ลักษณะ ความรู้ขั้นโลกุตระ..ที่ควรสังเกตุ

รับทราบครับหลวงพี่

 

โสดาบันตกนรกได้มั๊ย ถ้าถามย้ำกันแบบนี้ก็ต้องว่า ตกนรกได้หรือไม่อยู่ทึ่เหตุปัจจัย

 

เมาฌานเกินไปแล้ว55

 

5555555555

 

แจก "ว๊าป" ไหมท่าน ในหลุมดำไม่ค่อยมีคนมั้งท่าน ไม่เหมือนข้างบน

 

ฮี้ ฮี้ ฮี้ เล่นหุ้นเพราะ โตะงานตอนแก่

ถ้าเล่นหุ้นแบบที่หนังสือเขียนขาย ยังไงก็
มีแววเป็นนักพนัน ยิ่งไปเปิดจอจ้อง มันวิบๆวับๆ
ใจตุ้มๆต่อมๆ จิตไม่ตั้งมั่นก็เละหมด

แต่ป๋ม เป็นโปรแกรมเมอร์ พอได้พินาบ่อยๆ
จะเริ่มจับ big-data(เชิงปรากฏการณ์) ได้ ก็
จะเขียนโปรแกรมขึ้นมาวิแคะ

แทนที่จะไป ซื้อมา ขายไป แบบเก็งกำไร

ก็เปลี่ยนเป็น Fund Flow Base คือไม่ได้
มองที่ ตัวหุ้น แต่มองเป็น กระแสเงินเข้าออก
เพิ่มลด [ เล่นแบบ เชิงบัญชี window dressing ]

พอเล่นแบบนี้ ต่อให้หุ้นตก ก็ได้เงิน
หากหุ้นขึ้น ก็ได้เงิน

หากตลาดปรกติ ก็ไปเรื่อยๆ คำนวนแบบ
ทฤษฏี ก็ 8% ต่อเดือน 10ปี จากทุนแสน
จะได้ 1000ล้าน [ เชิงบัญชี อะนะ รับรู้
แต่ book ลำไย ...แต่หากดู งบรวม
อาจจะล่องจุ้นไปก่อนแว้ว ]

เพราะ!! เชิงRealLife ดัชนี มันขึ้นลงด้วย....

คน/สถาบัน ที่คุมกระแส fund flow ตัวจริง จะเป็น ปัจจัย
ที่เหนือการควบคุม ทุนเขาเยอะ เขาสามารถ
ทุบหุ้น โดยที่เขากำไร [ เหมือนขายขาดทุน
แต่จริงๆ โยค Fund Flow ไปกว้านซื้อ ตัวอื่น
ที่เขาจะ ปั่นขึ้น ]

สารุป

เล่นหุ้นโดยใช้ AI ช่วย แค่ต้องทัน ปัจจุบัน
ไปตาม AI วิแคะ ควรซื้อ ควรขาย คนไม่ต้อง
คิดเยอะ กิเลสไม่ฟู แต่ก็ต้อง ใช้ คนพินา
เพราะ ข้อมูลบางตัว มันเป็น ข้อมูลลวงเชิงบัญชี

ปล ลิง : ยกเว้นเงินเย็น ก็ลงทุนไปตามหนังสือ

 

ดูท่านเล่าปังเป็นคนมีความรู้ดีนะท่าน..
เพื่อนพี่ผมก็แนะนำให้ศึกษาเรื่องหุ้น ก็ลองอ่านผ่านๆดู เห็นศัพท์แล้วก็งงล่ะท่าน ถ้าผลตอบแทนเลี้ยงชีพได้ก็น่าจะดี จะได้มีเวลาทำอย่างอื่น แต่ดูแล้วคนเล่นหุ้น เห็นวันๆก็จดจ่อที่จอเพื่อดูว่าตอนนี้เป็นยังไง ใจคงขึ้นลงทั้งวัน... นิสัยผมเป็นคนติดสบาย อย่างธรรมะในชาตินี้ก็มองว่าได้มาไม่ยาก ถ้าเทียบกับประสบการณ์ท่านอื่นๆไม่ว่าจะนักปฎิบัติที่เจอในวัด หรือเท่าที่เคยอ่านเจอประสบการณ์ในการปฎิบัติของท่านอื่นๆ.. ส่วนชาติก่อนๆอันนี้ไม่รู้ แต่ผมอาจจะลำบากมาเยอะแล้วก็ได้.. แต่รู้นิสัยตัวเองว่าชอบความสบาย น่าจะทุกเรื่องในชีวิตเลย... คนรอบตัวผมจะรู้ดีก็มักแนะนำอะไรที่สบายให้ อย่างหุ้น ผมก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง เปิดพอร์ตยังไง จะกลายเป็นเม่าหรือเปล่า ท่านเล่าปังน่าจะมีอายุ เห็นว่า เล่นหุ้นเพราะเกษียณ น่าจะมีประสบการณ์ แล้วมี AI ช่วยด้วยคงไม่ต้องจ้องหน้าจอทั้งวัน... รายได้ตรงนี้พอใช้เลี้ยงชีพได้หรือเปล่าท่าน? ความเสถียรมันมากแค่ไหน พอบอกได้ไหมท่าน... ผมมองว่าผลลัพท์ที่มนุษย์ต้องการคือการเลี้ยงปากท้องให้กายนี้มันอยู่ได้... วิธีการได้มาของเงิน แต่ละคนต่างกันไป บางคนทำงานโน้นนั่นนี่ บางคนขายของ บางคนทำธุรกิจ บางคนเล่นหุ้นเล่นหวย ต่างบทบาทกันไป แต่ล้วนทำมาเพื่อเลี้ยงปากท้อง... มองเป็นธรรม ก็เหมือนกัน วิธีการเข้าถึงธรรม มีแตกต่างกันไปตามปัจจัยแต่ละคน แต่ล้วนมุ่งไปหาจุดเดียวกัน ..โฟกัสปลายทางให้ถูก แล้วหาวิธีการไปให้ถึง, แล้วทำไม่หยุด, คงไม่ต่างอะไรมากกับสูตรความสำเร็จทางโลกนะท่าน

 

กั๊กๆ ป่านนี้ ยังแทง ไม่ตะเหลาะ เลย

โสดา ก็เลย คาบ้าน

ความเป็น มะนุด เกิดจากเหตุ

เหตุ คือ อยากแดะง้วนดิน แค่เอา
นิ้วจิ้มมากิน กามสัญญา ปฏิฆานุสัย ก็มี
แว้ววววว นับแต่นั้น

เกอะเปนคน บนโลก เห็นข้าวสาลี
ทำการ ปฏิรูป จัดสรร กามสัญญา ปฏิฆานุสัย ก็มี
แว้ววววว การเบียดเบียน ก็เริ่มมีแล้ว

ไม่ต้องไปพุดถึง รูปแบบการแลกเปลี่ยนอื่นๆ
ไปปรักปรำ เล่นหุ้นกิเลสเยอะ

เฮีย แค่ ครองที่ดิน หาแหลก
กามสัญญา ปฏิฆานุสัย ก็มี
แว้ววววว การเบียดเบียนบริบูรณ์ไปไหนต่อไหน

หนทาง ปลงผม หา prop เปื้อนฝุ่นที่เขา
ทิ้งแล้ว เที่ยวเร่ขอเขากิน จึงเป็น

สัมมาอาชีวะ


ปล ลิง : เว้นแต่ ซด แฟนต้าแบบบิกๆ ก็กำหนดรู้ แลอยู่
ก็อนุโลมไปตาม หลักไมล์ที่พระศาสดาทรงอนุเคราะห์
เป็นเครื่องหมาย บึ๊ดจั๊มบึ๊ด ซึงต่อให้ อรหันต์ตามหลัก
ไมล หากประมาท เกิด อุปาธิ ก็ เรื่องของ มะอึง เฮียไป
ตามระเบียบ สังขารมันหลอกเอา จังหนับ

 

ความจริงลุงเล่าปังผ่านโลก ผ่านธรรมมาเยอะ น่าจะเข้าใจนะครับ ลุงเล่าปังอย่ามาพูดเหนือโลกเลยครับ เหตุปัจจัยของแต่ละคนต่างกัน ยังมองไม่เห็นธรรมชาตินี้ ...ถ้าไม่รู้ก็ว่าไม่รู้ครับลุง... ลุงเล่าปังพูดธรรมเหนือโลก สุญญตะ ว่าธรรมมีเหตุปัจจัยเลย แต่ใจลุงเล่าปังยังอยากให้ ธรรมทั้งหลาย คนนั้นนี้เป็นไปตามใจตัว อย่างที่ตนคิด ... สอนคนทั้งโลกได้ สอนใจตัวเองไม่ได้... ลุงเล่าปังนี่ให้เปรียบผมว่าไม่ต่างจาก "งูพิษ" แม้จะลูบหัวอย่างมิตร แต่พร้อมแว้งกันได้ตลอดเวลา

 

บทนี้ ฝาก สำหรับ "แมวมอง"

" จิ ไหล ปา คิ " หาก เห็น ใช่แค่ สมาทาน กำหนดรู้

แต่สามารถ ยิ่ง คือ " แลอยู่ "

แล้ว อ่าน ธรรมบทของพระศาสดา ว่าด้วย "เหตุ"
ปัจจัยของ มะนุด จาก อภัสสรา จักรวาล
ไม่ไปติด น้องเหนือ

พึงทราบว่า " แค่สัญญาเคลื่อน " กามานุสัย ปฏิฆานุสัย
ก็ปรากฏแล้ว ความเบียดเบียนปรากฏแล้ว ไหนต่อไหน

พระสารีบุตร ผู้ที่ อัสมิมนะดับนานแล้ว ( ดับก่อน
มาเกิดเป็น พระสารีบุตร ในชาติสุดท้าย นานนนน แล้ว )

จึงกำหนดรู้ที่ สัญญา เข้า 1-8 และ 9 ตลอดโดย
ไม่ใช่เพราะ คิด

แต่ก็เพราะด้วย สัญญา มันเคลื่อนไป "มันอาพาธ"
เป็นทุกข

ลอง แมวมอง ดูฮับ

สนุก ได้เที่ยวรอบวัดเวฬุวัณ โดยมี พระสารีบุตร
แบกขึ้นศรีษะ พาดำเนินไป


ปล ลิง : พวก streamer esport ส่วนใหญ่จะมี
นุสัยเยอะมาก เพราะ สัญญาเคลื่อนเก่ง ในทาง
ธรรม น่าส่งสารมาก แต่ที่กำหนดได้ ก็มี

 

ลุงเล่าปังตั้งธงไว้ในใจ โสดาบันอายตนะต้องดับสนิท โสดาบันต้องบวช ถ้าต่างจากนี้เฮียหมด... ลุงเล่าปัง อ่านตำราแล้วฝังความเชื่อลงแบบนั้นก็ไม่ผิดอะไรกับความเชื่อของลุงครับ แต่ไม่ใช่ความเชื่อที่ฝังหัวอยู่จะจริงตามนั้น

โสดาบันเป็นคนธรรมดาที่สุด..ไม่ใช่ต้องมีความคิดว่า โสดาบันจะระวังโน้นนี่นั้นจะหลุดความเป็นโสดาบันไป แบบนั้นยังไม่พ้นสังโยชน์เลย ไม่ใช่เป็นโสดาบันแล้วมีผัวเมียลูกอยู่ จะไม่รู้หน้าที่รับผิดชอบตนมุ่งเข้าวัด ไม่ทำหน้าที่ผัวเมีย พ่อแม่.. ผัวสะกิด...คิดในใจกูโสดาบัน ไม่ทำแบบนั้นแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปลอมครับลุงเล่าปัง...ไม่เห็นเหตุปัจจัย ไม่รู้หน้าที่

ความจริงคือเป็นคนธรรมดาที่สุด ที่เข้าใจสภาพเป็นไปของสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่พิธีกรรม พิธีการ ไม่เบียดเบียนตน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มองเห็นโลกอย่างที่มันเป็น ...ถ้าลุงยังเห็นว่าโสดาบันเกินมนุษย์ธรรมดา คิดใหม่ครับลุงเล่าปัง ทำความเข้าใจใหม่... ลุงเล่าปังพูดเรื่องธรรมเหนือสมมุติ คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่รับรองผมมองออก มันยังกวัดแกว่ง ไม่เข้าใจธรรมเหนือสมมุติที่เป็นปัจจัยจริงๆของมันเลย ครับลุงเล่าปัง

 

ที่ถามเรื่องหุ้นกับลุงเล่าปัง แค่อยากได้คำแนะนำจากคนมีความรู้ ลุงคงอ่าน ยังไม่ทันจบ เห็นประโยค "จิตขึ้นลง" กิเลสลุงมันแล่นคิดว่าคนอื่นจะอคติ ตำหนิตน "กลายเป็นวัวสันหลังหวะไป"... เพราะความที่เคยตำหนิคน ตำหนิพระไว้เยอะ... ใช่ไหมลุง...ลุงเล่าปังบอกให้คนอื่นกำหนดรู้ในปัจจุบันขณะทำไม เมื่อตนยังไม่กำหนดรู้ไม่ได้... เห็นเจตนาเป็นมิตร กลายเป็นศัตรู... เรื่องมันแค่ ผมถามเรื่องหุ้นเพราะอยากรู้จากคนมีประสบการณ์ และลุงเล่าปังมีAI วิเคราะห์ให้ จะไปสนอะไรกับกับตรงที่ผมบอก... เพราะมันไม่ต้องเรื่องหุ้นหรอกครับ มันก็ทุกเรื่อง ทำธุรกิจ ค้าขาย มันก็ไม่พ้นความวิตกจะกำไรหรือขาดทุน

อีกอย่างผมก็ว่าจะไม่พูดต่อ... แต่ถือว่าเป็นโอกาสคุยกันนะครับลุงเล่าปัง...

ถ้าลุงเล่าปังยังมองเห็นใครดี ใครเลว อย่าเพิ่งพูดกับผมเรื่องสุญญตะ เหนือตัวเหนือตน... เหมือนที่ผมเคยกล่าวถึง"ธรรมชาติหนึ่ง" ถ้าธรรมชาติหนึ่งที่ผมว่า... ลุงเล่าปังคิดว่า ยังตัดสินมีดีมีเลว ให้รู้ว่า ลุงยังมองไม่ถึงครับ... เพราะมันพ้นสภาพตัวตนคนสัตว์ ไม่มีเพศ "ไม่มีแม้แต่ดี ไม่มีแต่เลว"... ไปแล้ว ลุงเล่าปังพ้นอคติในใจตนไม่ได้ อย่าเพิ่งพูดธรรมเหนือสมมุติกับผมเลย...

การกำหนดรู้ในปัจจุบันของลุงเล่าปัง คือ "วิธีการ" เพื่อให้เห็นโลก เห็นธรรมชาติตามที่มันเป็น.. เพื่อก้าวข้ามมาเห็น อย่างที่ผมเห็นตอนนี้.. "เพื่อมาที่จุดนี้ที่ผมอยู่" ...เมื่ออัธยาศัยสัตว์ต่างกัน การสนทนาธรรม อย่างสนทนากับลุงเล่าปัง คงต้องอาศัยการ "หวดกลับ"... ก็ขอหวดกลับ ด้วยคำว่า "ยาสอง ตอเข้ ว๊ายหนาม" เลยนะครับลุงเล่าปัง

 

ลุงแกน่าจะอร็ายอย่าทิ่มแทงฉานน55

 

กลายเป็นอดรู้เรื่องเทรดจากลุงเล่าปัง แถมโดนไล่ไปบวชอีกนะท่านดีเจ

 

ต้องลองไปศึกษาเองก่อนครับติดละถามแกน่าจะได้

 

คงไม่เข้าวงการแล้วมั้งท่านดีเจ แค่ปากประตูยังติดขัด..เข้าไปมีหวังเจ๊งแน่ๆ

 

ซีโร่ว์ ต้อง บ๊วป ลุงแกสัก ฉองที จะได้เวทีหุ้ง กะล่ายนะ

 

สีสันของชีวิตนะครับสุขบ้างทุกข์บ้าง

 

เจ้ปราบไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน55