76.ไหว้พระพุทธฉาย – พระพุทธบาท สระบุรี

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย สร้อยฟ้ามาลา, 20 มีนาคม 2015.

  1. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    มีประวัติของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นผู้เล่าประวัติ มีบางตอนได้เล่าถึงการเดินธุดงค์ของหลวงพ่อไปไหว้พระพุทธบาท และไหว้พระพุทธฉาย จึงขอคัดลอกมาไว้ เป็นตอนเฉพาะ ออกมา ๒ ตอน


    หลวงพ่อปานไหว้พระพุทธบาท

    เมื่อหลวงพ่อปานและคณะของท่านอำลาชาวบ้านหมู่นั้นแล้ว ท่านก็มุ่งเข้าเขตพระพุทธบาท สมัยนั้นทางเข้าพระพุทธบาทไม่มีทางรถ ใช้ทางเกวียนหรือทางเดินเท้าของชาวบ้าน เมื่อเข้าพระพุทธบาทแล้วต่างก็นมัสการ เวลาที่เข้านมัสการไม่ตรงกับเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท

    หลวงพ่อปานท่านให้ความเห็นว่า การมานมัสการในงานเทศกาลนั้น คนแย่งกันไหว้ อารมณ์ตั้งมั่นน้อย มาไหว้แบบนี้เงียบสงัด อารมณ์เยือกเย็น มีปีติโสมนัสดีกว่าไหว้ในงานเทศกาลมาก

    เมื่อไปถึงนั้น เวลายังไม่ใกล้ค่ำ เมื่อมีเวลาเหลือมาก ท่านก็คุยเรื่องพระพุทธบาทให้คณะที่ร่วมทางไปด้วยฟัง เพื่อเป็นการฝึกคณะธุดงค์ที่ไปกับท่านด้วย ท่านจึงสั่งว่า
    “ประวัติที่เขาเขียนจะเขียนว่าอย่างไรอย่าคำนึงถึง ทุกองค์จงใช้หลักวิชชา 3 ใช้ให้เป็นประโยชน์ (คำว่าวิชา 3 หมายถึงอภิญญาเล็ก คือมีทิพยจักษุญาณและปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) ท่านให้เวลาคนละ 3 นาที แล้วต่างคนต่างให้เขียนตอบท่านว่ามีอะไรสำคัญ”
    ทุกองค์เมื่อรับบัญชา ต่างก็หยิบกระดานที่ติดตัวไปออกมา ซึ่งทุกองค์ต่างก็เขียนตรงกัน ว่า

    “ที่นี่มีความสำคัญทางพุทธศาสนาจริง นอกจากมีรอยพระพุทธบาทที่ไม่ปลอม ซ่อนอยู่ใต้รอยพระพุทธบาทเทียมที่มีผู้สร้างคลุมของเก่าไว้แล้ว ยังมีพระบรมสารีริกธาตุที่พระอรหันต์ท่านนำมาบรรจุไว้อีก 3 องค์”

    เมื่อทุกองค์ส่งหนังสือถวายหลวงพ่อปาน ท่านอ่านแล้วก็ยิ้ม กล่าวว่า
    “พวกเธอพอใช้ได้ แต่ยังไม่ดีแท้ เอาเท่านี้พอคุ้มตัวได้ คืนนี้มาพิสูจน์ความจริงกัน ที่พวกเธอว่ามีพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุมีที่ไหนต้องมีปาฏิหาริย์ที่นั่น
    เรื่องปาฏิหาริย์ของพระบรมธาตุเป็นภาระของฉัน พวกเธอยังมีกำลังอ่อน เชิญท่านอาจไม่ปรากฏ ขอให้เธอจงปล่อยให้เป็นภาระของฉัน โน่นต้นไม้ใบไม้ที่กำลังร่วงโรยหรือสดใส จงไปพิจารณาให้เป็นวิปัสสนาญาณ วิปัสสนาไม่ใช่เกาะแต่ตำรา จงหาของจริงมาใคร่ครวญ วิปัสสนาท่านให้ดูของจริง ไม่ใช่มัวถ่างตาดูแต่ตำราแล้วก็ติดตำราแจ ของจริงไม่ใช้จะได้อะไรเป็นที่พึ่ง”

    ท่านว่าแล้วท่านก็ให้คณะของท่านให้หาที่พักตามสบาย แต่ต่างคนต่างอยู่ ห้ามรวมกันตั้งแต่ 2 องค์ขึ้นไป

    ปาฏิหาริย์พระบรมธาตุ

    เมื่อเวลาใกล้ค่ำ คณะห้าธุดงค์มีหลวงพ่อปานเป็นประมุข ต่างก็หาที่ปักกลดตามที่ตนเห็นสมควร เมื่อปักกลดเสร็จ ทำวัตรสวดมนต์ตามระเบียบ

    เมื่อยามค่ำมาถึงเวลาประมาณ 20 น. อากาศกำลังสบาย หลวงพ่อปานท่านก็เรียกพระเข้าประชุม ให้ทุกองค์ทรงพุทธานุสสติกรรมฐาน จนอารมณ์ทรงฌานตามความพอใจของท่าน

    เมื่อทุกองค์ทรงฌานอยู่ในระดับที่ท่านพอใจแล้ว ท่านสั่งให้ทุกคนถอนออกจากฌาน ตั้งอารมณ์อยู่อุปจารสมาธิ เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของพระชุดนั้น เมื่อทุกองค์ทรงอุปจารสมาธิพร้อมแล้ว หลวงพ่อปานท่านก็เปล่งวาจาดัง ๆ ว่า

    “ด้วยข้าฯ เคยบำเพ็ญบารมีมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ถ้าการบำเพ็ญบารมีนี้จะเป็นปัจจัยให้ข้าฯ ได้บรรลุพระโพธิญาณในอนาคตแล้ว ขอสมเด็จองค์พระประทีปแก้วสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดแสดงปาฏิหาริย์ให้เป็นมหัศจรรย์ จะเป็นปาฏิหาริย์อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ตามแต่พระพุทธองค์จะทรงเมตตา เพื่อปลูกฝังศรัทธาของพระที่ร่วมเดินทางมา ณ บัดนี้เถิดพระพุทธเจ้าข้า”

    แล้วท่านก็เข้าสมาธิ บรรดาคณะศิษย์ทั้งหลายก็เข้าสมาธิบ้าง เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 นาที ก็ปรากฏเป็นดวงดาวดวงใหญ่ ประมาณว่าผ่าศูนย์กลางสัก 200 เซนต์กว่า ใหญ่เหลือเกิน ขึ้นมาจากยอดเขาที่พระพุทธบาท มี 3 ดวงด้วยกัน มีแสงสว่างมาก
    หลวงพ่อปานมีคำสั่งให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายลืมตาชมพระพุทธบารมี
    ดวงดาวดวงนั้นตั้งอยู่ที่ยอดเขานานประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็ลอยวนรอบเขา 3 รอบ แล้วมาตั้งอยู่ที่พระพุทธบาทนานประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปที่เดิมอย่างช้า ๆ

    หลวงพ่อปานท่านกราบ พวกศิษย์ทั้งหลายก็กราบตามด้วยอารมณ์ปีติชุ่มชื่น เมื่อดวงดาวหายเข้าที่เดิม หลวงพ่อสั่งเจริญพุทธานุสสติตลอดเวลาที่ตื่นอยู่
    คณะศิษย์ทั้งหมดเกิดธรรมปีติอย่างบอกไม่ถูก ตลอดคืนไม่มีใครหลับ อารมณ์โพลงตลอดคืน อารมณ์สมถะและภาวนาแจ่มใสกว่าที่เคยทำมาแล้วหลายเท่า
    ต่างเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างไม่มีอะไรสงสัย
    ต่างเชื่อมั่นในหลวงพ่อปานว่าท่านเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีแก่กล้าจริง



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    นมัสการพระพุทธฉาย

    เมื่อคณะธุดงค์ทั้งห้า มีหลวงพ่อปานเป็นประมุข นมัสการพระพุทธบาท และอยู่ในบริเวณนั้นรวม 3 วัน เมื่อมีความอิ่มในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพอสมควรแก่ความประสงค์แล้ว ปูชนียสถานที่คณะธุดงค์ทั้งห้าต้องการนมัสการอีกก็คือ พระพุทธฉาย เขตสระบุรีเหมือนกัน แต่ต้องเดินทางไปทางตะวันออก และล่องใต้นิดหน่อย เรื่องทางที่จะไปเป็นภาระของหลวงพ่อปาน
    แล้วแต่ละท่านก็ออกเดินทางไปพระพุทธฉาย การเดินทางรอนแรมจากพระพุทธบาทไปพระพุทธฉายระยะทางไม่ไกลนัก แต่คณะธุดงค์ชุดนี้ก็เดินทางอย่างพระธุดงค์ คือเดินประมาณวันละ 5 กิโลเมตร ไปตามสบาย พักตามสบาย ไม่ผ่านตัวเมืองสระบุรีเพราะไม่ต้องการพบบ้าน ไม่อยากรบกวนอาหารจากชาวบ้าน ได้อาศัยอาหารจากต้นไม้เป็นอาหารหลัก
    ด้วยคณะธุดงค์เชื่อว่าเทวดาประจำต้นไม้มี ไม่เป็นเรื่องของพราหมณ์พูดเล่นพล่อย ๆ เมื่อเชื่อว่าต้นไม้มีเทวดา ก็เลยถือโอกาสขอข้าวจากเทวดากิน เมื่อขอจริง เทวดาก็มีอาหารให้จริง เมื่อได้เท่าไรก็ตาม กินแล้วอิ่มตลอดทั้งวัน และอิ่มจนกว่าจะถึงรอบใหม่ ไม่หิว ไม่เพลีย แม้น้ำก็ไม่กระหาย
    เมื่อถึงพระพุทธฉาย เรื่องก็เป็นไปเช่นเดียวกับที่พระพุทธบาท คือ หลวงพ่อปานท่านให้พระทุกองค์เข้าอาโลกกสิณเต็มระดับ เมื่อได้รับบัญชาทุกองค์จึงเข้าอาโลกกสิณเต็มระดับ ต่างก็ทราบว่าหลวงพ่อจะได้พิสูจน์ความจริงเรื่องพระพุทธฉายอีกแล้ว ต่างก็เข้าฌาน 4 ในอาโลกกสิณทันที เมื่อท่านตรวจเห็นว่าทรงฌานดี อารมณ์สะอาด ท่านบอกให้ทดสอบเรื่องพระพุทธฉายว่าพระพุทธเจ้ามาฉายไว้จริงหรือเปล่า มีใครเป็นต้นเหตุให้พระพุทธเจ้ามาฉาย
    คณะศิษย์ทั้งสี่ต่างก็ตรวจตามความสามารถ ผลงานที่เขียนไว้ตรงกัน คือ
    เห็นแถวบริเวณพระพุทธฉายเป็นเขตใกล้ทะเล มีคน 2 คน คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ สูง ผิวขาว หน้ามน ๆ อีกคนหนึ่งผิวดำ สันทัดคน ร่างเล็กกว่าคนก่อน เป็นหัวหน้าสร้างที่พักด้วยไม้เหลือง เสร็จแล้วมีพระนิมนต์พระพุทธเจ้ามาพร้อมด้วยพระสาวกไม่กี่รูป เมื่อพระองค์ทรงเทศน์จบแล้วจะกลับ เขา 2 คน ขอให้พระองค์ทรงทำของที่ระลึก ท่านเลยเนรมิตรูปท่านกับพระอัครสาวกทั้งสองไว้เพื่อให้เขาบูชา
    พอเขียนเสร็จ คณะศิษย์ต่างก็ถวายผลงาน หลวงพ่อปานตรวจแล้วท่านชมว่าดี แต่ยังมีผลน้อยไป ควรรู้มากกว่านี้ แล้วท่านก็ว่า
    “ดีแล้ว พวกแกเอาตัวรอดได้ เดินห่างปากขุมนรกนิ้วเดียว ระวังให้ดีนะ ถ้าเผลออาจลงนรกได้ไม่ยาก”
    เมื่อเสร็จจากการที่ท่านสั่งให้พิสูจน์ความเป็นมาของพระพุทธฉายเพื่อฝึกซ้อมศิษย์ในด้านการใช้ญาณแล้ว ท่านก็บอกว่า
    “พระพุทธเจ้าท่านจะมาฉายไว้ จริงหรือไม่ ค่ำวันนี้ก็รู้กัน ฉันจะพิสูจน์อย่างที่พระพุทธบาท”
    เมื่อยามค่ำปรากฏการพิสูจน์ก็มีขึ้น พิธีอย่างเดียวกัน แต่ผลที่ปรากฏไม่ใช่ดวงดาว ปรากฏเป็นรูปพระพุทธเจ้าอย่างพระสงฆ์ ไม่ใช่แบบเชียงแสนหรือสุโขทัย อู่ทอง เป็นพระสงฆ์แบบมนุษย์เราเอง สวยบอกไม่ถูก พระทุกองค์จำได้ เพราะเห็นเป็นปกติ มีรัศมีช่วงโชติพุ่งออกจากพระวรกาย สวยงามมากดูเหมือนคล้ายเอานีออนไปประดับ แต่สวยกว่าแสงไฟฟ้ามาก มีพระโมคคัลลาน์พระสารีบุตรนั่งองค์ละข้าง ดูแล้วก็เกิดธรรมปีติ
    เมื่อเวลา 24 น. ผ่านไป ต่างก็เข้ามุ้งนอนตามปกติ แต่ไม่มีใครหลับ เพราะเกิดธรรมปีติ พอเวลาผ่านไปประมาณ 2 น. ดวงจันทร์ปรากฏบนท้องฟ้าเริ่มจะหาย มีแสงดาวค่อยสว่างเต็มที่ ต่างก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานพูดในกลดของท่านว่า
    “นั่นใครมายืนอยู่ข้างกลดพระเขียน”
    ทุกองค์มองไปก็ไม่เห็นมีใคร เห็นแต่ต้นไม้สูงมาก สูงขนาดยอดยาง ต่างก็แปลกใจ เพราะที่ตรงนั้นในขณะปักกลดไม่มีต้นไม้ แล้วต้นไม้นี้มามีขึ้นได้อย่างไร ครั้นเมื่อมองไปด้านบน ก็เห็นกิ่งไม้สองกิ่งแกว่งไปแกว่งมา ดูท่อนล่างเห็นเป็นต้นไม้แฝด มีลำต้นสองต้นเบื้องล่าง แต่พอสูงขึ้นไปต้นไม้กลับรวมเป็นต้นเดียว มีกิ่งสองกิ่งแต่ก็ห้อยลงมา ขาดพับตามต้นแกว่งไปแกว่งมา ปลายกิ่งมีก้านสั้น ๆ กิ่งละ 5 ก้าน มองสูงขึ้นไปบนยอดเห็นมีไฟแดง 2 ดวง
    พระทุกองค์มองดูอยู่ในกลด เมื่อเห็นตลอดทั่วทั้งตัว ต่างก็ทราบว่าไม่ใช่ต้นไม้ แต่เป็นยักษ์ พระทุกองค์ไม่มีใครสะดุ้ง
    เสียงหลวงพ่อปานถามต่อไปว่า “มายืนอยู่ทำไม “
    เจ้าหมอนั่นนิ่งสักครู่หนึ่งแล้วมันพูดว่า “ผมขอพระองค์นี้ได้ไหมครับ”
    พระองค์นั้นคือพระเขียนที่ร่วมทางไปด้วย เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกัน เสียงหลวงพ่อตอบว่า
    “ไม่ได้ ญาติโยมเขาฝากมา จะเอาไปไม่ได้”
    เจ้าตาแดงสูงเหมือนต้นตาลมันยืนนิ่งสักครู่หนึ่ง มันก้มลงมองที่กลดพระเขียน เสียงมันพูดว่า
    “ไม่ให้ก็ไม่เอา ลาละ “
    มันพูดแล้วมันก็เดินหายไปทางทิศตะวันตก
    เมื่อเจ้าต้นไม้ประหลาดหายไปแล้ว ได้ยินเสียงหลวงพ่อปานร้องถามว่า
    “ใครไม่หลับบ้าง นิมนต์มาหาฉัน”
    ทุกองค์ปรากฏว่าไม่มีใครหลับเลยและต่างก็ได้ยินหลวงพ่อปานพูดกับเจ้ายักษ์ดำ เห็นเหตุการณ์ตลอดเหมือนกันทุกองค์ เมื่อพระมาประชุมพร้อมกัน ท่านก็บอกให้พระทุกองค์ทราบว่า
    พระเขียนเข้าสู่เขตกาลมรณะ จะต้องตายตามวาระของอายุขัย แต่ทว่าอาศัยความดีที่ทรงศีลบริสุทธิ์ ทรงสมาธิและวิปัสสนาญาณ ประกอบกับมาธุดงค์ เป็นการที่ท่านพอจะขอร้องเขาไว้ได้ชั่วขณะเดียว เมื่อกลับถึงวัดแล้วท่านบอกว่า อาจจะประวิงเวลาไม่ได้อีกนานนัก ขอให้พระเขียนและทุกองค์เตรียมตัวพร้อมที่จะตายได้ อะไรที่ไม่เกินวิสัยที่จะทำ นั้นคือวิปัสสนาญาณ ให้ขยันหมั่นเพียรให้มาก ชำระจิตใจให้สะอาดเป็นปกติ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงวางภาระว่าเราของเราเสียให้สิ้น ด้วยไม่มีอะไรเลยเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็มีเจ้าของคือมรณภัยมันมาทวงคืน
    ทุกองค์รับคำสอนด้วยดี มีท่านหนึ่งในจำนวน 4 ท่านถามท่านว่า
    “หลวงพ่อทราบหรือไม่ว่าพระเขียนจะต้องเข้าระยะมรณะในวันนี้ “
    ท่านบอกว่า ท่านทราบมาก่อน ท่านทราบมาจากนายบัญชี ท่านรู้จักกับเขาดี ที่ชวนมาธุดงค์ด้วยและพระเขียนก็เต็มใจมา ท่านไม่ใช่ชวนมาประวิงเพื่อให้ตายช้า แต่ชวนมาเพื่อให้ทำความดีให้สมควรแก่วาสนาบารมี ถ้าอยู่ที่วัดจะทำความดีไม่เท่ามาธุดงค์
    เมื่อสนทนากันไม่นาน มองไปดูท้องฟ้า เห็นใกล้สว่าง มีท่านหนึ่งถามหลวงพ่อว่า
    “ที่มาทวงชีวิตพระเขียนเป็นใคร “
    ท่านบอกว่า “ยักษ์”
    ถาม “เขามาทวงเพราะเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือ”
    ท่านบอกว่า “ไม่ใช่ เขามาตามหน้าที่ เมื่อเขามีหน้าที่มารับเขาก็ต้องมา”
    ถามท่านว่า “ถ้าพระเขียนตายเวลานี้จะไปทางไหน นรกหรือสวรรค์ หรือพรหมโลกหรือนิพพาน”
    ท่านบอกว่า “สุดแล้วแต่พระเขียนจะชอบใจ ชอบใจอย่างไหนก็ไปได้ตามชอบใจ เมื่อตายแล้วจะไปทางไหนก็ไปได้ตามใจชอบ ท่านโคธิกะท่านเชือดคอตายเพราะเบื่อสังขาร มันป่วยเสมอ ท่านไปนิพพาน พระเขียนจะชอบใจอะไรก็เป็นเรื่องของเธอ”
    พอรุ่งสางท้องฟ้ามีสีทองปรากฏ คณะธุดงค์ก็ออกบิณฑบาตตามปกติ ไม่ได้ไปไกลเพราะเห็นมีต้นไม้ใหญ่มีสาขางามสะพรั่งไว้ตั้งแต่ตอนมาถึง ต่างก็มั่นหมายไว้แล้วว่าต้นนี้แหละเป็นโรงผลิตอาหารในวันพรุ่งนี้ อยู่ห่างจากที่ปักกลดไม่ถึง 20 วา ต่างก็เอาบาตรไปแขวนตามเคย เมื่อได้อาหารมาแล้วก็ฉันกันหมดบาตร ความจริงได้มาประมาณ 3 ทัพพีเท่านั้นเอง
    เมื่อฉันเสร็จทุกองค์ก็เข้าที่พักเพราะตลอดคืนไม่ได้หลับเลย เมื่อทุกองค์พักพอเหยียดกายเรียบร้อยก็เห็นพระเขียนเดินเข้าป่า เมื่อกลับมาไม่ถึง 5 นาทีก็เดินไปอีก ต่างสงสัยถามว่าไปไหนมา ท่านบอกว่าไปถ่ายอุจจาระ
    ตอนนี้หลวงพ่อลุกขึ้นจากที่พัก เรียกพระเขียนเข้าไปใกล้ พระเขียนดูท่าทางเพลียมาก
    ท่านถามว่า “ท้องถ่ายกี่ครั้งแล้ว”
    พระเขียนบอกว่า “2 ครั้งแล้วครับ”
    ท่านบอกว่า “อีกครั้งเดียวก็หยุด ยังไม่ตาย มาเอายาหมู่ไปฉันเสีย”
    เห็นท่านฝนกิ่งไม้กับฝาละมีหม้อดินที่ท่านเตรียมติดตัวไปด้วย เมื่อพระเขียนฉันแล้วก็ไปถ่ายอุจจาระอีกครั้งหนึ่งแล้วก็หยุดถ่าย ท่านบอกว่า
    “ยังไม่ตาย เตรียมตัวไว้ กลับไปวัดแกก็สบายก่อนฉัน ฉันต้องใช้หนี้กรรมอีกหลายปี แกดีกว่าฉัน สบายกว่าฉัน”
    แล้วท่านก็สั่งให้พักผ่อนต่อไป



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
  4. Voramol

    Voramol สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2015
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +21
    ได้ข้อมูลดีๆจากคุณ"สร้อยฟ้ามาลา" อีกแล้วค่ะ หาก"มล" มีโอกาศได้ไปหาเพื่อนที่สระบุรี ในเวลาช่วงวันหยุด คงได้ขับรถไปแวะกราบไหว้นมัสการ พระพุทธบาท-พระพุทธฉาย และสถานที่ต่างๆในที่ใกล้เคียงเมืองสระบุรี ที่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯมากค่ะ
     
  5. คนชานเมือง

    คนชานเมือง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +1,250
    สาธุ
     
  6. okas

    okas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2013
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +147
    ข้อมูลดีๆ ภาพสวยมากๆ ครับ
     
  7. gednana

    gednana Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +75
    สาธุ ชอบมากค่ะ(f)
     
  8. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    426
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอขอบคุณที่ได้เล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อปาน และหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ในการไปธุดงค์ที่
    พระพุทธบาท และที่พระฉาย ใน จ. สระบุรี ตนเองก็ได้ไปมาแล้วทั้งสองแห่งค่ะ
    รู้สิํกปลื้มปิติมากค่ะ
     
  9. สร้อยฟ้ามาลา

    สร้อยฟ้ามาลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    19,158
    ค่าพลัง:
    +43,837
    สาธุจ้า....

    พอดีอ่านเจอ เห็นว่าน่าสนใจก็เลยคัดลอกมาลงให้อ่านกันอ่ะจ่ะ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...