บทสัมภาษณ์มนุษย์ต่างดาว

<TABLE cellSpacing=4 cellPadding=4 width="85%" align=center bgColor=#cccccc border=0><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR><TR><TD>

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]By โอ 29-06-2004[/font]


​

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สวัสดีครับชาว Myth และเรื่องลึกลับทุกท่าน ไม่ได้พบกันเสียนานเลยในบทความแบบนี้อ่ะนะครับ ไม่รู้ว่ายังจะมีใครรอติดตามอ่านบทความของผมอยู่หรือเปล่านะ? ครับ คราวนี้ได้มีโอกาสมานำเสนอบทความชิ้นเล็กๆ แก่ท่านผู้อ่านอีกครั้ง มาคราวนี้นายโอจะมานำเสนอเรื่องของชนิดหรือเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ต่างดาวหรือที่เราเรียกติดปากกันว่าเอเลี่ยน (Aliens) นี้ละครับ เอาจากที่มีบันทึกการพบเห็นในโลกของเรานี้เอง ถ้าพร้อมแล้วเราไปติดตามกันได้เลยครับ อ้อ อยากให้อ่านเพื่อความบันเทิงก็แล้วกันนะครับ อย่าไปซีเรียสละ

จะว่าไปแล้วถ้าเราพูดถึงมนุษย์ต่างดาวหรือเอเลี่ยน (ต่อไปผมขอใช้คำว่าเอเลี่ยนก็แล้วกันนะครับ เพื่อความสะดวกบางประการ) ก็มักจะนึกถึงเจ้าตัวเล็กๆ สีร่างกายออกเทาๆ ตาโตสีดำ หัวโต ไม่มีใบหู แขนขาลีบยาวและเล็กใช่มั๊ยละครับ ซึ่งเจ้าตัวที่มีลักษณะที่ว่าเนี่ยจะผุดขึ้นมาก่อนเลยเมื่อเรานึกถึงเอเลี่ยน และถ้าเป็นผู้ที่สนใจในเรื่องของ UFOs หรือบรรดาเรื่องแปลกๆ ทั้งหลายก็จะทราบกันดีว่าเจ้าหมอนี่มีชื่อว่า Grey หรือ Gray และหากจะถามว่าชื่อนี้ท่านได้แต่ใดมา? ละก็ NASA คงจะเป็นคำตอบสุดท้ายละมั๊งครับ หุ หุ ใช่แล้วครับ ชื่อ Grey นี้ทางองค์การนาซ่า (NASA) เป็นผู้ขนานนามเจ้าเอเลี่ยนตัวจ้อยที่ไม่ธรรมดานี่ ต่อมารูปร่างแบบนี้ก็กลายเป็นรูปลักษณ์ประจำตัวของเอเลี่ยนไปโดยปริยาย
[/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]แต่ว่าเอเลี่ยนไม่ใช่มีเพียงแค่เกรย์เท่านั้นน่ะซิครับ ยังมีบันทึกและหลักฐานอีกหลายอย่างที่บ่งบอกไว้ว่า โลกเรานี้ยังถูกมาเยือนจากสิ่งมีชีวิตอีกหลายเผ่าพันธุ์จากอวกาศด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกันออกไป ถ้าหากจะว่าไปมีเป็นสิบชนิดร้อยรูปแบบก็ว่าได้ครับจากการพบเห็นของผู้คน ซึ่งจะนับกันจริงๆ ก็เป็นเรื่องที่ลำบากพอดูละครับ เพราะการนี้เลยมีการจัดรูปแบบของเอเลี่ยนกัน ซึ่งก็ได้เสาะหามานำเสนอนี่ละ เอาละครับ เราไปติดตามกันดีกว่าว่าเอเลียนมีอะไร ชนิดไหนบ้าง[/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เผ่าพันธุ์แรก - เกรย์ (Grey, Gray)
ขอเริ่มด้วยหมอนี่ก็แล้วกันนะครับ ซึ่งเป็นเอเลี่ยนที่รู้สึกว่าจะฮิตที่สุดและมีคนรู้จักมากที่สุดกับเกรย์นั่นเอง ซึ่งก็ได้กล่าวไปบ้างแล้วละนะครับว่าชื่อเกรย์นั้น ได้มาจากทางองค์การนาซ่าเป็นผู้ตั้งให้ ซึ่งความเป็นมาระหว่างนาซ่ากับเกรย์นี่มีมาอย่างยาวนานครับ โดย (ว่ากันว่า) นาซ่าได้จับตัวเกรย์แบบเป็นๆ ได้ด้วย และนำไปขังไว้เพื่อศึกษาที่ฐานทัพลับแห่งหนึ่งอีกต่างหาก จนได้ตั้งชื่อเอเลี่ยนตัวนี้ว่าเกรย์ (หากจะบอกว่าชื่อท่านเอ็ดดี้ ใครพอจะผ่านตามาบ้างหรือเปล่าครับ) ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นจุดกำเนิดของชื่อเอเลี่ยนชนิดนี้นั่นเองแต่หลายกระแสบ้างก็ว่าเกรย์นี่
หละครับที่เป็นเอเลี่ยนที่คอยติดต่อกับรัฐบาลสหรัฐโดยเกรย์จะให้เทคโนโลยีเพื่อแลกกับการทดลองบางอย่างในโลกนี้ ซึ่งอาจจะเป็นในเรื่องของ Human Mutilation และ Cattle Mutilation นั่นเองครับ [/font]

​

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]หลากหลายรูปแบบกับเกรย์[/font]​

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เรามาว่าถึงลักษณะรูปร่างของเกรย์กันอีกหน่อยดีกว่านะครับกันลืม สำหรับรูปร่างเกรย์นั้นส่วนมากจะตัวเล็กครับ มีความสูงเฉลี่ย 3-4 ฟุต เท่านั้น ตาโตดำขลับอย่างกับเลนส์ทีเดียว จมูกเล็กจนเหมือนแทบไม่มี หัวโตไม่มีผม ตัวเล็กลีบ แขนขายาว ผิวออกสีเทา รูปร่างหน้าจะคล้ายตัว V และริมฝีปากค่อนข้างบาง ส่วนนิ้วมือจะมีตั้งแต่ 3-4 นิ้วครับ นี่ก็เป็นลักษณะเฉพาะคร่าวๆ ของเกรย์ละนะครับ จากข้อมูลกล่าวว่าเกรย์อาจจะใช้การพลังจิต Telepathicในการสื่อสารกัน ซึ่งอาจมาจากการพัฒนาทางสมองที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง และใช้การโคลน (Cloning) ในการให้กำเนิดแก่พรรคพวกหรือชาวเกรย์นั่นเองครับ​

แต่ใช่ว่าเกรย์จะมีเพียง Species เดียวหรือแค่เผ่าพันธุ์เดียวนะครับ ยังได้มีการแบ่งจำแนกแยกย่อยออกเป็น Sub-Grey แยกย่อยไปออกไปหลายชนิดด้วยกัน (อันนี้นายโอไม่ได้แบ่งเอาเองนะครับ แต่มีข้อมูลจากหลายที่อยู่น่ะครับ) แต่ทว่าองค์ประกอบของรูปร่างโดยรวมจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันเพียงมาจากคนละสถานที่นั่นเอง เอาละครับ จะมีชนิดอะไรบ้างนั้นติดตามกันได้เลยครับ[/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เผ่าพันธุ์เกรย์ชนิด A - เกรย์ (Martian) จากดาวอังคาร (Mars)[/font]​

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สำหรับเกรย์ชนิดนั้นว่ากันว่าเป็นชาวอังคาร (Martian) นั่นเองครับ เป็นเพื่อนบ้านร่วมระบบสุริยะกับเราด้วยกันมานาน แต่ก็ยังไม่มีการคบหากันแบบจริงจังซะทีนึง หุ หุ สำหรับรูปร่างลักษณะก็ได้บรรยายแบบภาพรวมไปแล้วนะครับ คงจะเพิ่มเติมในบางส่วนเท่านั้น [/font]​

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ซึ่งส่วนสูงของชาวอังคารนี้จะเฉลี่ยโดยประมาณอยู่ที่ 3 ฟุตครึ่ง - 4 ฟุต อาศัยอยู่ใต้ดินลึกลงไปหลายกิโลเมตรซึ่งเป็นมหานครใต้ดินของพวกเขานั่นเอง บ้างก็ว่าแต่ก่อนนั้นพวกเกรย์ชนิดนี้เคยอาศัยอยู่บนพื้นผิวดาวนานมาแล้ว แต่ประสบปัญหาบางประการ จึงได้ย้ายอาณานิคมลงไปอยู่ในใต้ดินกันแทน แต่บนพื้นผิวดินของดาวอังคารใช่ว่าจะไม่มีอะไรเสียทีเดียวนะครับ ยังมีเศษ (ที่เค้าว่ากันว่าคือ)สิ่งก่อสร้างที่หลงเหลืออยู่บางประการซึ่งอาจจะเคยผ่านตากันมาบ้างแล้วใช่มั๊ยละครับ หรือถ้ายังไม่เคย นายโอขออนุญาตนอกเรื่องเอามาให้ชมกันบางส่วนอีกครั้งก็แล้วกัน (ใช้วิจารณญาณในการรับชมเน้อ)[/font]​

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=3 align=center border=0><TBODY><TR><TD>

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/font]​

</TD><TD>

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/font]​

</TD><TD>

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/font]​

</TD></TR><TR><TD colSpan=3>

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ภาพ 1 อุโมงค์ขนาดความยาวหลายสิบกิโลเมตร[/font]​

</TD></TR></TBODY></TABLE>[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]นอกเรื่องไปหน่อยครับ อิอิ แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ละครับว่ามีการบันทึกการมาเยือนของเอเลี่ยนจากดาวอังคารอยู่มากมายครับ ทั้งจากองค์การนาซ่าและรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งก็เป็นเวลานานหลายสิบปีได้แล้วละมั๊งครับกับการรู้จักเกรย์ชนิดนี้ สำหรับข้อมูลก็คงจะแค่นี้ครับ เอาแค่หอมปากหอมคอก็พอสำหรับเกรย์จากดาวอังคาร ต่อไปขอเชิญพบกับผู้เข้ารอบชนิดต่อไปได้เลยขะรับ[/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] เผ่าพันธุ์เกรย์ชนิด B - เกรย์ Zeta Reticuli จากระบบดาว Zeta Reticulan
สำหรับเกรย์ชนิดนี้มาไกลครับจากระบบดาว Zeta Reticulan หรือ The Bernard Star แถวๆ หมู่ดาวซิริอุส (Sirius) โน่นแหละครับ และรูปร่างลักษณะก็จะเหมือนกับเกรย์ธรรมดาทั่วๆ ไป (มีเกรย์ไม่ธรรมดาด้วยรึ ?) นั่นแหละครับ ส่วนที่แตกต่างกันก็คงจะเป็นในเรื่องของความสูงกับผิว ซึ่งความสูงของเกรย์เซต้านี่จะเฉลี่ยสูงกว่าเล็กน้อย ก็ประมาณ 4-5 ฟุต และจมูกจะเป็นรูปร่างมากกว่า ส่วนผิวหนังก็จะออกสีส้มๆ ครับ ทางด้านข้อมูลอื่นก็จะคล้ายๆ กัน [/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เกรย์เซต้าชนิดนี้ได้มีการรายงานการพบเห็นทั้งจากผู้คนทั่วไปและผู้ที่อ้างว่าติดต่อกับพวกเขาได้มานานตั้งแต่ปี คศ.1977 แน่ะครับ และว่ากันว่ามายังโลกด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่ฟังแล้วอาจจะหนาวคือ "ครองโลก" ครับ จากข้อมูลบ้างก็ว่าฐานทัพลับใน New Mexico และ Nevada จะรู้จักกับเกรย์เซต้าดีครับ ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธุ์อะไรกันหรือเปล่าน่ะซิ หุ หุ[/font]

[font=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จบตอนที่ 1​

ติดตามต่อในตอนต่อไปครับ[/font]


​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โอโห ... อึ้ง ทึ่ง ตะลึง

 

ขอคุยบ้าง เมื่อปลายปี 46 ไปงานวิทยาศาสตร์ทางจิต เจอเพื่อนอาจารย์เทพพนมเมืองแมน คนที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวไป เผอิญไปยืนฟังเขาคุยอยู่ อืมได้ความรู้เหมือนกันว่า มนุษย์ต่างดาวที่มักจะมาบ้านเราบ่อยๆนะมาจากดาวอังคาร เวลามาเขาจะตัวใสๆ คนทั่วไปจะมองไม่เห็นเท้าของเขาจะลอยไปติดพื้น อันนี้เท่าที่จำได้นะ แต่เราเชื่อนะว่ามีจริง

 

ไปเจอภาคสองของเรื่องนี้ มีแต่เรื่องวิทยาศาสตร์ขั้นสูงและก็ข่าวร้ายสำหรับมนุษย์....เป็นเรื่องที่น่าเศร้า.....


You are animals for them. Animals in a very large lab.

Whenever you people take a look at an ant hill, and another person comes along and steps on the ant hill, what do you do? You go on your way, or you search for another ant hill or you observe the ants in their crisis condition. But would one of you

 

คิดๆ ดูแล้วมันก็จริงอีกนั่นแหละ

ในเมื่อในโลกมนุษย์ของเราแห่งนี้ หนาแน่นด้วยกลุ่มพลังของวิญญาณ ที่เวียนว่ายในวัฎฯ มานับไม่ถ้วน แทบไม่มีสิ่งใดๆ หลุดพ้นไปจากโลกนี้ได้ เพราะกิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจเรานั่นเอง ที่ไม่ยอมจากลา ยังยึดติด รักและหวงแหน รวมทั้งความผูกพัน ดินแดนแห่งนี้ ที่เราอยู่อาศัย

ในเมื่อวิญญาณไม่สูญสิ้นก็ต้องมาเกิดใหม่ไปเรื่อยๆ จากสัตว์ชนิดนี้ เป็นสัตว์ชนิดนู้น เป็นสัตว์ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ฯลฯ

ถ้าพิจารณาดูอีกที จิตและวิญญาณ มันก็เหมือนกับการทดลอง เกิด แก่ เจ็บ ตาย และก็เปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ มิรู้จบ ถ้าเปรียบแล้วมันก็คือ You are animals for them. Animals in a very large lab. ก็คงจะไม่ผิด !!!

หรือว่าชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมาคือ เกมส์ ?

...

 

อืม...ปู่ต้องอ่านดูก่อนแล้วจะเข้าใจอะไรมากขึ้น ผมตัดมาบางส่วนอาจทำให้เข้าใจผิดได้ ความหมายของมันตามที่ผมเข้าใจก็คือ

เมื่อระดับความเจริญทางวิทยาศาสตร์ของเรากับของพวกเอเลี่ยนต่างๆ แล้วนั้น เรานั้นก็เปรียบเหมือนกับสัตว์(เมื่อสมมติว่าเอเลี่ยนมีความเจริญเท่ากับเรา ระดับของเราก็เท่ากับสัตว์) แล้วเราก็ทำให้มนุษย์ต่างดาวกลุ่มนึงไม่พอใจเรา มีเอเลี่ยนอยู่ 3 กลุ่มที่ไม่หวังดีกับเรา กลุ่มนึงติดต่อกับอเมริกาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีเค้า แล้วเราก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์เป็นการตอบแทน เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับ DNA แต่เราไม่รู้ว่าเอเลี่ยนกลุ่มนี้เวลาเค้าให้ข้อมูลเรามาเค้าให้มาไม่หมดซ้ำบางทียังบอกผิดๆอีกด้วย ทำให้ต้องพึ่งเค้าอยู่ตลอดในการแก้ปัญหาที่ตามมา

แล้วก็มีคำเตือนว่าในอนาคตอันใกล้ในไม่กี่ปีหรืออีก 10 ปีข้างหน้าอาจเกิดสงครามได้ แล้วก็มีมนุษย์ต่างดาวอีกหลายกลุ่มที่บางกลุ่มก็เฝ้าดูพฤติกรรมอยู่เงียบๆ เค้าก็เปรียบเหมือนว่า "เมื่อมีคนเฝ้าดูรังมดอยู่เพื่อศึกษา และก็มีอีกคนเดินเข้ามาเหยียบรังมด คุณจะทำอะไรล่ะ? ทำในสิ่งที่คุณจะทำได้เพื่อช่วยเหลือมัน, หรือว่าจะไปหารังใหม่, หรือว่าจะเฝ้าดูรังมดในภาวะวิกฤติ แต่ว่าคุณนั้น - แม้ว่าจะมีกำลังมากกว่าคนที่เดินเข้ามาเหยียบรังมด - จะไปช่วยเหลือมดที่ไม่มีความหมายทำไม? คุณลองจินตนาการดูจากมุมมองที่ว่าคุณเป็นสิ่งมีชีวิตที่ก้าวหน้ามากกว่า คุณนั้นก็เป็นแค่มด ไม่ต้องคาดหวังความช่วยเหลือจากพวกเขาเลย"

คุณควรจะเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาของคุณด้วยตัวคุณเองหรือว่าพัฒนาตัวเองให้ฉลาดกว่านี้เพื่อที่จะไม่ได้สร้างปัญหาอย่างนี้ขึ้นอีก อะไรที่จะเกิดขึ้นและใครที่จะมาอยู่ข้างคุณ เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้

 

อ.เทพพนมนั้นเห็นเค้าเล่าว่าก็รู้จักและติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว เมื่ออ.อยู่ต่างประเทศอ.ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องมนุษย์ต่างดาว แต่เมื่ออยู่ประเทศไทยก็กลายเป็นคนเพี้ยนๆคนหนึ่ง

ผมสังเกตว่าประเทศที่เจริญแล้วต่างให้ความสำคัญกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวมากต่างจากประเทศที่ด้อยพัฒนาและกำลังพัฒนา

 

ทำกันเป็นทอดๆ

มนุษย์นั้นอาจถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่นอกโลกซึ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างมากและเป็นไปได้ไหมว่าจักรวาลของเรานั้นอยู่ในห้องทดลองของมนุษย์ต่างดาว....ลองคิดดูนะ และเมื่อมนุษย์มีความก้าวหน้าถึงขีดสุด มนุษย์ก็จะสร้างจักรวาลที่อยู่ในห้องทดลองและก็เฝ้าดูการพัฒนาของมนุษย์เผ่าพันธ์ใหม่ที่มนุษย์ปัจจุบันสร้างขึ้น...และเมื่อมนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ในอนาคตนี้มีความก้าวหน้าเขาก็จะทำเหมือนกับมนุษย์ปัจจุบัน แล้วก็ทำกันทอดๆ อย่างนี้ตลอดไป>>>>

 

กลับมาอ่านอีกที เอ อันนี้มันบทสัมภาษณ์ Lacerta นี่นา พี่แม่บ้านจะเข้าไปอ่านฉบับภาษาอังกฤษก็ได้นะ เพราะตอนนั้นแปล อาจมีมั่วบ้างเล็กน้อย อันแรกไม่เท่าไหร่ แต่อันสองนี่สิ แปลไปงงไป

 

สงสัยท่าจะเป็นกระทู้ท๊อปฮิตนะครับ ผมก็ชอบศึกษาเรื่องนี้
ปัจจุบันก็ยังเป็นข้อกังขาของนักธรณีวิทยาที่ขุดค้นภพซากของต้นแบบมนุษย์ นีอันเดอทอล ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นส่วนหนึ่งในวิวัฒนาการของมนุษย์ แต่ขณะเดียวกันก็ยังขุดค้นพบซากของมนุษย์อีกสายพันธ์หนึ่ง ที่เชื่อว่าสูญหายไปในระยะเดียวกันกับการพัฒนาของนีอันเดอทอล คือแทบจะเหมือนกันทุกอย่าง จึงต้องแยกข้อสันนิษฐานว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นสายพันธ์ที่พัฒนาเป็นเส้นตรง แต่มีเส้นวิวัฒนาการคู่ขนานมากมาย แต่ตรงนี้ยังไม่แปลกครับ ที่แปลกคือ ถ้าทุกคนเห็นภาพการวิวัฒนาการของลิงเป็นมนุษย์นั้น ภาพสุดท้ายก่อนที่จะเดินตัวตรง จะต้องมีอีกภาพหนึ่งคั่นอยู่ตามข้อสันนิษฐานของนักมนุษยวิทยา แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการค้นพบโครงกระดูกของมนุษย์ชนิดนั้นที่ข้ามจาก นีอันเดอทอล เป็นมนุษย์ปัจจุบัน เค้าจึงเชื่อว่ามีการวิวัฒนาการที่เรียกว่าเขย่งก้าวกระโดด เช่นเกิดการกลายพันธ์อย่างปัจจุบันทันด่วน ซึ่งเป็นผลมาจากนิวเคลียร์ หรืออาจจะเป็นผลจากอุกกาบาตที่ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ไดโนเสาร์ และมีปฏิกริยาเคมีเกิดการกลายพันธ์เป็นมนุษย์ปัจจุบันในชั่วข้ามคืน
จากสายพันธ์หลายๆ สายพันธ์ของมนุษย์ ถ้ามีการตัดต่อพันธุกรรมจริง ก็แสดงว่ามีการทดลองหลายครั้ง หลายแบบ หลายเวอร์ชั่น และมาจบที่การเลือกนีอันเดอทอลเพื่อพัฒนาให้เป็นมนุษย์ในปัจจุบัน

 

คุณ nine หวัดดีครับ และหวัดดีเพื่อนๆทุกคนด้วยนะครับ เรื่องแบบนี้อยู่ในฮาร์ดดิส์ผมเพียบ แล้วจะมาช่วยโพสครับ ซิปเปอร์

 

ขอบคุณครับ พ่อมดโลจิ แต่เอคุณ noone เนี่ยเป็นคุณ nine เองหรือนี่ :-O

 

ไม่ใช่ครับ คุณโลจิ จำผิดแล้วมั๊ง

 

อ่าๆ น่ากลัว

 

เรื่องไร้สาระของคนที่ไม่มีอะไรทำ

 

ถ้าอยากรู้ว่ามนุษย์ต่างดาวมาที่โลกเราทำไมตามหลักของความรู้ใหม่ เชิญที่เวป

http://mezyweb.freetzi.com/INDEX.htm

นะคับ ในนั้นจะมีคำตอบอยู่คับ หุหุ

 

ตอบ

...แวะเข้ามาอ่าน... ยานที่ว่า มีจริงครับ ผมเคยเห็นด้วย กล้องดูุดาวราคาถูกๆ กำลังขยายเพียง ๕๐- ๒๐๐ เท่า ที่เห็นเป็นยานลำเลียงสินค้าและ สินแร่ ขนาดใหญ่ สภาพเก่าๆ แต่ ใหญ่โตมาก ความยาวประมาณ ๑ กิโลเมตร มีัลักษณะ เป็นแท่ง ทรงกระบอกยาวๆ จอดที่ด้านหลัง(ด้านมืด ของดวงจันทร์)....

..ข้างหลัง ของ ดวงจันทร์ เข้าใจว่า มี กิจกรรมของต่างดาวอยู่เยอะมาก...

..ยังนึกขำในใจเลยว่า...กว่ามนุษย์ จะไปทำเหมืองแร่ ที่ดวงจันทร์ ได้ มัน คงไม่เหลือ อะไรแล้ว กระัมัง....

 

ขอบคุณมากครับผมสนใจเรื่องนี้มานานแล้ว ชอบๆ