แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ตรงนี้ละครับ ได้ใจและก็จริงด้วย จะไม่เป็นสุขเพราะมัวแต่ห่วงพระ

 

สวัสดีรอบค่ำชมรมคนรักพี่หนุ่มเมืองแกลง ทุกท่านครับ

 

รบกวนพี่หนุ่มและเพื่อนสมาชิกหน่อยนะครับ

รบกวนพี่หนุ่มและเพื่อนสมาชิกหน่อยนะครับ
หลวงพ่อโอภาสีองค์นี้ดูดีมั้ยครับ
แล้วพุทธคุณเด่นทางด้านไหนครับสำหรับพระเครื่องหลวงพ่อโอภาสี

 

วันนี้ตรวจสุขภาพประจำปี ตอนเช้าออกจากบ้านลืมสร้อยพระ พอนึกได้ว่าวันนี้จะโดนเจาะเลือดเลยนึกถึงพระ กลับมาเอาพระ และไปทำงาน ถึงเวลาตรวจก็ตรวจไปตามที่กำหนด ทั้งเอ็กซเรย์ ตรวจสายตา และอื่นๆ คราวนี้มาจะถึงตอนเจาะเลือด ในใจนึกถึงพระและถามตัวเองว่า...จะเข้ามัยนะ.....พอพร้อมและพยาบาลทำการเจาะโดยเข็ม............ในใจก็ลุ้นอยู่ว่าจะเข้ามัย.....เชื่อมัยครับ....มันตือๆ...รู้สึกจิ๊ดๆ...เป็นอย่างที่คิดครับ....ว่าเข้า..สุดท่ายเข้าโดยดีเลือดเพียบ......(ขำก่อนนอนครับ ...ฝันดีครับทุกท่าน)

 

เอาจากประสบการณ์นะครับ
-พระเครื่องที่เน้นทางคุ้มครองป้องกันอันตราย
พระหลวงปู่ทวด หลวงพ่อกวย

- พระเครื่องที่เน้นทางโชคชะตา ทำมาหากิน
องค์พ่อจตุคามครับ

- พระเครื่องที่เน้นทางความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต
องค์พ่อจตุคามครับ

 

ใช้แทนกันได้ครับ แต่ผลลัพธุ์จะเท่ากันหรือไม่ น่าคิดนะครับ
เพราะเป็นเรื่องของ อภิญญาจิต ไม่ใช่การท่องตามตำรา หากในความคิดของผม คิดว่าไม่มีลูกศิษย์ท่านคนใหน มีพลังจิตเทียบกับ ลป.ทิมได้เลย พระดังๆหลายๆองค์ เมื่อเจอหน้า มองแววตาก็รู้แล้วว่าพลังจิตลึกล้ำขนาดใหน หากคุยด้วยก็รู้ว่าแก่นแท้เป็นอย่างไร

 

พระของหลวงพ่ออุตตมะ กับพระหลวงปู่หมุน จัดอยู่ในประเภทพระเครื่องที่เน้นทางโชคชะตา ทำมาหากิน รึเปล่าครับ

 

แล้วรุ่นฉลองอายุครบ80ปีละครับ เห็นด้านหลัง มีการอัญเชิญ ภปร.ด้วย

 

เหรียญนี้ไม่ดีครับ ขอโทษด้วย
ท่านเด่นเรื่องคุ้มครองอันตราย คงกะพัน และ การอธิษฐานครับ ผมเอาภาพเหรียญแท้ๆมาลงเทียบไว้ครับ

 

รบกวนสอบถามพี่หนุ่ม เกี่ยวกับพระกริ่งมหาจักรพรรดิ์ ลป.ดู่ ที่สร้างปี 2526 ด้วยครับ
ทำไมเซียนพระ เขาถึงตีว่ารุ่นนี้เก๊ครับ พี่หนุ่มพอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึป่าวครับ

ปล.ขออนุญาตเจ้าของรูปด้วยครับ

 

ไม่ได้เชียร์นะครับ แต่สัมผัสได้ หลวงพ่อสง่า แห่งวัดบ้านหม้อและวัดหนองม่วงครับ ท่านเป็นพระมอญ เหรียญที่โดดเด่นก็เหรียญรุ่น1และเหรียญปี30 ผมแนะนำเหรียญปี30ครับเหรียญนี้เคยมีประสบการณ์ลูกศิษย์ท่านโดนยิงด้วยM16ไม่เป็นอะไรแค่หัวโนเท่าลูกมะนาว แต่สำหรับผมที่เจอเมตตาเป็นเลิศครับ โดยส่วนตัวที่ได้อ่านประวัติท่านมีบางอย่างจะคล้าย หลวงปู่กวยครับ เคยอ่านในเว็บเพื่อนบ้านมีคนมาเล่าว่ามีงานปลุกเสกพระงานนึง พอจะเริ่มพิธีเกิดฝนตกลงมาไม่ยอมหยุด ทางคณะกรรมการวัดก็ไปกราบหลวงพ่อที่ไปร่วมปลุกเสกว่าหลวงพ่อท่านใดทำให้ฝน หยุดได้ ให้ช่วยหน่อยเดี๊ยวจะเลยฤกษ์พิธี หลวงพ่อสง่าก็เดินไปหยิบหญ้ามาหนึ่งกำแล้วก็บริกรรมคาถา แล้วขว้างไปกลางลาน ฝนก็หยุดทันที ถ้าท่านไม่มั่นใจท่านไม่ทำแน่ๆ เหมือนหลวงปู่กวยที่ไปพุทธาภิเษกเหรียญจตุรพิธพรชัย

 

หากจัดพระเครื่องที่เรารู้จักจากอำนาจพื้นฐานทั่วไป จะได้ชุดแรก ราคาพอหาได้ เป็นพระหลักร้อย หลักพัน มีดังนี้ครับ

ลพ.อุตตมะ เด่นด้านการทำมาหากินมากครับ รุ่นเก่าๆเสริมดวงชะตามาก กิจการงานคล่องมือ
ลป.หมุน เด่นเรื่องคุ้มครองป้องกันครับ คงกะพัน เหนียว และเมตตาดีมาก
ลพ.ทรง วัดศาลาดิน เด่นเรื่องความเจริญรุ่งเรือง ชีวิตดีขึ้น ของดีจริง ใช้บูชาขึ้น
ลป.หงษ์ สุรินทร์ เด่นทางแก้อาถรรพ์และป้องกันภัย เชื่อถือได้แน่นอน ต้องดังแน่
ลพ.เอื้อน วัดวังแดงใต้ สืบสายจาก ลป.สีห์ วัดสะแก เรื่องพระพรหม แก้ดวงชะตา คงกะพันเป็นเอก

 

ครับผมขอบคุณพี่หนุ่มมากครับ
เหรียญนี้พ่อตาเก็บไว้นานแล้วครับมีตั้งหลายเหรียญ
รุ่นแรกยังมีเลยครับสงสัยจะโดนทั้งกรุอิอิ ไว้จะเอารุ่นแรกมาขอรบกวนพี่หนุ่มอีกสักครั้งครับ
พี่หนุ่มนี่นอนดึกเหมือนกันนะครับ นั่งอ่านกระทู้หน้าแรกๆแล้วกำลังติดลมอ่านจนตาลาย
มีแต่ข้อมูลความรู้ดีๆทั้งนั้นเลยครับ ฝันดีนะครับเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ขอบคุณพี่หนุ่มอีกรอบ ขอบคุณมากๆครับ

 

ผมตอบเรื่องนี้ไปยาวๆ สองครั้งแล้วในเวปนี้ และมันไปมีผลกับตลาดพระของ ลป.ดู่ พอสมควร
เอาสั้นๆว่า มีสร้างจริง แต่ไม่มีการยอมรับ เพราะไม่แน่ใจกันว่า ลป.ปลุกเสกจริงหรือไม่ รอเวลาพิสูจน์ครับ

 

เรียนถามพี่หนุ่ม หากเราแขวนพระ3องค์ แต่ละองค์ก็เด่นคนละแบบ ถ้าแขวนไม่เน้นการหนุนธาตุ พระทั้ัง3องค์จะส่งเสริมหนุนกันหรือเปล่าครับ

 

หากเป็นพระด้านอภิญญาจิต พระพลังเหนือโลก หรือสายไสยขาวด้วยกัน ก็หนุนกันทั้งสิ้นครับ ไม่มีปัญหาอะไร แขวนร่วมกันได้เลยครับ นอกจากมีด้านศาสตร์มืด ไสยดำ มาผสมปนอยู่ด้วยสักองค์เท่านั้น ที่จะทำให้แทบไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น

 

หากใครมีสีผึ้งดีๆอยู่แล้ว เช่น ลพ.ทาบ ลป.ทิม ฯลฯ ลองเอามาทำให้งอกขึ้นดังนี้นะครับ
หาซื้อสีผึ้งแท้จากร้านสังฆภัณฑ์ มาใหม่สักตลับหนึ่ง เอามาใส่ขวดแก้วหรือวัสดุทนไฟ เอาเทียนไขขาวหนัก1 บาท ลนที่ใต้ขวดสีผึ้งใหม่จนละลาย เอาสีผึ้งเก่าผสมลงไป กวนให้เข้ากันด้วยไม้ไผ่เล็กๆหรือก้านตอง อย่าใช้โลหะลงไปกวน จะได้สีผึ้งใหม่ที่ดีเช่นเดิมอีกมาก ใช้ได้ผลเหมือนเดิม
สีผึ้งเก่าบางราย ทิ้งไว้นานๆจะมีราขึ้นเต็มตลับ หากทำวิธีนี้จะยังคงรักษาของดีไว้ได้

 

ไม้คมแฝก" ว่ากันว่าเป็นอาวุธของนักเลงสมัยเก่า ลักษณะของคมแฝกจะทำจากไม้เนื้อแข็งพวก "ชิงชัน" เหลาให้เป็นเหลี่ยมคม ซึ่งจะคมเหมือนขอบไม้บรรทัดเหล็ก ตีตรงไหนก็แตกตรงนั้นว่างั้น ส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แต่แบบนี้ตียาก (ตีคู่ต่อสู้) เพราะต้องจับให้เหมาะเหลี่ยม นอกจากนี้ ยังมีแบบที่เป็นหกเหลี่ยม และแปดเหลี่ยม ซึ่งแบบหลายเหลี่ยมจะตีแตก ง่ายกว่า ประมาณว่า โดนตรงไหนก็แตก แต่แผลจะไม่ลึกเท่าแบบขนมเปียกปูน

สมัยก่อน... ประโยชน์ของ "ไม้คมแฝก" คือ ใช้ดักตีให้อายหรือใช้ตีเชือดไก่ให้ลิงดู พอมีคนแตกสักคนมักจะวงแตก น้อยครั้งจะใช้ตีให้ตายโดยตรง (แต่ก็ทำได้ถ้าจำเป็น) สาเหตุหลักๆ ก็คือ ใช้ตีเพื่อเป็นการสั่งสอนนั่นเอง ส่วนตรงปลายใช้ทิ่มได้มีผลคล้ายสนับ เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็ง จังหวะทิ่มใช้รับจังหวะตีของฝ่ายตรงข้าม ถ้าใช้ชำนาญเพียงแค่ทิ่มไปที่ช่วงท้องแขน จะเจ็บชาหมดแรงคล้ายโดนเจาะยาง เป็นเทคนิคที่ทำให้จบการต่อสู้ได้ไว โดยไม่บาดเจ็บมาก


การเหลาเหลี่ยมของไม้พวกนี้ จะเน้นการกระทำตีให้แตก ตีพอบาดเจ็บไม่ถึงตาย เอาแพ้ - ชนะที่แผลแตก เพราะต่างก็มีคมแฝกทั้งคู่ ต้องมีชั้นเชิง ลีลา และฝีมือในการใช้ ปัด ตี เสย ทิ่ม สะบัดขวาง ดีด คนที่ใช้ชำนาญ สามารถเลือกน้ำหนักและจุดตีได้ เพราะคมแฝกไม่ต้องใช้แรงตีเยอะ อย่างไรก็ตาม คมแฝกสามารถใช้อย่างอื่นมาทำได้ เช่น โลหะ บางที่มีถ่วงปรอทข้างในด้วย แต่อาวุธพวกนี้นักเลงจริงไม่นิยมใช้ เพราะอันตรายถึงตายได้ง่าย


นักเลงสมัยก่อน น้อยครั้งจะเลือกใช้ปืน เพราะการปะทะกันของนักเลงต่างบ้านมีบ่อยๆ ลูกเขาเมียเขามี ต่างบ้านต่างถิ่นกันก็จริง แต่ไม่ต้องถึงกับมาฆ่ากันตาย ตีพออายเท่านั้น แล้วก็ไม่ยุ่งกัน เพราะถือว่ารู้มือกันแล้ว... ทั้งนี้ ไม้คมแฝก ถือเป็นตำนานหนึ่งของนักเลงรุ่นเก่าที่หาดูได้ยากในสมัยนี้ มีความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร (รวมด้ามจับ)

 

ต้นกำเนิดของไม้ คมแฟก อยู่ในสมัย รัตน์โกสิน จาก ย่านพาหุรัด ในกรุงเทพ ในสมัยที่มีชาวอินเดีย ทำหน้าที่เป็นยาม ตามตรอกซอยในยามค่ำคืน นี่เอง ลักษณะของไม้คมแฟก ลอกเลียนมาจากอาวุธติดตัว ตะบอง (กระบอง) ของตำรวจวังหลวง (ดูคล้ายคลึงจาก ตะบอง ของยักษ์วัดโพธิ์ วัดแจ้ง) และ สันนิฐานกันว่า ต้นกำเนิดของการใช้ตะบอง มาจากรูปปั้นยักษ์เฝ้าประตู ที่ได้รับมาจากจีน อีกทีหนึ่ง (มีเพลงเก่า ๆ ระหว่าง ยักษ์วัดแจ้ง กับยักษ์วัดโพธิ์ บางคนรุ่น ๕๐ คงเคยได้ยิน)

แขกยาม ใช้ไม้คมแฟก เป็นเครื่องใช้สำหรับ ขับไล่ขโมยขึ้นบ้าน หรือ สุนัขเข้าหาของกินผิดที่(ของเก็บตามตลาด ฯลฯ) รวมทั้ง ใช้ตีแผ่นโลหะ บอกเวลา ที่แขวนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในตรอกซอย ในย่านที่มีแผ่นโลหะแขวนก็จะถือว่าเป็นแหล่งมีความเจริญ (มีผู้ตรวจตรา และ บอกเวลา)แต่เดิมผู้ที่เป็นยาม เป็นชาวอินเดีย (แขก) ที่เป็นผู้ตรวจตราชุมชนในย่านพักอาศัย ของพ่อค้า ชาวอินเดีย (ย่านพาหุรัด) มาก่อน ในด้านกฎหมาย ไม้คมแฟก ไม่ถือว่าเป็นอาวุธ จึงไม่มีการต้องห้าม การพกติดตัว หรือ การใช้ ในสมัยนั้น ในย่านชุมชนไทย (ตรอกซอย) โดยเฉพาะวัยรุ่นต่างนำเอา ไม้คมแฟก มาเป็นอาวุธป้องกันตัว ฯลฯ ในรูปของเครื่องใช้ ที่ไม่ผิดกฎหมาย มาใช้ อันเป็นต้นเหตุที่ ไม้คมแฟก กรายเป็นเครื่องหมาย ที่เรียกว่า ..อาวุธนักเลง.. ขึ้นมา สมรรถภาพของไม้คมแฟก จากรูปลักษณะและปรากฎการณ์ เป็นสิ่งที่สามารถทำให้ถึงกับพิการ หรือ เสีย ชีวิต อันหมายถึง ผิดกฎหมายอาญา อันเป็นเหตุให้ การเป็นเจ้าของ พกติดตัว และการใช้ ปกปิด เป็นความลับเฉพาะกลุ่ม กันขึ้นมา นับแต่จุดนี้ ผู้มีไม้คมแฟก ก็กรายเป็นเสมือนกับ ใบรับรองการเป็น นักเลง ของตน และตราบใดที่ไม่มีหลักฐานการใช้ ก็ไม่ใช่อาวุธ หรือสิ่งห้ามตามกฎหมายนั่นเอง อันก็เป็นเหตุให้ ไม้คมแฟก ที่ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ เป็นเสมือน ..ดาบ.. ที่ไม่มี


การใช้ จากจุดประสงศ์เดิม เพียงแต่เป็น หลักฐาน ของการบังเกิด (ไม่มีร่องรอยการใช้) และ จุดหลงใหล ในด้านสะสมของเก่า ตามคำเล่าลือ เท่านั้น

แต่เดิมชือที่เรียกว่า ไม้คมแฟก คือ การเรียกตามสภาพ ไม้เหลี่ยมขนมเปียกปูน (หลายคม หรือ หลายมุม) แยกจาก ตะบอง หรือ สาก ที่เป็น ลักษณะกลม มุมแป้นตรงข้าม คือคมแฟก ที่ใช้สำหรับ ตีโลหะ (แผ่นเหล็ก) ให้มีเสียงแหลมแน่นมีกังวาลน้อย ทำให้ผู้ได้ยินสามารถแยก ช่วงยามได้ชัดเจน สำหรับ ไม้ที่ใช้ เป็นไม้แข็งที่หาได้ในกรุงเทพ ฯ สำหรับใช้ปลูกบ้าน ที่มีชื่อเรียก ว่า ..ไม้แดง.. ส่วนด้าม จะมีรูลอด สำหรับสอดสายเชือก ที่มาจาก เสี้ยวผ้าดิบถัก เช่นเดียวกัน กับถักผมเปียอินเดีย (ถักสามสาย) และปลายทั้งสองขมวดปุ่มตาย ส่วนในสมัย ที่ไม้คมแฟกแพร่หลาย กรายเป็น อาวุธนักเลง ในภาคพื้นต่าง ๆ ทำให้รูปลักษณะ และ ไม้ เปลื่ยนแปลงไปตามนิยาม ในกลุ่มชนนั้น ๆ ขึ้นมา ในเมื่อ ไม่มีการใช้จริง สิ่งที่คงอยู่ ก็คือ การผลิต ไม้คมแฟกตามความรู้สึกเข้าใจ ถึงสมรรถภาพการใช้ ของผู้ผลิต เช่นเดียวกับ การพบเห็น ดาบสวยงามใน
อดีต ที่ไม่มีร่องรอยการใช้ สำหรับสะสมและนิยามประสิทธิภาพการใช้ นั่นเองแหละ คมแฝก ใช้ไม้เนื้อแข็ง พวก ชิงชัน เหลาให้เป็นเหลี่ยมคม จะคมเหมือนขอบไม้บรรทัดเหล็ก ตีตรงไหนก็แตกตรงนั้น

ไม้คมแฝกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน แต่แบบนี้ตียากเพราะต้องจับให้เหมาะเหลี่ยม บางทีก็เจอที่เหลารูปหกเหลี่ยม แปดเหลี่ยมเหมือนกัน แบบหลายเหลี่ยมตีแตกง่าย โดนตรงไหนก็แตกแต่แผลไม่ลึกเท่าแบบขนมเปียกปูน คมแฝกใช้ดักต้ให้อาย หรือใช้ตีเชือดไก่ให้ลิงดูพอมีคนแตกสักคนมักจะวงแตกน้อยครั้งจะใช้ตีให้ตายโดยตรง (แต่ก็ทำได้ถ้าจำเป็น)

ตรงปลายใช้ทิ่มได้มีผลคล้ายสนับ เนื่องจากเป็นไม้เนื้อแข็งจังหวะทิ่มใช้รับจังหวะตีของฝ่ายตรงข้ามถ้าใช้ชำนาญทิ่มไปที่ช่วงท้องแขน จะเจ้บชาหมดแรงคล้ายเจาะยางเป็นเทคนิคที่ทำให้จบการต่อสู้ได้ไว โดยไม่บาดเจ็บมาก

การเหลาเหลี่ยมพวกนี้เน้นการกระทำตีให้แตกเป็นอาวุธของนักเลงรุ่นโบราณ ตีพอบาดเจ็บไม่ถึงตายเอาแพ้ชนะที่แผลแตก เพราะต่างก็มีคมแฝกทั้งคู่
ต้องมีชั้นเชิง ลีลาฝีมือในการใช้ ปัด ตี เสย ทิ่มสะบัดขวาง ดีด

คนที่ใช้ชำนาญสามารถเลือกน้ำหนักและจุดตีได้เพราะคมแฝกไม่ต้องใช้แรงตีเยอะ

คมแฝกสามารถใช้อย่างอื่นมาทำได้ เช่น โลหะ บางที่มีถ่วงปรอทข้างในด้วย แต่อาวุธพวกนี้นักเลงจริงไม่นิยมใช้เพราะอันตรายถึงตายได้ง่าย

ท่าต่างๆของ คมแฝก

-หักปีกปักษา
-นาคาพ่นไฟ
-คมจักษ์นารายณ์
-พยัคล้มสิงขร
-สะท้านบรรพต
-พยายมข่มธรณี
-อัคคีสาดแสง
-ครุฑาถลาลม
-โค่นเขาพระสุเมรุ
-สุบรรณบั่นนาคี
-เอราวัณยาตรา
-สุบรรณสนั่นภพ
-พิฆาตเวนไตย

 

เรียนถามพี่หนุ่ม ผมสงสัยมานานแล้ว กรณีที่ลูกศิษยืสร้างพระถวาย ยันต์ด้านหลัง หลวงพ่อท่านเป็นคนกำหนดยันต์ให้หรือว่าแล้วแต่คนสร้างถวายเป็นคนกำหนดครับ