ลักษณะ ความรู้ขั้นโลกุตระ..ที่ควรสังเกตุ

ฮั่นแน่.......

มาอีกหรอบเดียวกัน กับ โซดา นะนี้

ดับ พุทธ เขาไม่ไร้ปฏิภาณ แบบนั้น จิฮับ

หาก ดับ กระทบ แล้ว ยังผลิกเป็นเรื่อง ง่อยเปลี้ยเสียขา

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

อีกล้านชาติ ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกับ พุทธ

ละมุด รอ สถาณเดียว

เปรี้ยว นะ

 

ยังไม่ตายบอกอายะตนะดับ
มันก็ขัดแย้งกับความเป็นจริงแล้วคับ

 

คำศัพท์ที่ลุงใช้ เขาจะเข้าใจอยู่คนเดียวหน่ะคุณไร้คม ลุงโดนด่ามาตั้งแต่พันพิษแล้วแหล่ะเรื่องนี้

 

พระอรหันต์ยังไม่ตาย
มีอายะตนะไหมคับ

 

เป็นวิบากกรรมจากการ
เขียนธรรมด้วยอักษรที่ผิดเพี้ยน
เขียนธรรมะให้คนอื่นงงคับ
คุณปวี

 

ที่คุณปฏิบัติแบบกระจายรูปนามออก ผมจะเรียกว่า คุณใช้ความคิดในการจินตนาการเอาจะได้ไหม

 

จินตนาการสำคัญความรู้นะอย่าว่าสายจินตนากาตะะเตือนใต55

 

ฮี้ ฮี้ ฮ๊้ ถ้า ติดตาม โซดาจางลาย มาตลอด

จะเห็นว่า อายตนะดับ ตั้งแต่ โสดาปฏิมรรค แล้ว ฮับ

พอเป็นโสดาปฏิมรรคนะ โอยย เดินในโลกไม่ได้เลย

7ก้าวไม่พ้น 7วันไม่พ้น 7เดือนไม่พ้น ...ยังไงก็
ไม่เกิน 7การได้มาซึ่งอายตนะ

ฮิววววววววววววววส์

 

อย่าไป ตำหนิจิต จิฮับ

สัญญามันเกิดนี่ ปฏิฆามันเกิดแน่ ตาโต กันทุกรูปนามแหละ

เว้นแต่จะเห็น เหตุตาโต ก็เพราะ ความต่าง
เว้นแต่จะรู้ปฏิปทา ตาเล็ก สัญญาไม่เสีย
เว้นแต่ มีหญ้า8กำนั่งมาตลอดทาง ญาญใหญ่

 

ผมถามว่าพระอรหันต์
ยังไม่ตายมีอายะตนะไหม
มีแค่สองคำตอบ คือ
พระอรหันต์ยังมีอายะตนะ
กับพระอรหันต์ไม่มีอานะตนะ
ถ้าตอบนอกเหนือไปจากนี้
รู้ชัดได้ทันทีว่าเห็นผิดหรือเห็นถูกคับ

 

มันอยู่ที่ขอบเขตความเห็นนะครับ

 

ไหนบอกสภาวะอายตนะดับในความหมายของลุงดิ เอาให้ละเอียดยิบเลยนะ จนเกิดสมุทเฉท แล้วอาการสมุทเฉทเป็นไง จิตมีความรู้สึกของไตรลักษณ์แท้ๆ ยังไง สังโยชน์ขาดตอนไหน แล้วความปกติจิตหลังสังโยชน์ขาดแล้วเป็นไง ..คนเก่งลองเล่าบอกหน่อยดิ

 

ก็เขียนบอกไปเนี่ยะ

อายตนะดับสนิท ต้องมี ตั้งแต่ โสดาปฏิมรรค บุคคลแล้ว

อรหันตไม่ต้องไปพูดถึงจิฮับ ยิ่งสนิท!!!

 

ฮี้ ฮ๊้ ฮี้ ฮี้

พุกกะพุง ทุกรูปนาม แม้นเป็น เดรัจฉาน อายตนะดับสนิท ฮับ

หากไม่ดับ ก็ไม่ชื่อว่าเป็น พุกกะพุง

นี่ ถ้าให้ ป๋มอธิบาย ป๋มก็ต้องกล่าวตาม สัจจ แบบนี้

แต่ถ้าเป็น สาวก ก็.........

 

อยาตนะดับ นิพพานหนะรึ

 

พระอรหันต์ที่ยังไม่ตาย
มีหู มีตา มีจมูก มีลิ้น ไหมคับ

 

(๑) อายตนะ ๖ คืออายตนะภายในหรือรูปภายในของสฬายตนะ
อันได้แก่ ๑. จักษุ (ตา) ๒. โสต (หู) ๓. ฆานะ (จมูก) ๔. ชิวหา (ลิ้น)
๕. กาย ๖. มนะ (ใจ)

เมื่อใดบุคคลรู้ชัดซึ่งอายตนะ ๖ เหตุเกิดแห่งอายตนะ ๖ ความดับแห่งอายตนะ ๖
และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอายตนะ ๖ แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ บุคคลชื่อว่า
เป็นสัมมาทิฏฐิ

ก็อายตนะ ๖ เหตุเกิดแห่งอายตนะ ๖ ความดับอายตนะ ๖ และ
ปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอายตนะ ๖ เป็นไฉน

อายตนะ ๖ ได้แก่ อายตนะ ๖ เหล่านี้ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เหตุเกิดแห่งอายตนะ ๖ ย่อมมี เพราะนามรูปเป็นเหตุให้เกิด ความดับ
อายตนะ ๖ ย่อมมี เพราะนามรูปดับ

อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แหละ คือ ความเห็นชอบ ดำริชอบ
เจรจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ
ความตั้งใจชอบ ชื่อว่าปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอายตนะ ๖

เมื่อใดบุคคลรู้ชัดซึ่งอายตนะ ๖ เหตุเกิดอายตนะ ๖ ความดับอายตนะ ๖
และปฏิปทาที่จะให้ถึงความดับอายตนะ ๖ อย่างนี้ เมื่อนั้นท่านละราคานุสัย
บรรเทาปฏิฆานุสัย ถอนทิฏฐานุสัย และมานานุสัย โดยประการทั้งปวง
ละอวิชชา ยังวิชชาให้เกิด ย่อมกระทำซึ่งที่สุดแห่งทุกข์ในปัจจุบันเทียว

แม้ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อริยสาวกชื่อว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นดำเนิน
ไปตรงแล้ว ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันแน่วแน่ในธรรม มาสู่พระสัทธรรมนี้


**************************

ตัดแปะ อนุโลม พอรับได้ ที่หาได้ ก็เท่านี้

จีๆ มีหลาย พระสูตร

 

ลุงบอกอาการอายตนะดับในความหมายลุงมาเลยจ่ะ
ไม่ต้องมาวน ไปพุทธภูมิไปโสดามรรค ไม่เข้าใจจ่ะ

ลุงเล่าเป็นฉากๆ มาเลย คนอื่นจะได้เคลียร์ด้วย

 

หนูพลอยบอกอายตนะดับเป็นแบบนี้

 

เห็นเถียงคอเป็นเอ็น ที่แท้ก็กะเดียดศัพท์ ธรรมตัดแปะนี่เอง