ทำอย่างไร จึง "เห็นธรรม"

คนที่จะ ถามแล้ว ถามอีกได้

ก็จะเป็น คนที่คล่องตัวจริงๆ

พอได้ มุขนัยมนสิการ ก็จะ ดีดนิ้ว เหยียดแขน เอาได้เลย

พอเหยียดแขน คู้ขา ได้ สภาวะลำดับถัดไปมันจะ เกิด

คำถาม จะไม่มี ถอยหน้า ถอยหลัง มีแต่ เดินหน้า (ล่วงส่วน)
ไม่ถามคำถาม ย้อมหลังอีก เป็น อฐานะ

 

ถ้าไม่ไปดับมันจะอยู่ไป7วันหรอ ปิติเนี่ย..

ไม่เสียแรงที่ตามอ่านปราวตีได้เพลงไปฝาก ผญ ทางโน้นละ

 

ฉีด วัด seen ไป ยัง

หาก ฉีดแล้ว ไม่ต้องหา นั่งแก้วแล้วนะ

"หมดน้ำยา" ( รมต ธรรมนัส ของ ลุงโจ เขาว่า )

ปล : ควรถามหมอแพนด้า เพื่อข้อเคล็ดจี ก่อง

 

เพลงประชดอิกะร่อนทั้งนั้นแหล่ะ ความสุขจากการส่งพลังรักษาหมีไปวันๆของนาง

 

คน วสี คล่องตัวจะมาถามทำไมล่ะคะ เขาคงดีดนิ้วเล่นทั้งวันไม่สนใครละค่ะ

 

ไม่เคยใช้พลังจริงจังซักทีเลย555

 

พอบอกว่า ให้ไป ฝึกก่อง

อันนี้ก็อย่า ทะลึ่ง หายไปเป็น ปี แล้วค่อยกลับมาถาม

"ความคล่องตัว" เป็นอะไรที่ ไม่ต้องมีรูปแบบ

คล่องตัวไหน ก็เอาตัวนั้น

ตัวไหนคล่อง ลพ สวนเสือ กล่าวให้สังเกตง่ายๆ
มนสิการแล้ว ใจสงบ เคล้าเคลีย อยู่กันอันนั้น
ได้นาน หรือ ทำให้ ละ ลุก ออกจาก อกุศลได้
( จริงๆ ควรจาก กุสล และ แม้นแต่ อัพยากฤติด้วย
-- ซึ่งก็คือ สับปิติ )

ดังนั้น สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีเกิดเป็นธรรมดา ดับเป็น
ธรรมดาของแต่ละ รูปนาม มีอยู่ก่อนแล้ว
ไม่ต้องไปอนุปุพพิกถากล่อม ไม่ต้องสมแทะ
และไม่ต้องวิปัสสนา

เช่น

งง ให้รู้ว่า งง

 

กระทู้มาอยู่นี่เอง....อยู่จักรยานคู่ แปะเพลงสบายแล้วฮับ

#ว่างๆว่าจะไปตั้งกระมู้วถาม... พระอิศวรมีจริงไหมในห้องพินยา.... คุณการ้องว่าดีไหมฮับ

 

สะดั้ยนั่งกรรมฐานหำตั้งเหรอลัทธินี้555

 

ฮั่นแน่ .....คิดถึงใช่ม๊าาาา

แต่ถามจริงๆ ทำไมต้องทำให้ชำนาญขนาดนั้นด้วยคะ

 

หลวงทวด อหิงสกกุมาร คล่องเอาดาบสับ ตัดนิ้ว ท่านก็เอา
ความคล่องตัวดาบสับ ตัดนิ้ว

พอไปเจอ หญิงท้องแก่ใกล้คลอด โตะจาย วิ่งมาถาม
พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ ตรัสเตือน ตนคล่องทำอะไร
ก็ใช้อันนั้นช่วย

ท่านก็เลย อ๋อเราคล่องเอาดาบสับ ตัดนิ้ว ก็อธิษฐาน
จากสิ่งที่คล่องตัวว่า นับแต่นั้นจนบัดนี้ยังไม่ได้ข้าวมันไก่
สิ่งนี้จริง สุขสวัสจงมีแด่....

 

ปิติ ถ้าหยุดน้อมมันก้ดับ

ปกติ นั่งทำสมาธิในรูปแบบ เพื่อ ให้ จิตสงบ เป็นสมาธิเป็นฌาน

เครื่องหมายของปฐมฌาน มีองค์5 วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคตา

ฌานจะเริ่มนับ จากอัปนาสมาธิ อันมีปฐมฌานเป็นเบื้องต้น
การทำฌานของสมถะ มันเหมาะกับเพศบรรพชิต
เพราะต้องใช้เวลา จึงจะได้ฌานเป็นลำดับ
ที่ฝึกๆกันส่วนมาก ก้ได้แต่ ขนิก เหมือนๆจะดิ่งเข้าบ้าง ก็ตกใจหลุดสมาธิกันไปแล้ว

ฉะนั้น การจะเดินต่อยอด วิปัสนา
เรา เอาพอให้ ปิติเกิด จิตมีกำลัง โปร่งเบาๆ ก้เพียงพอ
ในการ สลับเดินวิปัสนา หรือเจริญสติ หรือ กำหนดรู้ สลับไปสลับมา ใน ชีวิตประจำวัน

ปิติที่ปราณีต แผ่ซ่าน ซาบซ่า เท่านั้น ที่หมายเอามาอาบ
เพื่อให้จิตอ่อนควรแก่การงาน

ปิติอย่างอื่น โยนทิ้งไป

 

แล้วแต่ คน ที่มี แวว จะสามารถชำนาญ ก็จะ ลองแยบให้ทำ

หาก แยบแล้ว เอ๋อ หรือ เข้าใจผิด เขาก็จะเลิกแย๊บ

แต่ในทางปฏิบัติ ก็จะไม่ ตัดกุศล หากมันจะมี ก็อาจจะมีได้
คนแยบได้อาจจะยังไม่มา หรือ ไม่ก็ ไม่ได้จริงๆ ก็ เข้าโครง
การพระราชดำริสุดท้ายไป

 

อีกที

การที่ แยบกลับมา คิดถึงใช่ไหม หากเป็น กาว้องนั่งอยู่ใกล้

จะเอา หน้าแข้งฝาดให้ หัวขาดกระเด็นติดข้างฝา ไปเลย

ธรรมวินัยนี้ ไม่ใช่เพื่อ มี อันเตวาสิก การติดสอย ห้อยตาม
อาลัย อาวรณ์ กดไลค์ กดแชร์

 

มันโยนทิ้งหมดละ
มันต้องสุขอ่อนลมโชยๆถึงเหมากะการงาน

 

Hear !!

 

แผ่ซ่าน เบากายเบาใจ มาเป็นปกติค่ะ แต่ตัวแถม แล้วแต่มันจะแถม

 

อันนี้ ก็ ห้าม

หาก รู้จริง จะต้อง มีปิติ แล้ว มนสิการ ญาณทัสนะ อย่างใดอย่าง
หนึ่งได้จริง เช่น เห็นเทวดา ได้ยินเสียงใกล้ ไกล ฯลฯ แล้ว
จึงจะสามารถ กล่าวว่า

" แล้วแต่มันจะแถม " พูดโดยมี ข้อเท็จจริงรองรับ

หาก พูด เพราะว่า เดาเอา ไม่ได้มีความสามารถจริง

การพูดนั้นจะผลิกเป็น มุสาวาทา ปิดมรรคผล

เบื้องหลังการพูดจากการด้นเด้า ในทาง ปัจจัยการ
รูปนาม นักภาวนาจะทราบว่าเป็น โลกธรรม8
การกดไลค กดแชร์ ฯลฯ นั่นเอง เป็นตัวพาเคลื่อน
คลาดจาก มรรค8


ดังนั้น คนแยกรูปแยกนามเป็น รู้เหตุของการเกิด ทิฏฐิใดๆ
ก็จะไม่ต้อง ส่องอะไร สามารถกล่าวไปตาม ปัจจัยการ
เป็น สุญญตา ไม่ใช่การไปส่องคนนั้น คนนี้ ธรรมของ
พระพุทธองค์ไม่ได้สกปรกแบบนั้น

 

งั้นแกรเอาอันไลท์ไป555