เทวดา กับ การสวดมนต์

ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีก ไม่เคยรู้เลยว่าพระพุทธรุปที่ไม่ได้ปลุกเสกก็สามารถศักดิ์สิทธิ์ได้ ขอเพียงเราตั้งใจสวดมนต์ และมีศรัทธา

 

ผมอยากจะถามท่านผู้รู้หน่อยครับ...คือ..ผมไปวัดใกล้ ๆ บ้าน ในวันพระ 15 ค่ำเดือน 9 ช่วงเช้าไปทำบุญ แต่ในช่วงตอนเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. ผมต้องการไปฟังพระสวด สวดปาติโมกข์ แต่พระไม่ให้ฟังอยู่ในโบสถ์ หรืออยู่บริเวณกำแพงแก้ว ผมอยากทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด (ผมไปนั่งอย่างสงบนะ) มีกฎเกณฑ์ห้ามใช่ไหม ?
++ช่วยตอบหน่อยนะครับ++ขอบพระคุณมากครับ++

 

เป็น บุญที่ได้อ่าน ขออนุโนทนาบุญ ครับ

 

ดีใจที่ได้อ่านค่ะ เพราะว่าสวดมนตร์เช้า-ก่อนนอน ประจำอยู่แล้ว สบายใจค่ะ
มีความรู้สึกว่านอนหลับดี แล้วตอนตื่นเช้ามาจะปลอดโปร่ง สบายใจ บอกไม่ถูกค่ะ ต้องทำด้วยตัวเอง บางครั้งก็ฝัน แต่เรารู้ว่ามันไม่ใช่ความฝันโดยปรกติทั่ว ๆ ไป เพราะมันเป็นความฝันที่แปลก ๆ ถ้าเล่าไปจะคิดว่าเล่านิทานให้ฟัง ........ อยากฝากบอกเพื่อน ๆ ว่า สวดมนตร์ก่อนนอน-หรือตอนเช้าก็ได้ เลือกช่วงเวลาที่เราสะดวก แล้วจะรู้เองค่ะ ว่ามีสิ่ง ดี ดี เข้ามาในชีวิตเรา หวัดดีค่ะ

 

พระปาติโมกข์ คือพระวินัย227ข้อ
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าท่านจะแสดงพระปาติโมกข์
ต้องไม่มีอนุปสัมบันอยู่ในบริเวณ
อนุปสัมบัน คือ บุคคลประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภิกษุ

ในครั้งหนึ่งมีพระพระที่ต้องปาราชิก
ขาดจากความเป็นภิกษุแล้วอยู่ในบริเวณ
พระพุทธเจ้าท่านก็นิ่ง ไม่แสดงพระปาติโมกข์

ถ้าจะสงสัยต่อว่า ทำไมต้องห้ามอนุปสัมบันรู้พระปาติโมกข์
ผมขอวินิจฉัยเอาเองว่า
เพื่อไม่ให้อนุปสัมบันไปปรับอาบัติพระภิกษุ
เป็นเหตุให้ต้องฉิบหายจากมรรคผล (มรรคปิด)
ในกรณีที่ไปมั่วปรับพระอรหันต์เข้า
หรือแม้ไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ยังโดนหนักอยู่ดี
พวกเราจึงควรสังวรณ์ระวัง
ไม่ไปเผลอทำตัวเป็นกรรมการตัดสินพระ นะจ๊ะ

 

การสวดมนต์เป็นการทำใจให้ยึดติดในพระรัตนตรัย ทำแล้วได้บุญทั้งเทวดาและตัวผู้สวดมนต์ ได้กุศลบารมีทั้งคู่
ความดีทำมากๆสุดท้ายแล้วก็ทำให้พ้นทุกข์ ถึงพระนิพพานอันเกษมสุข หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

 

การสวดมนต์ทำแล้วเป็นกุศลความดีทำให้จิตใจสงบ เป็นการทำให้เรายึดมั่นในพระรัตนตรัย
เรามีความดีมากๆ ก็จะทำให้ได้ถึงพระนิพพาน อันทางพ้นทุกข์ หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฎฎสงสาร

 

โมทนาแด่ท่านทั้งหลาย ...อยากจะบอกว่า.บางคืนผมสวดมนต์แต่หลับไปแบบไม่รู้สึกตัว ตื่นอีกครั้งก็ลืมไปว่าสวดไปถึงบทไหนแล้ว..ขอขมาคุณพระศรีรัตนตรัยและรุกขเทวดาทั้งหลาย ณ ที่นี้ด้วยเทิด..สาธุ สาธ สาธุ

 

ยืนยันเทวดามาฟังธรรม

อาตมาเคยอ่านบทแผ่เมตตาใหญ่ที่หลวงพ่อจรัลท่านเล่าใว้จึงนำมาสวดที่ถ้ำที่จำพรรษาอ.แม่แตงเชียงใหม่ คิดในใจว่าสวดเฉยๆมันกำลังน้อย แผ่เมตตาพร้อมๆกับนึกพระรูปพระพุทธเจ้าไปด้วย
ทั้ง217ทิศที่แผ่ไปทำอย่างนี้ทุกวัน วันหนึ่งคิดจะสึกดีกว่า!พูดจบในถ้ำหอมกลิ่นธูป(กลิ่นตัวของพรหม)ซักพักกลิ้นธูปจางกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ก็หอมอยู่อย่างนั้น((กลิ่นของเทวดา)หลวงพ่อฤษีท่านเคยสอนเรื่องของกลิ่นเทวดาและเสียงของเทวดา-พรหมและเสียงจากพระนิพพานจำได้)ทั้งที่ไม่มีลืมและในถ้ำที่พักไม่มีสิ่งไดนอกจากรูปสมเด็จองค์ปฐมตัดจากหนังสือใส่กรอบเลยพูดคนเดียว่าท่านทั้งหลายบุญอาตมามีเท่าไรขอท่านที่มาโปรดอนุโมทนาเป็นหนี้ท่านแล้วอุสส่าห์เสด็จมาไม่สึกก็ได้ ก็เลยอยู่มาได้จนทุกวัน บางทีสงสัยทำไมนั้งสมาธิต้องเอาขาขวาทับขาซ้ายมือขวาทับมือซ้าย นั้งเอามือไว้ที่เข่าเอานิ้วโป้งแตะนิ้วชี้นิ้วนางแบบพวกฤษีไม่ได้รึ...เป็นเรื่อง มีคล้ายกับท่อแก้วเจาะลงที่ตรงกระหม่อมมีเสียงที่ทุ้มแหลมมาจากนิพพานทรงตรัสสอนว่า "ที่ฉันให้เธอเอามือวางไว้ไต้ท้องน้อยมันสามารถระงับกามกิเสสได้"เลยลองทำตามแล้วลองคิดเรื่องลามกมันไม่ปะติดปะต่อให้เกิดกามราคะจริงเลยนึก โอ..พระพุทธเจ้าของเราทรงมีเหตุผลในการกระทำจริงๆแม้ท่านั่งสมาธิยังมีเหตุผลถึงเพียงนี้เลยถือนั่งแบบนี้มาโดยเคร่งครัดมาตลอด สิ่งที่เขียนนี้เล่าเสริมศรัทธาไม่มีเจตนาอวดเบ่งอวดรู้ ถ้าได้อวดอุตริผิดไปจากนี้ก็ปาราชิกเอง

เจริญพร
พระ12

 

แล้วถ้ามีหิ้งพระ แต่ไม่ได้สวดมนต์หน้าหิ้งพระล่ะคะ?

 

สวดมนต์ที่ใหนดี

สวดมนต์เป็นกิริยา แต่ผลจากการสวดมนต์คือบุญ สวดที่ใหนก็ได้ใจสงบมีสมาธิก็ได้เกิดเป็นเทพชั้นยามา (เพราะชอบสวดมนต์)แต่สวดไปแผ่เมตตาจิตไปก็เกิดชั้นพรหมตามความละเอียดของสมาธิ บุญสำเร็จด้วยใจไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ ตามสถานะการณ์ สรุปคือเน้นที่ใจศรัทธาไม่ได้สวดในห้องพระ แต่นึกถึงก็ได้เป็นพุทธานุสติด้วย รัศมีกายสว่างประมาณมิได้เมื่อเกิดบนสวรรค์
เจริญพร
พระ12

 

บทบวงสรวงและชุมนุมเทวดา
​

ปุริมัญจะ ทิสัง ราชา ธะตะรัฏโฐ ปะสาสะติ คันธัพพานัง อาธิปะติ
มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
(ท้าวธตรฏฐ์ เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งคนธรรพ์ทั้งหลาย เป็นเทวราชา ผู้ปกครองอยู่ด้านทิศตะวันออกแม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะ เหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศต่างก็มีความยินดี ได้มายืนอยู่แล้ว ฯ)

ทักขิณัญจะ ทิสัง ราชา วิรุฬโห ตัปปะสาสะติ กุมภัณฑานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
(ท้าววิรุฬหก เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งกุมภัณฑ์ทั้งหลาย เป็นเทวราชา ผู้ปกครองอยู่ด้านทิศใต้ แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือน กันหมด ล้วนแต่มีกำลังมากมีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว ฯ)

ปัจฉิมัญจะ ทิสัง ราชา วิรูปักโข ปะสาสะติ นาคานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
(ท้าววิรูปักษ์ เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่แห่งนาคทั้งหลาย เป็นเทวราชาผู้ปกครอง อยู่ด้านทิศตะวันตก แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่าอินทกะเหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์
มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดีได้มายืนอยู่แล้ว ฯ)

อุตตะรัญจะ ทิสัง ราชา กุเวโร ตัปปะสาสะติ ยักขานัง อาธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิ โส ปุตตาปิ ตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา อิทธิมันโต ชุติมันโต วัณณะวันโต ยะสัสสิโน โมทะมานา อัฏฐังสุ ฯ
(ท้าวกุเวร (ท้าวเวสสุวัณ) เป็นท้าวมหาราช เป็นผู้มียศ ผู้เป็นใหญ่ แห่งยักษ์ทั้งหลาย เป็น เทวราชาผู้ปกครอง อยู่ด้านทิศเหนือ แม้เทวดาผู้เปรียบเหมือนบุตรของท่านเป็นอันมาก มีนามว่า อินทกะเหมือนกันหมด ล้วนแต่มีกำลังมาก มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก มีรัศมี มียศ ต่างก็มีความยินดี ได้มายืนอยู่แล้ว ฯ) ​

​

ปุริมะทิสัง ธะตะรัฏโฐ ทักขิเณนะ วิรุฬหะโก ปัจฉิเมนะ วิรูปักโข กุเวโร อุตตะรัง ทิสัง จัตตาโร เต มะหาราชา สะมันตา จะตุโรทิสา
ทัททัลละมานา อัฏฐังสุ ฯ
(ท้าวธตรฏฐ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันออก ท้าววิรุฬหก ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศใต้ ท้าววิรูปักษ์ ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศตะวันตก ท้าวกุเวร (ท้าวเวสสุวัณ) ผู้เป็นใหญ่ด้านทิศเหนือ ทั้ง ๔ ท่านนี้เป็น ท้าวมหาราช ได้มายืนอยู่ทำทิศทั้ง ๔
ให้รุ่งเรืองสว่างไสวแล้ว ฯ) ​

​

สัคเค กาเม จะ รูเป คิริสิขะระตะเฏ จันตะลิกเข วิมาเน
ทีเป รัฏเฐ จะ คาเม ตะรุวะนะคะหะเน เคหะวัตถุมหิ เขตเต
ภุมมา จายันตุ เทวา ชะละถะละวิสะเม ยักขะคันธัพพะนาคา
ติฏฐันตา สันติเก ยัง มุนิวะระวะจะนัง สาธะโว เม สุณันตุ,
(ขอเชิญเหล่าเทพเจ้า ซึ่งสถิตอยู่ในสวรรค์ ชั้นกามภพก็ดี ชั้นรูปภพก็ดี และภูมิเทวดาซึ่งสถิตอยู่ในวิมาน หรือบนยอดเขาและในหุบเขา ในอากาศ
ในเกาะ ในแว่นแคว้น ในบ้าน บนต้นไม้ และในป่าชัฏ ในเรือน และในไร่นาก็ดี ตลอดถึง ยักษ์ คนธรรพ์ และนาค ซึ่งสถิตอยู่ในน้ำ บนบก และที่อันไม่ราบเรียบก็ดี ซึ่งอยู่ในที่ใกล้เคียง จงมาประชุมพร้อมกันในที่นี้ ขอท่านสาธุชนทั้งหลาย
จงตั้งใจฟังคำของพระมุนีผู้ประเสริฐ ที่เรากล่าวอยู่นี้,) ​

​

ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตา
(ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม
ดูก่อนท่านผู้เจริญทั้งหลาย กาลนี้เป็นกาลสำหรับฟังธรรม ฯ)

(จากหนังสือสวดมนต์แปล วัดท่าซุง หน้า ๒๗๖-๒๗๙)

http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=155​

 

คำอธิษฐานอัญเชิญเทวดาและขอพรพระ

ข้าแต่ฯ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ข้าพเจ้า ขอน้อมอัญเชิญเทพยดาเจ้าทั้งหลาย
โปรดได้เสด็จมาฟังการสวดมนต์ของข้าพเจ้า
ขอให้อนุโมทนาและประสิทธิ์ ประสาท พร ให้ข้าพเจ้าด้วย เทอญ

ข้าพเจ้า ขอขมากรรม
หากกรรมใดที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว
พลาดผิดด้วย กาย วาจา และด้วยใจ
ตั้งแต่อดีตชาติ เป็นต้นมา จวบจนในวันนี้
ทั้งที่ข้าพเจ้า ตั้งใจก็ดี มิได้ตั้งใจก็ดี
ทั้งที่ข้าพเจ้ารู้เท่าถึงการณ์ ก็ดี และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ดี
ขอทุกๆ พระองค์
จงโปรดเมตตาอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ด้วยเทอญ

ข้าพเจ้า ขอถวายพระพรขอทุกๆ พระองค์
จงทรงพระเกษมสำราญ
จงทรงพระชนมายุ ยิ่งยืนนาน
จงทรงพระญาณบารมีสูงยิ่งๆ ขึ้นไปเทอญ

ขอพระองค์ทั้งหลาย
จงประทานพรให้ข้าพเจ้า
พ้นจากสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร
จงพ้นจากตัวของข้าพเจ้า
และขอให้ข้าพเจ้า ได้ ตาทิพย์ หูทิพย์ และเจโตปริยญาณ
พร้อมทั้งเกิดดวงตาเห็นธรรม
ได้สำเร็จมรรคผล นิพพาน เทอญ
สาธุ​

 

อัญเชิญเทวดากลับ
เทวะตาอุยโยชะนะคาถา


ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา
โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา
เอตตาวะตา จะ อัมเหหิ
สัพเพ เทวานุโมทันตุ
ทานัง ทะทันตุ สัทธายะ
ภาวะนาภิระตา โหนตุ
สัพเพ พุทธา พะลัปปัตตา
อะระหันตานัญจะ เตเชนะ
ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา
โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน
สัมภะตัง ปุญญะสัมปะทัง
สัพพะสัมปัตติสิทธิยา
สีลัง รักขันตุ สัพพะทา
คัจฉันตุ เทวะตาคะตา ฯ
ปัจเจกานัญจะ ยัง พะลัง
รักขัง พันธามิ สัพพะโส ฯ​

ขอสัตว์ทั้งปวง ที่ประสบทุกข์ จงพ้นจากทุกข์
ที่ประสบภัย จงพ้นจากภัย
และที่ประสบความโศก จงพ้นจากความโศกเสียได้เถิด
และขอเทวดาทั้งปวง จงได้อนุโมทนา
ซึ่งบุญสมบัติอันข้าพเจ้าทั้งหลายได้สร้างสมไว้แล้วนี้
เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวงมนุษย์ ทั้งหลาย
จงให้ทานด้วยใจศรัทธา รักษาศีล ตลอดกาลทั้งปวง
ทวยเทพทั้งหลาย ที่มาชุมนุมแล้วขอเชิญกลับเถิด
พระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ทรงถึงพร้อม ด้วยพละธรรม
ด้วยเดชแห่งพละธรรมของ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย
และ ด้วยเดชแห่งพละธรรม ของพระอรหันต์ทั้งหลาย
ขอให้ข้าพเจ้า จงคุ้มครองรักษา ความดีไว้ได้โดยประการทั้งปวง เทอญ

​

 

ขอบคุณมากครับทุกท่านที่ได้แบ่งปันสิ่งดีๆๆ และความรู้ใหม่ๆๆ
อนุโมทนา สาธุ....

 

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาในบุญกุศลบารมีธรรมของทุกท่านด้วยนะครับ

 

แล้วคาถาชุมนุมเทวดา มีคำแปลบ้างไหมค่ะ

ถ้ามี ขอรบกวนด้วยนะคะ

ขอบพระคุณค่ะ

 

โมทนา สาธุๆๆ นะครับ
การที่เรามีจิตที่ละเอียดก็จะสัมผัสได้นะครับ

 

สวดบ้าง ไม่สวดบ้าง เทวดา คงไม่มาหรอกบ้านเรา เดี๋ยวเสียเที่ยว

 

ผมชอบสวดมนต์แต่เด็กบทไหนที่ว่าดีจะหามาสวดหมดโดยเฉพาะชินบัญชรสวดได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ดูหนังสือคับ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนความคิดใหม่เลยหาซื้อแบบที่มีคำแปลมาด้วยจะได้รู้ว่าสวดอะไรบ้าง ไม่ใช่ท่องแบบนกแก้วนกขุนทองคับ ขออนุโมทนาด้วยคับ