ลักษณะ ความรู้ขั้นโลกุตระ..ที่ควรสังเกตุ

การบอกว่าผมบรรลุธรรม ท่านว่าผมได้ประโยชน์อะไรท่าน

 

คุณเคยเห็นครูบาอาจารย์ท่านเล่ามรรคจิตให้คนฟังไหมครับ แบบบอกตรงๆเลยนี่คือมรรคจิต เอ้อ! น่าสนใจนะ

 

มีเยอะท่าน แต่ท่านไม่ได้บอกตรงๆว่านี้คือสภาวะมรรคจิตนั้น คนที่เคยเจอสภาวะนั้นเมื่อได้ยิน ก็ระลึกได้ว่านั้นคือ มรรคจิตท่าน....คนทั่วไปมองเป็นแค่สภาวะธรรมดาผ่านหูไปท่าน

 

ถ้ามรรคจิตไม่เกิดกับท่าน ท่านต้องใช้คำครูบาอาจารย์ หรือในพระสูตร เพื่อพิสูจน์สิ่งที่เป็นความเห็นผมได้หมดเลยท่าน รับรองไม่มีผิด ธรรมลงกัน 100 % ไม่มีผิดแม้1% ท่าน

 

คือถ้าคนรู้ ไม่ต้องบอกตรงๆเขาก็รู้ พูดออกมากริยาใช่หรือไม่ใช่ เขาดูออกหมด เขาดูรู้เลยว่าที่พูดมานั่น ตัวจริงหรือตัวหลอก ตัวหลอกหลอกให้หลงอยู่หรือป่าว เขาดูออกหมดแหละครับ

 

ช่วยกางตำราที่ว่าด้วยเรื่องมรรคจิตตรงๆให้ผมดูสักหน้าครับ ไม่เอาแบบที่ว่าต้องอาศัยการตีความเอาอีกรอบ คือมันอาจจะคิดเองเออเองเอาก็ได้ไงครับ

 

ท่านจะบอกว่าของจริง นิ่งเป็นใบ้ใช่ไหมท่าน... ธรรมไม่ได้ดูที่ตัว แต่พิสูจน์ด้วยธรรม และสัมมาทิฐิท่าน

 

ไม่ใช่แค่ตอนเกิดมรรคจิต... "ทุก"ความเห็นของผมเลยท่านพิสูจน์ด้วยธรรมครูบาอาจารย์ หรือคำพุทธองค์ ถ้าธรรมลงไม่ได้แม้แต่1 ตีผมเห็นผิดได้เลยท่าน ไม่ต้องถึงมรรคจิต

 

สนใจตัวนี้ค่ะ นิพพานเป็นขณะ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่คะ เกิดได้ยังไง

 

ไม่ใช่ครับ คนละอย่าง ตัวหลอกก็คือหลงโฟกัสแต่เครื่องมือ เหมือนหัดขี่จักรยานน่ะครับ หัดใหม่ๆต้องคอยประคับประคอง กลัวล้ม หลังๆปล่อยมือได้เลย ทีนี้ขี่โชว์เลย แต่ลืมไปว่าเป้าหมายของการขี่จักรยานคืออะไร หรือตั้งใจแค่ว่าจะขี่ไปแข่งก็อีกเรื่อง คือก็มัวพอใจอยู่กับการขี่ เปลี่ยนนู่นเปลี่ยนนี่ ยี่ห้อนี่ขี่แล้วยิ่งดูเท่ห์อะไรประมาณนี้ แทนที่จะขี่ไปทำธุระที่จำเป็นไม่ต้องเปลืองน้ำมันรถ จบภารกิจก็ปล่อยวาง

 

สรุปว่าที่ผมพิมพ์ไปท่านไม่ได้... ว่าทำไมเลือกมรรควิธีนี้ จะวิธีไหนก็ไม่ได้เกี่ยวว่าเท่ห์ ไม่เท่ห์ท่าน....กล่าวแล้วว่าจิต ณ ตอนนี้มันง่ายต่อการปฎิบัติแบบนั้นท่าน... แล้วเมื่อใครเห็นเหตุของทุกข์ ไม่มีใครมัวไปดับที่ปลายเหตุอีกแล้วท่าน

 

เท่าที่ดูคุณซีโร่คิดนำเยอะ คิดซับซ้อนเกินไปน่ะค่ะ ลดๆวิธีการปล่อยให้เป็นธรรมชาติดีกว่า

เอาจริงวิธีปฏิบัติไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยนะคะ แค่รู้เท่าทันความคิดปัจจุบันขณะ แทงไปตรงๆ กระตุ้นสติให้ระลึกบ่อยๆ ไม่ต้องไปกังวลว่าเราไปตัดต้นตอทันหรือไม่ทัน ซึ่งมันจะมีทันบ้างเผลอบ้างเป็นปกติ ก็เรายังไม่ใช่อรหันต์อย่ากังวล ไม่ต้องไปคิดนำว่าจะต้องตัดตรงนี้ ตัดขั้วตรงนั้น เมื่อเห็นสภาวะเกิดดับบ่อยๆ พอจุดติดปุ๊บ ปล่อยจอยเลยค่ะ มันจะอัตโนมัคิเองไร้เจตนาใดๆ แฝงทั้งสิ้น จะเห็นจักรวาลหรือไม่เห็นก็ได้ ให้จิตเป็นอิสระ...... ทุกเส้นทางจะมาบรรจบที่รสชาติเดียวกันหมด

 

ในท่อนที่ท่านหยิบมาอ้างอิงนั่นแหละท่าน อธิบายในตัวมันอยู่แล้ว

 

ยังพิสูจน์ไม่พออีกหรือ ยังไม่มั่นใจตนเองอีกหรือ ยังลังเลสงสัยอยู่หรือ ที่ต้องหาคนอื่นมารับรองความเป็นโส.. ให้เรื่อยๆ น่ะ ถ้าว่าเก็ทแล้วก็คือเก็ท จิตใจมันรู้กันเองดี ตรงไหนยังหวั่นไหวก็หมั่นศึกษาพิจารณาตนเอง ไม่ใช่มามัววกวนอยู่กับการหาคนรับรองความเป็นโส ไปที่ไหนก็หาคนรับรอง กลัวเขาไม่เชื่อ เชิญเอาตำรามาพิสูจน์ได้เลย มันก็ประหลาดอยู่

พูดไปเลยถ้าที่พูดมันแก้ทุกข์ให้เขาได้เดี๋ยวเขามาเองหรอก เพราะคนเรามันก็ทุกข์จากเหตุต้นอย่างเดียวกันนั่นแหละครับ อย่าไปห่วงภาพมาก จะพูดอะไรต้องให้คนเห็นโปรไฟล์ มีประกาศนียบัตรรับรองก่อน นั่นมันเรื่องโลกๆครับ ทางธรรมถ้าคุณแก้ทุกข์ให้เขาได้เดี๋ยวเขาก็มาเอง ไม่มาก็เรื่องของเขา จะเอาอะไรกับคำสรรเสริญมากมายครับ

 

ทั้งหมดคือสิ่งที่ผมตอบท่าน Tboon ไป มีทั้งเหตุและผล ยกทั้งอุปมาครบแล้วท่าน อยู่ที่คนมองเห็นหรือไม่แค่นั้นท่าน

 

ไม่ต้องให้ใครมารับรองท่าน คิดว่าอาการที่ผมแสดงนี้เป็นการลังเลในผลตัวเองหรือท่าน ผมเชิญให้ท่าน..ที่ไม่เชื่อ ว่าพิสูจน์ได้เลย ว่าลงตามธรรมไหมท่าน ในเมื่อท่านยังไม่ถึง จะเอาความเห็นตนเองพิสูจน์ได้หรือท่าน... ไม่ใครเชื่อว่าผมบรรลุธรรมจริงหรอกท่าน จนกว่าจะมีคนที่ถึงจริง จะรู้ว่าเป็นอย่างไร

 

แม้ผมจะแสดงมรรคผล แสดงมรรควิธี ชี้โน้นต้นเหตุทุกข์ ท่านมองไม่เห็น ไม่แปลกใจท่าน ที่เห็นว่าผมเป็นของปลอมท่าน... ถ้าท่านรู้เห็นตามได้...แม้ผมตอบโพสแรก ท่านต้องเห็นแล้ว

 

มรรควิธีนั้นที่โพสในกระทู้แนะนำท่านแนนแต่ท่านไม่อ่าน เพราะมันคือมรรควิธีที่ผมบอก...มาวันนี้ท่านแนนย้อนมาสอนผมนะท่าน...(ย้อนกลับไปอ่านในกระทู้ท่านแนนได้ท่าน)

และรสสุดท้าย ไม่ใช่เห็นสภาวะเกิดดับของนามธรรมอย่างเดียว... ทุกสรรพสิ่ง โลก จักวาลมีสภาพเดียวกัน ถ้าจิตยังไม่สรุปตรงนี้ ยังไม่ถึงผลท่าน

 

คือใครเขาจะไม่เชื่อก็เรื่องของเขา เข้าใจบ่ ทำไมยังต้องไปแคร์ ทำไมต้องให้เขาเชื่อหรือยอมรับว่าเราคือตัวจริงเสียงจริง แต่จริงๆที่ผมบอกคุณว่า ตัวจริงหรือตัวหลอก คุณก็ดันตีเข้าตัวไปนู่นอีกว่า หาว่าเห็นคุณเป็นตัวปลอมของปลอม 55

ก็บอกมาตั้งเยอะแล้วว่า ถ้าติดตัวช่วย (คือเครื่องมือ)จากตัวช่วยจะกลายเป็นตัวหลอกแทน นี่พูดในแนวทางปฏิบัติทั้งนั้น ไม่ได้ชี้ที่บุคคลสักหน่อย แต่คุณไปรับเอาเป็นตัวตนว่าคนเห็นเป็นของปลอม สังเกตอะไรไหม ค่อยๆวิแคะไปครับ

 

แนนยังไม่ได้พูดถึงจิตสรุปนะคะ แนนพูดถึงวิธีการปัจจุบันที่คุณซีโร่ใช้หลังเป็นโสดาบัน และพยายามอธิบายอยู่

หรือว่าคุณซีโร่จิตสรุปไปหลายหนแล้วหรอคะ