ชี้แนะแนวทางฝึกกสิณ 10 ...จากประสบการณ์ตรง

ไม่มีความคิดเห็น................

 

ไม่มีความคิดเห็น...................

 

5 เมษา วันเกิดผมพอดีเลยนะเนี่ยครับ อิอิอิอิ ว่าแต่ให้เวลาตนเองเรื่องอะไรหรือครับ

 

1.อยากรู้ว่าต้องถ้าผมไม่แน่ใจในจริตตนเองท่านพอจะแนะนำได้ไหมครับว่าควรจะเริ่มที่กองไหนสำหรับตัวผมแล้ว(ช่วยแนะนำการปฏิบัติตลอดจนจบได้ไหมครับ...ถ้าไม่สะดวกส่งข้อความเข้าทางข้อความส่วนตัวก็ได้ครับ)
2.มีอุบายให้ยึดติดกับการปฏิบัติแบบไม่ลดละไหมครับเพราะผมเป็นแบบทำๆแล้วทิ้งอ่ะครับ
3.แล้วถ้าเวลาปฏิบัติไปแล้วลมหายใจเด่นมาชัดกว่าภาพกสิณที่จำได้ทำให้เราไม่แน่ใจว่าจะทำอานาปารึว่ากสิณต่อดี....มีวิธีหรือคำแนะนำไหมครับ

 

ไม่มีความคิดเห็น...............

 

[ไม่มีความคิดเห็น..................

 

สนใจครับ ขอคำแนะนำด้วย อยากรู้ว่าจะเริ่มฝึกยังไง

 

ไม่มีความคิดเห็น...............

 

ไม่มีความคิดเห็น...........

 

อยากให้เขียนมาเป็นบทความเลยครับ จะได้อ่านว่าเริ่มอะไรยังไง ไปเป็นขั้นตอน
พอทำแล้วเกิดข้อสงสัยก็ค่อยมาโพสถามทีหลัง

 

จริงหรือครับ อ้อเรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง แสดงว่าคุณมีความสารถแต่ไม่สารถอ่านข้อความนี้ให้แตกฉานได้ขึ้นชื่อว่าความรู้ย่อมีประโยชน์คุณเห็นว่ามันไรประโยชน์ เท่ากับคุณประมาท กายเป็นอวิชชา งั้นผมขอไม่มาโพสไม่มายุ่งกับการแกร่งแย่งชิงชิงเด่นกับคุณอีกนะครับ ไท่เอาแล้ว เพราะด้วยความอกุศลคุณเป็นแบบนี้ ผมสงเคราะห์คุณโดยกันการลบข้อความออกให้แล้ว เพราะ จขกท.บอกว่าไม่มีประโยชน์ ผมก็มิอาจค้านก็ต้องสงเคราะห์ลบข้อความให้แล้วกัน เพราะต้องให้เกียรติกันครับ และต้องขอโทษที่ต้องพูดอะไรตรงไปเกินไป

 

ไม่มีความคิดเห็น......................

 

ไม่มีความคิดเห็น..............

 

ขอบคุณมากครับท่าน..แล้วผมจะนำไปฝึกปฎิบัติดู

 

ขอคำแนะนำด้วยค่ะ อยากฝึกกสิณไฟค่ะ

 

การฝึกกสิณเป็นการทรมานร่างการสังขารเรา อย่างไร
ผมจะอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง ผมตอนนี้มีก้อนพลังทั้งหัว และร่างกายเหมือนมีความร้อนอยู่ตลอดเวลา วันไหนนั่งมากแฟนผมจะนั่งใกล้ผมไม่ได้ ปวดหัว นั่งทางซ้ายปวดซ้าย - ขวาปวดขวา บางครั้งโดนตัวเราไม่ได้ กสิณที่ปฎิบัติมาถูกทางจะเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้เราไม่ได้นั่งสมาธิ อยากฝึกให้ทำตามขั้นตอนที่ลงไว้เลยครับ ถ้าฝึกได้ตามนั้นแล้ว ผมหมายถึงฝึกแล้วเกิดและสามารถกำหนดเป็นแล้ว ผมจะแนะนำให้คุณฝึกพร้อมกัน 3 กสิณเลยก็ได้ (ไฟ-แสงสว่าง-ลม) ...หวัดดี

 

เป็นเรื่องที่แปลก และ บังเอินอย่างประหลาดครับ ผมฝึกดูลมมาตั้งแต่ เด็กๆ ต่อมา ก็ เริ่มหน่วงตรงหน้าฝาก ระหว่างคิ้ว ถามใครๆ ก็บอกว่า ผมเพ่งมากไป
แต่ที่จริง ผมไม่ได้เพ่งเลย ความรู้สึก ตรงนั้น เกิดขึ้นบ่อยๆ และ สามารถกำหนดให้เกิดขึ้นง่ายมาก

ผมก็ อยู่ตรงภาวะนั้นมานาน แล้วก็ เข้าใจว่าตั้วเอง ติดขัด เพราะเกิดจากการเพ่ง โดยไม่รู้ตัว ทำให้ห่างเหินการ ปฏิบัติไป หลายสิปปี

แต่ไม่นานมานี้ไดเ้จอ ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านว่า ท่านก็เป็นแบบนี้ เหมือนกัน ให้เพ่งไปเลย อย่าไปสนใจ พลังจะเกิดก็จากตรงนั้นนั่นเอง ถอดจิตก็ไปทางนี้ อยากรู้อะไรก็ กำหนดเอาจากตรงนี้ ( แต่ผมยังทำไม่ถึงท่านนะ)

ขอคำแนะนะการฝึกต่อไปด้วยครับ

 

ธรรมะที่แท้จริง คือการละวาง ปล่อยทุกข์ ไม่ใช่ถือไว้ให้เกิดทุกข์

มีฤทธิ์มากมายขนาดไหน ก็หนีกรรมไม่พ้น

 

มีไว้เป็นของแถมไง เรื่องละมันอีกเรื่องนึงนะ

 

สงสัยเราจะยังไม่เข้าใจเรื่องฤทธิ์ดีพอ
...ฤทธิ์(สายขาว)ที่ผมจะบอกนี้เกิดจากการปฎิบัติ ซึ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะพวกที่ทำอย่างจริงจริง มุ่งมั่น จนติดเป็นนิสัย(ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี) โดยฤทธิ์ที่เกิดนี้จะมาพร้อมกับบุญ-บารมี ฤทธิ์ยิ่งมากบุญ-บารมียิ่งมากตามไปด้วย และฤทธิ์นี้ไม่จำเป็นต้องมีเวทมนต์คาถา ใช้ปากพูดก็เกิด

ปุณบพิธ//ธรรมะที่แท้จริง คือการละวาง ปล่อยทุกข์ ไม่ใช่ถือไว้ให้เกิดทุกข์ เอามาจากไหนการปล่อยวาง-ปล่อยทุกข์ ไม่มีใครวางได้ ถ้าปล่อยได้จริงทำไมต้องศึกษาธรรม นั่งสมาธิ และนั่งสมาธิเพื่ออะไร ใช่อยากมีอยากได้การปล่อยวางหรอกหรือ ใครก็อยากมีอยากได้ทั้งนั้น แต่ความอยากมีอยากได้แตกต่างกัน....แต่เมื่อคิดจะปฎิบัติแล้วละก็ ทุกอย่างต้องปล่อยวาง อย่าคิดอย่ากังวลตัดให้หมด แบบนี้เรียกว่าปล่อยวางได้ไหม