วัตถุมงคลพระคณาจารย์ยุคหลังกึ่งพุทธกาล อาทิ หลวงปู่หมุน หลวงพ่อทรง หลวงปู่สุภา ฯลฯ แบ่งให้บูชาครับ

สวัสดีครับ โอนเงินแล้วนะครับ รายละเอียด pm ไปแล้ว รบกวนด้วยครับ

 

รับทราบครับพี่ utra_ แล้วจะรีบจัดส่งวัตถุมงคลไปให้ครับ

 

จองครับโอนแล้วจะแจ้งที่อยู่จัดส่ง
ปรากรม์ ปรีชารักษ์
STM Wireless system LTD.
719 KPN Tower ชั้น 24
ถนนพระราม 9 แขวงบางกะปิ
เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10320

 

รับทราบครับพี่ kpn หากเรียบร้อยแล้วแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ จะได้จัดส่งวัตถุมงคลไปให้ครับ

 

รายการที่ 9 - พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร พิมพ์นั่งตอไม้ รุ่น 1 วัดป่าสักภักดีภูริ จ.เพชรบูรณ์

ขนาด 1.3 x 3.3 เซนติเมตรครับ เป็นเนื้อผงสีน้ำตาล กดพิมพ์ด้วยมือ ทำให้อาจจะไม่สวยเนี๊ยบเหมือนพระที่ผลิตจากโรงงาน

สำหรับประวัติการสร้างพระรุ่นนี้นั้น ขออนุญาตนำข้อมูลที่พี่ รักษ์พระ ได้นำมาโพสไว้ในกระทู้ "ใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่หมุนบ้างครับ" หน้าที่ 16 (http://palungjit.org/showthread.php?p=1737273#post1737273) มานำเสนอประวัติการสร้างพระรุ่นนี้นะครับ

เท่าที่ผมเองจำได้ก็คือว่า รุ่นนี้มีท่านอาจารย์นิรนาม (เป็นผู้ชายร่างท้วมๆ ผมยาว ไม่ใส่เสื้อ) เข้าร่วมพิธีปลุกเสกด้วย โดยหลวงปู่เทพโลกอุดรส่งกระแสจิตผ่านมาทางท่านอาจารย์นิรนาม อาจารย์ท่านนี้สามารถบอกได้ว่าในกล่องแต่ละกล่องนั้นมีวัตถุมงคลอะไรอยู่ในนั้นบ้าง

ประวัติและอภินิหารที่เกิดขึ้นในพิธีเสกพระรุ่นนี้ ลองหาอ่านดูในหนังสือโลกลี้ลับเล่มเก่าๆ นะครับ คุณภักดีภูริ เขียนไว้น่าอ่านเลยทีเดียว ของผมหาหนังสือเก่าๆ ไม่เจอแล้ว เสียดายอยู่เหมือนกัน

นอกจากพระขนาดห้อยคอแล้ว ในพิธีนี้ยังมีรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดบูชาออกให้ร่วมบุญกันด้วยครับ แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนของรุ่นนี้ก็ไม่ค่อยเห็นในสนามพระเครื่องเลยครับ หาดูยากเหมือนกันครับ

(คุณ Shinray01 จองครับ)

 

รายการที่ 10 - พระผงหลวงปู่เทพโลกอุดร และลูกแก้วมงคล หลวงปู่กอง จันทวังโส วัดสระมณฑล

วัตถุมงคลชิ้นนี้ ผมได้รับมาจากหลวงปู่กอง จันทวังโส เมื่อครั้งไปกราบทำบุญกับหลวงปู่ที่วัดสระมณฑล หลวงปู่ท่านมีความสัมพันธ์กับหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ ท่านเคยอยู่วัดกษัตราธิราช มาก่อน (วัดหลวงปู่เทียม)

ด้านหลังองค์พระระบุว่า วัดโพธิ์ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา คาดว่าน่าจะออกที่วัดดังกล่าวและหลวงปู่กองก็ได้รับอาราธนาไปอธิษฐานจิต และได้รับถวายกลับมาจำนวนหนึ่ง

หลวงปู่ท่านเป็นพระที่น่าเข้าใกล้มากๆ ครับ ใครเข้าใกล้ก็จะรู้สึกได้ถึงความเมตตาของท่าน วิชาหนึ่งที่ท่านถนัดก็คือวิชามงกุฏพระพุทธเจ้า ใครไปกราบท่านท่านก็จะลงศรีษะให้ด้วยวิชานี้ครับ ปัจจุบันหลวงปู่ท่านมรณะภาพแล้วครับ และปรากฏว่าอัฐิของท่านส่วนหนึ่งได้แปรเป็นพระธาตุครับ

มวลสารที่ใช้จัดสร้างพระรุ่นนี้ (ตามใบฝอยที่แนบกับพระมา) ได้แก่ ผงหลวงปู่เทพโลกอุดร พบในถ้ำ จ.ลพบุรี, ผงพระธาตุสิวลี, แร่โคตรเหล็กไหล, ผงหินเขี้ยวหนุมาน, ดอกไม้และผงธูปบูชาหน้าหลวงปู่ทั้ง 4 ภาค (วัดในไร่ จ.ระยอง, วัดโพธิ์งาม จ.ชัยนาท, วัดเขาตะเกียบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ และวัดถ้ำแสงเพชร จ.อำนาจเจริญ)

ผู้ชื่นชอบวัตถุมงคลในสายหลวงปู่เทพโลกอุดร ไม่ควรพลาดรุ่นนี้ครับ

ขนาด 2.8 x 3.5 เซนติเมตรครับ

บูชา 350 บาท

 

เดี๋ยวค่ำๆ จะมาลงต่ออีกหน่อยนะครับ

สนใจวัตถุมงคลชิ้นไหน โพสแจ้งให้ทราบได้เลยครับ หรือมีคำถาม ข้อแนะนำ ติชม ประการใด ก็โพสได้เลยนะครับ

ขอบคุณทุกๆ ความสนใจครับ

 

ยืนยันการจองครับ

 

----- หลวงปู่กอง จันทวังโส -----

ผมขอนำประวัติของหลวงปู่กอง จันทวังโส มาให้อ่านกันนะครับ

​

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หลวงปู่กอง จันทวังโส มีนามเดิมว่า กอง ถนอมทรัพย์ เป็นบุตรคนที่ 2 ใน 3 คน ของคุณพ่อฝอย และคุณแม่ทัด ถนอมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2442 ในแผ่นดินรัชกาลที่ 5 บ้านเดิมอยู่ที่ ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งท่านก็ได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นั่นเอง[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]มูลเหตุบรรพชา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ครั้นเมื่อมารดาของหลวงปู่เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และไม่ได้ลาสิกขาจนกระทั่งอายุครบบวช เนื่องจากหาจะสึกเมื่อไร ก็มักจะเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้ติดตามพี่ชายไป จ.สุพรรณบุรี และอยู่วัดพระลอยกับหลวงพ่อแต้ม เมื่ออายุครบบวช จึงได้กลับไปอุปสมบท ณ วัดบ้านแก อ.แสวงหา จ.อ่างทอง หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดข่อย หรือ วัดข่อยวังปลาในปัจจุบัน [/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ที่วัดข่อยนี้เอง หลวงปู่ได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม กับหลวงพ่อเข็ม ท่านได้ศึกษาอยู่จนได้เป็น พระปลัดกอง มีหน้าที่อบรมสั่งสอนพระเณรที่วัด ซึ่งท่านเป็นพระที่มีวินัยเข้มงวดกวดขันมาก หลังจากนั้นจึงได้ลาสิกขาบทกลับมาใช้ชีวิตฆราวาส [/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ลาสิกขา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ในช่วงชีวิตฆราวาส หลวงปู่ได้มีครอบครัวเฉกเช่นคนทั่วไป แต่เมื่อภรรยาของท่านออกลูกสาวคนแรกก็เสียชีวิตลง ท่านจึงได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง โดยมีบุตร-ธิดาที่เกิดจากภรรยาคนที่สองอีก 3 คน ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อ่างทองระยะหนึ่ง จึงย้ายมาอยู่ที่ จ.พิจิตร ซึ่งที่นี่เอง ภรรยาคนที่สองของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก ท่าานจึงเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก อีกทั้งบุตรและธิดาท่านโตพอจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว จึงนำไปฝากไว้กับตาและยายเพื่อให้ไปศึกษาต่อในชั้นมัธยม ส่วนท่านจึงได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา[/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]การอุปสมบทครั้งนี้ ท่านได้สละเพศฆราวาสของท่าน ณ วัดเทวประสาท ต.ห้วยเกต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในขณะนั้นท่านมีอายุได้ 55 ปีแล้ว โดยมีท่านพระครูพิบูลย์ศีลสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม พ.ศ.2495 โดยได้รับฉายาว่า จันทวังโส เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆจากหลวงปู่มหาทิม ซึ่งพระอาจารย์มหาทิม เป็นพระผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รวมถึงคาถาอาคมต่างๆ ต่อมาหลวงปู่กองจึงได้ติดตามอาจารย์มหาทิมลงมากรุงเทพ ฯ ด้วย โดยไปจำพรรษาที่วัดพระสิงห์ กรุงเทพฯ จากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาอบรมอยู่กับหลวงพ่อมิ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มหาทิม (หลวงพ่อมิ เป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดซำป่างาม จ.ชลบุรี) เมื่ออยู่ได้ระยะหนึ่ง ท่านจึงได้แยกย้ายกับพระอาจารย์มหาทิม เพื่อไปธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมตามป่าเขา [/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ในการธุดงค์ของหลวงปู่กอง ได้ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตามที่สงบสงัด บางครั้งก็ได้ไปพบกับครูบาอาจารย์และสหายธรรมมากมาย ครั้นเมื่อกลับจากธุดงค์แล้ว ท่านจึงได้ไปจำพรรษาวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ตามที่สหายธรรมของท่านได้ชักชวนไป จนกระทั่งในที่สุด หลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดสระมณฑลซึ่งเป็นพระอารามเก่าแก่ในสมัยอยุธยา ซึ่งเหลือเพียงโบสถ์และพระพุทธรูปโบราณ วัดมีอาณาเขตเพียงแค่รอบโบสถ์ ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนประชาชน [/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ในสมัยที่หลวงปู่ออกธุดงค์อยู่นั้น หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปถึงที่ถ้ำบัวแดง จ.ชัยภูมิ ณ สถานที่นั้นเองที่ท่านได้เจอกับพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน ที่ท่านให้ความเคารพเทิดทูนมาก นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยความเคารพรัก และบูชาในคุณธรรมของท่าน หลวงปู่จึงได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดใหญ่ ไว้ให้ศิษยานุศิษย์บูชาไว้ภายในโบสถ์ด้วย[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif]หลวงปู่กอง ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระมณฑล จนกระทั่งละสังขาร ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2546 สิริอายุได้ 104 ปี 9 วัน 51 พรรษา[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif][FONT=Tahoma, MS Sans Serif]ภาพพระธาตุ[/FONT]

[FONT=Tahoma, MS Sans Serif][/FONT]
[FONT=Tahoma, MS Sans Serif][/FONT]​

(ที่มา http://www.relicsofbuddha.com/marahun/page8-2-22.htm)​

[/FONT]

 

----- หลวงปู่กอง จันทวังโส -----

ปาฎิหาริย์รูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่วัดสระมณฑล จ.พระนครศรีอยุธยา

>>> http://palungjit.org/showthread.php?t=10315

บทสัมภาษณ์หลวงปู่กอง บางตอน ที่เกี่ยวกับหลวงปู่เทพโลกอุดร

ที่มา >>> http://www.g-pra.com/auction/view.php?aid=2352987

ถาม

 

รายการที่ 11 - ล็อกเก็ตหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ รุ่นปฐวีธาตุ (ปี 2545)

รุ่นนี้เรียกได้อีกชื่อว่า รุ่น 15 ค่ำ เดือน 12 อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนม นอกจากองค์หลวงปู่แล้ว ยังมีพระเถราจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นที่เคารพนับถือของประชาชนทั่วไป ที่ทางคณะผู้จัดทำได้ไปขอบารมีหลวงปู่ หลวงพ่อ อธิษฐานจิตเพิ่มเติม (16 รูป) รายนามพระเถราจารย์ที่ร่วมอธิฐานจิตเพิ่มเติม ได้แก่

1. หลวงปู่สวน หรือญาท่านสวน ฉันทโร (พระครูอาทรพัฒนคุณ) วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี
2. หลวงตาพวง (พระเทพสังวรญาณ) สุขินฺทริโย วัดศรีธรรมาราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ยโสธร
3. พระอาจารย์สรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร
4. หลวงพ่อทองพูล สิริกาโม วัดป่าสามัคคีอุปถัมภ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
5. หลวงปูสนธิ์ เขมิโย วัดอรัญญานาโพธิ์ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
6. หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท. วัดสระกำแพงใหญ่ ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ
7. หลวงปู่ชื้น พุทธสโร วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา
8. หลวงปู่ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์
9. หลวงปู่จันทร์ (พระครูจันทโรภาส) วัดป่าข่อย จ.สุโขทัย
10. หลวงปู่สอ พันธุโล วัดป่าบ้านหนองแสง จ.ยโสธร
11. หลวงปู่เกลี้ยง เตชธัมโม วัดโนนเกด จ.ศรีษะเกษ
12. หลวงปู่เจียม อติสโย วัดอินทราสุการาม จ.สุรินทร์
13. หลวงปู่อวน ปคุโน วัดจันทิยาราม จ.นครพนม
14. หลวงปู่โถม กัลญาโณ วัดธรรมปัญญาราม จ.สุโขทัย
15. หลวงปู่นนท์ วราโภ วัดเหนือวน จ.ราชบุรี
16. หลวงปู่จ้อย จันทสุวัณโณ วัดศรีอุทุมพร จ.นครสวรรค์

ล็อกเก็ตฉากฟ้าบริสุทธิ์ ด้านหลังบรรจุมวลสารผงว่านมงคลศักดิ์สิทธิ์ ฝังตะกรุดเงินหนุนธาตุ, เม็ดปฐวีธาตุ, ชานหมาก, เส้นเกษา จำนวนการสร้าง 289 องค์ ขนาดประมาณ 2.5 x 3.5 เซนติเมตร สภาพสวย พร้อมกล่องเดิมครับ

เป็นของดีสุดยอด ที่ควรแก่การบูชาครับผม

ปิดครับ

 

คืนนี้ขอเอาลงแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวถ้าว่างวันไหนจะนำลงมาให้ชมอีกครับ

ยอมรับเลยว่า การถ่ายรูปพระ การค้นหาข้อมูล การโพสลงบอร์ด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย กว่าจะเสร็จได้สักองค์หนึ่ง ก็เหนื่อยน่าดูครับ

ต่อไปที่จะเอาลงมาก็คือ พระนางพญาทิพย์สุวรรณ (ผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ) รุ่นแรก และรุ่นพิเศษ, พระซุ้มกอผงว่านพญาไก่แดง ครูบาผดุง วัดล้านตอง เชียงใหม่ และพระขุนแผน ผงพรายกุมาร พิมพ์เล็ก รุ่นแรก ของหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ (ออกปี 2530)

คอยติดตามชมรายละเอียดนะครับ ขอบคุณทุกๆ ความสนใจและทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้นะครับ

 

จองด้วยครับ

 

แล้วมีรูปเหมือนขนาดบูชาหรือวัตถุมงคลในพิธีนี้ไหมครับอยากได้รูปเหมือนขนาดบูชามากจะเอาไว้ขึ้นหิอ้งบูชา หรือวัตถุมงคลรุ่นนี้รูปถ่ายก็ได้ครับ ไม่ทราบว่ามีไหมครับแล้วตอนที่พี่ร่วมบุญมาพี่ได้บูชาอะไรบ้างครับ ถ้ามีขอจองนะครับ

 

รับทราบการจองครับพี่ jimmyuro

 

ผมมีแค่องค์ที่นำมาลงให้บูชาแค่องค์เดียวนี่แหละครับพี่ Shinray01 เสียดายเหมือนกันที่ไม่ได้บูชาเอาไว้หลายๆ องค์ เดี๋ยวถ้าหาเจอที่ไหนอย่างไร จะแจ้งข่าวให้ทราบนะครับ (ไม่รับประกันนะครับว่าจะหาเจอ เพราะมันไม่ค่อยจะเจอน่ะสิครับ -_-")

 

โอยเรียบร้อยแล้วครับส่งได้ถ้าส่งแล้วรบกวนขอหมายเลขพัสดุด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ

 

โอนเงินแล้วครับ 1050 บาท บุชาแพงพอสมควรนะครับเนื่ยแถมพระหลวงปู่ทวดที่หลวงปู่หมุนเสกสักองค์หรือพระของหลวงปู่หมุนสักองค์ก็ดีนะครับ อิอิ ล้อเล่นครับ
ที่อยู่
นายวันชัย วงษ์สวัสดิ์
58/7 หมู่ 8 ต.บางจาก อ.พระประแดง
จ.สมุทรปราการ 10130

 

รับทราบครับผม แล้ววันจันทร์จะส่งพระไปให้นะครับ ^^

 

ต่อไปขอนำเสนอวัตถุมงคลที่ออกแนวเมตตามหานิยมและโชคลาภเงินทองครับ

รายการที่ 12 - พระนางพญาทิพย์สุวรรณ (ผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ) รุ่นแรก และรุ่นพิเศษ

ตามตำนาน ผงสาลิกาทิพย์สุวรรณในคำภีร์ไตรเภท เรียกว่าง้วนดิน เกิดขึ้นหลังจากที่พระศิวะได้เปิดตาที่สามทำลายล้างโลก เมื่อจะสร้างโลกขึ้นใหม่จึงบันดาลให้ฝนตกในโลกมนุษย์ ง้วนดินเมื่อถูกฝนจะมีกลิ่นหอมขึ้นไปถึงพรหมโลก บรรดาพรหมจึงลงมากินง้วนดิน กินเพลินจนกลับสวรรค์ไม่ได้ เพราะสวรรค์ปิด ต้องตกค้างอยู่ในโลกมนุษย์ บางองค์กลายเป็นมนุษย์โลก เรียกกันว่าต้นวงศ์ บางองค์ก็อยู่เฝ้าง้วนดินๆนี้มนุษย์ธรรมดาจะไม่ได้กลิ่นแต่ถ้าเอาเครื่องหอมพรมลงไปจะเกิดกลิ่นหอมบางคนถึงกับมึนกลายเป็นมหาเสน่ห์ สำหรับนางพญาทิพย์สุวรรณรุ่นหนึ่งที่สร้างถวายลป.คำพันธ์ มีมวลสารจิตรลดา,ผงพระสมเด็จวัดระฆัง,ดินสนามหลวง,ฯด้านหน้ามีนกสาลิกาคู่ชื่อ"กาละเทสะ-กาละสัทธา ซึ่งเป็นบริวารของแม่ทิพย์ ด้านหลังเป็นยันต์มหาปรารถนาโรยด้วยผงชนวนพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ มีสองเนื้อๆดำ 2,000 องค์ เนื้อเหลืองไม่เกิน 500 องค์

พระนางพญาทิพย์สุวรรณรุ่นแรก ที่หลวงปู่คำพันธ์เสก มี 3 พิมพ์
1.พิมพ์พระนางพญา มีสีดำ มีรูปนกสาริกาเกาะเหนือเข่าองค์พระ 2 ข้าง มีเกศา
2.พิมพ์นาคปรก หยดน้ำ สีขาว มีเกศา
3.พิมพ์นางพญา มีหน้าตา องค์เล็ก สีขาว มีเกศา

สำหรับรุ่นพิเศษ (สร้างหลังรุ่นแรกนานหลายปี) มวลสารคล้ายๆ กันกับรุ่นแรกแต่เพิ่มผงของลพ.ทอง วัดสามปลื้ม และผงเกษรดอกบัวบานกับว่าน"ดอกทอง" กับขนนกสาลิกา จำนวนสร้างไม่เกิน 2,500 องค์ การสร้างทุกครั้งจะมีการเชิญแม่ทิพย์สุวรรณกับบริวาร กาละเทสะ-กาละสัทธาทุกครั้งที่ผสมเนื้อเพื่อกดพิมพ์ ผู้กดพิมพ์ต้องทำสมาธิเตรียมตัวสวดมนต์ทุกครั้ง ต้องสร้างรูป ให้อาการสามสิบสองเชิญญาณของแม่ทิพย์สุวรรณในพระทุกองค์ที่กดพิมพ์เพื่อที่ท่านจะได้คุ้มครองอยู่ในพระทุกองค์

สำหรับรุ่นพิเศษนั้น ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อทอง วัดลำกะดาน เสกพร้อมกับพระหลวงปู่เมฆ สจฺจาสโภ รุ่นสมปรารถนา, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน, และตาหลวงทอง วัดหลักห้า จ.ยะลา

อาจารย์กฤปาจารย์ (ผู้พบผงสาลิกาทิพย์สุวรรณ และสร้างพระนางพญาสาลิกาทิพย์สุวรรณทั้งสองรุ่น) ได้แบ่งถวายพ่อท่านทอง ถิรจิตโต วัดหลักห้า จ.ยะลาไว้ 1,000 องค์ ปรากฎว่าท่านไม่ยอมแจกให้ผู้ชายจะให้แต่ผู้หญิงเท่านั้น ท่านบอกว่า "พระเจ้าชู้"


คาถาบูชาพระนางพญาทิพย์สุวรรณ

"ทิพย์สุวรรณ กาละเทสะ กาละศรัทธา ประสิทธิเม."

...เมื่อขอพร แล้วประสบความสำเร็จดังตั้งใจ พึงแก้บนด้วยขนมชั้น + มะพร้าวอ่อน และสิ่งของที่ได้อธิษฐานบอกกล่าวไว้

ปิดครับ

องค์นี้สวยมาก มีเกศาให้เห็นชัดเจน ด้านหลังเป็นยันต์มหาปรารถนาของหลวงปู่คำพันธ์ครับ



เกศาครับ