มกราคม 2019

แชร์หน้านี้

Loading...