เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ถามหาไปงั้นแหละ..

ก็บอกอยู่ว่าเรามาเดี่ยวไปเดี่ยว มะเกี่ยวก๊ะคัยยยย

 

มาแล้วคน๊าบ
บายดีบ่อ!!

 

สบายดี...ท่านล่ะสบายดีมั๊ย

ท่านมีข่าวอะไรเพิ่มเติมเปล่า...เอามาเล่าสู่กันฟังมั่งสิ

 

ความลับ ความลับ บอกไม่ได้ อิอิ
ไปละ

 

เปิดบ้างนิดหน่อยก็ได้..

เอาแนวๆให้เดาให้คิดตามอะไรแบบนี้

 

ข่าวจากท่านกับท่านอาผิงใกล้เคียงความจริงที่สุดแล้ว..

ท่านปรารถนาโพธิญาณไม่ใช่หรอ...เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

 

หัวใจพระโพธิสัตว์..

จิตยิ้มอยากคุยเรื่องนี้จัง! แต่มันยากมากเลยนะ แต่..ใครทำได้ ใจผู้นั้นสุดยอดค่ะ....

แต่จิตยิ้มได้เรียนรู้จากคนอื่นค่ะ จึงได้รู้ว่า....ผู้ให้ที่แท้จริง คือ ผู้ให้พลังงานความรักแก่คนอื่นได้นั้น เป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ ดั่งพระพุทธเจ้าของเราค่ะ ถ้าเราได้อ่านพุทธประวัติ เราจะรู้ได้เลยว่า ...พระพุทธเจ้าเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง

สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า...

ถ้ามนุษย์เอาชนะความโกรธด้วยการไม่โกรธผู้อื่นได้
ถ้ามนุษย์เอาชนะความเกลียดด้วยการไม่เกลียดได้
ถ้ามนุษย์เอาชนะความเคียดแค้นด้วยการไม่เคียดแค้นได้

นั่นเท่ากับว่า มนุษย์จะต้องใช้พลังอำนาจด้านบวกที่มีอยู่แล้วภายในจิตใจตน ซึ่งรวมเรียกว่า ความรัก เข้าดับอารมณ์ด้านลบทั้งสามแบบลงนั้นได้อย่างราบคาบแน่นอน

ความรักในที่นี้อาจแสดงออกได้หลายช่องทาง เช่น อดทน อดกลั้น ให้อภัย ความเมตตา ความเวทนา และความสงสาร เป็นต้น

ถ้ามนุษย์ทั้งโลกนี้สามารถเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกสูงสุดได้ มันจะยังผลให้จิตสำนึกดาวเคราะห์โลกเกิดการสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดตามไปด้วย

แต่ถ้าโลกนี้มีมนุษย์จำนวนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกได้ มันก็จะยังผลให้ดาวเคราะห์โลกดวงนี้มีจิตสำนึกด้านบวกที่ตกต่ำแปรไปตามกัน

ในทำนองเดียวกัน ถ้ามนุษย์ทั้งโลกหรือที่เป็นส่วนใหญ่ของประชากรโลก นอกจากจะไม่สามารถเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองด้านบวกสูงสุดแล้ว ยังสั่นสะเทือนจิตสำนึกตนเองไปทางด้านลบอีกต่างหากด้วยนั้น มันจะยังผลให้ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เกิดการเสียสมดุลทางพลังงานด้านลบอย่างรุนแรง จนทำให้ระบบใหญ่ในจักรวาลสากลพากันเสียสมดุลตามไปด้วย แล้วในที่สุดทุกสรรพสิ่งก็จะมิอาจดำรงตนเองอยู่ร่วมกันอีกต่อไปได้ ซึ่งหมายถึง "หายนะภัย" เลยทีเดียว

การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของดาวเคราะห์โลกในมิติทางพลังงานได้อย่างไร?

หลักการคร่าว ๆ ก็คือ แรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของมนุษย์ จะก่อให้เกิดคลื่นพลังงานใหม่ ซึ่งเป็น คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าด้านบวก โดยจะถูกเหวี่ยงออกมาภายนอกรูปธรรมมนุษย์อย่างต่อเนื่อง และคลื่นพลังงานใหม่ด้านบวกนี่เองจะเข้าปฏิสัมพันธ์ทางไฟฟ้ากันกับแก่นแท้ของดาวเคราะห์โลกซึ่งอยู่ในใจกลางโลก นั่นคือ อ๊อกซิเจนเหลวที่เข้มข้นและบริสุทธิ์ 100 % ยังผลให้เกิดการระเบิดแตกตัวออกของอะตอมอ๊อกซิเจนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการนี้มีหลายสิ่ง แต่หนึ่งในนั้นคือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่จะถูกเหวี่ยงออกมาอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นสนามแม่เหล็กห่อหุ้มดาวเคราะห์โลกทั้งดวงไว้นั่นเอง

การยกตัวขึ้นของสนามแม่เหล็กโลกในแต่ละวินาที จะมีระดับความสูงไม่เท่ากันเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นกับจำนวนรูปธรรมมนุษย์ที่สามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกได้ในขณะนั้น และขึ้นกับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดที่มนุษย์ทั้งหลายจะสามารถเข้าถึงมันได้ในแต่ละวินาทีนั้น ๆ อีกด้วย ดังนั้นในแต่ละวินาทีที่ระดับความถี่ของสนามแม่เหล็กโลกยกตัวสูงขึ้น สูง ๆ ต่ำ ๆ ไม่เท่ากันนี่เอง จึงเป็นที่มาของคำว่า

การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกแห่งดาวเตราะห์โลก

สิ่งที่สำคัญที่มนุษย์จะต้องรู้ในลำดับถัดมาก็คือ ถ้าโลกนี้มีเพียงมนุษย์คนใดคนหนึ่งแต่พียงลำพังคนเดียว โดยไม่มีเพื่อนมนุษย์คนอื่น ๆ เป็นผู้หยิบยื่นเงื่อนไขให้แล้ว เงื่อนไขนั้นอาจเป็นเงื่อนไขด้านลบ หรือด้านบวกก็ได้เช่นกัน

แต่ถ้าจะให้เป็นเงื่อนไขที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงแล้ว มันควรเป็นเงื่อนไขด้านลบมากกว่า มันจะสามารถกระตุ้นให้มนุษย์สั่นสะเทือนด้านบวกได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเงื่อนไขด้านบวกนั่นเอง

ถ้าเราจะสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกสูงสุดระหว่างเงื่อนไขด้านบวกกับเงื่อนไขด้านลบ ดูเหมือนจะมีพลังอำนาจในการกระตุ้นหรือปลุกเร้าให้ตัวเราสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกด้านบวกได้มากกว่า มิเช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่สามารถเอาชนะอารมณ์รู้สึกด้านลบที่เกิดขึ้นจากการยั่วยุด้วยเงื่อนไขด้านลบของผู้อื่นได้เลย

เหตุเพราะกลไกการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของมนุษย์แต่ละคยนั้นตามปกติแล้ว จะต้องมีสิ่งแวดล้อม คือ สรรพสิ่งอื่นหรือผู้อื่นเป็นผู้หยิบยื่นเงื่อนไขให้เสมอ

จาการที่มนุษย์แต่ละคน เมื่อสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกให้แก่กันและกันแล้วมีผลต่อการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกของดาวเคราะห์โลกของตนในเวลาเดียวกันนี่เอง จึงสามารถที่จะกล่าวได้ว่า

มนุษย์แต่ละคน คือ "โลก" และโลกก็คือ "มนุษย์แต่ละคน" นั่นเอง

นี้แหละค่ะว่า ทำไมยุคใดสมัยใดที่จิตใจมนุษย์ตกต่ำ โลกจึงถูกทำลายด้วยภัยธรรมชาติ ตามที่พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ค่ะ

และทำไมการกำเนิดพระพุทธเจ้า จึงเป็นคุณต่อโลกและจักรวาลนะค่ะ

และที่สำคัญที่มีคำกล่าวว่า "หัวใจพระโพธิสัตว์" นั้นยิ่งใหญ่ ก็เพราะว่าเหตุ "เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก" นั้นก็ได้ค่ะ

"หัวใจพระโพธิสัตว์" นั้นยิ่งใหญ่จริง ๆ ค่ะ

 

ท่านลามปามศิษย์คลอง10...มีข่าวชัวร์ๆอย่างคนอื่นเขาบ้างเปล่าน่ะ..นอกจากโพสต์รูปกับใช้ภาษาไทยไม่ถูกอักขระแล้วท่านมีจุดเด่นอะไรอีกบ้าง

 

ความรักที่ว่านั่นคือเมตตาใหญ่..

 

เมื่อเห็นว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายต่างเป็นเพื่อนทุกข์...เมื่อเห็นว่าการไม่เบียดเบียนกันเป็นสิ่งที่พึงมี...นั้นแหละการสั่นสะเทือนด้านบวกจะมากขึ้นตามลำดับ

 

แผ่เมตตาออกไปแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล...ความบริสุทธิ์ของใจจะมีอานุภาพสามารถทำให้จิตวิญญาณอื่นๆได้รับความร่มเย็น

ท่านปรารถนาพุทธภูมิท่านก็ทำเลยสิ..

 

ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านใช้คำว่าการสั่นสะเทือน...นั่นก็เป็นสิ่งเดียวกันกับการเกิดดับของจิตสังขาร

มันเกิดขึ้นแล้วเกิดธรรมารมณ์เกิดวิญญาณเสร็จสรรพ...อยู่ที่ว่ามันจะเอนเอียงไปกุศลหรืออกุศล

กุศลก็คือการสั่นสะเทือนด้านบวก..

อกุศลก็คือการสั่นสะเทือนด้านลบ..

 

เราพอรู้แล้ว...ได้นิมิตเมื่อคืน

 

กุเษโม ปจฺจโย โสตํ

กุสลา ธมฺโม อกุศลา ธมฺเม
อพฺพยากตา ธมฺมา

 

ท่านลามปาม..เห็นห้องพิมพ์เขียวว่าของจริงของแท้ใกล้มาแล้วนี่...พวกเราทุกคนของปลอมก๊อปเกรดเอก็คงหมดหน้าที่แล้ว...อนาคตก็แยกย้ายทำมาหากิน

เราก็จะกลับไปทำมาหากินแล้ว...ช่วงนี้ก็อาจจะหาหน่อไม้,เก็บเห็ด...บ้านเราภูเขาเยอะ

 

อ้อ!!!ลืมบอกเมื่อคืนทางโลกทิพย์ฝากมาบอกพระโพธิสัตว์ทั้งหลายให้เร่งรีบโปรดสัตว์ด้วย

เขาบอกว่าให้ดึงฝ่ายสีเหลืองที่อยู่ในใจตัวเองออกมาใช้ให้มาก... "สีเหลือง" หมายความว่าอย่างไรก็แปลกันเอาเองนะ..